ตอนที่แล้ววันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0033
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปวันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0035

วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0034


บทที่ 13 ทนได้สามครั้ง ทนได้ตลอดไป (2)

* * *

“เดิมที ซอจีอาเป็นคู่ค้าส่วนตัวของฉันกับจีฮุน ตอนแรกก็ไม่ได้นิสัยแย่ขนาดนี้… แต่พอร่ำรวยก็เริ่มคุมตัวเองไม่อยู่ เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับเงินทองจนเกือบจะเป็นอาการทางจิตอยู่แล้ว”

“จนกระทั่งวันหนึ่ง เธอเริ่มทำธุรกิจกับเบื้องบนของ OWIC นับแต่นั้นมา พวกเราก็แค่ติดต่อกันผิวเผิน… แต่การติดต่อขาดหายไปตั้งแต่เมื่อวาน บางทีอาจเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น”

“อาจมีความขัดแย้งภายในแก๊งฮาวนด์ เรื่องแบบนี้สามารถเกิดขึ้นได้”

หลังจากเล่าทุกสิ่งที่เธอรู้เกี่ยวกับซอจีอา จินซอยอนลุกจากเก้าอี้

ฉันนั่งอ่านสมุดบันทึกพลางครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว

“เจ้ากำลังทำอะไร”

ลิลี่ผู้ซ่อนตัวโผล่หน้าออกมา

แน่นอนว่าไม่ได้อยู่ในชุดเดรส แต่เป็นชุดลุยป่า ย่างก้าวจึงเบากว่าปรกติมาก

น่าจะหามาให้เธอใส่เร็วกว่านี้

“ใช้ความคิด”

“เรื่องนั้นรู้อยู่แล้ว แต่ข้าถามว่าเจ้ากำลังอ่านหนังสืออะไร?”

“บันทึก”

“บันทึก? ไดอารี?”

“สมัยที่ยังเอาตัวรอดในป่า ฉันเคยบันทึกทุกสิ่งลงสมุดเล่มนี้ทุกวัน เพื่อที่จะได้ไม่กลายเป็นบ้า”

“หืม…”

ลิลี่โผล่หน้ามาข้างๆ ด้วยความสนอกสนใจ

“ภาษาอะไร?”

เมื่อเห็นอีกฝ่ายขมวดคิ้ว ฉันมั่นใจทันทีว่าแม้ลิลี่จะเข้าใจคำพูด แต่ดูเหมือนจะอ่านไม่ออก

“ทำไมถึงต้องตั้งใจอ่าน? สีหน้าดูเคร่งเครียดเกินกว่าจะระลึกความหลัง”

“กำลังเรียนอยู่”

“อ้อ…”

ลิลี่อ้าปากค้างเล็กน้อย ดวงตาเบิกกว้างพลางจ้องเข้ามาในตาฉัน

จริงๆ ในช่วงที่ผ่านมาก็ใกล้ชิดกันแทบตลอดเวลา แต่พออีกฝ่ายทำสีหน้าแบบนี้ ฉันกลับรู้สึกกดดันโดยไม่ทราบสาเหตุ

“มีอะไรผิดปรกติ? ทำไมจู่ๆ เธอถึง…”

“เจ้าเรียนหนังสือกับเขาด้วยหรือ?”

ขณะกล่าว ลิลี่นั่งลงด้วยสีหน้าตรงกันข้ามกับในโบราณสถาน

ได้อิทธิพลมาจากชาโซฮีหรือไง?

“…ข้าล้อเล่นน่ะ”

“ใครจะไปรู้ว่าเธอล้อเล่น หน้าแข็งยังกับหินแบบนี้”

อีกฝ่ายกล่าวโดยไม่แม้แต่จะยิ้ม มอบความรู้สึกพิลึกจนยากจะอธิบาย

แต่ที่เธอพูดมาก็ไม่ผิดนัก

“ฉันจำภาษารูนที่เคยเห็นได้ไม่หมด”

เมื่อเวลาผ่านไป มนุษย์มักหลงลืมวิชาที่ไม่ได้ใช้งานบ่อย

เพราะฉะนั้น สมุดบันทึกจึงสำคัญกับฉันมาก

มันกำลังทำหน้าที่เหมือนกับฉมวกแทงปลา ที่ค่อยดึงประสบการณ์อันล้ำค่ากลับเข้าหาตัว

แปะ!

ฉันปิดสมุดบันทึก หลับตาลงและตั้งสมาธิ

มีบางเหตุผลทำให้ฉันไม่เคยใช้ภาษารูนที่เพิ่งทบทวนจบไปเมื่อครู่

สมัยยังดิ้นรนเอาชีวิตรอดในต่างโลก สภาพจิตใจของฉันไม่สมบูรณ์นัก อีกทั้งร่างกายก็ยังขาดสารอาหาร จึงไม่สามารถทนต่ออำนาจของภาษารูนดังกล่าว

เสียงหายใจของลิลี่เริ่มเบาลง บอกเป็นนัยว่าเธอรักษาระยะห่างกับฉัน เพื่อระวังไม่ให้รบกวนสมาธิ

เสียงหนึ่งถูกเปล่งแผ่วเบา

“ธาม-ทัตซาTham-tatha”

ฉันรู้สึกวิงเวียนศีรษะทันที จำเป็นต้องกัดฟันแน่น

มันไม่ใช่ความเจ็บปวด

เพียงแต่

เสียงความเคลื่อนไหวอันน้อยนิดของตั๊กแตน, เสียงลมพัด, และเสียงหัวใจของลิลี่ที่กำลังเต้น ทุกสิ่งประดังเข้ามาพร้อมกัน

ในสภาพหลับตาฉัน มองเห็นทิวทัศน์ของใบไม้ขนาดยักษ์

ฉันสัมผัสถึงความแข็งและหยาบกร้านของเนื้อไม้ใต้เปลือก

ประสาทสัมผัสหลายพันชนิดกำลังพรั่งพรูเข้ามาในพริบตา

“อึก…”

ฉันตัดสินใจลืมตาเพราะทนไม่ไหว ส่งผลให้อิทธิพลของภาษารูนจบลง

ลิลี่ยังคงเฝ้ามองอย่างเงียบงันจากด้านข้าง

“เจ้าเรียนธาม-ทัตซามาจากไหน?”

“เธอรู้จักหรือ”

“มันเป็นภาษารูนของพวกโหราจารย์”

ช่างน่าขัน นี่คือภาษารูนแรกที่ฉันเรียนสำเร็จ

แต่ต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะเข้าใจสรรพคุณของมันอย่างถ่องแท้

พลังที่แท้จริงซึ่งฉันค้นพบในภายหลังก็คือ:

“ภาษารูนที่หยิบยืมประสาทสัมผัสของทุกสิ่งมีชีวิตในละแวกใกล้เคียง ยกเว้นสิ่งมีชีวิตทรงปัญญา”

ปัญหาก็คือ ไม่สามารถเลือกสิ่งที่ต้องการรับอย่างเฉพาะเจาะจงได้ ทั้งหมดจะหลั่งไหลเข้ามาในคราวเดียว

สัตว์และพืชนานาชนิดนับพันโดยรอบ

ประสาทสัมผัสที่มาจากดวงตานับพัน โสตประสาทนับพัน และนาสิกประสาทนับพัน จะผสมปนเปจนไม่สามารถแยกได้ว่าอะไรเป็นอะไร

—เมื่อก่อนเคยคิดแบบนั้น ก็เลยไม่กล้าใช้งานอีกเลย

“…สมัยยังอาศัยในป่า ฉันพยายามหลีกเลี่ยงการสร้างภาระให้กับร่างกาย เพราะหากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นระหว่างนั้น จะมัวเสียใจภายหลังก็คงไม่ทันแล้ว”

แต่ไม่ใช่กับปัจจุบัน เมื่อได้กลับโลก ฉันก็หลุดพ้นจากการถูกคุกคามชีวิต

เมื่อจิตใจอยู่ในสภาพสมบูรณ์สุดขีด ฉันเชื่อว่าตัวเองมีศักยภาพเพียงพอที่จะรับมือกับความยากลำบาก

หลับตาลงอีกครั้ง

“ธาม-ทัตซา Tham-tatha”

ประสาทสัมผัสนับพันหลั่งไหลเข้ามา

ฉันค่อยๆ กำจัดทิ้งทีละอย่าง จนกระทั่งเหลือแค่สิ่งที่ต้องการ

ทยอยฝังประสาทสัมผัสส่วนเกินลงไปในจิตใต้สำนึก เหมือนกับพระสงฆ์ที่กำลังเจริญสติ

ทันใดนั้น

“ลิลี่”

“หือ…”

“มีแมลงอยู่บนไหล่เธอ”

“อ๊ะ! อี๋!”

เมื่อลิลี่สะดุ้งปัดแมลง ภาพการมองเห็นของฉันพลันสั่นสะเทือนและร่วงหล่นลงพื้น

ประสาทสัมผัสของแมลงกลายเป็นของฉัน

ตอนนี้ฉันสามารถคัดกรองให้เหลือแค่ประสาทสัมผัสที่ต้องการได้แล้ว

ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

หากละทิ้งความกลัว มนุษย์สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองได้เสมอ

“เท่านี้คงพอ”

ฉันลุกขึ้นและเดินทางกลับโลก

* * *

“คังซอนฮู! ไม่เจอกันนาน~”

ชาโซฮีโบกมือพลางวิ่งมาหาฉันจากไกลๆ

ฉันเรียกให้เธอมารับที่สถานีประตูมิติ ซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนและร้านค้า

ฉันยกแขนขึ้นข้างหนึ่งพลางโบกมือส่งๆ

เนื่องจากสมาธิกำลังจดจ่ออยู่กับหน้าจอโทรศัพท์

“อะไรกัน? ทำไมถึงทักทายไม่จริงใจเลย? ทำใหม่เดี๋ยวนี้! หือ…?”

ชาโซฮีที่เดินเข้ามาใกล้ บังเอิญเหลือบไปเห็นหน้าจอโทรศัพท์ของฉัน

เสียงหายใจ ‘เฮือก’ ดังขึ้นทันที

“น…นายไปทำอะไรมา?”

<ยอดเงินคงเหลือ: 241,294,102 วอน>

ฉันเพิ่งเจรจากับจองจีฮุนไปได้ไม่นาน จึงลองเช็กยอดเงินโดยไม่ได้คาดหวัง ไม่คิดว่าจะโอนเข้ามาแล้วจริงๆ

ตัวเลขอันน่าเหลือเชื่อ ตัวเลขที่ฉันไม่เคยจินตนาการมาก่อนว่าจะมีอยู่ในบัญชีตัวเอง

“…ไม่รู้เหมือนกัน อยู่ดีๆ ก็ได้มา”

“อยู่ดีๆ ก็ได้มา? อย่าเหลวไหลน่า… แต่พูดตามตรงนะ ฉันไม่แปลกใจเลยสักนิด”

“ไม่แปลกใจ?”

“ฉันเดาได้ว่านายต้องทำเงินมหาศาล… นายอาจไม่รู้ แต่ระยะหลัง ในแวดวงคนทำงานต่างโลกมีแต่ข่าวลือเกี่ยวกับนาย”

ฉันไม่เคยรู้มาก่อน เพิ่งได้ยินจากปากชาโซฮีครั้งแรก

มีชุมชนในโลกอินเทอร์เน็ตที่คนทำงานในต่างโลกใช้แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร และชื่อของคังซอนฮูก็ถูกกล่าวถึงบ่อยในระยะหลัง

“มีฮาวนด์ไม่น้อยอิจฉานาย ระวังตัวไว้ด้วย”

“ระวังตัว?”

“พวกฮาวนด์โด่งดังด้านการทำเรื่องบ้าๆ พวกมันยอมทำทุกอย่างถ้ากำลังจะสูญเสียธุรกิจของตัวเอง”

นี่มันยุคกำลังภายในหรือไง? ทำตามอำเภอใจแบบนี้ก็ได้? แล้วกฎหมายล่ะ? ตำรวจ?

นั่นคือคำถามที่ผุดขึ้น

“นับตั้งแต่กลับโลก ฉันรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ให้ความสนใจกับโลกมากเท่าที่ควร… ก็เลยเรียกเธอมาขอข้อมูล”

“นับตั้งแต่กลับโลก? ฮะฮะ! นายเข้าใจผิดแล้ว”

ชาโซฮีตบบ่าของฉันพลางหัวเราะร่วน

“นายเป็นเด็กไม่สนโลกมาตั้งแต่ม.ต้นแล้วต่างหาก ฉันไม่เคยคิดเลยว่าไอเด็กเวรคนนั้น จะเอานิสัยเดิมติดตัวไปยันตอนโต”

“…ความจำดีจังนะ”

ชาโซฮีหัวเราะคิกคักสักพัก จากนั้นก็ดึงคอเสื้อฉัน

“ไปคาเฟ่กัน อยากพาไปนานแล้ว กะว่ารอให้กลับโซลมาก่อน… จริงสิ เสื้อผ้าชุดนี้พ่อทำให้สินะ ชอบไหม?”

ระหว่างทางไปคาเฟ่ พวกเราคุยสัพเพเหระ

หลังจากการสนทนาจิปาถะจบลง ฉันถามหนึ่งเรื่อง

“พวกฮาวนด์ชอบสร้างปัญหา?”

“…”

ผิดคาด ชาโซฮีไม่ตอบทันที

เธอเป็นพวกเก็บความรู้สึกไม่เก่ง แต่หลังจากใช้ชีวิตในสังคมมาสักระยะ เธอเริ่มรู้จักการปกปิดอารมณ์

แต่ช่างย้อนแย้ง การฝืนปกปิดเท่ากับการฝืนธรรมชาติ ส่งผลให้ยิ่งแสดงออกชัดเจนทางสีหน้า

“…อาจไม่ใช่ฮาวนด์ทุกคน แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่เป็นแบบนั้น อันที่จริง หลังจากประตูมิติเปิดออก ระดับความปลอดภัยในกรุงโซลก็ตกต่ำลงอย่างมาก”

“ทำไมต้องโซล?”

“ต่อให้ทำเรื่องระยำไว้ในกรุงโซล แต่แค่หนีไปต่างโลกก็จบ เพราะการตามจับฮาวนด์ในต่างโลกไม่ใช่เรื่องง่าย… คุณพ่ออาจไม่เคยพูดออกมาตรงๆ ก็จริง แต่ฉันรู้ว่าเขาแอบจ่ายค่าคุ้มครองให้ฮาวนด์”

“…ขนาดนั้นเชียว”

“ในเมืองอาจไม่เลวร้าย แต่ในย่านการค้ารอบนอกล้วนเป็นแบบนั้นทั้งหมด”

พอจะเข้าใจสถานการณ์แล้ว จินซอยอนก็เล่าในทำนองเดียวกัน

“…แต่ OWIC บอกว่าจะไม่ปล่อยให้ฮาวนด์เพ่นพ่าน”

“นั่นก็ใช่ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาแปลกมาก เดี๋ยวทะเลาะเดี๋ยวค้าขาย เบื้องหลังคงเหมือนแอปเปิลกับซัมซุง”

เมื่อได้ฟังเรื่องราวเบื้องต้น ฉันลุกจากเก้าอี้ทันที

“หือ? จะไปแล้ว?”

“วันนี้ฉันน่าจะงานยุ่ง”

พูดจบ ฉันนำเข็มทิศสีทองออกจากด้านในกระเป๋าเสื้อ

เมื่อเปิดฝา เข็มบอกทิศกำลังสั่นรุนแรงยิ่งกว่าหน้าสถานีประตูมิติ

หมายความว่าฉันอยู่ใกล้เป้าหมายมากกว่าเดิม

อาศัยการคาดเดาและโชคเล็กน้อย เพียงไม่นานก็หาพบ

ปลายทางของเข็มทิศคือย่านจัมชิล

หลังจากถึงจัมชิล ฉันเดินเท้าอีกประมาณหนึ่งชั่วโมง

“…หมุนแล้ว”

เข็มหมุนรอบหน้าปัด

นึกถึงคำที่ลิลี่บอก เมื่อเข้าใกล้เป้าหมายถึงระดับหนึ่ง เข็มจะไม่ชี้ต่อ

แต่ฉันยังมีอีกหนึ่งไพ่เด็ด

ในเขตปลอดคนซึ่งยังไม่เจริญในย่านจัมชิล

หลังจากยืนยันว่าไม่มีใคร ฉันเหยียดแขนออกไปพร้อมกับเปล่งเสียง

“มาคาร์ม่า ทูมาร์ค เดอโมห์ส marlkaama to marlk de mohs”

— กลายเป็นไฟและไล่ตามมาร์ค

อักษรรูนมาร์คmarlkที่สลักไว้บนสีข้างซอจีอา

สามารถระบุเป้าหมายได้แม่นยำยิ่งกว่าเข็มทิศ

ฉันมองตามแสงโมห์สลอยไปบนถนนที่เสาไฟยังไม่สว่าง จากนั้นก็เดินตามไป

ปลายทางคืออาคารเก่าสี่ชั้นที่สร้างบนสันเขา อยู่ห่างไกลใจกลางเมืองค่อนข้างมาก

ฉันเอนหลังพิงกำแพงตึกผุกร่อนพลางพึมพำ

“ธาม-ทัตซาTham-tatha”

ประสาทสัมผัสของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดหลั่งไหลเข้ามาในตัวทันที

ตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออก

ตัดแล้ว ตัดอีก

“แฮ่ก… แฮ่ก…”

จนกระทั่งได้ยินเสียงที่คุ้นเคย

“ฉันค้นตัวหล่อนจนทั่วแล้ว… ชิ”

“แล้วเราจะทำยังไงกับคังซอนฮู?”

* * *

สามทุ่ม

ในสัปดาห์นี้จะมีสามวันที่ต่างโลกกับโลกมนุษย์ มีช่วงเวลากลางคืนตรงกัน

ห้องวิเคราะห์บูรณาการยังคงทำงานล่วงเวลากันเป็นปรกติ ในระยะหลังมีเหตุการณ์เกิดขึ้นในเบสแคมป์บ่อยครั้ง และนั่นคือข้อมูลที่หน่วยข่าวกรองต้องไปรวบรวม

จองจีฮุน หัวหน้าทีมข่าวกรองที่หนึ่ง ได้รับสายจากคังซอนฮูและเตรียมออกเดินทาง

「มาหาผมที่สำนักงานหน่อย」

ตามปรกติแล้วคังซอนฮูจะไม่อ้อมค้อม หากต้องการสิ่งใดก็จะเข้าประเด็นทันที

แต่หนนี้มีบางสิ่งต่างออกไป อีกฝ่ายแค่เรียกให้ไปหา

อาศัยไหวพริบ จองจีฮุนทราบทันทีว่าการนัดพบในครั้งนี้ไม่ปรกติ

มันผ่านประตูมิติและกัดฟันทนแรงปะทะของพิษในต่างโลก ก่อนจะออกจากเบสแคมป์ทันที

สำนักงานของคังซอนฮู อยู่ไกลจากกำแพงรอบนอกสุดของเบสแคมป์ประมาณสิบนาทีเดินเท้า

เปล่าเปลี่ยวเดียวดายอย่างยิ่ง ไม่ต้องสงสัยเลยว่า การอาศัยอยู่ที่นี่ไม่มีความปลอดภัย

หากใครกล้าสร้างสำนักงานแถวนี้ ก็รับประกันได้เลยว่ามีฝีมือ

มันครุ่นคิดหลายสิ่งจนกระทั่งเดินมาถึง

แกร่ก!

สำนักงานค่อนข้างมืด ตะเกียงที่ยังสว่างอยู่เพียงดวงเดียวถูกแขนไว้บนโต๊ะทำงาน ซึ่งคังซอนฮูกำลังนั่งก้มหน้าทำบางสิ่ง

เมื่อเห็นเงาแกว่งไกว จองจีฮุนลดเสียงลง

“เช็กยอดเงินหรือยังครับ”

คังซอนฮูพยักหน้า

“ขอโทษที่ต้องเรียกมา”

“ไม่ครับ ยังไงนี่ก็เป็นงาน กลับกัน ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง… ว่าแต่รอบนี้มีอะไรหรือครับ?”

“วันนี้ฉันแวะไปเที่ยวโซลมา”

“ใช่ครับ คุณโทรหาผมจากโซล”

“ระหว่างกำลังเที่ยว ฉันบังเอิญได้ยินฮาวนด์คุยกัน”

ไปเที่ยวโซลเพื่อพักผ่อน แต่บังเอิญได้ยินฮาวนด์คุยกัน?

เป็นไปได้ด้วยหรือ?

ฮาวนด์ไม่เคยคุยเรื่องงานในที่โล่ง เพราะข้อมูลล้วนเชื่อมโยงกับรายได้ จึงมีแนวโน้มที่จะสนทนาในห้องปิดมากกว่า

หรือจะได้ยินพวกฮาวนด์คุยโม้ต่อหน้าคนอื่น?

ขณะจองจีฮุนครุ่นคิด คังซอนฮูเปิดปาก

ชายหนุ่มเล่าเรื่องที่ได้ฟังจากฮาวนด์ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

— ซอจีอา นังนี่อึดกว่าที่คิด

โล่งอกไปที ถ้าหล่อนตายตอนนี้ พวกเราได้ซวยกันหมดแน่ ยังไงเดี๋ยวก็ได้ตายอยู่แล้ว ไม่ต้องรีบร้อน

แล้วจะทำยังไงกับคังซอนฮูดี?

ได้ยินมาว่า ไอ้เวรนั่นทำเงินก้อนโตได้จากทางใต้ และนังแวมไพร์นั่นก็เอาแต่ตัวติดแจ

เลือดของแวมไพร์แพงมาก

เลิกคิดเรื่องจับเป็น แล้วเอาแต่เลือดมาขายดีกว่า

— แล้วคังซอนฮูล่ะ?

ฆ่ามันด้วย ไม่ต้องสนอะไรแล้ว คิดว่ากำลังทำงานให้ซอจีอาอยู่รึไง?

เนื้อหาค่อนข้างน่าตกตะลึง

ไปได้ยินมาจากไหนเนี่ย?

ยังไม่ทันที่จองจีฮุนจะวิเคราะห์ คังซอนฮูเปิดปากพูด

“…ฉันอดทนมาสามครั้งแล้ว… ยูทูเบอร์ แวมไพร์ แล้วก็การลอบจู่โจมตอนกลางคืน… ตามปรกติแล้ว เวลาเจอคนแปลกหน้าครั้งแรกก็ควรมีมารยาทต่อกันใช่ไหม? ฉันเป็นหน้าใหม่ในต่างโลก จึงพยายามเคารพกฎอย่างเต็มที่ แต่ว่า…”

คังซอนฮูหยิบลูกศรใส่กระเป๋า

“ฮาวนด์จะฆ่าฉันอีกแล้ว… ครั้งที่สี่แล้วนะ ดูเหมือนว่าฉันเป็นฝ่ายเดียวที่พยายามรักษากฎ”

“…”

“ฉันได้ยินมาว่า OWIC อยู่เหนือกฎหมาย แถมยังมีเส้นสายใหญ่ในรัฐบาล”

“…ไม่ปฏิเสธครับ ผมสัญญากับคุณคังซอนฮูแล้วว่า จะตอบทุกเรื่องอย่างตรงไปตรงมา”

จองจีฮุนพยักหน้าหนักแน่นเพื่อยืนกรานคำมั่นสัญญา

“ธุรกิจต่างโลกมักมีเอี่ยวกับงานสกปรกเสมอ แทบทุกบริษัทล้วนเป็นเช่นนี้ กับเราก็ไม่มีข้อยกเว้น”

“ถ้าอย่างนั้น ช่วยอะไรฉันหน่อย”

ในเวลาเดียวกัน มันเห็นคังซอนฮูยกมีด

มีดล่าสัตว์เล่มที่ใช้ฆ่าปรสิต

จองจีฮุนเริ่มจะเดาได้ว่า คังซอนฮูต้องการขอร้องในเรื่องใด

“คืนนี้… ฉันจะอยู่ที่กระท่อมหลังนี้”

“…”

“จะไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นในย่านจัมชิล”

ในกระเป๋าของคังซอนฮู ของมีคมจำนวนมากกำลังสะท้อนแสงตะเกียง

“นายทำได้ใช่ไหม”

พรืด!

เสียงรูดซิปกระเป๋าดังขึ้น คังซอนฮูคาบบุหรี่ที่จองจีฮุนไม่เคยเห็นมาก่อน

“…ผมขอเตรียมข้อแก้ต่างให้คุณก่อน… อย่างน้อยก็ต้องมีเหตุผลที่คุณยังอยู่ในต่างโลก ช่วยคิดให้ผมได้ไหม?”

คังซอนฮูนำนิ้วแตะปลายบุหรี่ คล้ายกับท่ายกไฟแช็ก

“ล่า”

ฟุ่บ!

จองจีฮุนเวียนหัวทันที

และเมื่อการมองเห็นกลับเป็นปรกติ คังซอนฮูได้อันตรธานหายไปแล้ว

______________________

ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร พุธ เสาร์ และอาทิตย์

ติดตามผลงานของผู้แปล และนิยายทุกตอนได้ที่เพจเฟสบุค:

https://www.facebook.com/bjknovel/

หรือพิมพ์ค้นหา: bjknovel

5 1 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด