ตอนที่แล้วEp.138 - ชักชวนร่วมสงคราม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.140 - การจู่โจมที่คาดไม่ถึง

Ep.139 - แนวป้องกันทะเลสาบ


3/4

Ep.139 - แนวป้องกันทะเลสาบ

ทางตะวันตกของเมืองเจียงเฉิง นอกถนนวงแหวนรอบที่สาม

นี่คือสถานที่ที่เรียกกันว่าทะเลสาบซิงโกว

เป็นหนึ่งในสถานที่รุกรานสำคัญของกองทัพมอนสเตอร์ ทั้งยังเป็นสถานที่ที่สกายเน็ตทุ่มกำลังสร้างปราการ

แนวป้องกันยาวถูกสร้างขึ้นที่นี่ และมีป้อมประจำการอยู่ทั้งสิ้น 6 ป้อม โดยแต่ละป้อมมีคนจากหลายทีมคอยเฝ้า เพื่อให้แน่ใจว่ามอนสเตอร์ทั้งหมดจะถูกขัดขวาง

โรงงานชิ้นส่วนรถยนต์ถูกจัดตั้งเป็นสถานที่รวมตัวของหนึ่งในป้อมประจำการ มันถูกทิ้งร้างหลังจากการมาเยือนของโลกวิญญาณ แต่ตอนนี้ได้รับการปรับปรุงและเสริมกำแพง ใช้เป็นที่พักพิงได้

ด้านนอกคือเขตชานเมืองของเจียงเฉิง เป็นทุ่งนากว้างใหญ่และแบนราบ พืชโลกวิญญาณกระจุกตัวหนาแน่น ยาวสูงเลยหัวผู้ชาย

โรงงานแห่งนี้เพียงแห่งเดียว ประจำการด้วยพลรบติดอาวุธของสกายเน็ต 4 - 5 ร้อยนาย

นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งปืนกลหนัก ปืนครก รวมไปถึงแจกจ่ายระเบิดมือ บาซูก้า เครื่องพ่นไฟ ฯลฯ

อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์เครื่องจักรกลหนักอย่างเครื่องบินและรถถังไม่สามารถนำมาใช้งานได้

กองทัพมอนสเตอร์มีราวๆ 200,000 ตัว ส่วนใหญ่แล้วมีเลเวลอยู่ที่ 3-5

เจียงเฉิงมีประชากร 10 ล้านคน ถ้าเทียบด้านจำนวนแล้วยังไม่มากพอให้พวกมอนสเตอร์สามารถเข้ายึดเมืองได้

ยังไงก็ตาม เรื่องสงครามไม่ใช่สิ่งที่สามารถเอาจำนวนเพียงอย่างเดียวเข้าเทียบได้

แม้ฝ่ายมอนสเตอร์มีไม่มากนัก แต่ทุกสายพันธุ์ล้วนดุร้าย พวกมันก้าวร้าวและโจมตีก่อน นอกจากนี้ยังมีความสามารถอันหลากหลาย

แม้มนุษย์จะมีประชากรมากกว่า แต่ส่วนใหญ่เป็นแค่เลเวล 2 ประสบการณ์การต่อสู้ก็ไม่เพียงพอ นอกจากนี้ยังยากที่จะระดมพลในช่วงเวลาสั้น ๆ

มอนสเตอร์ 200,000 ตัวจะไม่ถึงขั้นทำให้เกิดวิกฤตการทำลายล้างก็จริง แต่นั่นมากพอแล้วที่จะสร้างแรงกดดันมหาศาลในการป้องกันเจียงเฉิง

เมื่อแนวรับแห่งใดแห่งหนึ่งถูกทำลาย พลเมืองเจียงเฉิงต้องทนทุกข์ทรมาน ได้รับบาดเจ็บสาหัสกันถ้วนหน้าแน่นอน

การขาดแคลนกองกําลังในเจียงเฉิงก็เป็นจุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่เช่นกัน

อย่างที่ประชาชนชาวจีนทุกคนทราบ มีภูมิภาคสำคัญทางทหารอยู่เจ็ดแห่งในประเทศจีน : เขตทหารเหยียนจิง, เขตทหารเฟิงเทียน, เขตทหารจี๋เฉิง , เขตการทหารจิ้นหลิง, เขตการทหารหัวเฉิง, เขตการทหารหรงเฉิง และเขตทหารจินเฉิง

เขตทหารทั้งเจ็ดแห่งเป็นอิสระจากกัน ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกันและกัน

แต่ละเขตมีทหารบกประจำการเป็นล้านนาย นอกจากนี้ยังมีทหารเรือและทหารอากาศรวมๆกันอีกกว่า 2 ล้านนาย

หากหยานจิงหรือจิ้นหลิงถูกโจมตี ค่ายทหารที่อยู่บริเวณใกล้เคียงจะสามารถส่งบุคลากรมาเติมได้ทันที

ทว่าเมืองเจียงเฉิงอยูภายใต้การดูแลของเขคทหารหัวเฉิง และกองกำลังหลักของหัวเฉิง ทั้งหมดประจำการอยู่ในมณฑลกวางตุ้งมาหลายชั่วอายุคนแล้ว

น้ำที่อยู่ไกลไม่อาจดับไฟในบริเวณใกล้เคียงได้  อย่างมากที่สุดช่วยระดมกองกำลังจากบางจังหวัดเท่านั้น

แต่ปัญหาก็คือ การรุกรานจากโลกวิญญาณไม่ได้เกิดขึ้นแค่เฉพาะบางเมืองหรือบางสถานที่ มันครอบคลุมทั้งประเทศ หรือแม้กระทั่งทั่วโลก!

สถานการณ์เช่นเดียวกันเกิดขึ้นในทุกๆเมือง จะที่ไหนก็อยู่ในสภาวะเลวร้าย ขณะที่กองกำลังทหารมีจำกัด

ทางกองทัพจึงไม่สามารถให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่แก่เจียงเฉิงได้

พลรบเมืองเจียงเฉิง และสกายเน็ตส่วนใหญ่จึงมาจากสี่แห่ง แห่งแรกถูกโอนผ่านจากทางจังหวัด

แห่งที่สองมาจากกรมตำรวจ หน่วยดับเพลิง และฝ่ายรักษาความปลอดภัยสาธารณะ

แห่งที่สามมาจากทางนักศึกษา และพวกนักเรียนทหารตำรวจ

แห่งที่สี่คือบุคลสาธารณะที่ได้รับการคัดเลือกจากรัฐบาล

สกายเน็ตเริ่มขยายการรับสมัครไปยังประชากรพลเรือน แต่ในช่วงเวลาสั้น ๆ เช่นนี้ การฝึกอบรมบุคลากรสายเกินไป

ตอนนี้สถานการณ์ทั้งหมดอยู่ในสภาวะที่ขาดแคลนทั้งบุคลากรและอุปกรณ์ เมื่อต้องเผชิญกับความท้าทายอันยิ่งใหญ่ ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดการยืดเยื้อและนำไปสู่การยอมปิดตาข้างหนึ่ง นำมาซึ่งการร่วมมือกับองค์กรภาคเอกชนอย่างสมาคมโลกวิญญาณ

...

ณ ศูนย์บัญชาการของแนวป้องกันทะเลสาบซิงโกว

ชายวัยสามสิบปีคนหนึ่ง แผ่นหลังตรง ใบหน้าเด็ดเดี่ยว ตาเหมือนอินทรี กำลังหารือกลยุทธ์การป้องกันกับลูกน้องของเขา ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น เป็นหัวหน้าของแนวป้องกัน

ลั่วหยวนเจิ้ง -- หัวหน้ากองพลน้อยที่หนึ่งของสกายเน็ต

สกายเน็ตสาขาเจียงเฉิงมีทั้งหมดสามกองพล ในหนึ่งกองพลมีสมาชิกเต็มที่ 1,000 คน สองหัวหน้าหน่วย และสิบหัวหน้าทีม

นอกจากนี้ก็เป็นกำลังพลสำรองอีก 2-3 พันคนที่ไม่ถูกนับรวมอยู่ในสมาชิก

นี่คือพลังรบทั้งหมดของสกายเน็ตสาขาเจียงเฉิง

แม้ต้องเผชิญหน้ากับการรุกรานครั้งใหญ่และยังดูเก้ๆกังๆอยู่บ้าง แต่เมื่อเทียบกับกองกำลังพลเรือนอื่นๆแล้ว ในแง่ของขนาด พวกเขามีข้อได้เปรียบชัดเจน เพราะยังไงซะก็มีทางการคอยหนุนหลัง

หัวหน้าหน่วยหวงเหยียนเดินเข้ามา กระซิบว่า “หัวหน้ากองลั่ว คนของสมาคมโลกวิญญาณมาถึงแล้ว”

ลั่วหยวนเจิ้งเดินออกจากห้องบัญชาการ เขาพบว่ามีรถโดยสารหลายคันจอดอยู่หน้าโรงงาน

และพลรบของสมาคมโลกวิญญาณ กำลังยืนรวมกลุ่มกันในลานโล่งๆ ประมาณ 80 - 90 คน

หัวหน้าของพวกเขาเป็นสาวสวย

แต่หญิงสาวผู้นี้มิใช่แจกันประดับ ภายในสมาคมโลกวิญญาณ เธอถือเป็นสมาชิกที่พิเศษคนหนึ่ง

ลั่วหยวนเจิ้งสังเกตเห็น ว่าที่ตัวติดกับเธอเป็นสิ่งมีชีวิตที่ดูสะดุดตาเป็นพิเศษ มันคือ มนุษย์ปลาหน้าตาขี้เหร่ ร่างสูงใหญ่ ถือหอกก้างปลาไว้ในมือทั้งสองข้าง

--มนุษย์ปลานักล่า มอนสเตอร์ชั้นยอดเลเวล 3!

นี่เธอสามารถควบคุมชนมอนสเตอร์ชั้นยอดเลเวล 3 ได้งั้นหรือ?

ในบรรดาหัวหน้าทีมภายในกองพลน้อยของเขา เกรงว่าจะไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้กับเธอได้

“สวัสดีหัวหน้ากองลั่ว ฉันชื่อซูหยุนปิงจากสมาคมโลกวิญญาณ”

“คุณพาคนมาน้อยไป!” ไม่รอให้หัวหน้ากองลั่วตอบ หัวหน้าหน่วยหวงเหยียนแสดงท่าทีไม่พอใจ เขาเอ่ยหยาบคายออกมาโต้งๆ “ด้วยพลรบที่คุณมี มันไม่ได้ช่วยอะไรในการต่อสู้เลย ไม่พอที่จะใช้อุดร่องฟันของพวกมอนสเตอร์ด้วยซ้ำ!”

“สมาคมโลกวิญญาณต้องสนับสนุนจุดป้องกันหลายแห่งในเวลาเดียวกันคนก็เลยไม่พอ และถึงแม้จำนวนคนอาจไม่มาก แต่ทุกคนคือยอดฝีมือจากหนึ่งในร้อย คุณวางใจฝากภารกิจป้องกันไว้กับพวกเขาได้”

ซูหยุนปิงกล่าวเสริม “นอกจากนี้ นี่แค่ชุดแรกเท่านั้น จะมีตามมาอีก คราวนี้ฉันได้เชิญปรมาจารย์ทรงพลังมากๆมาด้วย เขาต้องมีส่วนช่วยพวกเราได้แน่ๆ”

“ปรมาจารย์? ในสมาคมโลกวิญญาณมีปรมาจารย์กับเขาด้วยเรอะ” หัวหน้าหน่วยหวงเหยียนดูเหมือนจะค่อนข้างไม่ชอบใจองค์กรเอกชนเช่นสมาคมโลกวิญญาณ

“ที่นี่คือโลกจริง ยังไงซะพวกปืนก็ยังมีประโยชน์มากกว่า ในความคิดฉัน ขอแค่คนของพวกคุณไม่สร้างปัญหา นั่นแหละคือการช่วยเหลือพวกเราที่ดีที่สุด!”

ซูหยุนปิงขมวดคิ้วเล็กน้อย

หัวหน้าหน่วยของสกายเน็ตคนนี้จะหยาบคายไปหน่อยไหม?

จริงอยู่ว่าเธอมีเป้าหมายและจุดประสงค์ตัวเอง แต่จะพูดยังไงก็ช่าง การที่เธอมาที่นี่ก็ถือว่าเป็นการช่วยเหลือสกายเน็ตเช่นกัน!

หัวหน้ากองลั่วไม่ได้หยุดหวงเหยียน ความสัมพันธ์ระหว่างสกายเน็ตกับสมาคมโลกวิญญาณค่อนข้างละเอียดอ่อน

ในมุมมองของผู้บริหารระดับกลางและสูงของสกายเน็ต พวกเขาคิดว่าสมาคมโลกวิญญาณคือองค์กรที่เหมือนกับกิลด์ โครงสร้างค่อนข้างหละหลวม ไม่ถือเป็นภัยคุกคามต่อสกายเน็ต

อย่างไรก็ตาม อิทธิพลของสมาคมโลกวิญญาณที่มีต่อประชาชนนั้นยิ่งใหญ่เกินไป

ลองคิดดูสิว่าหากพวกเขามีความเห็นไม่ตรงกันกับสกายเน็ตขึ้นมา ย่อมเกิดแรงเสียดทานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

อย่างไรก็ตาม หัวหน้ากองลั่วยอมละทิ้งเรื่องนี้เอาไว้ชั่วคราว เพราะท้ายที่สุดแล้วสงครามครั้งใหญ่กำลังมาถึง การมีกระสุนเพิ่มขึ้นยังไงก็เป็นประโยชน์กว่า

“เหลียงตง เหลียงชิว มานี่!”

สองตัวตนระดับหัวหน้าทีมก้าวออกมา

คนหนึ่งเป็นชายผมทรงจานบินสวมเกราะ ในมือถือหอก

อีกคนเป็นผู้หญิงผมยาวประบ่า สวมชุดคลุมสีขาวไม้เท้าสีฟ้า

“เหลียงตงกับเหลียงชิวคือหัวหน้าทีมที่ 6 และ 7 ทั้งคู่ไปถึงเลเวล 3 แล้ว และอยู่ไม่ไกลจากเลเวล 4”หัวหน้ากองลั่วพูดกับซูหยุนปิง “พวกเขาคือหนึ่งในผู้ช่วยที่ทรงพลังที่สุดของฉัน พวกเขาจะรับผิดชอบในการดูแลคนที่คุณพามา มอบอุปกรณ์สื่อสารและอาวุธให้แก่พวกคุณ”

ทัศนคติของหัวหน้ากองลั่วดูเย็นชาเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เขายินดีต้อนรับคนเหล่านี้ สั่งการให้หัวหน้าทีมทั้งสองดูแล

แต่ในตอนนั้นเอง รถตู้ฟู๊ดทรัคคันหนึ่งปรากฏขึ้น ด้วยขนาดที่เล็กของมัน รถจึงโงนเงนตลอดเวลาที่ขับมาตามถนนวงแหวนรอบนอก เมื่อมาถึงแนวป้องกันทะเลสาบซิงโกว จึงได้รับความสนใจจากใครหลายคน

ประตูรถเปิดออก ชายหนุ่มคนหนึ่งก้าวลงจากข้างใน

หัวหน้ากองลั่ว “นี่คือ ...”

ซูหยุนปิงยิ้มบาง “พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา เขาคือปรมาจารย์ที่ฉันเชิญมาเป็นพิเศษในสงครามครั้งนี้”

ปรมาจารย์?

นี่เธอแน่ใจใช่ไหม?

เหล่าคนจากสกายเน็ตอึ้ง

คนอื่นๆเริ่มก้าวตามลงจากรถ ทางซ้ายของชายหนุ่ม เป็นชายตัวสูงแต่ผอมแห้ง หน้าตาดูไร้ชีวิตชีวา หัวล้านของเขาสะท้อนแสงอาทิตย์

ส่วนทางขวาของชายหนุ่ม เป็นชายวัยกลางคนอายุราวๆ 40 ปี ร่างกายกำยำ มีรอยแผลใหญ่บนใบหน้าดูน่ากลัว ให้บรรยากาศของผู้แข็งแกร่ง!

หัวหน้าหน่วยหวงเหยียนมองเฟิงกังและโล้นซ่าด้วยสายตาดูถูก “เหอะ นี่น่ะหรอที่เรียกว่าปรมาจารย์?”

เมื่อซูหยุนปิงเห็นเหล่าเฟิงกับโล้นซ่า เธอรู้สึกอยากหลบไปร้องไห้

นักเลงหัวล้าน กับคนที่เหมือนตัวร้ายมีรอยแผลเป็น ...

ถึงคนหลังที่ฮังอวี่พามาจะพอดูมีฝีมืออยู่บ้างก็เถอะ แต่ช่วยหาใครที่มีภาพลักษณ์ดีกว่านี้ไม่ได้หรอ?

แต่โล่งอกไปที ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้พาหมาฮัสกี้มาด้วย!