ตอนที่แล้วเกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 199
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 201

เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 200


ตอนที่ 200

สายฟ้าถูกปลดปล่อยออกมาราวกับเป็นสายน้ำ! ผู้คนโดยรอบต่างชะงักค้างด้วยความหวาดกลัว นี่มันมิใช่พืชวิญญาณหรือสมบัติจากธรรมชาติใด ภายในเพียงชั่วพริบตาก็ทำให้พวกเขาเข้าใกล้ความตาย มันคือสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังและน่าหวั่นเกรง!

สายฟ้านับไม่ถ้วนถูกส่งลงมาจากฟากฟ้า ทำในร่างกายของพวกเขาเต็มไปด้วยบาดแผล อำนาจทำลายล้างของสายฟ้าเหล่านั้นน่าสยดสยองนัก หลังจากที่มันแทรกเข้าไปในร่างของผู้บ่มเพาะ ก็ยังคงอยู่และสร้างความเสียหายพักใหญ่

พวกเขาที่กำลังตกตะลึงกับต้นไผ่ที่สามารถยิงสายฟ้าออกมาได้ อีกทั้งมันยังมีปากที่กระอักของเหลวสีม่วงดำออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน!

ของเหลวสีดำม่วงนั้นดูแฝงไปด้วยพลังแห่งความตายและการเน่าเปื่อย แม้จะอยู่ห่างไกลเป็นร้อยลี้ ร่างของพวกเขายังสั่นเทาและหนาวเหน็บไปถึงกระดูก!

“อ๊า!! บางอย่างไม่ถูกต้อง! มัน.... มันคือไผ่โลหิตสายฟ้าปีศาจ!”

พวกเขายังคงกู่ร้องและต้องการจะเป็นอิสระ เสียงโหยหวนดังออกมาจากใบหน้าที่ดูหวาดผวา

อย่างไรก็ตาม ทุกสิ่งที่พวกเขาทำลงไปกลับไร้ค่า รากของไผ่โลหิตนั้นทรงอำนาจและยืดยาวได้แทบจะไร้ขีดจำกัด และลำต้นของมันคล้ายจะมีพลังดูดกลืนอีกทั้งยังแหลมคมจนสามารถแทงทะลุผ่านทุกการป้องกันได้ พวกเขาทั้งหมดถูกดูดซับแก่นโลหิตและปราณวิญญาณ

ท้ายที่สุด เหล่าผู้บ่มเพาะกลุ่มนั้นก็ไม่มีผู้ใดที่รอดชีวิตแม้แต่คนเดียว พวกเขาถูกกลืนกินด้วยไผ่โลหิตสายฟ้าปีศาจและกลายเป็นเพียงฝุ่นผงลอยกลางอากาศ!

"มิใช่ว่ามันคือไผ่โลหิตสายฟ้าปีศาจหรอกหรือ? เหตุใดหัวหยุนคงจึงบอกแก่พวกเราว่ามันเป็นไผ่สวรรค์อัสนีม่วงกัน?”

เมื่อเหล่าคนจากหอเทพอัคคีได้เห็นเหตุการณ์ที่อยู่ไกลออกไป ร่างของพวกมันกลับกลายเป็นหนาวสั่น!

อย่าได้กล่าวถึงการเข้าไปบริเวณนั้นเพื่อสำรวจสถานการณ์ การที่พวกมันยังสามารถยืนอยู่ที่ตรงนี้ได้โดยไม่หนีหายไปเสียก่อนนับว่าใช้ความแข็งแกร่งทางจิตใจมากมายยิ่งนัก

พวกมันมิคาดคิดมาก่อนเลยว่าป่าไผ่ที่ปรากฏบนร่างของอสูรสายเลือดมังกรจะมิใช่สมบัติล้ำค่าเช่นไผ่สวรรค์อัสนีม่วง หากแต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าหวั่นเกรงอย่างไผ่โลหิตสายฟ้าปีศาจ!

“ไผ่โลหิตสายฟ้าปีศาจ? ข้ามิคาดคิดเลยว่าจะได้พบเจอตัวตนที่น่าหวาดเกรงเช่นนี้ มิใช่ว่าความจริงแล้วมันเป็นเพียงตำนานปรัมปราหรอกหรือ?” พวกมันทั้งสี่ต่างเอ่ยถามกันด้วยเสียงสั่นสะท้าน

เพียงชื่อของไผ่โลหิตก็ทำให้คลื่นความหวาดกลัวเกาะกุมในหัวใจ

ต้องรู้ก่อนว่าสิ่งมีชีวิตเช่นนี้ครั้งหนึ่งมันเคยเป็นตำนานของหายนะในครั้งบรรพกาล!

กล่าวกันมาว่าไผ่โลหิตนี้มีที่มาจากการกลายพันธุ์ของแก่นโลหิตแห่งเทพอสูรผู้ร่วงหล่น!

ยิ่งไปกว่านั้น รูปลักษณ์ของไผ่โลหิตสามารถจะเปลี่ยนแปลงไปได้ มันสามารถเปลี่ยนตัวเองเป็นได้ทั้งป่าไผ่หรือแม้กระทั่งป่าไม้ธรรมดา หรือกระทั่งจำแลงร่างให้กลายเป็นมนุษย์ก็ยังสามารถกระทำได้เพื่อหลบเลี่ยงการถูกตรวจจับ นี่ช่างเป็นเรื่องแปลกประหลาดที่น่าหวั่นกลัว!

อย่างไรก็ตาม สิ่งมีชีวิตดุร้ายเช่นไผ่โลหิตมิได้มีจำนวนมากนัก อันที่จริงแล้วพวกมันจัดว่าเป็นสิ่งที่หายากอย่างยิ่ง

พวกมันไม่รู้ว่าสิ่งมีชีวิตเช่นนี้ปรากฏตัวได้เช่นไร แต่เคยได้ยินคำร่ำลือถึงดินแดนที่ไร้ซึ่งมนุษย์ และมีเพียงเหล่าตัวตนดุร้ายและโหดเหี้ยมเท่านั้นที่อาศัยอยู่ ซึ่งนั่นเป็นตำนานที่เล่าลือต่อกันมา

ทว่า มันก็เป็นเพียงคำเล่าขานเท่านั้น แต่ไม่แน่ว่าเป็นเพราะผู้ที่เคยพบเห็นไผ่โลหิตแทบทั้งหมดอาจจะถูกมันสังหารไปแล้วก็เป็นได้

กล่าวกันมาว่าในดินแดนที่ไร้ซึ่งมนุษย์ ที่แห่งนั้นมีเพียงสายฟ้าปีศาจสีเลือด และผืนป่าที่น่าสยดสยอง!

ที่แห่งนั้นเป็นดั่งดินแดนต้องห้าม ซึ่งปรากฏอยู่สุดขอบโลก และไม่มีผู้ใดรู้ว่ามันจะนำพาไปผู้ที่ไปเยือนไปยังแห่งหนใด

อีกทั้งยังมีเรื่องเล่าที่แปลกประหลาดและน่าหวาดกลัวเกี่ยวกับดินแดนแห่งนั้นหลงเหลืออยู่ ตัวอย่างเช่น ครั้งหนึ่งเคยมีจ้าวนิกายขนาดยักษ์ที่เป็นยอดอัจฉริยะแห่งยุคสมัยและปกครองใต้หล้ามานานกว่าหมื่นปี แต่เมื่อเขาแก่ชราลง เขาก็เข้าไปยังดินแดนต้องห้ามแห่งนั้นเพื่อค้นหาบางสิ่ง

ทว่า หลังจากที่เหยียบย่างเข้าไปยังที่ซึ่งไร้ผู้ใดกล้าเข้าใกล้ เพียงก้าวเท้าลงบนแผ่นหิน เขาก็ตกตายลง กระทั่งดวงวิญญาณยังไม่สามารถหลบหนีออกมาได้

นี่ยังไม่รวมถึงตำนานที่ว่า ยอดฝีมือไร้ผู้ต้านคนหนึ่งเดินทางเข้าไปยังแดนแห่งนั้น เพียงสัมผัสเข้ากับหยดน้ำที่ดูธรรมดาสามัญ วิญญาณของเขาก็ถูกทำลาย!

ในแดนที่ไร้ซึ่งมนุษย์แห่งนั้น มีเรื่องเล่ามาว่าบางคนได้ค้นพบภาพวาดแห่งหยินหยาง มันล่องลอยอยู่กลางท้องนภาโดยมีกลิ่นอายแห่งความโกลาหลจากปฐมกาลล้อมรอบราวกับเป็นมันปรากฏขึ้นมาตั้งแต่ครั้นกำเนิดโลก แต่ไม่มีผู้ใดเคยนำมันออกมาได้

“พวกเรา หนีเร็ว! รีบหนีไปจากที่แห่งนี้!”

สีหน้าของผู้บ่มเพาะจากหอเทพอัคคีทั้งสีกลับกลายเป็นขาวซีด ในเมื่อพวกมันรับรู้แล้วว่าต้นกำเนิดของสิ่งมีชีวิตชนิดนั้นเป็นเช่นไร แล้วพวกมันจะกล้าอยู่ใกล้ไผ่โลหิตต่อไปอีกหรือ? พวกมันไม่เหลือแม้กระทั่งความคิดที่จะไปตามแก้แค้นเสียด้วยซ้ำ!

“นี่เป็นปัญหาใหญ่แล้ว ไผ่โลหิตพวกนั้นดูเหมือนว่าจะค้นพบพวกเราเข้า ยิ่งกว่านั้นมันยังพุ่งมาทางนี้อย่างเกรี้ยวกราด!”

“เจ้าตัวบัดซบ! ต้องเป็นเจ้าสวะบัดซบตนนั้นแน่นอนที่ยั่วยุไผ่โลหิตเข้า หัวหยุนคงและคนอื่นมาที่นี่พร้อมกับมัน กลิ่นอายบนร่างของพวกเราคล้ายกัน ท้ายที่สุดกลับเป็นพวกเราที่ต้องรับหน้าจากปัญหาที่มันก่อนไว้! ริยำ!”

พวกมันทั้งสี่ต่างพยายามบินหนีไปยังทางออกของแดนลึกลับ และรู้สึกว่าทุกสิ่งช่างบัดซบจนน่าหัวเราะ!

พวกมันมาที่พร้อมไพ่ตายและต้องการจะใช้โอกาสนี้ในการกำจัดหลินซวน แต่ท้ายที่สุด กลับเผชิญหน้าสิ่งมีชีวิตที่ดุร้ายเช่นนี้ ช่างเป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้!

“พวกเราต้องรีบออกไปโดยเร็ว กองกำลังทั้งหมดย่อมต้องได้รับรู้เกี่ยวกับสถานที่ซึ่งไม่ควรเข้ามาในทันที และในพื้นที่นั้นมีไผ่โลหิตสายฟ้าปีศาจอาศัยอยู่! แก่นพลังดั้งเดิมของมันมีค่ายิ่งนัก ตราบเท่าที่พวกเราได้กระจายข่าวนี้ ข้าคาดว่าพวกเราจะได้รับรางวัลชิ้นโต!” พวกมันคนหนึ่งเอ่ยขึ้น

อย่างไรก็ตาม ไผ่โลหิตนี้มาจากดินแดนไร้มนุษย์ หากสามารถรับรู้ข้อมูลของแดนไร้มนุษย์ได้จากมัน กองกำลังทั่วทั้งใต้หล้าต้องประหลาดใจอย่างแน่นอน!

ทว่า นั่นเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นภายหลังหากมันสามารถหลบหนีออกไปได้ อย่างไรเสีย ตอนนี้พวกมันก็จำเป็นต้องรอดชีวิตให้ได้เสียก่อน หากพวกมันตกตายลง อย่าได้กล่าวถึงการเผยแพร่ข่าวสาร กระทั่งศพของพวกมันก็เกรงว่าจะไม่เหลือซาก!

พวกมันยังคงมีไพ่ตายเก็บเอาไว้ แม้ว่าบัดนี้จะถูกไผ่โลหิตไล่ล่าเสียจนอยู่ในสภาพย่ำแย่ก็ตามที

..................

ไกลออกไปนับหมื่นลี้ ประกายแสงเส้นหนึ่งหยุดอยู่กลางอากาศ และแสงที่เจิดจ้าจางหายไป ปรากฏเป็นทารกน้อยที่ถูกห่อหุ้มอยู่ภายใน เป็นหลินซวนนั่นเอง

ตลอดเส้นทางที่ผ่านมา เขาระมัดระวังตัวเองยิ่งนัก อีกทั้งยังไม่ได้ใช้ความเร็วสูงสุดพร้อมสังเกตรอบด้านด้วยความถี่ถ้วน เขามิได้เย่อหยิ่งจนหลงลืมความปลอดภัยเพราะพลังที่ตนเองมี

อย่างไรเสีย แดนลึกลับแห่งนี้ก็ยังมีอันตรายมากมายซ่อนอยู่ โชคดีที่เนตรสวรรค์และนัยน์ตาหยินหยางของเขาสามารถจะบ่งบอกถึงอันตรายที่รออยู่เบื้องหน้าได้ ไม่เช่นนั้นเขา คงไม่สามารถเดินทางได้อย่างราบรื่นเช่นนี้ และต้องต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตที่ดุร้ายไปนานแล้ว

“ข้าสัมผัสได้ว่ามันอยู่ใกล้ๆ นี่เอง... เฮ้อ ดูเหมือนว่าจะเป็นบริเวณนั้น!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด