ตอนที่แล้ววันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0031
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปวันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0033

วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0032


บทที่ 12 ผู้หยั่งรู้? ฉัน? ทำไมล่ะ? (3)

* * *

“ฆ่ามัน!”

“ท่านคนบ้า ขอแค่ท่านสั่งมา ข้าจะเชือดเจ้าคนนอกรีตนี่ทันที!”

“ท่านคนบ้า! ให้ข้าแสดงฝีมือด้วยเถอะ!”

“…ฝีมือด้านไหน?”

“ชำแหละศพ”

ขากรรไกรของเจ้าหน้าที่กำลังสั่น

“คุณคังซอนฮู! ผมซองจีโฮจากแผนกยุทธศาสตร์ของ OWIC! ดูเหมือนจะมีการเข้าใจผิดเกิดขึ้น! ทั้งบริษัทและผมไม่มีเจตนาร้ายต่อคุณคังซอนฮูแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม เราทำไปเพราะความปลอดภัยของคุณ…”

เจ้าหน้าที่ผู้ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร รีบคายความจริง

รอบๆ ยังเต็มไปด้วยกลุ่มคนคลั่งศาสนาที่แหกปากร้องคำราม

พวกเขากำลังรอฟังคำสั่งจากฉัน ผู้นั่งบนเก้าอี้ตัวใหญ่ในศาลเจ้า

ยังกับตลกคาเฟ่

ลิลี่กระซิบแผ่วเบา

“คนในหมู่บ้านของเจ้าไม่ใช่หรือ… เขาเห็นเจ้าอยู่กับข้าแล้ว”

สีหน้าของเธอแสดงความกังวลชัดเจน

“สำหรับข้า แค่หนีไปไกลๆ ก็สิ้นเรื่อง แต่เจ้ายังต้องอยู่ที่หมู่บ้านนั้นต่อ”

“เธอเป็นห่วงฉัน?”

“ข้ารู้ว่าเจ้าจะแก้ไขสถานการณ์ได้ แต่ว่า…”

ระหว่างอาศัยอยู่ที่กระท่อม ลิลี่จะซ่อนตัวทุกครั้งที่มีชาวโลกมาเยือน

ตอนแรกฉันคิดว่า เธอแค่กลัวชาวบ้านเพราะเคยมีประสบการณ์แย่ๆ

แต่ดูเหมือนว่าจะคำนึงถึงจุดยืนของฉันด้วย

ฉันส่ายหน้า

“ไม่มีกฎห้ามติดต่อกับคนนอก”

ชาวต่างโลกห้ามเข้าหมู่บ้านโดยไม่ได้รับอนุญาต

ห้ามเปิดเผยข้อมูลของโลกให้ชาวต่างโลกรับรู้

กฎเหล็กมีแค่สองข้อ ขอเพียงไม่ละเมิด ที่เหลือจะทำอะไรก็เชิญ

อย่างไรก็ดี มันซับซ้อนเกินกว่าจะอธิบายให้ลิลี่ฟัง

“ช่างเถอะ ไม่อะไรต้องกังวล”

“ได้ยินแบบนี้ค่อยสบายใจ”

ลิลี่ผงกศีรษะรับและหันไปมองด้านหน้าอีกครั้ง

ปรับอารมณ์เร็วทีเดียว…

ฉันจ้องเข้าไปในดวงตาเจ้าหน้าที่ผู้ถูกมัดอยู่เบื้องหน้า

“ท่านคนบ้า! กรุณาออกคำสั่งด้วย!”

“ช่วยผมด้วย!”

ไม่แน่ใจว่าเขาเข้าใจภาษาของชาวบ้านหรือไม่ แต่คงพอจะเดาได้ว่า สถานการณ์กำลังย่ำแย่สุดขีด เจ้าหน้าที่จึงรบเร้าฉันด้วยสีหน้าร้อนรน

ฉันลุกจากเก้าอี้และเดินเข้าไปหา โน้มตัวลงพร้อมกับกล่าว

“คุณเจ้าหน้าที่”

“พูดมาได้เลยครับ! ผมกำลังฟัง!”

“ถ้านายตายที่นี่ ปัญหาของฉันก็จะลดลงไม่ใช่หรือ?”

ทันทีที่ได้ยิน ผิวหน้าชายคนดังกล่าวซีดเผือดยังกับแวมไพร์

ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามนุษย์จะหน้าซีดได้ขนาดนี้

“ช…ช่วยผมด้วย! คุณต้องช่วยผม! ผ…ผมมีข้อมูลที่สำคัญมาก! รับประกันว่าต้องเป็นประโยชน์แน่! ได้โปรด!”

“แค่มุกน่ะ”

ฉันยิ้มพร้อมกับบอกให้ชาวบ้านออกไปก่อน

แค่อ้างว่าเป็นคนรู้จัก พวกเขาก็เข้าใจและรีบปลดพันธนาการทันที

เมื่อชาวบ้านทยอยออกไปจนหมด

เหลือเพียงฉัน ลิลี่ และเจ้าหน้าที่อยู่ในศาลเจ้า

สิ่งก่อสร้างของต่างโลกไม่ค่อยสว่างนัก ด้านในจึงเหมือนกับห้องสอบปากคำ

“ผ…ผม…”

อาจเพราะแรงกดดันกำลังถาโถม หลังจากไตร่ตรองสักพัก เจ้าหน้าที่เปิดปากพูดก่อน

“อันดับแรก… ผมต้องขออภัยที่แอบสังเกตการณ์คุณโดยไม่แจ้งให้ทราบ… แต่ขอยืนยันว่างานของผมไม่ใช่การจับตามองคุณคังซอนฮู หมู่บ้านนี้อยู่ภายใต้การเฝ้าระวังของเรามานานแล้ว และไม่ทราบมาก่อนว่าคุณคังซอนฮูจะมาเยือน…”

หน้าฉันดุมากเลยหรือ? ยังไม่ทันที่จะตำหนิเขาหรือ OWIC แต่อีกฝ่ายกลับคิดว่าฉันกำลังโกรธ

“ช่างเถอะ”

“ครับ?”

“ฉันรู้อยู่แล้วว่าพวกนายไม่ได้มีเจตนาร้าย”

สัมผัสได้ตั้งแต่เหตุการณ์ป่าเบอร์มิวด้า ทาง OWIC ไม่ได้สะกดรอยฉันเพื่อหาจุดอ่อน ตรงกันข้าม พวกเขาต้องการซื้อใจ

แน่นอน ฉันไม่คิดจะเข้าร่วม OWIC แค่ชอบที่สถานการณ์เป็นแบบนี้ เพราะมันค่อนข้างสะดวกสบาย

และอันที่จริง ไม่ว่า OWIC จะสอดแนมหมู่บ้านหรือสะกดรอยตามฉัน นั่นก็ไม่สำคัญ

ความสนใจของฉันอยู่ที่ประเด็นอื่น

“เมื่อครู่นายบอกว่า มีข้อมูลสำคัญที่จะเป็นประโยชน์กับฉัน?”

“ใช่ครับ”

“เล่ามา”

“…”

ฉึบ!

ครุ่นคิดสักพัก เจ้าหน้าที่นำคลิปบนเสื้อออกมาวาง

แค่เห็นก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นอุปกรณ์บันทึกวิดีโอ

แสดงความจริงใจได้ดี…

“อันที่จริง ในนี้เต็มไปด้วยข้อมูลสำคัญที่ผมต้องกลับไปรายงาน… ฟู่ว… แต่ผมคิดว่าสิ่งที่อยู่ข้างในยังคลุมเครือเกินไป จึงพยายามเก็บรายละเอียดเพิ่มเติมก่อนกลับ… ยิ่งเป็นข้อมูลสำคัญ ยิ่งต้องละเอียดชัดเจน”

โฮ่…

ลิลี่นั่งมองด้วยสายตาว่างเปล่าเพราะไม่เข้าใจบทสนทนา แต่ก็พอจะเดาได้ว่าเจ้าหน้าที่คนนี้ไม่ธรรมดา

หลังจากวางเครื่องบันทึกวิดีโอ สีหน้าของเขาก็จริงจังขึ้น

อาจด้อยกว่าความรู้ของฉัน แต่ OWIC คงมีข้อมูลไม่เลวอยู่ในมือ

ว่าจะถามหลังจากกลับเบสแคมป์อยู่พอดี

ฉันคิดมาสักพักแล้วว่า OWIC อาจสำรวจทิศใต้ได้ไกลกว่าที่เข้าใจ ไม่ใช่แค่รอบๆ เบสแคมป์

ทุกครั้งที่จะได้ฟังข้อมูลใหม่ สมาธิของฉันจดจ่อเสมอ ถึงกับโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย

“…มีทางลัดจากเบสแคมป์มาถึงที่นี่ แต่ต้องเดินผ่านป่าบนหุบเขา”

ฉันรู้อยู่แล้ว ก็เพราะมาจากทางนั้น

“…เราพบภาษารูนชนิดใหม่ที่นั่น”

“…?”

แม้จะมีกลิ่นตุๆ แต่ฉันก็ตัดสินใจลองฟังดูก่อน

“ตอนแรกทางเราคิดว่าเป็นสิ่งมีชีวิตต่างโลก แต่เมื่อสังเกตด้วยกล้องส่องทางไกล พวกเราพบประโยครูนถูกเขียนไว้ด้านหลังของมัน… เห็นได้ชัดว่าพลังงานที่ขับเคลื่อนวัตถุดังกล่าวมาจากภาษารูน… นี่คือโอกาสสำคัญที่มนุษย์จะได้ศึกษาเวทมนตร์ของต่างโลก!”

“…”

ฉันไม่ได้ตอบสนอง

คือไม่รู้จะตอบสนองอะไร

เจ้าหน้าที่ยังคงพึมพำในประเด็นเดิม ราวกับทบทวนข้อมูลที่ตัวเองเพิ่งเล่าออกมา

“วัตถุประหลาดนั่นปรากฏตัวเป็นระยะจากรอยแยกบนหน้าผา ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ทราบว่าข้างในถ้ำมีอะไร พวกเรากำลังรอให้สำนักงานใหญ่อนุมัติการบินโดรน”

“…”

“ถ้าคุณอยากสำรวจ กรุณาระมัดระวังให้มาก เพราะวัตถุประหลาดพวกนั้นมีทักษะการต่อสู้สูง…”

“เฮ้อ…”

ฉันถอนหายใจยาว

“มีแค่นี้?”

“ครับ… นั่นคือทั้งหมด”

เจ้าหน้าที่เผยสีหน้าสับสน ราวกับไม่คิดว่าฉันจะตอบสนองแบบนี้

ถ้าเล่าไปว่าฉันจำภาษารูนนั่นได้แล้ว เขาจะทำหน้ายังไงนะ?

ได้แค่สงสัย แต่ก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องเปิดเผย

ฉันโง่เองที่ไปคาดหวังกับเจ้าหน้าที่ภาคสนามระดับล่าง ผู้ไม่ได้เป็นแม้แต่หัวหน้าทีม

นึกว่าฝีมือจะใกล้เคียงกับพวกเมียร์แคต แต่ดูเหมือนจะเป็นแค่มด

“มีข้อมูลอื่นอีกไหม”

“ข้อมูลอื่น…”

“ข้อมูลเมื่อครู่แทบไม่มีประโยชน์กับฉัน เอาอันอื่นมา อะไรก็ได้”

“อันอื่น…”

เห็นเจ้าหน้าที่ครุ่นคิดสักพัก ฉันเพิ่มตัวเลือก

“ข้อมูลของโลกก็ได้…”

เจ้าหน้าที่ชำเลืองลิลี่ จากนั้นก็เล่าต่อทันทีโดยไม่สนว่าลิลี่จะเข้าใจภาษาเกาหลีหรือไม่

“ดูเหมือนว่า เมื่อไม่นานมานี้มีความขัดแย้งเกิดขึ้นในกลุ่มฮาวนด์ จากการสำรวจเบื้องต้น ได้ยินว่าหนึ่งในแก๊งฮาวนด์ครอบครองสมบัติของต่างโลก และนั่นคือสาเหตุความขัดแย้ง”

งั้นหรือ

เรื่องราวฟังดูน่าสนใจ แต่ก็ไม่ได้มีมูลค่าขนาดนั้น เพราะกว่าครึ่งของข่าวลือเกี่ยวกับต่างโลกล้วนเป็นเรื่องเท็จ

ฉันจ้องอุปกรณ์บันทึกวิดีโอที่เจ้าหน้าที่วางไว้บนพื้น จากนั้นก็เอื้อมมือไปหยิบ

กร็อบ!

“เข้าใจความหมายใช่ไหม”

“…เข้าใจครับ”

“สิ่งที่นายเห็นในวันนี้ จะเล่าหรือไม่เล่าก็ตามใจ นั่นเป็นอิสระของนาย ฉันไม่ขวาง เพราะทางนี้ก็ไม่มีอะไรต้องปิดบัง… แต่ถ้ามีวิดีโอเผยแพร่ออกไป ฉันคงไม่สบายใจสักเท่าไร เข้าใจไหม?”

“เข้าใจครับ”

ลำพังการแอบสอดแนม หมอนี่คงไม่รู้อะไรมากนัก แทนที่จะปกปิดทั้งหมด แค่ทำลายเครื่องอัดวิดีโอก็น่าจะพอ

“กลับไปได้”

“กลับได้เลยหรือครับ?”

“ใช่… อย่าลืมคิดข้ออ้างดีๆ ว่าทำไมเครื่องอัดถึงพัง”

“ไม่ต้องห่วงครับ ผมหาเหตุผลได้แน่ และทาง OWIC ก็อยากเป็นพาร์ตเนอร์ที่ดีกับคังซอนฮูอยู่แล้วครับ… อ๊ะ?”

ฉันไม่อยากเสียเวลานานกว่านี้ จึงลุกขึ้นยืนทันที

ยังคงทำตามแผนเดิม ฉันจะกลับเบสแคมป์ในช่วงบ่าย

* * *

เมื่อบอกว่าจะกลับ ชาวบ้านถึงกับหลั่งน้ำตา

แต่เมื่อฉันบอกว่าจะแวะกลับมาอีกบ่อยๆ พวกเขาก็ทำใจได้

สำหรับเครื่องบรรณาการและคนแบกสัมภาระที่พวกเตรียมไว้ แน่นอนว่าฉันปฏิเสธ

กระเป๋าเหลือความจุไม่มากนัก ฉันจึงนำกลับไปเฉพาะสิ่งที่จำเป็น

เดี๋ยวก็กลับมาอีกอยู่ดี เพราะการสำรวจทางใต้จำเป็นต้องใช้ที่นี่เป็นฐาน

ขากลับย่อมง่ายกว่าขามา เพราะไม่มีความลังเลเรื่องเส้นทาง

แต่เนื่องจากกระเป๋าหนักขึ้น ย่างก้าวของลิลี่จึงช้าลงเล็กน้อย แต่ความเร็วภาพรวมก็ยังดีกว่าขามา

พวกเรามาถึงที่ราบซึ่งมองเห็นเบสแคมป์โดยสวัสดิภาพ

“อีกครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว ขี่หลังฉันไหม?”

“…กฎข้อแรกของผู้นำก็คือ ห้ามทำตัวเป็นภาระ… คิดว่าทำไมข้าถึงถูกฝึกหนักด้วยวัยแค่นี้?”

รูปกายภายนอกดูราวยี่สิบ ฉันอาจไม่รู้วิธีดูอายุแวมไพร์ แต่จากคำพูดคำจา ก็คงไม่แตกต่างจากมนุษย์สักเท่าไร

ฉันหยิบ ‘นาฬิกาพก’ สีทองออกจากกระเป๋าเสื้อและมองไปรอบๆ

“…ทำจากทองใช่ไหม”

“ใช่”

เมื่อกระทบแสงแดดจะส่องประกายระยิบระยับ

ฉันกดปุ่มฝั่งซ้าย

กริ๊ก!

ฝาเปิดออก ลูกศรชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง

แน่นอนสิ่งนี้ไม่ใช่นาฬิกา แต่เป็นเข็มนำทาง

“มันกำลังชี้ไปที่อะไร?”

“ปลายทางของลูกศรคือสิ่งที่จำเป็นสำหรับการเป็นราชา ข้าก็เพิ่งเคยเห็นของจริง… สำหรับแวมไพร์ สิ่งนี้ไม่ต่างอะไรกับเรื่องเล่าในตำนาน”

“สิ่งที่จำเป็นสำหรับการเป็นราชา?”

“หลังจากค้นพบทุกสิ่ง เป้าหมายสุดท้ายที่ลูกศรชี้คืออาณาจักรทองคำ”

“…”

กล่าวคือ นี่เป็นกุญแจสำคัญในการเข้าสู่อาณาจักรทองคำ

…และคนที่มอบวัตถุซึ่งลิลี่บอกว่ามีแค่ในตำนานให้เรา ก็ไม่ใช่ใครนอกจากท่านดารากรวิลสัน

“…ในตอนที่ชีวิตมีแต่การดิ้นรน ฉันเคยเฝ้ามองอาณาจักรทองคำเพื่อทำให้จิตใจเข้มแข็ง มันช่วยเยียวยาได้มากทีเดียว”

หลายปีผ่านไป อาณาจักรทองคำกลายมาเป็นความฝันและเป้าหมายในชีวิตฉัน

วิลสันเคยเห็นฉันเฝ้ามองอาณาจักรทองคำทุกคืน

“…เกิดอะไรขึ้นกับหมอนั่นกันแน่”

ฉันถามกับตัวเอง

แต่ก็มิได้รีบร้อนหาคำตอบ เพราะในอนาคตยังมีโอกาสให้รวบรวมข้อมูลอีกมาก

ตอนนี้ต้องเริ่มจากสิ่งที่ทำได้ไปทีละขั้น

“…เจ้าไม่อยากเป็นราชาหรือ”

ลิลี่ด้านข้างถามเป็นนัย

“ข้าไม่เห็นว่าเจ้าจะสนใจรวบรวมคุณสมบัติของราชา ไม่ว่าจะตอนนี้หรือเมื่อก่อน”

ใครก็ตามที่รวบรวมคุณสมบัติของราชาได้ครบ จะได้สิทธิ์ให้เข้าสู่อาณาจักรทองคำ

นั่นคือตำนานที่เล่าขานกันในหมู่ชาวต่างโลก

“เรื่องนั้น… จะบอกว่าไม่สนใจเลยก็ไม่ถูก แต่ก็นะ…”

“ทำไมล่ะ? ไม่ใช่ว่าทุกเผ่าพันธุ์ใฝ่ฝันที่จะเป็นราชาหรอกหรือ?”

“ไม่เคยคิดขนาดนั้น ฉันสนใจอาณาจักรทองคำมากกว่าการเป็นราชา”

“…”

ลิลี่หันมาจ้องหน้าฉัน ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความสงสัย

“เจ้าช่าง… ไม่เหมือนใครจริงๆ … ประหลาดมาก”

“คำชมใช่ไหม”

“…ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ไม่ได้มีความหมายเชิงลบ”

“แล้วไป”

กล่าวจบ พวกเราจดจ่ออยู่กับการเดินทางจนกระทั่งมองเห็นเบสแคมป์ด้วยตาเปล่า

ในตอนแรก ฉันเงียบเพราะไม่มีอะไรจะพูด

แต่ยิ่งเข้าใกล้เบสแคมป์ ความตื่นเต้นก็ยิ่งเพิ่มพูนจนเก็บไว้ไม่อยู่

“…เจ้าเป็นอะไรตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว?”

เมื่อถึงกระท่อม ลิลี่รีบวางสัมภาระลง ส่วนฉันยังคงเอาแต่จ้องเข็มสีทอง

ลูกศรที่เคยชี้ไปยังตำแหน่งเดียวโดยไม่สั่นไหว ตอนนี้ไม่แน่นิ่งอีกต่อไป

มันกำลังส่ายซ้ายขวา

“…”

เห็นดังนั้น ดวงตาของลิลี่เบิกกว้าง

“ตำนานกล่าวไว้ว่า ยิ่งเข้าใกล้เป้าหมาย ปลายลูกศรจะยิ่งสั่น และถ้าเข้าใกล้จนถึงจุดหนึ่ง มันจะหมุนเป็นวงกลม หลังจากนั้นต้องตามหาด้วยตัวเอง…”

กล่าวคือ

“เรากำลังอยู่ใกล้เป้าหมาย?”

ฉันกับลิลี่มองไปยังทิศทางของปลายเข็ม

และที่นั่นก็คือ

“…หมู่บ้าน”

ลิลี่อาจเข้าใจว่าเป็นเบสแคมป์ แต่ฉันรู้ตำแหน่งที่แม่นยำกว่านั้น

ด้านหลังประตูมิติ

ลูกศรกำลังชี้ไปที่กรุงโซล

ฉันนึกทบทวนข้อมูลที่เจ้าหน้าที่เล่าให้ฟัง

ข่าวลือที่ว่า หนึ่งในแก๊งฮาวนด์กำลังถือครองสมบัติ

* * *

หูฟังของซอจีอา

มันยังคงอยู่บนศีรษะเช่นเคย แต่ตอนนี้มีสีแดงกว่าปรกติ

“…”

เพราะชุ่มด้วยเลือด

จีแทโฮซึ่งมักจะคอยพินอบพิเทาข้างๆ เธอเสมอ กำลังก้มมองซอจีอาที่ถูกมัดแขนขา ใกล้กันมีชายห้าคนที่กำลังถืออุปกรณ์

“แสร้งทำเป็นเข้มแข็ง แต่พอได้เจอคังซอนฮูก็รีบกระดิกหางระริกระรี้? ฉันไม่เอาด้วยหรอกนะ คิดว่าพวกเราเป็นใคร?”

บางที ฮาวนด์อาจมีข้อมูลในโลกมนุษย์มากกว่าในต่างโลกเสียอีก

ข่าวลือที่ว่าซอจีอาต่อรองบางสิ่งกับคังซอนฮู แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และนั่นทำให้ลูกน้องของเธอหัวเสีย

หากจะให้เปรียบเปรยก็คงประมาณ ‘ฟาดเส้นสุดท้ายขาด’

ลูกน้องซอจีอาหลายคนติดตามเธอเพราะความเก่งกาจ มิใช่เพราะเคารพ ดังนั้นเมื่อพวกมันเริ่มมองว่าซอจีอาอ่อนแอ การหักหลังจึงเกิดขึ้น

จีแทโฮยกสะพานเฮดโฟนขึ้น ส่งผลให้ศีรษะซอจีอาเงยขึ้นตาม

“…แล้วก็นะ ทั้งที่จับแบบนี้ยังไม่หลุด เธอติดมันไว้ด้วยอะไรกันแน่? อายุก็ไม่น้อยแล้ว ยังทำอะไรแบบนี้อยู่อีก? ถึงจะเป็นแครักเตอร์ แต่ก็ให้มันน้อยๆ หน่อย”

แน่นอน ซอจีอามิได้เชื่อใจลูกน้องเต็มร้อย

“…พวกนายไม่รู้หรือว่ามีใครหนุนหลังฉันอยู่”

“โอวิค? โอ๊ย! น่ากลัวจังเลย~ ไอ้พวกที่อยากแหกกฎตอนไหนก็ได้น่ะนะ? น่ากลั๊วน่ากลัว~”

จีแทโฮหัวเราะคิกคัก

“นังตัวแสบ เธอไม่รู้หรือว่าทำไมพวกมันที่พยายามทำให้ต่างโลกน่าอยู่ ถึงไม่เข้มงวดกับระบบความปลอดภัย? ก็เพราะพวกมันอยากได้ฮาวนด์ไปเป็นมือเท้ายังไงล่ะ”

“…แล้ว?”

“พวกมันไม่สนความเป็นความตายของเธอหรอกนะ ก็แค่สายข่าวในต่างโลกที่ใช้แล้วทิ้ง”

ลูกน้องที่หัวเราะคิกคักขณะถืออุปกรณ์อยู่ด้านหลัง อาจเพราะรู้สึกคันปาก จึงเดินเข้ามาใกล้และพูด

“ฟังนะนังโง่ ฉันจะปล้นตู้เซฟของเธอและหนีไปจีน… ได้ยินว่าประตูมิติของจีนเปิดขึ้นกลางทะเลทรายที่ว่างเปล่า พวกเขาจึงประสบปัญหาอย่างมาก แต่ตอนนี้สถานการณ์ดีขึ้นเพราะสิ่งอำนวยความสะดวกถูกสร้างเสร็จหมดแล้ว ใช่ไหมลูกพี่?”

“ไอ้เวร ระวังปากหน่อย”

“ไม่สำคัญหรอก ยังไงพวกเราก็จะเผ่นไปจีนกันอยู่แล้ว แถวนี้ก็ไม่ได้มีกล้อง”

พวกมันดีลกับโบรเกอร์ในจีนไว้เรียบร้อย

จีแทโฮยิ้มอย่างชั่วร้าย ก่อนจะจับหัวซอจีอาโขกพื้นจนเลือดคั่งกระเซ็นออกมา

“เอาล่ะ บอกรหัสตู้เซฟที่เธอซ่อนสมบัติสีทองมาได้แล้ว! ถ้าตุกติกฉันเชือดทิ้งแน่… อ๊ะ?”

หูฟังของซอจีอาหลุดออกเป็นครั้งแรก

ทุกคนเห็นใบหูเต็มสองตา

“…”

จีแทโฮเผยรอยยิ้มแฝงเลศนัยทันที

“…เธอข้ามมาทางนี้ได้ยังไง? นังเอลฟ์”

______________________

ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร พุธ เสาร์ และอาทิตย์

ติดตามผลงานของผู้แปล และนิยายทุกตอนได้ที่เพจเฟสบุค:

https://www.facebook.com/bjknovel/

หรือพิมพ์ค้นหา: bjknovel

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด