ตอนที่แล้วเกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 196
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 198

เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 197


ตอนที่ 197

ต้นไผ่ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองไปทีละต้น พลังชีวิตของมันเริ่มจางหาย สถานการณ์ในตอนนี้ไปถึงจุดวิกฤติของมันเสียแล้ว!

สิ่งนี้ทำให้หลินซวนแปลกใจอยู่บ้าง หากว่าอัสนีสวรรค์เก้าชั้นฟ้ามิไปแฝงพลังชีวิตเอาไว้ เหตุใดมันจึงก่อกำเนิดพลังทำลายล้างได้มากมายเช่นนี้?

อันที่จริงแล้ว พลังฟื้นฟูของอัสนีสวรรค์นั้นผสานรวมอยู่กับพลังทำลายล้างขั้นร้ายแรง อย่างที่เคยมีผู้กล่าวไว้ เมื่อหยินสุดขั้วเปลี่ยนไปเป็นหยาง การเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงย่อมเกิดขึ้น และความตายย่อมเคียงคู่ไปกับชีวิตเสมอ!

ในวินาทีที่หลินซวนรู้สึกว่าไผ่โลหิตปีศาจสายฟ้าตกตายลงอย่างสมบูรณ์ มันกลับใช้พลังเฮือกสุดท้ายโยนโครงกระดูกอสูรโบราณให้พ้นจากตัว จากนั้นรากที่เหลืออยู่ก็ม้วนรวมกับกลายเป็นสิ่งที่ดูคล้ายขาจำนวนมากมาย

ก่อนที่ มันจะใช้ขาเหล่านั้นในการวิ่งหนีไป และสีหน้าของหลินซวนบัดนี้กลายเป็นอ้าปากค้าง!

ป่าไผ่ที่สามารถเปลี่ยนรากของตนให้กลายเป็นขาและวิ่งหนีไปบนพื้นดิน

เหตุการณ์เช่นนี้ช่างแปลกประหลาดและน่าขบขันนัก

หลินซวนขยี้ตาตนเอง ในช่วงเวลาแห่งความตกตะลึง หลังจากที่ยืนยันได้ว่าตนเองมิได้ตาฝาดไป สีหน้าของเขาก็แสดงออกถึงความมึนงง

ไผ่โลหิตสายฟ้าปีศาจมิได้แสดงความโลภและความยิ่งใหญ่เช่นที่ผ่านมา ในความรู้สึกของมัน หลินซวนเปรียบได้กับสัตว์ประหลาดตนหนึ่ง

ก่อนหน้านั้น มันยังคงน่าเกรงขามและเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง ทว่าบัดนี้ มันกลับวิ่งหนีไป อีกทั้งการวิ่งหนีเช่นนี้สามารถเรียกได้ว่าเป็นการ “หนีอย่างหวาดผวา” ก็ย่อมได้

ไผ่โลหิตยังกระอักพลังงานดั้งเดิมอันแสนล้ำค่าออกมาในระหว่างทางที่ออกวิ่งไป ในรูขนาดใหญ่คล้ายปากนั้น สายฟ้ายังคงทำร้ายมันอย่างต่อเนื่อง สภาพน่าเวทนายิ่งนัก

นี่ทำให้หลินซวนหัวเราะมิได้ร้องไห้มิออก มันเกิดสิ่งใดขึ้น? ในคราแรกเขาเผชิญกับการต่อสู้ที่อันตรายยิ่ง แต่ท้ายที่สุดสถานการณ์กลับกลายเป็นเช่นนี้?

อย่างไรก็ตาม เขาหรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่อพบว่าไผ่โลหิตนั้นยังมิได้ตกตายอย่างสมบูรณ์ แม้ว่าสภาพของมันจะย่ำแย่เพียงใด แต่มันยังสามารถหลบหนีไปสำเร็จและหายตัวไปในขอบฟ้าด้านหนึ่ง

หลังจากที่หลินซวนสลายอัสนีสวรรค์เก้าชั้นฟ้าในมือ เขาก็เดินไปยังด้านศีรษะของโครงกระดูกอสูรโบราณสายเลือดมังกรตนนั้น

เขาไม่ต้องการจะรั้งรออีกต่อไป ด้วยต้องการจะตามมาคนจากราชวงศ์อมตะให้พบและสังหารพวกมันทั้งหมดให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ นี่คือจุดประสงค์หลักในการมายังแดนลึกลับของหลินซวน

หัวกะโหลกอสูรในตอนนี้มิได้มีแสงมากมายนัก หลินซวนเดินเข้าไปและพบกับชั้นหมอกหนาที่ล้อมรอบกายพร้อมทั้งรูปปั้นกิเลนสวรรค์ตั้งอยู่

เขาเดินอย่างช้าๆ พลางหลับตาลง ก่อนจะเปิดขึ้นอีกครั้งและใช้นัยน์ตาหยินหยางออกมา เขากวาดสายตาไปรอบด้าน ก่อนจะยื่นมือไปคว้าแผ่นกระดาษสีทองชิ้นเล็กๆ ออกมาจากแก่นกลางของหมอกเหล่านั้น

หลินซวนที่จ้องมองแผ่นกระดาษในมือบ่นพึมพำออกมา

“นี่ควรจะเป็นมรดกตกทอดของอสูรสายเลือดมังกรตนนี้!”

แม้ว่าอสูรโบราณตนนี้จะทรงอำนาจและทักษะของมันย่อมมิใช่สิ่งสามัญ แต่ก็ยังถือว่าสิ่งที่เขาได้รับมามิได้น่าประทับใจแต่อย่างใด กล่าวได้ว่ามันคงเป็นได้เพียงสมบัติที่เขาจะยกให้ตระกูลหลินเท่านั้น

อย่างไรเสีย สิ่งของที่เขาใช้มิได้หรือไม่จำเป็นต้องใช้ ก็ย่อมตกเป็นของผู้บ่มเพาะคนอื่นๆ ในตระกูลหลินของเขา

อย่างไรเสีย หากผู้อื่นล่วงรู้ความคิดนี้ของทารกน้อย พวกเขาต้องสาปแช่งออกมาอย่างแน่นอน อะไรคือการบอกว่าสมบัติชิ้นนี้มิได้น่าสนใจ? มันคือมรดกที่ถูกทิ้งไว้ของอสูรโบราณสายเลือดมังกรในตำนาน ความล้ำค่าของมันมากเพียงพอจะให้เหล่าอัจฉริยะทั้งหลายแย่งชิงกันอย่างรุนแรง!

ก่อนหน้านั้น ในยามที่หลินซวนปะทะกับผู้บ่มเพาะทั้งสี่จากหอเทพอัคคีทำให้เกิดพายุสายฟ้าขึ้น มันมีไผ่โลหิตสายฟ้าปีศาจเป็นต้นเหตุของพายุนั้น ส่วนมรดกตกทอดของอสูรโบราณชิ้นนี้ไม่มีอันตรายใดๆ ทั้งสิ้น

หลินซวนอ่านสิ่งที่ถูกเขียนไว้อย่างตั้งอกตั้งใจและค้นพบความล้ำลึกบางอย่าง

เขาใช้เวลาชั่วครู่ในการขบคิด ก่อนจะพลิกข้อมือ สายฟ้าสีทองขนาดเล็กปรากฏขึ้น อาศัยเพียงการนึก สายฟ้านั้นก็เปลี่ยนรูปไปเป็นดั่งที่ใจต้องการ

ภายในชั่วพริบตา เขาสามารถเข้าใจและบรรลุทักษะโบราณเช่นนี้ได้

พลังของเนตรสวรรค์และนัยน์ตาหยินหยางสามารถเรียนรู้ทักษะศักดิ์สิทธิ์จากอสูรตนนี้ได้ในช่วงลมหายใจ เมื่อรวมเข้ากับกายเซียนแห่งเต๋า มันทำให้หลินซวนสามารถใช้ทักษะใดๆ ก็ตามออกมาได้โดยที่ไม่เกินขีดความสามารถทางด้านร่างกายแม้แต่น้อย!

สามารถกล่าวได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์หรือกฎเกณฑ์แบบใด นอกจากที่เขาได้รับมาจากระบบแล้ว เขาย่อมสามารถเรียนรู้และบรรลุมันได้ในทันที

ไม่เหมือนกันเหล่าอัจฉริยะผู้อื่นที่จำเป็นต้องมีการกักตัวฝึกวิชาเป็นเวลานานกว่าที่จะสามารถบรรลุทักษะใดๆ ได้ รวมถึงมันยังมีสิ่งที่เรียกว่าช่วงเวลาที่ต้องฝึกฝนและคอขวด.... แต่สำหรับหลินซวนแล้ว สิ่งเหล่านั้นไม่มีทางเกิดขึ้นอย่างแน่นอน!

ยกตัวอย่างเช่น วิถีการบ่มเพาะที่ระบบมอบให้เขา ไม่ว่าจะเป็น ลมหายใจปราณม่วงปฐมกาล พลังกลืนกินดารา และท่าเท้าเจ็ดก้าวสวรรค์กลับกลาย หลินซวนจำเป็นต้องใช้เวลาและความพยายามในการฝึกฝนทำความคุ้นเคยด้วยตนเอง!

แต่ทักษะอื่นใดนอกเหนือจากนั้น เมื่ออยู่ต่อหน้าหลินซวน ตราบเท่าที่มันสามารถเข้าใจหลักการได้ ไม่จำเป็นต้องมีรายละเอียดมากมาย เขาก็สามารถจะเข้าใจแก่นแท้ของมันและทำให้กลายเป็นทักษะซึ่งเขาสามารถจะเรียกใช้ได้อย่างง่ายดาย

“นี่คือขอบเขตสินะ?” หลินซวนพลิกข้อมือไปมาอย่างนุ่มนวลอีกครั้ง จากนั้นสายฟ้าสีทองกลุ่มใหญ่ก็ปรากฏขึ้นและกลายเป็นเครื่องรางสีทองจำนวนมาก เขาถึงขั้นมองเห็นมังกรและกิเลนตัวเล็กจิ๋วที่วิ่งวนและเต้นรำอยู่รอบเครื่องรางที่เขาสร้างขึ้น

“แม้ว่ามันจะเทียบกับอัสนีสวรรค์เก้าชั้นฟ้ามิได้ แต่ก็ยังสามารถสังหารพวกที่อ่อนแอได้อยู่ อีกทั้ง พลังปราณที่ใช้ในการก่อร่างมันขึ้นมาก็น้อยนิด”

หลังจากพูดจบ เขาจึงเริ่มสำรวจซากร่างที่เหลืออยู่ของอสูรโบราณอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง แต่สุดท้ายก็มิได้รับสิ่งใดเพิ่มเติมอีก

สมุนไพรโอสถทั้งหลายล้วนถูกคนของหอเทพอัคคีเก็บเกี่ยวไปเกือบทั้งหมดแล้ว ถึงแม้ว่าท้ายที่สุดผู้ที่ได้รับผลประโยชน์เหล่านี้จะเป็นหลินซวนก็ตามที

จากนั้น เขาจึงเปลี่ยนร่างไปเป็นสายฟ้าสีทองและพุ่งออกไปกลายเป็นลำแสง มิได้รั้งรออยู่ที่แห่งนี้อีกต่อไป

แม้ว่าหลินซวนจะเป็นเพียงทารกน้อยที่น่าเอ็นดู แต่ความเร็วของเขามากล้น ต่อให้มิได้ใช้ท่าเท้าเจ็ดก้าวสวรรค์กลับกลาย แต่ความเร็วของเขาก็ยังถือได้ว่าเทียบเท่ากับทักษะเอาชีวิตรอดชั้นสูง

ภายในไม่กี่ลมหายใจ เขาก็ตามไปทันเหล่ารุ่นเยาว์ที่หลบหนีออกมาก่อนหน้านี้

“สหาย ดูเหมือนท่านจะสามารถหลบหนีออกมาได้สำเร็จ สายฟ้าก่อนหน้านี้ช่างน่าหวั่นเกรงยิ่งนัก!” รุ่นเยาว์ผู้หนึ่งเอ่ยออกมาอย่างตื่นเต้น ได้เห็นหลินซวนหนีออกมา เขาสุขใจยิ่งนัก

“ข้าเพียงโชคดีเท่านั้น อันที่จริงแล้วแทบจะไม่สามารถรอดชีวิตมาได้เสียด้วยซ้ำ”

หลินซวนแสดงละครได้เก่งกาจยิ่ง บนใบหน้ายังปรากฏร่องรอยหวาดกลัว เพราะเหตุนี้จึงทำให้หญิงสาวบางส่วนโศกเศร้านัก และเกือบจะเอื้อมมือออกไปแตะใบหน้าของเขา

ทว่า พวกนางก็หยุดตนเองได้เสียก่อน เมื่อนึกถึงการต่อสู้ก่อนหน้านี้ นั่นเป็นสิ่งที่บอกแก่พวกนางว่าหลินซวนย่อมมิใช่เด็กน้อยธรรมดาสามัญ

แต่เป็นตัวตนที่น่าเกรงขามยิ่งนัก... พวกเขาไม่ทราบเลยว่าหลินซวนมาจากกองกำลังใด หรือเขาอาจเป็นอัจฉริยะไร้เทียมทานที่ถูกเลี้ยงดูขึ้นมาในตระกูลเก่าแก่ แต่ที่แน่นอนก็คือเขาต้องเป็นผู้สืบทอดของตระกูลในอนาคต!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด