ตอนที่แล้วบทที่ 33 เร่งด่วนมาก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 35 กลับ

บทที่ 34 ลอบสำรวจ


หลัวหย่งและหลัวจินมีอายุใกล้เคียงกัน หลัวหย่งอายุ 26 ส่วนหลัวจินอายุ 23 เรียกได้ว่าพวกเขาโตมาด้วยกันตั้งแต่ยังเด็ก มิตรภาพของพวกเขาไม่ได้ตื้นเขิน และนิสัยของหลัวจินเองก็เป็นคนที่ใส่ใจ หลังจากพูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง ความเสียใจของหลัวหย่งก็หายไป

ในตอนนั้นเอง หลัวจินที่กำลังพูดอยู่ก็หยุดลงกลางคัน “เดี๋ยวก่อน!”

“มีอะไร?” หลัวหย่งกำขวานทั้งสองในมือแน่นและตั้งสมาธิ

เขาไม่พูดอะไรและก้าวไปด้านหน้าสองก้าวอย่างรวดเร็วและนั่งยองๆ “รอยเท้า”

“รอยเท้า?” หลัวหย่งเขยิบเข้าไปใกล้ขึ้นและหันไปมองดูบนหิมะก่อนจะขมวดคิ้ว “ทำไมข้าไม่เห็น?”

“เมื่อคืนหิมะตก รอยเท้าถูกหิมะตกคลุมไว้เยอะ แต่ก็ยังมีตรงขอบๆที่ยังพอเห็นได้อยู่ ถ้าดูดีๆจะเห็น” ขณะที่พูด หลัวจินก็หันไปรอบๆราวกับกำลังหาอะไรบางอย่าง

“หรือว่ารอยเท้านี้จะเป็นของเจ้าเมื่อวาน” หลัวหย่งพูดออกมาพร้อมกับน้ำเสียงที่ดูเคร่งเครียดมากขึ้น

“ไม่มีทาง” หลัวจินส่ายหัว “เมื่อวานข้าไม่ได้เดินมาตรงนี้เลยสักนิด อีกอย่างรอยเท้านี้ก็หันไปที่ทางนั้น…”

ขณะที่พูด หลัวจินที่สามารถระบุทิศทางของรอยเท้าได้แล้วก็ชี้ไปยังทิศๆหนึ่ง “ข้ากลัวว่าหลังจากที่ข้ากลับไป จะมีคนจากอีกเผ่ามาที่นี่”

หลัวหย่งที่ได้ยินดังนั้นก็เริ่มตื่นเต้น เจอคนจากอีกเผ่านั่นก็หมายความว่าอาจจะมีสงคราม และนี่เป็นโอกาสที่เขาจะได้สร้างผลงานแล้ว!

แต่เหมือนว่าหลัวจินจะจ้องมาที่หลัวหย่งราวกับรู้ใจ ก่อนจะกล่าวเตือนด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ “นี่ อย่าทำอะไรโง่ๆ ถ้าเจ้าลงมือโดยไม่มีคำสั่งจะต้องโดนลงโทษหนักแน่ เจ้ายังไม่มีผลงานแต่อยากโดนลงโทษก่อนอย่างนั้นรึ?”

“อ่า” สีหน้าของหลัวหย่งดูเซ็งขึ้นมาหลังจากที่ได้ยินดังนั้น “แล้วจะเอาไง?”

“เจ้ากลับไปรวมกลุ่มกับนักรบหมาป่าคนอื่นก่อน คอยปกป้องคนที่พามาด้วย ข้าจะออกไปดูเอง”

“เฮ้ย หลัวจิน เจ้าพึ่งบอกให้ข้าอย่าทำอะไรบุ่มบ่ามไม่ใช่รึไง เจ้าจะลงมือโดยไม่มีคำสั่งอย่างนั้นรึ?”

เมื่อได้ยินดังนั้น หลัวจินก็กล่าวออกมาด้วยความมั่นใจ “เจ้าว่าข้าลงมือโดยไม่มีคำสั่งงั้นรึ? ข้าคือหัวหน้าหน่วยสำรวจ ท่านผู้นำบอกกับข้าว่าหากพบศัตรูหรือเผ่าอื่น ให้ข้ามีสิทธิตัดสินใจว่าจะลงมือสำรวจหรือไม่!”

“ถ้าอย่างนั้นก็พาข้าไปด้วย” หลัวหย่งกล่าวด้วยสีหน้าไม่ค่อยยอม

“อย่าสร้างปัญหา เจ้าไม่มีประสบการณ์ในการออกสำรวจ อีกอย่าง เจ้าตัวใหญ่ขนาดนี้ถ้าข้าพาเจ้าไปมันจะไม่เพิ่มโอกาสที่จะโดนจับได้รึยังไงกัน” ขณะที่พูด หลัวจินก็เร่งหลัวหย่งอีกครั้ง “รีบๆกลับไปคอยปกป้องคนอื่นเถอะ ถ้ามีอะไรไม่คาดคิดข้าจะส่งสัญญาณเอง ยิ่งไปกว่านั้นถ้าข้ารู้ตำแหน่งของศัตรูได้ ถ้ามีสงครามเจ้าก็จะได้เปรียบไง จะรีบไปทำไมเล่า?”

ในที่สุดหลัวหย่งก็ถูกเกลี้ยกล่อมให้กลับไปได้สำเร็จ หลัวจินก็รีบหยิบขนสัตว์สีขาวมาจากถุงด้านหลังและคลุมตัว ขนสัตว์นี้ถูกทำขึ้นมาโดยหลัวจี๋เพื่อหน่วยสำรวจโดยเฉพาะ ท่านผู้นำบอกว่าเจ้านี่คือสีพราง ถ้าหากคลุมขนสัตว์สีขาวนี้แล้วนอบราบกับพื้น ถ้าศัตรูไม่มองดีๆก็จะไม่รู้แม้แต่น้อย

หลัวจินที่ตอนนี้ห่มหนังสัตว์สีขาวก็ย่อตัวลงและค่อยๆไล่ตามรอยเท้าที่เหลืออยู่บนหิมะไป ระหว่างนั้นเขาก็อยู่ในสภาวะภวังค์ จิตใจเย็นยะเยือก หูจับเสียงรอบตัวโดยละเอียด สายตากวาดสำรวจไปทั่ว

“มีคน!” เมื่อได้ยินเสียงเบาๆดังขึ้นมา หลัวจี๋ก็รีบนอนราบลงกับพื้นในทันทีพร้อมกับขนสัตว์สีขาวที่คลุมเอาไว้ เขาแทบจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของหิมะไปแล้ว

เขากวาดสายตามองดูรอบๆและพบคนเถื่อนสองคนเดินอยู่ห่างออกไปสิบกว่าเมตร ทั้งสองคนไม่เห็นหลัวจี๋ที่อยู่ที่สูงกว่า เมื่อเห็นคนเถื่อนสองคนเดินผ่านไป เขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เขายังคงรักษาท่าเดิมและค่อยๆคลานไปข้างหน้าอย่างช้าๆ…

“เจอแล้ว” เมื่อมองจากไกลๆ เผ่าของศัตรูนั้นใหญ่แค่กำปั้น แต่สีหน้าของหลัวจินเคร่งเครียด “ไม่คิดเลยว่าจะมีเผ่าอยู่ในที่แบบนี้ด้วย จากเผ่านี้ไปเผ่าเราใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ครึ่งวัน หากศัตรูพบเผ่าเรามันอาจจะลอบโจมตีเราก็ได้…”

เมื่อคิดเช่นนั้น คิ้วของหลัวจี๋ก็ขมวดแน่น “บ้าเอ้ย ข้าพลาดไป หลังจากที่เมื่อวานเจอหัวไช้เท้า ข้าก็รีบกลับไปรายงานให้ท่านผู้นำโดยที่ไม่ได้สำรวจพื้นที่รอบๆ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเจอรอยเท้าเราหรือเปล่า ถ้าเจอก็อาจะเป็นไปได้ว่ามันเจอตัวพวกเราแล้ว”

“ข้าควรทำยังไงดี? ถอยตอนนี้ไปรายงานให้ท่านผู้นำหรือจะสำรวจให้ละเอียดดี?” ที่ที่หลัวจินอยู่ตอนนี้อยู่ห่างจากเผ่าของอีกฝ่ายพอสมควร เขาเห็นเพียงขนาดโดยรวมของค่ายเพียงเท่านั้น สถานการณ์นี้ทำให้เขาต้องตัดสินใจ เขาคิดอะไรไม่ออก และไม่รู้จะทำอย่างไร

“ฟู่ว—-” เขาหายใจออกมายาวๆเพื่อทำให้ใจเย็นลง “ใจเย็นๆ ใจเย็นๆ! สีพรางที่ท่านผู้นำให้มามีประโยชน์มาก พื้นที่โดยรอบนี้มีแต่หิมะ ถ้าเราใช้สีพรางนี้ก็คงไม่เป็นปัญหาถ้าจะขยับไปใกล้ๆ พอยืนยันได้แล้วเราก็หาโอกาสหนีทันที อืม ลงมือเลย ไม่มีปัญหาอะไรแน่!”

เขากลั้นหายใจและค่อยๆขยับไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง ตลอดทาง เขาไมไ่ด้ไปเป็นเส้นตรง แต่เลือกอ้อมอย่างชาญฉลาด เขาค่อยๆเดินไปรอบๆอย่างช้าๆ ใช้ประโยชน์จากที่สูงกว่า และในขณะเดียวกันก็เลี่ยงการทิ้งร่องรอยเอาไว้บนหิมะที่จะทำให้อีกฝ่ายหาเจอได้ง่าย

ระยะทางค่อยๆใกล้เข้าไปเรื่อยๆ และค่ายของอีกฝ่ายที่ก่อนหน้านี้มีขนาดเพียงแค่กำปั้นก็เริ่มขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่เข้าไปถึงระยะหนึ่งแล้ว สัญชาตญาณของเขาก็บอกให้ร่างกายหยุดไม่เข้าไปต่อ

หลัวจินไม่สงสัยในสัญชาตญาณ สัญชาตญาณได้ช่วยชีวิตเขามาหลายรอบแล้ว เขานอนนิ่งอยู่บนพื้นหิมะลบล้างตัวตนของเขา ลมหายใจของเขาเบาบางมาก พร้อมกับสายตาที่กวาดไปทั่วค่ายของอีกฝ่าย

การจะยืนยันจำนวนประชากรของอีกฝ่ายในเวลาสั้นๆนั้นเป็นไปไม่ได้เลย หากจะทำแบบนั้น เขาต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งวันเต็มๆในการลอบสำรวจ แต่ว่าการลอบสำรวจในระยะใกล้ขนาดนี้นานๆนั้นเป็นอันตรายมาก ดังนั้นแล้วเขาจึงใช้วิธีนับแบบฉลาดๆ เขานับจำนวนเต็นท์ เต็นท์ไม่สามารถหนีหรือซ่อนตัวได้ ถ้านับจำนวนเต็นท์ถูก ก็จะสามารถบอกจำนวนคนในเผ่านี้ได้โดยประมาณ!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด