ตอนที่แล้วตอนที่ 3 (อ่านฟรี)พี่ชายฉันมีความรัก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 5(อ่านฟรี) เมื่อหัวใจเต้นแรง

ตอนที่4 (อ่านฟรี)อาหารฝีมือแม่ ครั้งแรกของ ฟ่งฟ่ง


ตอนที่4 อาหารฝีมือแม่ ครั้งแรกของ ฟ่งฟ่ง

ในเช้าวันใหม่

ที่ป้ายรอรถประจำทาง

ฟ่งฟ่ง รอรถประจำทางตรงนี้เป็นประจำทุกเช้า และวันนี้ด้วยความรีบร้อนเช่นเคย เธอสวมรองเท้าแตะออกมาจากบ้าน ในวันที่อากาศหนาวมาก และกำลังมีหิมะตกครั้งแรกของปี

"เฮ้! ฟ่งฟ่ง เธอไม่หนาวหรือไง อากาศหนาวมากและหิมะก็ตกแล้วด้วย ทำไมยังสวมแค่รองเท้าแตะออกมาข้างนอก" จื่อหมิง เพื่อนชายคนสนิทของฟ่งฟ่ง พูดเมื่อเดินมาถึงป้ายรอ รถประจำทาง

"โอ้!..ฉันคงรีบร้อนเกินไปจริงๆ แต่ไม่เป็นไร ฉันทนได้ไม่หนาวเท่าไหร่" ฟ่งฟ่ง ก้มมองรองเท้าของเธอและกล่าวอย่างไร้กังวล

จื่อหมิง ส่ายหัวเบาๆ และขำเล็กน้อย:"เธอเป็นแบบนี้ตลอดเลยนะ ฟ่งฟ่ง"

"อ๊ะ! มาแล้ว ขึ้นรถเถอะ"ฟ่งฟ่ง คว้าแขน จื่อหมิง ก้าวขาขึ้นไปบนรถประจำทาง

จื่อหมิง คือเพื่อนผู้ชายที่สนิทกับ ฟ่งฟ่ง ตั้งแต่ยังเด็ก และเขายังอยู่ชุมชนเดียวกันกับเธอ

จื่อหมิง มักจะคอยปกป้อง ฟ่งฟ่ง เรื่อยมาจากอันธพาลในซอยเปลี่ยว และเหตุการณ์สำคัญอีกเหตุการณ์หนึ่งตอนที่เขายังเด็ก เขาเคยได้รับบาดเจ็บเพราะเข้าไปขวางรถที่กำลังจะชน ฟ่งฟ่ง

ในตอนนั้น เขาผลัก ฟ่งฟ่ง และช่วยเธอให้รอดจากการถูกรถชนไว้ได้ แต่ตัวเขาเองกลับหลบไม่ทันและโดนรถชนแทน ทำให้เขาขาหัก และต้องรักษาเป็นระยะเวลามากกว่าหนึ่งปี

ตอนนี้เขาเดินได้เป็นปกติแล้ว และครอบครัวของเขาก็ไม่เคยกล่าวโทษ ฟ่งฟ่ง แม้แต่น้อย

จื่อหมิง เป็นลูกชายคนเล็กของครอบครัวที่ร่ำรวย บ้านของเขาประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในบางวันเขาต้องเข้าไปเรียนรู้งานที่บริษัท และวันปกติเขาจะทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านหนังสือ

ครอบครัวของ จื่อหมิง ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการทำงานพาร์ทไทม์ของเขา ทั้งจื่อหมิงและทุกคนในครอบครัวของเขา ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายไม่เหมือนคนที่ร่ำรวยทั่วไปที่มักจะรังเกียจคนจนและทำตัวหรูหรา

เมื่อนั่งรถประจำทางคันเดียวกัน ฟ่งฟ่ง มักจะนั่งข้างๆ จื่อหมิง เสมอ

" วันนี้ฉันต้องทำงานที่ร้านกาแฟเป็นวันสุดท้ายแล้ว "ฟ่งฟ่ง พูดและมองไปที่ด้านนอกรถ

"ทำไมล่ะ เธอถูกไล่ออกเหรอ?" จื่อหมิง ถามด้วยความแปลกใจ

"ไม่ ฉันลาออกเอง เพราะลูกค้าน้องลง เจ้าของร้านจ้างพนักงานไม่ไหว ต้องมีพนักงานบางคนลาออก ร้านจึงจะอยู่รอด ฉันจึงเป็นคนที่ลาออกเอง" ฟ่งฟ่ง ยังคง พูดด้วยรอยยิ้มเช่นเคยแม้ว่าเธอต้องหางานใหม่ก็ตาม

" เฮ้อ!..โอเค ในวันหยุดฉันจะช่วยเธอหางานใหม่ก็แล้วกัน"จื่อหมิง พูดและส่ายหน้าอีกครั้ง ฟ่งฟ่ง

"ไม่ นายเองก็มีอะไรมากมายที่ต้องทำ ฉันหาเองได้ "ฟ่งฟ่ง รีบบอกกับ จื่อหมิง ด้วยความเกรงใจ

จื่อหมิง ดีกับเธอมากจริงๆ และเธอรู้สึกว่าไม่ควรจะเอาเปรียบเขาไปมากกว่านี้

……….

ที่หน้าประตูร้านกาแฟ ฟ่งฟ่ง มองดูรอบๆ ด้วยความใจหาย

เมื่อเธอเปิดประตูเข้าไป เจ้าของร้านและพนักงานอีก 3 คน ถือลูกโป่งและกล่องของขวัญ ทุกคนค่อยๆก้าวมายืนตรงหน้าเธอ

" ฟ่งฟ่ง ได้โปรดรับของขวัญนี้ไว้ด้วย แทนคำขอโทษจากฉัน " เจ้าของร้านกล่าวอย่างจริงใจ

" ถ้าหากกิจการเราดีขึ้น ฉันจะรีบโทรหาเธอเพื่อขอให้กลับมาทำงานเหมือนเดิม"

ทั้งเจ้าของร้านและพนักงานต่างก็รู้สึกผิดต่อเรื่องนี้ แม้ ฟ่งฟ่ง จะเต็มใจลาออกเอง แต่ยังไงพวกเขาก็ยังคงรู้สึกว่าควรขอโทษเธอ

"เอาล่ะค่ะ ทุกคนไม่ต้องรู้สึกผิดต่อฉันหรอกค่ะ ฉันหางานใหม่ได้แล้วล่ะค่ะ" ฟ่งฟ่ง พูดเพื่อให้ทุกคนสบายใจ แต่ในความจริงเธอยังไม่มีงานใหม่อย่างที่บอกไป

"เยี่ยมไปเลย ฉันค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย ถ้าอย่างนั้นวันนี้เธอก็กลับไปพักผ่อนเถอะ แต่ฉันยังคงจะจ่ายค่าแรงของวันนี้ให้เธอด้วย" เจ้าของพูดด้วยใบหน้าที่ดูสบายใจขึ้น

ไม่นาน ฟ่งฟ่ง หอบกล่องของขวัญเดินออกจากร้าน  เธอยังคงหันไปมองประตูด้วยความคิดถึงการทำงานที่นี่ เธอทำงานที่นี่มา 3 ปีแล้ว ที่ร้านแห่งนี้มีทั้งความทรงจำและมิตรภาพที่ดีมากมาย

ในขณะที่ ฟ่งฟ่ง กำลังเดินผ่านตึกใหญ่ของสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง เธอเห็นหญิงสาวผมสั้นคนหนึ่ง ที่ดูจะอายุเท่า ๆ กับเธอ เดินลงมาจากรถตู้สีดำพร้อมกับบอดี้การ์ด

"ว้าว~สุดยอด เธอมีบอดี้การ์ดด้วย" ฟ่งฟ่ง กล่าวด้วยความชื่นชมและเดินผ่านไปตามปกติ

จากนั้นฟ่งฟ่ง หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและกดโทรหมายเลขของพี่ชาย :"พี่คะตอนนี้อยู่ที่ไหน"

เฉิงอี้:"พี่กำลังขับรถจะกลับบ้าน แล้วเธออยู่  ที่ไหน มีเสียงคล้ายกับอยู่บนถนน"

ฟ่งฟ่ง:" ใช่..ฉันก็กำลังจะกลับบ้าน"

เฉิงอี้:" แล้วไม่ทำงานที่ร้านกาแฟเหรอวันนี้"

ฟ่งฟ่ง:" เดี๋ยวฉันค่อยเล่าให้ฟังในรถนะคะ พี่มารับฉันหน่อยนะ"

เฉิงอี้:" โอเค เธออยู่ตรงไหนเดี๋ยวพี่ไปรับ"

ฟ่งฟ่ง:" ฉันจะรอพี่อยู่หน้าสถานีโทรทัศน์เจเบส ค่ะ"

เพียงครู่เดียวเฉิงอี้ ก็มาถึงหน้าสถานีโทรทัศน์เจเบส  และฟ่งฟ่ง ก็ขึ้นรถไป

ระหว่างทาง ฟ่งฟ่ง ได้เล่าถึงเรื่องการลาออกจากงานของเธอทั้งหมดให้ เฉิงอี้ ฟัง แต่เฉิงอี้ ก็ไม่ได้มีคำถามอะไร เขาเพียงแค่ให้กำลังใจเธอเท่านั้น

เมื่อถึงบ้าน.....

เฉิงอี้ และฟ่งฟ่ง เดินเข้าไปในบ้าน และทั้งสองคน ก็หยุดเดินทันทีเมื่อเห็นมาเรีย แม่ของพวกเขากำลังทำท่าทางวุ่นๆอยู่ในครัว และเหมือนเธอกำลังทำอาหาร

ภาพแม่ที่ทำอาหารอยู่ในครัวถือเป็นเรื่องแปลกใหม่มากสำหรับฟ่งฟ่ง และเฉิงอี้

โดยเฉพาะเฉิงอี้ เขาไม่เคยเห็นแม่ของเขาเข้าครัวเพื่อทำอาหารมานานกว่า 20 ปี

อย่างที่รู้ตั้งแต่พ่อเขาจากไป แม่ของเขาก็แทบจะไม่เคยออกมาจากห้อง หากไม่มีความจำเป็น เธอมักจะเก็บตัวอยู่ในห้องนอนและหน้าที่การดูแล ฟ่งฟ่ง ทั้งหมดตั้งแต่เธอเกิดมาส่วนใหญ่แล้วเฉิงอี้ จะรับหน้าที่นี้ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานบ้านหรือเลี้ยงน้องสาว เฉิงอี้ ก็ทำได้ดีทั้งหมดแม้ว่าในตอนนั้นเขาจะยังเด็กก็ตาม

แต่ถึงแม้มาเรียจะไม่ได้ทำหน้าที่เหล่านี้แต่เธอก็ยังคอยให้คำแนะนำเมื่อเฉิงอี้ ต้องการให้ช่วย

"แม่คะ แม่ทำอะไรอยู่คะ"ฟ่งฟ่ง ถามด้วยความแปลกใจ

"มากันแล้วเหรอ แม่ก็กำลังทำอาหารให้พวกลูกๆอยู่แม่รู้สึกเบื่อห้องนอนเต็มทีแล้วอยากออกมาทำอะไรบ้าง" มาเรีย หันมาพูดด้วยรอยยิ้ม

เมื่อได้ยินน้ำเสียงแม่สดใสเช่นนี้เฉิงอี้ เดินตรงเข้าไปก่อนแม่เขาทันที

"ขอบคุณนะครับ แม่ผมดีใจที่จะได้กินอาหารฝีมือแม่อีกครั้ง" ในขณะที่พูดเฉิงอี้ ก็มีน้ำตาไหลออกมาด้วยความซาบซึ้งใจและดีใจอย่างบอกไม่ถูก

เมื่อเห็นพี่ชายน้ำตาไหล ฟ่งฟ่ง ก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ตามและเธอก็เดินเข้าไปกอดแม่และพี่ชายด้วย ":หนูจะได้กินอาหารฝีมือแม่ครั้งแรก ดีใจจังเลย8jt"

"เอาล่ะ!เอาล่ะ!ทั้งสองคนไปอาบน้ำเถอะแล้วเดี๋ยวลงมากินข้าวพร้อมกัน"มาเรีย พูดพร้อมกับเช็ดน้ำตา และทำอาหารต่อ

เมื่ออาหารทั้งหมดเสร็จแล้วส่งๆและเฉิงอี้ ก็พร้อมที่จะชิมอาหารฝีมือแม่ เมื่อฟ่งฟ่ง กำลังจะตักอาหารคำแรกมาเรียก็พูดขึ้นว่า: "แม่ไม่ได้ทำอาหารนานมากแล้ว ไม่รู้ว่าลูกจะกินได้รึเปล่า?

"โถ่..แม่คะทำไมถึงพูดอะไรน่ากลัวแบบนี้ล่ะ ถ้าอย่างนั้นให้พี่เฉิงอี้ ชิมก่อนก็แล้วกัน"ฟ่งฟ่ง พูดด้วยน้ำเสียงล้อเล่นอย่างมีความสุข

"แน่นอนพี่ชิมเองอาหารฝีมือแม่อร่อยมากพี่จำได้"เฉิงอี้ พูดจบและตักซุปปลา

หลังจากชิมแล้วเฉิงอี้ วางช้อนลง:"แม่ครับต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆเดี๋ยวผมจะไปทำซุปปลาให้ใหม่นะครับ"

"แม่คงไม่ได้ทำอาหารนานมากเกินไปจริงๆ ครั้งหน้าแม่จะแก้ตัว"มาเรีย พูดอย่างรู้สึกผิด

เมื่อเห็นแม่ของเธอมีสีหน้าที่ดูเสียใจ ฟ่งฟ่ง รีบพูดขึ้นมาว่า :"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แม่หนูกินได้ พี่เฉิงอี้ พูดเกินไป "

เมื่อเห็นฟ่งฟ่ง ปลอบใจ มาเรียก็มีรอยยิ้มอีกครั้ง:"ถ้าอย่างนั้นครั้งหน้าแม่จะทำให้อร่อยขึ้นกว่านี้ อันที่จริงแม่ก็ชิมแล้วและมันก็ไม่อร่อยจริงๆ "

"ไม่ค่ะแม่..อาหารนี้รสชาติยังพอกินได้ ไม่ได้แย่ขนาดนั้น กินกันเถอะค่ะ"

แม้ว่าวันนี้อาหารที่แม่ทำจะไม่อร่อย ฟ่งฟ่ง ก็กินอย่างอร่อย เพราะนี่คืออาหาร ฝีมือแม่ครั้งแรก

เสียงหัวเราะๆและบรรยกาศแห่งความอบอุ่นในบ้านหลังนี้ได้เริ่มต้นขึ้น จากนี้ไป ฟ่งฟ่ง คงจะได้กินอาหารที่แม่ทำทุกวัน และวันหนึ่งอาหารของแม่ต้องอร่อยเหมือนที่เฉิงอี้ เคยบอกไว้

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด