เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 190
ตอนที่ 190
หลินซวนลูบคางเล็กน้อย เขากำลังจะทำการโจมตีอีกครั้ง
เขานำเอาหม้อสามขาใบเล็กออกมา หม้อใบนี้เป็นสมบัติที่อัจฉริยะสักคนพอเจอในแดนลึกลับ แต่ท้ายที่สุดก็ตกเป็นของหลินซวน
ไม่นานหลังจากนั้น หลินซวนเริ่มทำการชำระล้างหม้อใบนี้ เขาต้องการจะใช้มันเพื่อจู่โจมเหล่าผู้บ่มเพาะที่ยังหลงเหลืออยู่ของหอเทพอัคคี ขัดขวางการบ่มเพาะของพวกมันและทำให้พวกมันต้องเผชิญกับปัญหาจากเหตุนี้
ด้านหน้าของถ้ำโบราณแห่งหนึ่ง เหล่าผู้ฝึกตนแดนสร้างรากฐานทั้งสี่ของหอเทพอัคคีกำลังกราดเกรี้ยวและโมโหยิ่งนัก
หลังจากที่ถูกหลินซวนหยอกล้อถึงเพียงนี้ มีหรือที่พวกมันทั้งหลายจะยังสามารถสงบสติอารมณ์และทำสมาธิได้? กระทั่งจะให้หยุดโทสะที่ลุกไหม้ในหัวใจของพวกมันยังมิอาจเป็นไปได้เสียด้วยซ้ำ
ยิ่งกว่านั้น มรดกตกทอดที่แฝงอยู่ในสำเนียงแห่งเต๋าที่สะท้อนอยู่รอบด้านก็เก่าแก่เกินไป แม้ว่าพวกมันจะสามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน แต่การจะทำความเข้าใจความหมายที่เป็นนัยอยู่ก็ยากเย็นยิ่งนัก สำหรับพวกมันแล้วแทบจะเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำที่จะเรียนรู้สิ่งนี้
“มันต้องมีปริศนาอย่างอื่นที่บอกใบ้ไว้บ้างสิ”
ไม่นานหลังจากนั้น พวกมันทั้งหมดก็ตระหนักได้ถึงบางสิ่ง และค้นพบว่าที่แห่งนี้ถูกผนึกซับซ้อนไว้หลายชั้น ป่าไผ่สวรรค์อัสนีม่วงและค่ายกลลึกลับด้านนอกเป็นเพียงแค่การป้องกันระดับแรกเท่านั้น ยังมีผนึกที่แน่นหนาอีกจำนวนหนึ่งปกป้องแก่นแท้ของมรดกชิ้นนี้เอาไว้อยู่
“ไปเก็บเกี่ยวสมุนไพรโดยรอบเสียก่อน อย่าลืมสำรวจให้ถี่ถ้วน พวกเราไม่ควรจะละเลยรายละเอียดเล็กน้อยใดๆ ทั้งนั้น!” เหล่าคนจากหอเทพอัคคีเริ่มใช้งานรุ่นเยาว์จากกองกำลังอื่นที่พวกมันบีบบังคับให้มาเป็นเหยื่อออกไปสำรวจบริเวณโดยรอบ
ส่วนพวกมันเลือกที่จะรอคอยอยู่ด้านหลังและเริ่มทำสมาธิบ่มเพาะเสียงแห่งเต๋าที่ได้ยินอีกครั้ง ในเวลาเดียวกันก็แบ่งจิตใจส่วนหนึ่งออกเพื่อเฝ้าระวังรอบด้านมิให้เกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน
สีหน้าของรุ่นเยาว์ที่เหลือต่างน่าเกลียดยิ่ง พวกเขาทำได้เพียงสบถด่าพวกมันอยู่ในใจ คนของหอเทพอัคคีพวกนี้ช่างหยิ่งยโสโอหัง ทำให้พวกเขารู้สึกว่าสิ่งที่หลินซวนกระทำกับพวกมันเป็นเรื่องที่ถูกต้องและเหมาะสมแล้ว
หากมิใช่เพราะว่าพวกเขาแข็งแกร่งน้อยเกินไป พวกเขาคงเลือดกระทำเช่นหลินซวนและร่วมมือกันสังหารผู้ฝึกตนทั้งหมดของหอเทพอัคคี!
ชั่วครู่ถัดมา รุ่นเยาว์ผู้หนึ่งบังเอิญแตะต้องแผ่นศิลาอย่างมิได้ตั้งใจ ทันใดนั้น สายฟ้านับไม่ถ้วนก็ปะทุขึ้น ส่งผู้โชคร้ายคนนั้นกระเด็นออกไป และในเวลาเดียวกัน สำเนียงแห่งเต๋าที่ดังอยู่ก็เริ่มปั่นป่วนโกลาหล!
“มีบางอย่างผิดปกติ! เร็วเข้า รีบผลักแผ่นศิลานี้ออกไป!” หัวหยุนคงเอ่ยอย่างกังวล มันต้องการจะพัฒนาตนเองและได้รับมรดกนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนจะออกไปสังหารหลินซวน!
เมื่อเหล่าคนที่เหลือได้ยินเช่นนั้น พวกเขาไร้ซึ่งทางเลือกนอกจากยอมอดทนต่อความเจ็บปวดจากสายฟ้าที่กระหน่ำลงมาและผลัดแผ่นศิลาไปให้พ้นจากที่ตั้งของมัน
หลังจากแผ่นศิลานั้นถูกผลักออกไปก็เกิดการสั่นสะเทือนขึ้น ปรากฏเป็นหลุมขนาดใหญ่บนผืนดิน ตามมาด้วยแท่นบูชาซึ่งปรากฏตัวอย่างช้าๆ
“ขึ้นไปบนยอดของแท่นบูชานั้นและอัดฉีดลมปราณเข้าไปยังเสาหินตรงมุมทั้งสี่ของแท่นบูชาเสีย!”
หัวหยุนคงใช้เวลาเล็กน้อยในการตรวจสอบอย่างระมัดระวังก่อนจะสั่งให้รุ่นเยาว์สี่คนเป็นหนูทดลองเข้าไปยังแท่นบูชา
หลังจากการถ่ายเทพลังปราณลงไป เสียงแตกหักก็ดันขึ้น และพริบตาถัดมา ทะเลอัสนีก็แผ่ออกไปโดยรอบจนปกคลุมสุดระยะสายตา สายฟ้าสีม่วงปะทุขึ้นจากป่าไผ่สวรรค์อัสนีม่วงและเริ่มกระหน่ำไปทั่วราดกับว่ามันต้องการจะทำลายทุกสรรพสิ่ง!
ก่อนที่ทะเลอัสนีนั้นจะเริ่มแปรเปลี่ยนไป มันเริ่มหมุนวนกลางอากาศและก่อตัวเป็นบันไดที่ทอดยาว!
“อะไรกัน? มีราชวังโบราณซุกซ่อนอยู่บนท้องฟ้าเหนือแดนลึกลับเช่นนั้นหรือ?” รุ่นเยาว์ทั้งหลายกำลังแปลกประหลาดใจยิ่ง พวกเขามองเห็นวังแห่งหนึ่งที่ที่ตั้งอยู่ตรงสุดปลายบันได มันช่างดูยิ่งใหญ่และสง่างามอีกทั้งยังเปล่งประกายเป็นสีม่วงเจิดจ้า
จากนั้น ผู้บ่มเพาะแดนสร้างรากฐานจากหอเทพอัคคีก็สั่งให้เหยื่อล่อทั้งหลายเดินขึ้นไปสำรวจบนบันไดแห่งนั้นเสียก่อน ส่วนพวกมันก็เดินตามไปด้านหลัง
ในระหว่างที่พวกเขากำลังเดินขึ้นไปบนบันไดอัสนี เขาก็มองเห็นลานจัตุรัสขนาดใหญ่ที่ปรากฏอยู่หน้าวังแห่งนั้น ใจกลางลานกว้างมีรูปปั้นสัตว์เทพที่คล้ายเป็นสุนัขดุร้ายตั้งอยู่ ทว่าบนผิวกายของรูปปั้นนั้นกลับเป็นเกล็ดมิใช่ขนเฉกเช่นสุนัขทั่วไป นั่นเป็นเอกลักษณ์หนึ่งของสิ่งที่เรียกว่ากิเลน
“นั่นมันอสูรสายเลือดมังกร!”
รุ่นเยาว์ทั้งหลายแปลกใจยิ่ง เขาจดจำได้ถึงลักษณะของรูปปั้นอสูรตนนั้น
“หากให้ข้ากล่าว มันคืออสูรตนหนึ่งซึ่งมีสายเลือดของมังกรไหลเวียนอยู่ และดูเหมือนว่ามันจะสามารถตัดผ่านกำแพงที่ขวางกั้นอยู่จนสามารถบรรลุถึงพลังแฝงในสายเลือดได้ การจะจินตนาการถึงอสูรสายเลือดมังกรที่มีพลังของกิเลนร่วมอยู่ด้วยช่างเป็นเรื่องที่ยากเย็นยิ่งนัก!”
คนจากหอเทพอัคคีทั้งสี่เองก็ประหลาดใจมิต่างกัน พวกมันไม่คาดคิดว่ามรดกที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหน้าของพวกมันจะเป็นสิ่งที่ทรงพลังถึงเพียงนี้
ใต้รูปปั้นอสูรโบราณทายาทมังกร มีแสงเปล่งประกายอยู่ ดูเหมือนว่ามันจะเกิดจากกลิ่นอายบางอย่างและมีปริศนาซุกซ่อนอยู่ อีกทั้ง มันยังเป็นสิ่งเดียวที่ปรากฏอยู่ในลานกว้างแห่งนี้
พวกมันทั้งสี่บัดนี้ระมัดระวังยิ่ง แม้ว่าจะมีสมบัติปรากฏอยู่ตรงหน้า กลับมิได้รีบร้อนจะไปไขว่คว้ามา แต่กลับส่งผู้อื่นไปสำรวจเส้นทางเสียก่อน
นี่เป็นเพราะว่า แม้ลานกว้างแห่งนี้จะดูไม่ได้มีอันตรายใดๆ แต่พวกมันก็ยังคงไม่ต้องการจะประมาท ปราการชั้นแรกเป็นป่าไผ่สวรรค์อัสนีม่วงและค่ายกลที่เช่นร้ายกาจ เพราะเหตุนี้จึงเป็นไปไม่ได้ที่สถานที่แห่งนี้จะไร้ซึ่งการป้องกัน
ฟุ่บ!
มีรุ่นเยาว์ผู้หนึ่งที่ก้าวเดินเข้าไปใกล้รูปปั้นเกินไป สายฟ้าเส้นหนึ่งจึงปรากฏขึ้น ก่อนที่มันจะเริ่มเปลี่ยนรูปไปเป็นระฆังโบราณและบดขยี้ลงมาใส่ชายผู้โชคร้ายและส่งผลให้รุ่นเยาว์สองสามคนที่อยู่ใกล้เคียงถูกเผาไหม้จากสายฟ้าจนกลายเป็นตอตะโก ช่างเป็นพลังที่โหดร้ายรุนแรงยิ่งนัก!
“ดูเหมือนว่าจะมีสมบัติถูกซ่อนเอาไว้ที่นี่อย่างแน่นอน! และเป็นไปได้ว่ามันจะเป็นสิ่งของที่เหลือไว้ของอสูรสายเลือดมังกรตนนั้น สิ่งที่พวกเราได้ยินด้านล่างย่อมเป็นรอยเท้าที่เหลือทิ้งไว้ของอสูรตนนั้นในระหว่างที่มันเหยียบย่างขึ้นมาเบื้องบนนี้ และสมบัติที่อยู่เบื้องหน้าควรเป็นมรดกตกทอดทั้งหมดของมัน!” ดวงตาของหัวหยุนคงเปล่งประกายแวววาว
หลังจากนั้น หัวหยุนคงก็ยังส่งรุ่นเยาว์จำนวนหนึ่งไปเพื่อเป็นเหยื่อล่อด้านหน้าตน พวกเขาเดินเข้าไปยังลานกว้างและต้องการนำสมบัติออกมา ทว่าท้ายที่สุด สายฟ้าก็ปรากฏขึ้นและกระหน่ำใส่พวกเขาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน ตกตายอย่างน่าเวทนา!
“พวกเรามิอาจทนรอต่อไปได้อีกแล้ว!”
เห็นเหตุการณ์เบื้องหน้าเป็นเช่นนี้ รุ่นเยาว์ทั้งหลายที่ถูกใช้เป็นเพียงเหยื่อล่อก็รู้สึกถึงความสิ้นหวังที่เกาะกุมหัวใจ หากพวกเขายังปล่อยให้สถานการณ์เช่นนี้ดำเนินต่อไป พวกเขาทั้งหมดย่อมต้องตายลงจนหมดสิ้น พวกเขาต้องยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อหาทางรอด!
ทว่า ก่อนที่พวกเขาจะได้กระทำสิ่งใด ก็ค้นพบว่าผู้ฝึกตนแดนสร้างรากฐานของหอเทพอัคคีมิได้บังคับให้พวกเขาเดินออกไปเบื้องหน้าเพื่อสำรวจอีก นี่เป็นเพราะว่าพวกมันค้นพบความแปลกประหลาดบางประการ รอบด้านของพวกมันมีอักขระแห่งเต๋าที่แสนล้ำลึกแตกต่างจากด้านล่างโดยสิ้นเชิงแฝงอยู่อย่างมากมาย!
ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้บ่มเพาะอักขระเต๋าเหล่านี้ ย่อมสามารถได้รับมรดกที่ถูกทิ้งไว้และเข้าใจได้ถึงความพิสดารของมันอย่างแท้จริง!
พวกมันทั้งสี่มิได้เอ่ยสิ่งใด แต่ราวกับว่าความคิดของพวกมันเชื่อมต่อกัน พวกมันจึงนั่งลงและเตรียมจะทำสมาธิเพื่อบ่มเพาะอักขระแห่งเต๋า ณ ที่แห่งนี้!
ในคราวแรก สิ่งต่างดูเป็นไปด้วยความราบรื่น พวกมันกำลังจะได้บรรลุบางสิ่ง แต่เพียงชั่วครู่ต่อมา เมื่อพวกมันคล้ายจะคว้าจับพื้นฐานบางอย่างได้ เสียงระเบิดของสายฟ้าก็ดังลั่นขึ้น!