ตอนที่แล้วEp.116 - กลุ่มโจรโลกวิญญาณ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.118 - บดขยี้อย่างสิ้นเชิง

Ep.117 - คำสาปวิญญาณโลหิต


3/4

Ep.117 - คำสาปวิญญาณโลหิต

มีหลายคนยังคงเข้าใจผิด คิดว่าในเมื่อโลกวิญญาณไม่ได้ตายจริงๆ จึงไม่หวาดกลัวความตาย ต่อให้ถูกฆ่าก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ อย่างมากแค่เลเวลลดไม่ก็เสียแต้มวิญญาณ

ซึ่งแนวคิดนี้ผิดมหันต์ คุณควรหวาดกลัวมันไว้บ้างก็ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระบวนการระหว่างกำลังจะตาย

ในโลกวิญญาณ หากพลังชีวิตยังไม่เหลือ 0 ต่อให้ถูกทรมาน กรีดเลือดเฉือนเนื้อยังไงก็จะไม่ตาย ทว่าความเจ็บปวดยังคงอยู่

ยิ่งหากได้รับการฟื้นพลังชีวิต โอกาสตายแทบไม่มีเลย

เจียงหนานพึ่งเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้เป็นครั้งแรก เธอรู้สึกกลัวมาก

เธออาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สะดวกสบายและเป็นมิตรตั้งแต่ยังเป็นเด็ก พ่อแม่และครอบครัวปกป้องเธออย่างดี ตั้งแต่เล็กจนโต เธอเข้าเรียนในโรงเรียนที่มีการดูแลจัดการอย่างเข้มงวดที่สุดในหยานจิง เต็มไปด้วยบรรยากาศของความเป็นมิตร

ทำให้แม้เจียงหนานอายุถึงสิบเก้าปีแล้ว แต่เธอยังไม่เคยก้าวเข้าสู่สังคมของโลกแห่งความเป็นจริง ไม่เคยเห็นความชั่วร้ายในจิตใจมนุษย์มาก่อน

ในโลกทัศน์ของเธอคนส่วนใหญ่คือคนดี

เรื่องน่ากลัวเฉกเช่นดีกำลังเกิดขึ้นตรงหน้านี้ ปกติเธอเห็นมันเป็นครั้งคราวจากในข่าวสารเท่านั้น ในความคิดของเธอ อะไรพวกนี้มันห่างไกลจากตัวราวกับเป็นอีกโลกหนึ่ง

และไม่เคยคิดเลยว่าวันนี้มันจะเกิดขึ้นกับตัวเอง

ฉันควรทำยังไงดี? ฝ่ายตรงข้ามมีเป็นสิบคน แถมแต่ละคนยังใส่อุปกรณ์เต็มยศ มีแต่ของเลเวล 2 ขึ้นไปทั้งนั้น

ฮังอวี่แม้แก่กล้ากว่าทุกๆคน แต่เกรงว่าสองกำปั้นจะสู้สิบมือไม่ไหว

ส่วนพลังรบของเธอและหวังฉงมันน้อยจนน่าใจหาย ฉะนั้นไม่ควรค่าให้กล่าวถึง!

‘บางครั้งมนุษย์ก็น่ากลัวกว่ามอนสเตอร์’

ทันใดนั้นคำที่ฮังอวี่เคยพูดสะท้อนเข้ามาในใจเจียงหนาน

ตอนนั้นเธอไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้ในที่สุดก็ตระหนักถึงความหมายของมัน

“ไม่ต้องกลัว พันธนาการใกล้จะหมดแล้ว” จู่ๆ ฮังอวี่ก็เปิดปากพูดกับทั้งสองคน “มันหายไปเมื่อไหร่ ขอให้ทั้งสองคนวิ่งไปทางซ้าย ไม่ต้องสนใจอะไรทั้งนั้น เข้าใจไหม?”

เจียงหนานและหวังฉงตัวแข็ง

อย่าบอกนะว่า ฮังอวี่คิดจะตีฝ่าวงล้อม?

อีกฝ่ายมีเป็นสิบคน ไม่ไหวหรอกกระมัง?

“มัวซุบซิบบ้าอะไรกัน? หรือพูดดีๆไม่ฟัง อยากให้ใช้กำลังบังคับ!” ลูกพี่หัวเถิกสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของพวกฮังอวี่ และเขาก็รู้ว่าเอฟเฟกต์พันธนาการกำลังจะหมดลงในไม่ช้า จึงเร่งออกคำสั่งทันที “ไปจับตัวพวกมันมาให้ฉัน!”

แทบจะในเวลาเดียวกัน เถาวัลย์และวัชพืชที่คอยรัดพันแตกเป็นเสี่ยงๆ

ฮังอวี่อาศัยจังหวะที่พวกโจรโลกวิญญาณยังเข้าไม่ถึงตัว ขว้างระเบิดควันที่ซื้อมาจากวิหารเนโครแมนเซอร์

ตูม! ตูม!

ระเบิดควันสองลูกระเบิดพร้อมกัน ควันสีขาวลอยฟุ้ง บดบังทัศนวิสัย ได้ยินเพียงเสียงร้องโวยวายของกลุ่มโจร และเสียงหวีดแหลมของลูกศรที่ถูกยิงไปทั่ว

“วิ่ง!”

เจียงหนานกับหวังฉงเดินก้าวขาออกไปได้ไม่กี่ก้าว ก็ถูกชายร่างใหญ่หยุดเอาไว้

คนผู้นี้คือนักรบเลเวล 2 แม้เลเวลไม่สูง แต่อุปกรณ์เพียบพร้อม ทั้งยังถือโล่

ชายร่างใหญ่สังเกตเห็นทั้งสอง เขาตั้งท่าจะเคลื่อนไหว

แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆก็มีมีดบินพุ่งเข้ามา ปักลงกลางหน้าผากเขา

สกิลขว้างอาวุธเลเวล 3 เวอร์ชั่นอัพเกรดของฮังอวี่นั้นทรงพลังแค่ไหน?

ต่อให้ศัตรูเป็นนักรบที่มีอุปกรณ์ครบครัน ก็ยังถูกพรากพลังชีวิตไปมากกว่าสองในสามส่วนในพริบตา

เจียงหนานใช้โอกาสนี้ทุบหัวอีกฝ่ายด้วยกระบองนักบวช

เธอมีพลังรบเลเวล 4 แต่กระบองเป็นถึงอุปกรณ์สีขาวเลเวล 2 แม้การโจมตีทางกายภาพของนักบวชจะเป็นรองนักรบ แต่ก็มากพอที่จะลดพลังชีวิตของอีกฝ่ายจนเหลือ 0 ล้มฟุบแน่นิ่งลงกับพื้นทันที

เมื่อชายร่างใหญ่ตาย ไอหมอกเลือดที่คดเคี้ยวอยู่รอบตัวพลันกระจายหายไป บางส่วนไหลเข้ามาทางฮังอวี่ อีกส่วนหนึ่งลอยเข้าตัวเจียงหนาน ดรอปไอเท็มกว่า 3-4 ชิ้นในคราเดียว

ฉันฆ่าคน!

เจียงหนานก้มลงมากศพ จิตใจเธอว่างเปล่า

“อย่ามัวตะลึง รีบไปต่อ!”

ฮังอวี่หยิบไอเท็มขึ้นมา โยนมันลงในมิติเก็บของ และผลักเจียงหนาน

เจียงหนานถูกดันไปข้างหน้า ทั้งสามฝ่าวงล้อมออกไปอย่างราบรื่น หนีมาได้ไกลกว่า 500 เมตร ซ่อนตัวหลังก้อนหินใหญ่

ใบหน้าของเจียงหนานและหวังฉงเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก โดยเฉพาะเจียงหนานที่พึ่งระเบิดหัวโจรโลกวิญญาณด้วยมือตัวเอง ตอนนี้เธอสั่นเทาไปทั้งตัว หวาดกลัวมาก

ด้านหวังฉงก็ตัวสั่นไม่หยุด แต่มันเป็นการสั่นที่เกิดขึ้นจากความโกรธ!

“ไอ้พวกลูกหมา!”

“จะรังแกกันมากไปแล้ว!”

“อย่าให้ฉันรู้นะว่าพวกแกเป็นใครในโลกจริง ฉันจะให้พวกแกต้องชดใช้อย่างสาสม!”

นายน้อยฉงโกรธจนควันลอยออกจากทวารทั้งเจ็ด

ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่คนอย่างเขาต้องมาทุกข์ระทมเช่นนี้?

อันที่จริงสิ่งที่เขาโกรธไม่ใช่เรื่องที่พวกโจรโลกวิญญาณทำ แต่มันเป็นความโกรธที่เกิดจากความไร้กำลังของตัวเอง

นับแต่การมาเยือนของโลกวิญญาณ ทุกสิ่งเปลี่ยนไป ตัวเขาราวกับร่วงหล่นจากก้อนเมฆ

ความรู้สึกของการถูกรังแกและตอบโต้ไม่ได้ช่างเป็นอะไรที่น่าเจ็บใจนัก!

ฮังอวี่จับไหล่บางๆของเจียงหนานและพูดว่า “ไม่ต้องกังวล เธอทำดีแล้ว ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร

ความอ่อนโยนที่ฮังอวี่ส่งผ่านมา ทำให้ข้างในใจเธอรู้สึกดีขึ้นมาก นักศึกษาสาวปาดน้ำตาตรงหางตา เอ่ยถามอย่างรวดเร็ว “แล้วตอนนี้พวกเราจะเอายังไงกันต่อ? ที่นี่ไม่ปลอดภัย ... พวกเราควรเปิดใช้งานคัมภีร์เทเลพอร์ต กลับไปตั้งหลักที่ค่ายก่อนไหม?”

“ทำไมต้องกลับไปด้วย” มุมปากฮังอวี่ยกโค้ง เผยรอยยิ้มที่ยากจะเข้าใจความหมาย “ไอ้พวกโง่กลุ่มนี้ มันอุตส่าใจดีส่งอุปกรณ์มาถึงที่ แล้วฉันจะปฏิเสธน้ำใจของพวกมันได้ยังไง?”

เจียงหนานงง ตอนนี้เธอเบลอสมองคิดอะไรไม่ออก ไม่เข้าใจความหมายของฮังอวี่

“ตอนนี้ไม่มีเวลาอธิบาย แต่ตรงนี้ปลอดภัยแล้ว พวกเธอซ่อนตัวอยู่ที่นี่ไปก่อน ฉันเก็บกวาดเสร็จเมื่อไหร่ จะกลับมาหาเอง”

เจียงหนานกับหวังฉงเข้าใจในที่สุด ที่แท้ฮังอวี่ก็คิดจะออกไปล่าพวกโจรโลกวิญญาณเหล่านั้น

แต่ลำพังฮังอวี่คนเดียว แม้เขาเป็นถึงเลเวล 4 แต่ก็ไม่น่าเอาชนะศัตรูนับสิบคนได้หรอกใช่ไหม?

เจียงหนานไม่มีเวลาทันห้ามปราม ร่างฮังอวี่กลายเป็นโปร่งใสและหายตัวไป

หวังฉงตกตะลึง เอ่ยอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง “ฉันว่าเขาบ้าไปแล้ว!”

แน่นอน ฮังอวี่ไม่ได้บ้า แต่เป็นพวกกลุ่มโจรโลกวิญญาณต่างหากที่บ้า!

กล้ามาปล้นของจากฮังอวี่ ช่างแส่หาที่ตาย!

สำหรับพวกมัน ฮังอวี่เปรียบเสมือนเทพเจ้าแห่งโรคระบาด เป็นการดำรงอยู่ที่มิอาจล่วงเกินได้

แม้ศัตรูคือกระต่าย แต่ในฐานะสิงโตย่อมทุ่มสุดตัว

พลังรบของพวกโจรโลกวิญญาณถือว่าไม่เลวก็จริง

แม้ฮังอวี่จะไม่เห็นพวกมันอยู่ในสายตา แต่เพื่อความชัวร์ว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาด เพื่อให้แน่ใจว่าปลาจะไม่หลุดจากตาข่าย เขาตัดสินใจว่าเป็นการที่สุดหากตรวจสอบสนามรบก่อนลงมือเคลื่อนไหว

ฮังอวี่หลับตาลง เปิดใช้งานเทคนิคตาเหยี่ยว

ตาเหยี่ยวเดิมสามารถดูได้แค่มุมมองเดียวเพื่อการสอดแนม แต่หลังจากฮังอวี่ได้รับมรดกนักสอดแนม เขาสามารถเลือกดูได้อย่างอิสระระหว่างสองมุมมอง

และวิธีการเลือกก็ง่ายมาก หากใช้งานเทคนิคตาเหี่ยวตอนหลับตา  เขาจะสามารถสังเกตการณ์จากมุมมองเบื้องบนได้ ขอบเขตการมองเห็นเป็นภาพใหญ่

แต่หากใช้งานเทคนิคตาเหยี่ยวตอนเปิดตา เอฟเฟกต์ของสกิลจะช่วยเสริมพลังให้กับดวงตาในมุมมองปกติ สามารถตรวจจับพวกความสามารถพรางตัวหรือล่องหนได้

ครั้งนี้ฮังอวี่หลับตาลงและเปิดใช้งาน  ขอบเขตการมองเห็นใหม่เชื่อมต่อกับสมองของเขา

เขารู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองได้กลายเป็นนกเหยี่ยวที่โบยบินอยู่บนท้องฟ้า จ้องมองลงมาดูสถานการณ์ท่ามกลางป่าทึบจากเบื้องบน รัศมีการมองเห็นสามารถเข้าถึงได้มากกว่า 500 เมตร

ด้วยความสามารถอันทรงพลังของตาเหยี่ยวเลเวล 3 แม้วิสัยทัศน์เบื้องล่างจะถูกบดบังด้วยแมกไม้ แต่ก็ยังมองทะลุลงไปได้ สามารถแยกแยะเหยื่อที่ซ่อนตัวอยู่เบื้องล่าง

หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก เจ็ด ..

ฮังอวี่ไล่มาร์คศัตรูทีละคน

โจรโลกวิญญาณจะมีลักษณะพิเศษอย่างหนึ่ง นั่นคือมีไอหมอกเลือดแผ่ซ่านอยู่รอบตัวพวกเขา

ไอหมอกเลือดนี้ไม่ใช่เอฟเฟกต์ของอุปกรณ์หรือสกิล แต่มันเป็นออร่าแบบพิเศษที่เรียกว่า ‘ไอวิญญาณโลหิต’

และมีวิธีเดียวเท่านั้นที่จะได้รับไอวิญญาณโลหิต --นั่นคือต้องฆ่าพันธมิตรหรือเผ่านพันธุ์เดียวกัน!

ตามกฏของโลกวิญญาณ ต้องฆ่ามอนสเตอร์หรือพวกต่างเผ่าเท่านั้นคุณถึงจะได้รับแต้มวิญญาณทันที แต่หากล่าเผ่าพันธุ์เดียวกันหรือกลุ่มพันธมิตร คุณจะไม่ได้รับแต้มวิญญาณในทันที

อย่างไรก็ตาม การสังหารสิ่งมีชีวิตหนึ่ง แต้มวิญญาณจากสิ่งมีชีวิตที่ตายลงย่อมกระจายออกมาแน่นอน

ทว่าแล้วการสังหารพวกเดียวกัน แต้มวิญญาณเหล่านั้นไปอยู่ที่ไหนเล่า?

ก็ไปสะสมอยู่ที่ไอวิญญาณโลหิตนั่นอย่างไร!

แต้มวิญญาณที่ได้จากการฆ่าพวกเดียวกัน มันจะเปลี่ยนรูปแบบเป็นไอวิญญาณโลหิต

ไอวิญญาณโลหิตแน่นอนว่าสามารถดูดซับได้ แต่อัตราความเร็วค่อนข้างเชื่องช้า

มีแผ่นศิลาโลกวิญญาณหรือไอเท็มวิเศษบางอย่างสามารถช่วยชำระล้างไอวิญญาณโลหิตให้บริสุทธิ์ได้อย่างรวดเร็วอยู่ก็จริง แต่ราคาของพวกมันค่อนข้างสูงมาก

เมื่อไอวิญญาณโลหิตบริสุทธิ์แล้ว มันจะกลายเป็นแต้มวิญญาณธรรมดาๆ สามารถซึมซับเข้าสู่ร่างกายได้ทันที

หรือความหมายก็คือ การสังหารพันธมิตรหรือเผ่าพันธุ์เดียวกันสามารถปล้นแต้มวิญญาณได้ แต่มันมีข้อจำกัดและราคาที่ต้องจ่าย

ไอวิญญาณโลหิตจะพัวพันอยู่รอบตัวผู้เป็นคนสังหารอย่างยาวนาน มันจะทำให้ผู้สังหารได้รับบัฟ ‘คำสาปวิญญาณโลหิต’

คำสาปวิญญาณโลหิตมีผลสองอย่าง หนึ่งผลดีและหนึ่งผลเสีย

ผลดีก็คือ หากตายในสภาพติดอยู่ในคำสาปวิญญาณโลหิต ไอวิญญาณโลหิตจะระเหยหายไปโดยอัตโนมัติ สามารถช่วยแทนที่แต้มวิญญาณส่วนหนึ่งของตนเองที่ต้องสูญเสียหลังการตายได้ ทั้งยังเพิ่มโอกาสในการดรอปของที่จะได้จากผู้ถูกสังหาร

ผลเสียก็คือ หากตายลงภายใต้สถานะติดคำสาปวิญญาณโลหิต เปอร์เซ็นต์การดรอปอุปกรณ์ที่สวมใส่และไอเท็มข้างในมิติเก็บของจะเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก

แล้วอีกอย่างเอฟเฟกต์ของคำสาปสามารถซ้อนทับกันได้ หากมันซ้อนทับกันหลายครั้ง ขอแค่ตายทีเดียว เกรงว่าอุปกรณ์อาจดรอปทีเดียวหมดตัวไม่เหลือแม้แต่กางเกง

แนวคิดนี้คล้ายคลึงกับชื่อสีแดงในเกมออนไลน์ แต่ไม่เหมือนกันซะทีเดียว

เพราะคำสาปวิญญาณโลหิตไม่ได้บัฟเชิงลบอย่างสิ้นเชิง มันยังมีข้อดีในตัวเอง ซึ่งกรณีนี้ เกรงว่าในอนาคตคงมีกลุ่มคนเลือกที่จะฆ่ากันเองหรือโจรโลกวิญญาณเพื่อหาเลี้ยงชีพเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เนื่องจากเมื่อเทียบกับการต้องสำรวจโลกวิญญาณอันลึกลับแล้ว การปล้นคนกลุ่มเดียวกันมันง่ายและคุ้มค่ากว่าอย่างเห็นได้ชัด!

คนกลุ่มนี้คนหลักฐานที่ดีที่สุด!

พวกเขาทั้งหมดล้วนมีไอวิญญาณโลหิต ทุกคนติดคำสาปวิญญาณโลหิต!

ดังนั้น หากฮังอวี่ฆ่าพวกมัน เขาจะไม่ติดคำสาปวิญญาณโลหิต และอัตราการดรอปอุปกรณ์ของเจ้าพวกนี้อยู่ในระดับสูงจนน่าหวาดกลัว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกพี่ของพวกมัน สังเกตจากความหนาแน่นของไอวิญญาณโลหิต  อย่างน้อยน่าจะฆ่าคนมาแล้วมากกว่า 10 คน

ถ้าเจ้าหมอนี่ตาย อุปกรณ์สวมใส่คงดรอปทั้งตัว หมอยก็ไม่เหลือซักเส้น!