ตอนที่แล้วบทที่ 1 กำเนิดประชาธิปไตย : ตอนที่ 28 ความไม่สงบในอาณานิคม (Colonial unrest)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 1 กำเนิดประชาธิปไตย : ตอนที่ 30 จุดไฟคบเพลิง (Ignite the Torch) (End Act:1)

บทที่ 1 กำเนิดประชาธิปไตย : ตอนที่ 29 การประชุมว่าด้วยการแก้ไขภาษีใหม่ (New Tax Amendment Act Convention)


การประชุมว่าด้วยการแก้ไขภาษีใหม่

(New Tax Amendment Act Convention)

รัฐโจเซ ศาลากลางเมืองโรค (Rhode Town)

รัฐโจเซอยู่ส่วนกลางของอาณานิคม ซึ่งอยู่ระหว่างรัฐนิลเฟลกับรัฐวัลเทอร์ ตัวเมืองอยู่ห่างจากชายฝั่งอย่างมาก ภายในเมืองเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ชาวอาณานิคมต่างพากันรวมตัวกันอยู่หน้าศาลากลางเพื่อรอประกาศสำคัญจากตระกูลผู้ปกครองของพวกเขา

ภายในห้องประชุมของศาลากลางเมืองโรค คนจำนวนมากในห้องล้วนเป็นผู้ที่มีตำแหน่งสูงใหญ่บนอาณานิคม ตระกูลผู้ปกครอง และเหล่าหัวหน้าหมู่บ้านในรัฐ โดยมีตัวแทนจากสมาพันธ์การค้าหนึ่งคน

แต่บุคคลสำคัญที่สุดก็คือเหล่าผู้แทนและผู้ปกครองตระกูลใหญ่จำนวน 10 รัฐเขต จาก 11 รัฐ ไล่จากตอนบนลงล่างของอาริกาเซีย นิวลีโอ นิลเฟล โจเซ วัลเทอร์ ชาร์ลส เอคริสเปีย เดอลากูร์ เบอร์เกน แคนน่าน นิวเซนดัม ขาดเพียงแค่เมืองหลวงของพวกเขา โฟลิโอ ผู้ปกครองคือตระกูลสกาเล็ต หากแต่ตตอนนี้โฟลิถูกสภาสูงเข้าควบคุมโดยตรง

โดยที่คณะผู้แทนแต่ละเขตนั่งล้อมรอบ ชายที่ยื่นอยู่ตรงกลางห้องประชุม ผู้ส่งสารจากสภาสูงลีโอพร้อมกับคำสั่งโดยตรงจากสหจักรวรรดิ เขาแต่งตัวในเครื่องแบบขุนนางลีโอ ดูแล้วฐานะน่าจะระดับกลาง แต่ก็มากพอที่จะกดหัวผู้นำตระกูลใหญ่บางคนได้

“จงฟัง! จงฟัง… ข้าคือตัวแทนจากสภาสูงแห่งสหจักรวรรดิ”

เขารอให้ทุกคนในห้องหยุดคุยกันเสียก่อนที่จะเริ่มกล่าวต่อ

“สภาสูงได้บัญญัติปรับเปลี่ยนภาษีที่เรียกเก็บใหม่ ภาษีของพวกเจ้าจะถูกเก็บขึ้น 2 เท่า ! บังคับใช้ภาษีศุลกากรที่เรียกเก็บในท่าเรือของอาริกาเซีย ! การส่งออกสินค้าสำคัญบางอย่างจากอาริกาเซียจะถูกควบคุมโดยตรงจากสภาสูง ! สินค้านำเข้าและส่งออก นํ้าตาล ฝ้าย กาแฟ หรือ ชา ที่ไม่ได้มาจากสหจักรวรรดิจะถูกเก็บมากกว่าเดิม 6 เท่า !”

ท่านต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ!! “เก็บภาษีเพิ่ม!? พวกท่านเรียกเก็บภาษีมากกว่า 3 เท่าตลอด 10 ปีที่ผ่านแล้ว! ตอนนี้ท่านจะเก็บเป็น 5 เท่าเลยอย่างนั้นหรือ! แค่พวกท่านปิดเมืองบอสตัน ตอนนี้พวกเราก็ไม่มีสินค้าสำคัญที่ชาวเมืองต้องการแล้ว รายได้จากการส่งอาหารเข้าบอสตันก็ไม่ได้ จะให้พวกเราอดตายกันหรือไง!” ผู้นำตระกูลของรัฐนิวเซนดัมตะโกนถามด้วยความโกรธ หลายๆคนในห้องจะเริ่มถกเถียงกัน เพราะว่ารัฐส่วนมากไม่ได้รํ่ารวยเหมือนบางรัฐ

นอกจากที่พวกเขาต้องเสียภาษีเท่ากับรัฐอื่น แต่เมืองบางเมืองไม่ได้รายได้มากพอที่จะจ่ายได้ อย่างเช่นรัฐนิวเซนดัมที่มีแต่หิมะและนํ้าแข็ง แค่อาหารพวกเขาก็ยังหาได้ยากเลย ยิ่งไม่มีสินค้าจากทวีปแม่พวกเขาจะแย่อยู่แล้ว ของบางอย่างพวกเขาก็ไม่สามารถสร้างขึ้นมาเองได้ อย่างเช่นกาแฟ นํ้าชา ที่เป็นของนำเข้าสำคัญ

หากไม่มีการแลกเปลี่ยนพวกเขาก็เหมือนกับทำงานส่งของให้ลีโอเนียเปล่าๆ ไม่ได้เงินซักเหรียญ

เหมือนกับว่าพวกเขาเป็นแค่แรงงานบนทวีปอาริกาเซียเท่านั้น!

แต่ผู้ส่งสารจากลีโอเนีย มองชาวอาณานิคมด้วยหางตาและเมินคำถามของเขา สร้างความโกรธแค้นให้ผู้นำรัฐนิวเซนดัมอย่างแรง ไม่พอแค่นั้นผู้ส่งสารก็เดินออกจากห้องทันทีเมื่อเสร็จกิจ ไม่แม้จะพูดอะไรเพิ่มเติม สร้างความแตกแยกให้กับที่ประชุมมากกว่าเดิม เมื่อไม่มีชาวลีโอเนียภายในห้องก็เต็มไปด้วยความคิดเห็นต่างๆหนาๆ

ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงก็ไม่มีใครจะสามารถหาข้อตกลงได้เลย ผู้นำตระกูลจากนิลเฟลกล่าวในที่ประชุม

“ข้าว่ายอมๆไปเสียเถอะ ดีกว่าถูกพวกทหารจับกุมครอบครัว หากต่อต้านอำนาจของลีโอเนียก็มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่รู้…” สิ้นเสียงก็มีเสียงเห็นด้วยมาจากรัฐชาร์ลส และ นิวลีโอ ในขณะที่มีบางคนลังเลที่จะพูดอะไรในที่ประชุม เว้นแต่ว่าจะมีคนขัดด้วยนั้าเสียงที่ไม่พอใจ

“ไอ้พวกสุนัขรับใช้! เจ้ารู้ไหมว่ามีชาวเมืองประท้วงต่อต้านตลอดหลายปีที่ผ่านมา และตอนนี้พวกเขากำลังถูกฆ่าปิดปาก พวกเจ้ายอมให้ชาวเราต้องตายโดยไม่ทำอะไรเลยหรือไง!? เราควรจะเป็นอาณานิคมที่ทำงานได้อย่างอิสระ แต่แล้วพวกเขาเก็บภาษีเราอย่างไม่ลดละ ไหนจะควบคุมการค้าทุกอย่างอีก!”

“สามัญชนก็ช่างมันปะไร เพื่อความอยู่รอดของตระกูลของพวกเราสำคัญกว่ามาก ท่านก็ควรที่จะคิดถึงเรื่องครอบครัวตัวเองเป็นสำคัญมากกว่าสามัญชน!” เขาชะงัก “ข้าขอตัวกลับดินแดนของข้าก่อนก็แล้วกัน หึ! แทนที่ท่านจะทำตัวเป็นเด็กดีเพื่อแลกความปลอดภัยต่อตระกูลที่รัก ท่านช่างโง่เขราเสียจริงที่เลือกจะกล่าวไม่ดีต่อสหจักรวรรดิ--”

ตึงๆ ค้อนแกเฟิลไม้ถูกตีสั่งให้ทุกคนในห้องประชุมฟัง ผู้ที่เป็นประธานให้ที่ประชุม รัฐโจเซ กล่าวด้วยนํ้าเสียงที่จริงจัง

“ตอนนี้อาริากาเซียของรัฐอาณานิคมทั้ง 11 รัฐกำลังประสบวิกฤติกาลที่ใหญ่ที่สุด ข้าขอเปิดประชุมภาคพื้นทวีป เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นภายในดินแดนอาริกาเซีย หัวข้อว่าด้วยการแก้ไขภาษีใหม่โดยสภาสูงลีโอเนีย ท่านสามารถอภิปรายได้ ณ ตอนนี้”

“เดี๋ยวก่อนท่านไม่มีสิทธิที่จะสร้า-” กลุ่มคนของรัฐนิลเฟลจะกล่าวขัดการประชุมในครั้งนี้ถูกเมินโดย ผู้นำรัฐอื่นๆเกือบครึ่งห้อง เหมือนกับว่าพวกเขาว่างแผนเอาไว้อยู่แล้ว แต่หากพวกเขาไม่ร่วมด้วยก็จะไม่สามารถรับกล่าวคัดค้านได้!

“ท่านสุภาพบุรุษ และ สุภาพสตรี รัฐเดอลากูร์ ขอให้พวกเราส่งทูตขอเจรจากับสหจักรวรรดิ ยกเลิกบัญญัติใหม่ของสภาสูงแห่งลีโอเนีย หาก… หากพวกเขาไม่ตกลงยอมรับ” ผู้แทนรัฐเดอลากูร์ชะงักเล็กน้อย “พวกเราทุกรัฐแห่งอาณานิคมอาริกาเวียล้วนตอบโต้ ตอบสนองต่อวิกฤตครั้งนี้ โดยใช้มาตรการคว่ำบาตร ต่อสหจักรวรรดิลีโอเนีย และรัฐสภาสูงของพระองค์”

“ไม่! / ใช่!” เสียงของห้องประชุมแยกเป็นสองส่วนทันที ก่อนจะถามมาด้วยการโต้เถียงระหว่างผู้ต้องการความเปลี่ยนแปลง ผู้ที่ลังเล และผู้ที่ยังคงกลัวในสหจักรวรรดิ เพราะว่าหากพวกเขาต่อต้านคำสั่งแล้ว อันตรายจะเข้ามาสู่ตัวพวกเขาเอง

“ท่านผู้แทนรัฐเดอลากูล์! การคว่ำบาตรจะส่งผลให้เกิดการฆ่าล้างชาวอาณานิคมจำนวนมาก และส่งคำร้องต่อสภาสูงเพื่อเรียกร้องให้มีการยกเลิก เป็นการกระทำที่ไม่อาจยอมรับได้” ผู้แทนนิวลีโอกล่าวด้วยเหตุผล ก่อนจะตามด้วยเสียงเห็นด้วยจำนวนมาก ขนาดที่ประธานรัฐโจเซยังพยักหน้ายอมรับ

“ไม่ใช่ว่าพวกเราก็ถูกฆ่าล้างอยู่ไม่ใช่หรือไง?” สิ้นเสียงของผู้แทนเดอลากูร์ เสียงห้องประชุมก็กลับมาวุ่นวายดังเดิม ทุกฝ่ายเริ่มพูดคุยเสียงดังขึ้นกว่าเดิม การประชุมไม่เป็นระเบียบพวกเขาพูดคุยกันอย่างเป็นกันเองสมกับเป็นชาวอาณานิคม

จากในตอนแรกที่ห้องประชุมกำลังจะไม่มีคนใช้งาน บัดนี้กลายเป็นพื้นที่เสวนาที่ยาวนาน ไม่มีใครคาดคิดว่า ผู้แทนอาณานิคมอาริกาเซีย 10 รัฐจะสามารถรวมตัวพูดคุยเรื่องปัญหากันได้จริงๆ

แต่ตอนนี้หลายคนต้องหันกลับมาคิดใหม่ การประชุมไม่กระฉับกระเฉง แต่อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเขาสามารถพูดคุยและโต้วาทีอภิปรายในเรื่องของตัวเองได้โดยไม่ต้องรอคำสั่งจากลีโอเนีย เป็นเหมือนกับก้าวแรกที่พวกเขายังไม่รู้สึกตัวว่าได้เริ่มก้าวไปแล้วหนึ่งข้าง

“รัฐเบอร์เกน ขอให้จัดตั้งสภานิติบัญญัติประจำจังหวัดเฉพาะกิจขึ้นมา! เพื่อแก้ไขปัญหาด้วยกัน เพื่อช่วยเหลือชาวอาณานิคมที่อยู่ภายในวิกฎตในครั้งนี้! การรอคอยคือความตาย เรามาทำงานรวมกันเสียจะดีกล่าว!” ผู้แทนจากรัฐเบอร์เกนพูดในที่ประชุม

“ไม่! พวกเราไม่ยอมรับ!” ผู้แทนบางคนที่ยังกลัวลีโอเนียยังคงปฏิเสธ “พวกท่านกำลังเดินในเส้นทางที่จะพาพวกเราทั้งหมดไปตายกันหมด!”

ในขณะที่เสียงของแต่ละฝ่ายเริ่มดังจนไม่รู้เรื่อง ค้อนแกเฟิลก็ถูกให้ทุกฝ่ายหยุดอีกครั้ง

ตึก! ตึก! “เงียบ, เงียบ! เราจะจัดตั้งสภานิติบัญญัติประจำจังหวัดเฉพาะกิจ แต่จะตั้งก็ต่อเมื่อการออกเสียงยอมรับ การออกเสียงจะเริ่มขึ้นหลังการเรียกชื่อรัฐ ผู้ชนะคือเสียงข้างมากที่สุด นี่คือการลงมติครั้งแรกของชาวเรา” ประธานประชุมกล่าวเสียงดัง ก่อนจะเริ่มเรียกชื่อแต่ละรัฐ ซึ่งพวกเขาก็ขานตอบไปทีละคน

“นิวลีโอ” “ไม่”

“นิลเฟล” “ไม่”

“วัลเทอร์” “ใช่”

“ชาร์ลส” “ไม่”

“เอคริสเปีย” “ใช่”

“เดอลากูร์” “ใช่”

“เบอร์เกน” “ใช่”

“แคนน่าน” “ใช่”

“นิวเซนดัม” “ใช่”

ผลสรุปนั้นทำให้เหล่าคณะผู้แทนบางคนถึงกับแปลกใจ [ ใช่ 6  ไม่ 3] ส่วน อีก 2 รัฐที่ไม่มีเสียงคือประธานที่ประชุม และ รัฐโฟลิโอที่ถูกปกครองโดยตรงจากเจ้าอาณานิคม

เสียงยอมรับมาจาก 1.วัลเทอร์ 2.เอคริสเปีย 3.เดอลากูร์ 4.เบอร์เกน 5.แคนน่าน 6.นิวเซนดัม

เสียงไม่ยอมรับจาก 1.นิวลีโอ 2.นิลเฟล 3.ชาร์ลส

“ด้วยเสียงข้างมากยอมรับที่จะจัดตั้งสภาของชาวอาณานิคมขึ้นมาใหม่ ข้าผู้นำตระกูลจาโล แห่งรัฐโจเซ ประธานในที่ประชุมแห่งโรคขอประกาศ ณ วันนี้ ตอนนี้!”

เขาลุกขึ้นจากที่นั่งและพูดเสียงดังฟังชัด ให้กลุ่มคนในที่ประชุมได้ยินและรับทราบ

" ในเดือนมิถุนายน ศ.อ. 3925 สมัชชาแห่งโจเซร่างจดหมายต่ออาณานิคมทั้งหลายแห่งในทวีปนี้ เพื่อปรึกษาหารือกันเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ปัจจุบันของอาณานิคม อาณานิคมทั้งสิบโดยผู้ปกครองและผู้แทนได้เข้าร่วมการประชุมโรค นิวลีโอ นิลเฟล วัลเทอร์ ชาร์ลส เอคริสเปีย เดอลากูร์ เบอร์เกน แคนน่าน นิวเซนดัม

คณะผู้แทนที่เข้าร่วมทั้งหมดมาจากอาณานิคมทั้งเก้าจากสิบเอดแห่งจากอาณานิคมอาริกาเซีย ได้ลงมติก่อตั้งสภานิติบัญญัติประจำจังหวัดเฉพาะกิจขึ้น เพื่อตอบโต้กับวิกฤตการณ์ของอาริกาเซีย! "

เป็นครั้งแรกที่อาณานิคมเริ่มเคลื่อนไหวอย่างจริงจัง ไม่ช้าข่าวเรื่องการจัดตั้งสภานิติบัญญัติประจำจังหวัดเฉพาะกิจ ก็ถูกประกาศไปทั่ว โดยชาวเมืองต่างเปลี่ยนทิศหันมาสนับสนุนและให้ความยอมรับกับสภาที่ถูกตั้งขึ้นโดยชาวอาณานิคมด้วยกันเอง

แม้ว่ารัฐในอาณานิคมอื่นๆ บางแห่งรู้สึกไม่สบายใจที่ได้เข้าร่วมสภานิติบัญญัติประจำจังหวัดเฉพาะกิจขึ้น แต่เพราะพวกเขาได้ลงเป็นคนเข้าร่วมการประชุมในครั้งนั้น ทำให้ไม่สามารถแยกตัวออกมาทัน หมายความว่าพวกเขาถูกผลักเข้าร่วมโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ

แน่นอนว่าคำประกาศมันต้องไปถึงหูของเจ้าอาณานิคมเช่นเดียวกัน การเฝ้ามองการกระทำของอาริกาเซียถูกจับมองโดยเหล่าทหารรักษาการณ์ลีโอเนีย และเมื่อใดที่พวกชาวอาณานิคมกล้าที่จะประกาศตอบโต้คำสั่งของสภาสูงลีโอเนีย กองทหารรักษาการณ์ที่ประจำอยู่จะเป็นคนเข้าไปทำลายสภาที่ถูกตั้งขึ้นไม่นานด้วยตัวเอง

เมืองโรค รัฐโจเซ คฤหาสน์ตระกูลจาโล

ในห้องรับแขก ชายและหญิงนั่งสนทนากันอยู่ด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ภายในห้องมีแต่คนใหญ่คนโตของอาณานิคม เหล่าคณะผู้แทนจากรัฐในอาณานิคมทั้ง 5 รัฐ ประธานสมาพันธ์การค้า หัวหน้ากองกำลังแบ่งแยก และบุคคลสำคัญบางคน

การพูดคุยสนทนาในครั้งนี้เป็นความลับสุดสูง จึงทำให้แต่ละคนลักลอบแอบเข้ามาในคฤหาสน์อย่างลับๆ โดยที่ทหารลีโอเนียที่อยู่ในเมืิองไม่สามารถรับรู้ได้

“ไม่อยากจะเชื่อว่า วัลเทอร์ เอคริสเปีย ที่อยู่ฝั่งสหจักรวรรดิมาตลอดจะยอมรับต่อการสร้างสภาขึ้นมา! นี่มันเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งนัก!” ผู้ปกครองแห่งนิวเซนดัมกล่าว

“เราคิดว่าพวกเขาไม่สามารถยอมรับเรื่องจ่ายภาษีเพิ่มมากว่า” ผู้แทนหญิงชาวแคนน่านกล่าวตอบขณะดื่มกาแฟ

“ฮ่าๆ พวกท่านต้องขอบคุณคำพูดและสิ่งที่ดักลาสสอนมากกว่า!” ชายชราผู้ที่อยู่กับลาสมานานพูดขึ้นมา ลุงสมชายเป็นคนแรกที่เจอกับลาส และเป็นคนเดียวที่ได้รับความคิดของลาสมาโดยตลอด ทำให้เขารู้สึกแปลกใจอย่างมากที่ชายหนุ่มมีความรู้และแนวคิดแปลกๆที่สามารถใช้ได้จริงบนอองโทราลแห่งนี้

“แผนของดักลาสคือการทำให้พวกท่านที่แตกแยกหันมาลองพูดคุยกัน และเมื่อใดที่พวกท่านรวมตัวกัน ลีโอเนียก็จะรู้สึกกังวลต่อการประชุมของพวกท่าน และพวกท่านก็กลัวว่าลีโอเนียจะตอบโต้หลังพวกท่านประชุม มันทำให้อาณานิคมบางส่วนต้องร่วมมือกันก่อนที่จะส่ายเกินไป” หญิงสาวเผ่าจิ้งจอกกล่าวภูมิใจ

เธอคือไวท์คนที่รู้ว่าลาสเป็นใครมาจากไหน และเป็นผู้ที่จะสนับสนุนชายหนุ่มสุดแรงกำลังของเธอ เธอเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่ลาสจะพามา แม้ว่ามันจะเต็มไปด้วยความวุ่นวายเสียมากกว่า

“อย่างน้อยตอนนี้พวกเราก็มีรัฐเข้าร่วมมาเพิ่มอีกสองรัฐแล้วไม่ใช่หรือ?” หมาป่าชราชะงัก “ข้าต้องสู้กับทหารลีโอเนียที่เพิ่มกำลังพลตลอดเวลา พวกท่านรีบเตรียมตัวให้เสร็จโดยเร็วจะได้ไหม ข้าสูยเสียคนไปเยอะอย่างมาก”

“แม้ว่าผู้ปกครองของลนิวลีโอ นิลเฟล ชาร์ลส จะไม่ช่วยเหลือพวกเรา และ อาจจะเข้าร่วมกับลีโอเนียเพื่อผลประโยชน์สูงสุด แต่ผู้คนในรัฐนั้นไม่ได้ตามเสียงพูดของพวกเขา เด็กๆของข้าที่อยู่ในบ้านของพวกเขาส่งข้อมูลมาว่า ผู้ใต้บัญชาของผู้ปกครองรัฐอาณานิคมเหล่านั้นกำลังคิดต่อต้าน มีเพียงแค่นิวลีโอที่ยังคงเชื่อมั่นต่อสหจักรวรรดิลีโอเนีย” ผู้ที่กล่าวขัดคือท่านหญิงแอร์นา ผู้ร่วมรวมสายลับบนอาณานิคมค่อยหาข้อมูลต่างๆมาประสานงานให้กลุ่มต่อต้าน

“ขอเวลาอีกสามสัปดาห์ พวกข้าจะแอบกระจายข่าวกับแผนการของพวกเราต่อทุกคนที่พร้อมจะลุกขึ้นมาสู้” ผู้นำตระกูลจาโลกล่าวบอก ก่อนที่เหล่าผู้แทนและผู้ปกครองทั้ง 5 รัฐพยักหน้าเป็นเสียงเดียวกัน พวกเขาต้องปลุกระดมผู้คนให้ได้มากที่สุด อย่างไรก็ตามตอนนี้ชาวอาณานิคมก็ไม่มีกะจิตกะใจจะอยู่ร่วมโลกกับเจ้าอาณานิคมมานานแล้ว

ขอแค่กล่าวบอกเวลาที่จะมาถึงพวกเขาก็พร้อมจะหยิบอาวุธที่ซ่อนเอาไว้ขึ้นมาสู้

ชาวอาณานิคมไม่ได้อ่อนแอ่ พวกเขาไม่ใช้ชีวิตแบบชาวอัลชลาฟไวส์หรือผู้ใดบนอองโทราล พวกเขาคือผู้บุกเบิกโลกใหม่ การสู้กับสัตว์ประหลาด และ ชนพื้นเมืองเป็นเรื่องปกติที่เห็นได้ทุกวัน

“ขออภัยที่มาช้า… หวังว่าพวกท่านจะไม่จบการพูดคุยวางแผนกันเสียก่อน” เสียงเบาๆที่ออกจากผู้หญิงในชุดคลุม หากแต่ไวท์มีสีหน้าที่ตกใจอย่างมาก หญิงสาวพึ่งเดินเข้ามาในห้องอย่างไม่เร่งรีบ ก่อนจะกล่าวต่อ

“พวกเรากลุ่มแสงตะวันออกพร้อมกับอดีตทาสที่ต้องการที่จะร่วมสู้ พร้อมที่จะเข้าร่วมกับพวกท่านเพื่อต่อต้านสหจักรวรรดิ ส่วนเราคือผู้นำกลุ่มแสงตะวันออกคนปัจจุบัน นัทสึมิ


0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด