CD บทที่ 195 ความลับอันร้ายแรง
เพื่อหลีกเลี่ยงความสงสัย จ้าวหยู่และเหมี่ยวอิงกลับไปที่สถานีเพื่อกลับไปทำงานในตอนบ่ายและจะนัดเจอกันหลังจากเลิกงาน
เมื่อจ้าวหยู่ก้าวเข้าไปในอาคารหลักของสถานีตำรวจ เขารู้สึกแตกต่างไปจากเดิมอย่างมากและรู้สึกไม่สบายใจอยู่ตลอดเวลา
‘ในสถานีมีหนอนตัวหนึ่ง ฉันจะทำอย่างไรดี? แล้วหนอนเป็นใคร? มีอยู่กี่ตัว? หนึ่ง สองหรือเป็นโขยง โอ้ พระเจ้า! ฉันไม่คิดว่ามันซับซ้อนขนาดนี้ ฉันได้เข้าไปพัวพันกับพวกแก๊งค์งั้นเหรอ? ถ้าฉันมีเครื่องจับเท็จล่องหนมากพอล่ะก็ ฉันจะใช้มันกับทุกคนในสถานีแล้วจับไอ้เลวนั่นมา!’ จ้าวหยู่คิด
ทางด้านแผนกสืบสวนของสถานีหรงหยาง คดีฆาตกรรมคูปิงได้สิ้นสุดลงแล้ว หลังจากนี้ หากศาลตัดสินว่าโฮ่วเมิงมีความผิด คดีก็อาจจะถูกปิดในทันที ดังนั้น เจ้าหนาที่ทั้งหมดจึงมุ่งความสนใจไปที่คดีลักพาตัวเมียนหลิง
หลังจากเหมาเว่ยมอบหมายภารกิจ จ้าวหยู่ก็เข้าร่วมการสืบสวนและไปสอบถามภรรยาของหนิวเว่ยกวงร่วมกับต้าเฟยและคนอื่น ๆ
จางอิง ภรรยาของหนิวเว่ยกวง อายุกว่า 50 ปีแล้ว เธอไม่ได้แต่งงานใหม่ตั้งแต่หนิวเว่ยกวงหายตัวไปพร้อมกับเด็ก ๆ ที่ถูกลักพาตัว
เนื่องจากหนิวเว่ยกวงถูกต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในคดีลักพาตัว จางอิงจึงได้ผ่านอะไรมามากมาย โดยที่เธฮต้องทุกข์ทนกับข่าวลือและข้อกล่าวหาต่าง ๆ
จนเวลาได้ผ่านไป 3 ปี เธอทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอได้ตัดสินออกจากเมียนหลิงไปพร้อมกับลูกของเธอ
แม้ว่าจะเพิ่งพบศพของหนิวเว่ยกวงแล้ว แต่ผู้คนก็ยังสงสัยว่าเขาเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด อย่างไรก็ตาม แม้จะผ่านมาหลายปีแล้ว จางอิงเชื่อมั่นว่าหนิวเว่ยกวงเป็นผู้บริสุทธิ์และเขาไม่มีทางเป็นผู้ลักพาตัวเด็ก ๆ เด็ดขาด!
ในปีนั้น ลูกของหนิวเว่ยหวง อายุเพียง 2 ขวบและตอนนี้เขาเป็นชายหนุ่มอายุ 28 ปีแล้ว
เมื่อจ้าวหยู่และพวกมาที่บ้านของเขาเพื่อสอบถาม พวกจ้าวหยู่ก็ได้รู้ทั้งถึงเรื่องราวที่ผ่านมาของพวกเขามีทั้งดีและไม่ดี
ด้านหนึ่งจางอิงให้ความร่วมมืออย่างมากกับการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ เธอพยายามอย่างเต็มที่เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าหนิวเว่ยกวงเป็นคนใจดีที่ดูแลครอบครัวของเขาและเขาจะไม่มีวันทำสิ่งชั่วร้ายเช่นนั้นเด็ดขาด!
ในปีนั้น หนิวเว่ยกวงเป็นคนขับรถและจางอิงได้เปิดโรงงานทอผ้าขนาดเล็ก พวกเขามีชีวิตที่สุขสบายและหนิวเว่ยกวงก็ไม่มีเหตุผลใด ๆ ที่จะมีความคิดชั่วร้าย!
จางอิงขอให้เจ้าหน้าที่ค้นหาความจริงและพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม ทางลูกชายของหนิวเว่ยกวงเกลียดพวกตำรวจถึงกระดูกดำ เขาแสดงความเกลียดชังตลอดเวลา เขาบอกว่าความไร้ความสามารถของพวกตำรวจ มันได้สร้างความเดือดร้อนต่อครอบครัวของเขา หากพวกเขาสามารถคลี่คลายคดีและเคลียร์ชื่อพ่อของเขาได้เมื่อหลายปีก่อน เขาและแม่ของเขาจะไม่ต้องประสบความยากลำบากมากมายขนาดนี้!
ในท้ายที่สุด ลูกชายของจางอิงก็ทนไม่ไหว เขาอยากจะทุบตีพวกตำรวจ จางอิงไม่สามารถหยุดเขาได้และมีการปะทะกันเล็กน้อยระหว่างทั้งสองฝ่าย
หลังจากความขัดแย้งสงบลง จางอิงก็ส่งเจ้าหน้าที่ลงไปและขอโทษพร้อม ๆ กัน โดยขอให้เจ้าหน้าที่ไม่ถือเรื่องนี้กับลูกชายของเธอ เธอยังขอให้เจ้าหน้าที่นำศพของหนิวเว่ยกวงกลับมาโดยเร็วเพื่อที่เขาจะได้พักผ่อนอย่างสงบ
อย่างไรก็ตาม ต้าเฟยและพวกต่างอยู่ในภารกิจและพวกเขายังคงมีคำถามบางอย่างเกี่ยวกับจางอิง พวกเขาเริ่มถามรายละเอียดอีกครั้งที่บันได ในท้ายที่สุด เมื่อจางอิงหวนนึกถึงชีวิตที่มีความสุขที่พวกเขามีและความเจ็บปวดจากการสูญเสียสามีของเธอ เธอไม่สามารถควบคุมตัวเองและร้องไห้ออกมาดัง ๆ มันทำให้ดึงดูดความสนใจจากเพื่อนบ้านมากมาย
เมื่อเห็นต้าเฟยและคนอื่น ๆ พยายามถามต่อไปและจางอิงยังคงสะอื้นอยู่ จ้าวหยู่รู้สึกทนไม่ไหว เขารีบออกไปและกลับไปที่รถอย่างรวดเร็ว เขาขยับที่นั่งไปด้านหลัง วางแขนไว้ด้านหลังศีรษะและเริ่มคิดโดยหลับตา
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เขาได้พบกับการผจญภัยมากเกินไป และแม้แต่ตัวตนของเขาก็ยังถูกเปลี่ยนหลายครั้ง
อันดับแรก ซูหยางต้องการให้เขาเป็นเจ้าหน้าที่พิเศษ จากนั้นหัวหน้าจินก็มอบสมุดปกเหลืองให้เขาและต้องการให้เขากลายเป็นเจ้าหน้าที่สืบสวนกลางในคดีแช่แข็ง หลังจากนั้น เหมี่ยวอิงก็ปรากฏตัวขึ้นและต้องการให้เขาช่วยสืบหาสาเหตุที่แท้จริงของการเสียชีวิตของคูปิงอย่างลับ ๆ!
จ้าวหยู่ถอนหายใจและพูดกับตัวเองว่า
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมสิ่งต่าง ๆ ถาโถมเข้ามาโดยที่ฉันไม่ทันตั้งตัวเลย? ฉันควรจะทำอะไรก่อน? และฉันต้องทำอย่างไร?”
จ้าวหยู่ค่อย ๆ คิดทบทวนสิ่งเหล่านี้อีกครั้ง วิเคราะห์ทีละอย่างเพื่อค้นหาทิศทางสำหรับตัวเขาเอง ประการแรก เกี่ยวกับเรื่องของเจ้าหน้าที่พิเศษ เขาต้องรอซูหยางติดต่อเขาก่อนที่เขาจะเริ่มงานได้! หากปราศจากคำสั่งของซูหยาง เขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวล ดังนั้นเขาจึงสามารถเก็บเรื่องนี้ไว้ก่อนได้
ประการที่สอง คดีแช่แข็งเหล่านั้นที่หัวหน้าจินต้องการให้เขาสืบสวน กระบวนการสืบสวนคงไม่ได้เริ่มต้นในเร็ววันนี้
เมื่อคืนก่อน เขาได้เปิดดูสมุดปกเหลืองของหัวหน้าจิน คดีทั้งห้าที่บันทึกไว้ภายในนั้น ไม่เพียงแต่เกิดขึ้นนานมาแล้วแต่ยังมีความซับซ้อนอย่างมากอีกด้วย แต่ละคดีมีความซับซ้อนมากกว่าคดีลักพาตัวเมียนหลิงอย่างน้อยร้อยเท่า
เช่นคดีสังหารหมู่ภูเขาฮวาหยุนและคดีอสูรเมืองจินติง ล้วนเป็นคดีฆาตกรรมครั้งใหญ่ที่วิธีการที่ใช้นั้นโหดร้ายและโรคจิตมาก
เขารู้สึกว่าเขายังห่างไกลจากการสืบสวนคดีที่ยากลำบากเช่นนี้! แม้ว่าเขาจะได้รับความช่วยเหลือจากระบบปาฏิหาริย์แต่เขาก็ยังต้องการอำนาจและความสามารถบางอย่าง พร้อมกับประสบการณ์และเวลาที่เพียงพอก่อนที่เขาจะสามารถทำงานนี้ได้ เขาไม่ควรใจร้อนกับเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม หัวหน้าจินไม่สามารถแก้ไขกรณีเหล่านี้ได้หลังจากใช้เวลาทั้งชีวิตไปกับพวกมัน ดังนั้นเขาควรวางคดีพวกนี้ไว้ก่อน เมื่อถึงเวลาเหมาะสมเมื่อไหร่และจะหาเวลาสืบคดีพวกนี้ทันที
สุดท้ายนี้ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับเขาและเหมี่ยวอิง มันต่างจากสองเรื่องแรกโดยสิ้นเชิง! อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีอันตรายใด ๆ ในงานของทั้งสองตัวตนก่อนหน้านี้
เขาถือคติว่าจะไม่ทำอะไรโดยที่ต้องเสี่ยงชีวิตตัวเอง!
พูดตามตรงจ้าวหยู่ก็สงสัยว่ามีความลับที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการเสียชีวิตของคูปิงคืออะไร แต่เขาไม่เคยจินตนาการว่าความลับที่ซ่อนอยู่นี้จะเป็นอันตรายถึงชีวิต!
การมาถึงอย่างกะทันหันของเหมี่ยวอิง ดูเหมือนจะเปลี่ยนลักษณะการทำงานของจ้าวหยู่ในสถานีตำรวจ!
จนถึงตอนนี้ เหมี่ยวอิงก็ยังไม่ได้บอกจ้าวหยู่ว่าคดีอะไรที่คูปิงกำลังสืบสวนอยู่ ทำไมคดีนี้ถึงได้อันตรายถึงขนาดที่เธอตกเป็นเหยื่อของมัน?
เหมี่ยวอิงบอกเพียงว่าทางเบื้องบนต้องการให้เธอค้นหาความจริงเบื้องหลังการเสียชีวิตของคูปิงและไม่ได้บอกลักษณะของคดีกับเธอ ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างที่ร้ายแรงมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ และมันก็เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเกินไป
อันที่จริงจ้าวหยู่ไม่ได้โกหกเหมี่ยวอิงเกี่ยวกับเรื่องนี้! เขาเพียงต้องการแสดงความกล้าหาญต่อหน้าเธอเพื่อที่เธอจะมองเขาแตกต่างออกไป ทำให้เขาได้ใกล้ชิดกับเธอมากขึ้น!
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้คาดหวังให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์นี้แทน!
แม้ว่าจ้าวหยู่จะแสดงความไม่เต็มใจแต่ในใจของเขา เขาไม่ได้ไม่พอใจกับภารกิจพิเศษนี้ ประการแรกเขาได้สาบานต่อหน้าหลุมฝังศพของคูปิงว่าเขาจะหาตัวฆาตกรตัวจริงของเธอให้พบ เนื่องจากเขารู้ว่าฆาตกรเป็นคนอื่น เขาจึงต้องค้นหาว่าใครคือฆาตกรตัวจริง! แม้ว่าจะไม่มีเรื่องของเหมี่ยวอิงเข้ามาเกี่ยวข้อง เขาก็ยังทำการสอบสวนต่อไป!
ประการที่สอง จ้าวหยู่ทำมันเพราะเหมี่ยวอิง แม้ว่าภารกิจจะดูอันตรายแต่จ้าวหยู่รู้สึกว่ามันเป็นโอกาสที่หายากสำหรับเขาที่จะได้ใกล้ชิดกับเธอ
จ้าวหยู่เป็นคนที่ชอบเล่นกับไฟ แม้ว่าเหมี่ยวอิงจะมีรอยช้ำบนใบหน้า แต่ความสนใจของเขาที่มีต่อเจ้าหน้าที่หญิงที่เฉียบแหลมและดุดันนี้กลับเพิ่มมากขึ้นและเขาก็สนใจเธอในที่สุด
‘ถ้าฉันสามารถทำงานร่วมกับเหมี่ยวอิงได้ ยิ่งไปกว่านั้น ในระหว่างภารกิจลับ มันก็มีโอกาสที่เธอจะตกหลุมรักฉัน มันจะดีแค่ไหนที่ฉันจะตายอย่างมีความสุขเพราะสาวสวย! ฉันจะไว้รับเอง ภารกิจลับนี้!’
หลังจากที่จ้าวหยู่คิดทบทวนเสร็จ ความคิดของเขาก็กลับไปที่คดีลักพาตัวเมียนหลิงอีกครั้ง
เหมี่ยวอิงกล่าวว่าพวกเขาสามารถสอบสวนการเสียชีวิตของคูปิงอย่างลับ ๆ ซึ่งเป็นตอนหลังเลิกงาน ส่วนในช่วงเวลาทำงาน เขายังคงต้องให้ความสนใจกับการสืบสวนคดีลักพาตัวครั้งใหญ่ครั้งนี้ ดังนั้นทั้งสองสิ่งนี้จึงไม่ขัดแย้งกัน
มันเป็นเวลานานแล้วที่การสอบสวนคดีลักพาตัวเมียนหลิงอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม พวกเขายังคงประสบปัญหาเนื่องจากใช้เวลานานขนาดนี้กลับได้ผลลัพธ์ที่น้อยมาก แม้จะมีระบบปาฏิหาริย์ จ้าวหยู่ก็ไม่พบเบาะแสอันมีค่าใด ๆ
หลังจากคิดทบทวนแล้ว จ้าวหยู่รู้สึกว่าเขาต้องตรวจสอบไปที่เฉิงซานหลี่อีกครั้ง มีเหตุผลหลักสองประการที่ทำให้เขารู้สึกแบบนี้
หนึ่งเฉิงซานหลี่เป็นคนเดียวที่มีความเชื่อมโยงกับเหมืองในภูเขาหยินแพน แม้ว่าเขาไม่น่าจะเป็นหนึ่งในคนร้ายลักพาตัว แต่เขาก็ต้องมีความเกี่ยวข้องกับฆาตกรอยู่บ้าง!
ภูเขาหยินแพนอยู่ห่างจากเมียงหลิงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากฆาตกรเลือกที่จะฆ่าและฝังศพไว้ที่นั่น อาจมีเหตุผลว่าทำไมเขาจึงทำเช่นนั้น พวกเขาอาจสามารถค้นพบบางสิ่งได้โดยการตรวจสอบความสัมพันธ์ส่วนตัวของเฉิงซานหลี่
เหตุผลที่สองคือ แม้ว่าเหมี่ยวอิงจะมั่นใจมากว่าการเสียชีวิตของคูปิงจะไม่เกี่ยวข้องกับคดีลักพาตัวเมียนหลิงแต่จ้าวหยู่ไม่แน่ใจในเรื่องนี้
นั่นเป็นเพราะเขาและคูปิงได้รู้เกี่ยวกับเฉิงซานหลี่ ก่อนที่คูปิงจะถูกฆ่าตาย เขามีความรู้สึกตลอดมาว่าต้องมีความเชื่อมโยงระหว่างเหตุการณ์ทั้งสองนี้
‘จะเกิดอะไรขึ้นถ้าฆาตกรตัวจริงของคดีลักพาตัวเมี่ยนหลิงกลายเป็นคนที่มีอำนาจ เมื่อเขารู้ว่าคูปิงใกล้จะค้นพบความจริงแล้ว เขาฆ่าเธอด้วยมือคนอื่นและทำให้โฮ่วเมิงเป็นแพะรับบาป!’
จ้าวหยู่ถอนหายใจ หลายสิ่งหลายอย่างดูเหมือนจะถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า ด้วยเหตุนี้ จ้าวหยู่จึงกลับมาให้ความสำคัญกับเฉิงซานหลี่อีกครั้ง!
