ตอนที่แล้วบทที่ 27 จ้าวผานคนจริงใจ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป(ฟรี) บทที่ 29 หน่วยพัฒนาอาวุธ

บทที่ 28 ไอ้บื้อร่างโต (ฟรี)


ตกกลางคืน กลิ่นหอมปกคลุมไปทั่วทั้งเผ่า ทำให้เหล่าสมาชิกเผ่าจิ้งจอกแดงต่างหิวโหยน้ำลายไหล เพราะว่าค่ายของพวกเขาถูกพายุหิมะถล่ม นั่นจึงทำให้พวกเขาไม่ได้กินอะไรจริงๆจังๆมาหลายวันแล้ว เพราะเหตุนี้กลิ่นหอมนี้จึงดึงดูดเอามากๆ

“ได้เวลาอาหารเย็นแล้วรึ?” จ้าวผานยืนขึ้นและบิดขี้เกียจและเดินไปทางแคมป์ไฟอย่างช้าๆ

หลังจากเดินไปได้สองก้าวเขาก็หยุด ก่อนจะหันกลับมาด้วยสีหน้าแปลกๆ ราวกับตั้งคำถามว่าอดีตหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกแดงทำอะไรอยู่ “นี่! ไม่ไปกินข้าวเย็นเรอะ ยืนโง่ๆอยู่ตรงนั้นทำไมล่ะ?”

เมื่ออดีตหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกแดงได้ยินเช่นนั้นก็ต้องคิ้วกระตุก ก่อนจะพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงโกรธๆ “ข้าเป็นนักโทษ”

“ข้ารู้” จ้าวผานเอียงคอ

เมื่อได้เห็นปฏิกริยาที่ดูโง่เง่าของจ้าวผาน หัวหน้าเผ่าจิ้งจอกแดงก็พูดอะไรไม่ออก “พวกเราจะได้อาหารด้วยรึ?”

ในยุคนี้ หลังจากที่ถูกเผ่าอื่นครอบครอง ช่วงวันแรกๆของเหล่านักโทษนั้นจะไม่ได้รับอาหารใดๆ ซึ่งเรียกได้้ว่านี่เป็นสามัญสำนึกของยุคนี้เลยก็ได้ เพราะไม่ว่าอย่างไรแล้วพวกเขาก็ยังเป็นนักโทษ ถึงจะเป็นเผ่าใหญ่ก็คงมีอาหารไม่เพียงพอสำหรรับทุกคน และในวันแรกๆคนที่ถูกจับมานี้้ก็ไม่ได้ทำอะไรสักอย่างให้มีประโยชน์

จ้าวผานเข้าใจว่าอีกฝ่ายหมายความว่าอย่างไร แต่เขายังคงต้องแสดงเป็นคนซื่อๆและ “จริงใจ” เหมือนเดิม “แต่เผ่าเราไม่ได้ขาดแคลนอะไรนี่”

“ไอ้หมอนี่โคตรจะโง่เลย” อดีตหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกแดงพูดอะไรไม่ออก “วันนี้จับกวางมาได้ก็จริง แต่คนในเผ่าเจ้าก็มีเยอะ เจ้าคิดว่าจะพอเหรอ…”

เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ น้ำเสียงของอดีตหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกแดงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย “เจ้ารีบไปกินเสียจะดีกว่า ถ้าไปช้ากว่านี้มันอาจไม่พอส่วนของเจ้าก็ได้”

เขาไม่ได้รู้สึกแย่ที่ชายซื่อบื้อคนนี้เข้ามาคุยกับเขา อันที่จริงแล้วเขาเริ่มจะเป็นห่วงขึ้นมาด้วยซ้ำว่าชายคนนี้้แต่ก่อนอยู่รอดมาได้ยังไง นั่นทำให้เขาเร่งอีกฝ่ายไปจัดการเรื่องของตัวเอง ไปกินอาหาร

แต่เขาไม่คาดคิดว่าจ้าวผานจะยืนเกาหัวแกรกๆด้วยสีหน้าซื่อๆ “แต่อาหารของเผ่าเรามีมากกว่านั้น เจ้าจะไม่กินจริงๆหรือ?”

เมื่อพูดจบ จ้าวผานก็ไม่พูดอะไรอีกและเดินออกไปยังจุดที่มีชีวิตชีวามากที่สุดในเผ่าในทันที และพอเขาจากไป คนของเผ่าจิ้งจอกแดงก็ล้อมรอบหัวหน้าเผ่าในทันที เห็นได้ชัดว่าพวกเขาได้ยินสิ่งที่จ้าวผานพึ่งพูด “หัวหน้า ปะ… ไปดูกันหน่อยเถอะ…”

กลิ่นอาหารนั้นมันดึงดูดใจมากเกินไป และสีหน้าของพวกเขาดูหิวโหย

เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของอดีตหัวหน้าเผ่าเองก็หวั่นไหวขึ้นมา เมื่อรวมกับคำพูดของจ้าวผานเมื่อครู่ หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง เขาก็กัดฟันพูด “ก็ได้ ไปดูกัน….”

เมื่อพูดเช่นนั้น เขาก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ ก่อนจะหันกลับไปมองคนที่อยู่ด้านหลัง “แล้วอีกอย่าง พวกเราถูกเผ่าหมิงจิ่งยึดแล้ว เผ่าจิ้งจอกแดงไม่มีอีกแล้ว อย่าเรียกข้าว่าหัวหน้าเผ่าอีก”

เพราะไม่ว่าอย่างไรแล้วเขาก็เคยเป็นผู้นำมาก่อน เขารู้ดีว่าไม่มีหัวหน้าเผ่าคนไหนอยากเห็นคนในเผ่าของตนนับถือคนอื่นเป็นหัวหน้าหรอก และก็อย่างที่เขาบอกไปเมื่อครู่ พวกเขาถูกเผ่าหมิงจิ่งยึดครองแล้้วและนี่ไม่ใช่เผ่าจิ้งจอกแดง ทุกคนต้องรู้สถานะของตัวเอง ในฐานะสมาชิกเก่าของเผ่าพวกเขาจะดูแลกันก็ได้ไม่มีปัญหา แต่ว่าก็ต้องอยู่ในระดับที่พอควร หากมากเกินไปอาจทำให้ดูเหมือนเป็นการไม่ยอมรับ ซึ่งนั่นจะทำให้ทุกคนลำบาก

เขาเดินเข้าไปด้วยความรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ แต่ก็ดูเหมือนว่าจ้าวผานจะเห็นเขาและตะโกนเรียกในทันที “ทางนี้ๆ!”

ท่าทางและเสียงของจ้าวผานดูเด่นสะดุดตา ทำให้คนในเผ่าหมิงจิ่งหลายคนหันมามองโดยอัตโนมัติ เมื่อตกเป็นเหยื่อของแววตาเหล่านั้น เขาก็อดพึมพำออกมาในใจไม่ได้ “ไอ้บ้านี่ จะเรียกไปเพื่ออะไร?”

พูดตามตรงว่าในตอนนั้นเขาเตรียมใจที่จะถูกไล่กลับไปแล้ว แต่ว่าผลก็คือหลังจากที่คนพวกนั้นหันมามอง พวกเขาก็ไม่สนใจอะไรและกลับไปทำอะไรที่กำลังทำอยู่

นั่นทำให้เขาถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก และเขาเดินเข้าไปหาจ้าวผานพร้อมกับคนจำนวนมากด้านหลัง เขามองดูชายร่างใหญ่ที่ทักทายด้วยรอยยิ้มและนั่งลง นั่นทำให้อารมณ์ของเขาดูจะซับซ้อนมากขึ้นไปอีก ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกประหลาดใจที่ไม่มีใครไล่พวกเขาไปเลยสักคน และไม่มีใครสนใจด้วยซ้ำ

“พวกเจ้าแบ่งกินซุปหม้อนี้กันเองนะ” ขณะที่พูด จ้าวผานก็ยกฝาไม้ที่ปิดหม้อหินเอาไว้ กลิ่นหอมเข้มข้นลอยออกมา พวกเขามองไปยังน้ำซุปสีขาวนวลและเผลอกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว เขาสาบานได้เลยว่าตลอดชีวิตนี้ไม่เคยเห็นอาหารอะไรแบบนี้มาก่อน

“นะ นี่มันอะไรกัน?”

"ซุปปลา” จ้าวผานเกาหัวและพูดออกมา

“ซุปปลา?” คำคำนี้เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน เขาพบว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างในเผ่านี้ที่เขาไม่รู้ไม่เข้าใจ เช่นซุปปลาตรงหน้านี้

“ว่ายังไงล่ะ?” จ้าวผานทำหน้าแปลกๆและหยิบถ้วยไม้ออกมาพร้อมกับตักซุปปลาให้ตัวเองและยกซด “ง่ายๆก็คือ ทำแบบนี้ ซดมันไปตรงๆเลย ข้างในนั้นมีเนื้อ แต่ระวังก้างด้วยมันคือกระดูกของปลา…”

ขณะที่พูด จ้าวผานก็คายก้างปลาอันเล็กๆแหลมๆออกมา “ก้างปลาพวกนี้ถ้าไปติดอยู่ในคอจะเจ็บมาก พวกเจ้าตอนกินก็ระวังด้วย”

ในขณะเดียวกัน อีกฝั่งหนึ่ง หลังจากที่โยนหน้าที่ดูแลสมาชิกใหม่ให้จ้าวผาน ผู้นำอย่างหลัวจี๋ก็กำลังผ่อนคลายอยู่ เขากัดเนื้อกระต่ายในมือเข้าไปคำโต ในปากเต็มไปด้วยน้ำมัน ก่อนที่เขาจะซดซุปปลาถ้วยใหญ่เข้าตามไป รู้สึกราวกับปัญหาของทั้งวันได้ละลายหายไป แน่นอนว่ามีแค่อย่างเดียวที่กำลังขาดอยู่ นั่นก็คือรสชาติ…

“เฮ้อ ถ้ามีพริกกับใบยี่หร่าบ้างก็ดีสิ…” ขณะที่กำลังคิด หลัวจี๋ก็กัดเนื้อกระต่ายในมือไปอีกคำโตๆ เขาเริ่มคิดแล้วว่าจะหาเครื่องปรุงได้ที่ไหน ถ้าไม่มีพริก มีเกลือก็คงดี

ในขณะเดียวกัน ผักเองก็สำคัญ หลัวจี๋กินแต่เนื้อกับปลาอยู่ทุกวัน เขากลัวว่าจะได้มาแต่โปรตีนและไขมัน จนทำให้โภชนาการไม่สมดุล

“พรุ่งนี้ตอนทีมนายพรานกับทีมสำรวจออกไปต้องบอกให้พวกนั้นลองดูผักระหว่างทางด้วย ถ้าเจออะไรดีๆก็น่าจะอากลับมาลองปลูกในเผ่าได้….”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด