ตอนที่แล้วEp.106 - คุณสมบัติของดอกบัว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.108 - สู้หมาไม่ได้

Ep.107 - ทั้งสองแข็งแกร่งขึ้น


2/2

Ep.107 - ทั้งสองแข็งแกร่งขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นผลไม้วิญญาณ , อาหารวิญญาณ หรือเมล็ดบัวปราณวิญญาณ

สามสิ่งนี้สามารถรับประทานพร้อมกันได้ แต่ละอย่างมีรอบการย่อยเป็นของตัวเอง

อย่างไรก็ตาม หากรอบการย่อยของทั้งสามยังไม่หมด ไม่ควรกินซ้ำเป็นอย่างยิ่ง เพราะผลของมันจะซ้อนทับกัน

หรือความหมายก็คือ

ถ้าฮังอวี่กินเมล็ดบัวพร้อมกัน 2 เมล็ด เอฟเฟกต์ของมันจะซ้อนทับกัน สุดท้ายให้ผลลัพธ์เพียง 1 เมล็ดเท่านั้น พวกผลไม้วิญญาณหรืออาหารวิญญาณก็ใช้หลักการเดียวกัน

ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกินเยอะ แค่เลือกวัตถุดิบที่มีแต้มวิญญาณสูงและกินครั้งเดียวก็พอ

รอบการย่อยอาหารวิญญาณส่วนใหญ่อยู่ที่ 12-36 ชั่วโมง หากกินอาหารซ้ำในระหว่างนั้น เอฟเฟกต์ของอาหารจานใหม่จะไม่ทำงาน

ปัจจุบันรอบการเปิดโลกวิญญาณคือทุกๆสามวัน

ฮังอวี่มีเวลาเหลือเฟือในการย่อยเมล็ดบัวทั้งสี่

และในที่สุดเขาก็สามารถอัพเลเวลเทคนิคทั้งสองจนเต็มโดยใช้ 300 แต้มวิญญาณ

‘สกิลล่องหน’  : ชิ้นส่วนมรดกของนักสอดแนม  เลเวลสกิล 3 , ความชำนาญ (500/500)  , ใช้ค่าพลังจิต 7 เพื่อเข้าสู่สถานะล่องหน ความเร็วในการเคลื่อนที่ +6  ใช้เวลาร่าย 1 วินาที , ระยะเวลาคงอยู่ 40 วินาที , เวลาคูลดาวน์ 60  วินาที

[ขว้างอาวุธ] ชิ้นส่วนมรดกของนักสอดแนม  เลเวลสกิล 3 , ความชำนาญ (600/600)  , ใช้ค่าพลังจิต 3 เพื่อโจมตีโดยการขว้างปาอาวุธ ดาเมจที่สร้างผันแปรตามพละกำลังและการโจมตีทางกายภาพของวัตถุ ระยะหวังผล : 30 เมตร ระยะเวลาคูลดาวน์ 1 วินาที

สกิลทั้งสองมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก พลังจิตในการเปิดใช้งานเพิ่มขึ้นหลายหน่วย ทว่าประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด!

อย่างสกิลขว้างอาวุธสามารถโจมตีเพิ่มขึ้นจากเดิม 80% ระยะหวังผล 50%!

มีดบินในตอนนี้ของฮังอวี่ บางทีอาจมีพลังโจมตีมากกว่าลูกศรอากาศของจางเสี่ยวเฉียง ซะอีก!

หากเขาขว้างหอกก้างปลาออกไป ก็มากพอแล้วที่จะสังหารมอนสเตอร์เลเวล 4 ระดับสามัญได้ในวินาทีเดียว!

ส่วนล่องหนที่เป็นสกิลหลัก เอฟเฟกต์ของมันดีกว่าเดิมมาก!

สกิลล่องหนเลเวล 3 ไม่เพียงแต่เพิ่มเวลาในการล่องหนเป็นสองเท่า แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือมันช่วยเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ 6 หน่วยระหว่างล่องหน

ความเร็วในการเคลื่อนที่ 6 หน่วยหมายความว่ายังไง? นั่นหมายถึงสามารถเคลื่อนที่ได้ 6 เมตรต่อวินาที!

พริบตาที่ฮังอวี่เข้าสู่สถานะล่องหน อัตราเร่งของเขาจะเพิ่มขึ้น 6 เมตรต่อวินาทีทันที นอกจากนี้โบนัสความว่องไวกับความเร็วในการเคลื่อนที่ยังสามารถซ้อนทับกันได้

สมติว่าหากเวลาปกติ ฮังอวี่สามารถระเบิดความเร็ว 14 -15 เมตรต่อวินาที เมื่อเข้าสู่สถานะล่องหน เขาจะสามารถวิ่งได้สูงถึง 20 เมตรต่อวินาทีในพริบตา

การระเบิดความเร็วนี้ไม่ได้เหมาะใช้ในสถานการณ์สอดแนมเท่านั้น แต่ยังเหมาะใช้ในสถานการณ์โจมตีหรือหลบหนีอย่างฉับพลันได้อีกด้วย!

ลองคิดดูสิ ว่าการเคลื่อนที่ 20 เมตรต่อวินาทีคืออะไร? สำหรับคนเลเวลต่ำ หรือคนที่มีปฏิกิริยาตอบสนองเชื่องช้า ทั้งหมดที่กล่าวมาจะมองเห็นเหมือนว่าฮังอวี่สามารถวาร์ปได้!

ทั้งสกิลขว้างอาวุธและสกิลล่องหนประสิทธิภาพดีขึ้นเป้นอย่างมาก!

ภายใต้สถานการณ์นี้ คงยากหากบอกว่าพลังรบไม่เพิ่มขึ้นเลย!

ขณะที่ฮังอวี่สามารถอัพสกิลทั้งสองจนเลเวลเต็ม ด้านหวังเอ๋อก็เกิดความก้าวหน้าครั้งใหญ่ไม่แพ้กัน

เดิมมันมีแต้มวิญญาณในตัวอยู่ 25 แต้มแล้ว และเนื่องจากได้กินรากบัว ส่งผลให้แต้มวิญญาณของมันเพิ่มถึงขีดจำกัด สามารถอัพเลเวล 2 ได้สำเร็จ!

อย่างไรก็ตาม หวังเอ๋อยังไม่หยุดเพียงเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นรากบัว หรือต้นบัวเหี่ยวเฉา ทั้งสองสิ่งล้วนเป็นไอเท็มระดับสูง!

โดยเฉพาะต้นบัว แม้มันจะสูญเสียปราณวิญญาณไปเกือบทั้งหมด แต่อย่างน้อยก็เป็นพืชวิญญาณที่อยู่ในระดับราชันย์ แม้สูญเสียปราณวิญญาณไป แต่ก็ยังเป็นของดี มีประโยชอย่างยิ่งต่อสัตว์วิญญาณอย่างหวังเอ๋อ

แม้มันจะไม่มีแต้มวิญญาณช่วยให้หวังเอ๋ออัพเลเวล แต่ก็ยังสามารถช่วยเพิ่มแต้มวิวัฒนาการแก่หวังเอ๋อได้

เดิมหวังเอ๋อมีแต้มวิวัฒนาการอยู่แล้ว 8 แต้ม หลังจากรับประทานต้นบัวเข้าไป แต้มวิวัฒนาการจึงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดเกินขีดจำกัดที่ 25 แต้ม

เท่ากับว่าหวังเอ๋อไม่เพียงอัพเลเวล แต่ยังวิวัฒนาการไปอีกขั้น

เลเวลของสัตว์วิญญาณมีความสำคัญอย่างยิ่ง ทว่าระดับวิวัฒนาการมีความสำคัญยิ่งกว่า

หากให้พูดแบบทั่วๆไป คือการอัพเลเวลเป็นเรื่องง่าย แต่การยกระดับวิวัฒนาการเป็นเรื่องยาก

ฮังอวี่เองก็คาดไม่ถึงเช่นกัน ว่าการผจญภัยในทริปนี้ หนึ่งคนหนึ่งสุนัขจะทำกำไรได้อย่างงดงาม

หวังเอ๋อไม่เพียงอัพเลเวล 2 แต่ยังยกระดับจากขั้นบรอนซ์ไปสู่ขั้นซิลเวอร์

เหตุผลที่การวิวัฒนาการดีกว่าการอัพเลเวลน่ะหรือ?

ข้อแรกก็คือ เลเวลสามารถลดลงได้ แต่ระดับของสัตว์วิญญาณนั้นยากที่จะต่ำลง

ข้อสอง การอัพเลเวลจะช่วยเพิ่มเฉพาะค่าสเตตัสและเอฟเฟกต์ของสกิลพรสวรรค์เท่านั้น ขณะที่การวิวัฒนาการไม่เพียงแต่เพิ่มค่าสเตตัส แต่ยังช่วยพัฒนาสกิล หรือกระทั่งมีโอกาสปลุกสกิลใหม่ขึ้น

“ฮ่ง! เจ้านาย เปิ่นหวังรู้สึกได้! เปิ่นหวังได้รับสกิลใหม่แล้ว!”

ฮังอวี่ปัดเปิดข้อมูลสัตว์วิญญาณเพื่อดูให้แน่ชัด

แต่เมื่อเห็นมัน ดวงตาเขาแทบถลนออกมา

[หมาหวังเอ๋อ] (สัตว์วิญญาณกลายพันธุ์) เลเวล 2 ขั้นซิลเวอร์  ค่าพลังชีวิต 60 , ค่าพลังจิต 100 , แต้มวัฒนาการ 5/80 , แต้มวิญญาณ 3/250 สกิล: เสริมการดูดซับ , วิวัฒนาการขั้นสูง , จิตสุนัขเทวะ , คลื่นราชาหมาป่า , ปลุกสัญชาตญาณป่าเถื่อน

หลังจากหวังเอ๋อขึ้นเป็นเลเวล 2 ขั้นซิลเวอร์ พลังชีวิตของมันพุ่งพรวดไปถึง 60 หน่วย! แซงหน้า ฮังอวี่ที่เป็นถึงเลเวล 4 ไปเรียบร้อย

แล้วที่ยิ่งไปกว่านั้น พลังจิตของมันสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดเป็น 100 หน่วยอย่างน่าอัศจรรย์!

มนุษย์จะเป็นประเภทค่อยๆแข็งแกร่งขึ้น และทรงพลังในช่วงหลัง เพราะเริ่มแรกทุกคนจะมีสกิลพรสวรรค์เพียงสกิลเดียว  แต่สามารถเรียนรู้สกิลเพิ่มได้ผ่านหินสกิล

ขณะที่หวังเอ๋อเป็นสัตว์วิญญาณ มันไม่สามารถใช้หินสกิลได้ ดังนั้นจึงมีสกิลพรสวรรค์ตั้งแต่เริ่มมากมาย

อย่างน้อย ณ ตอนนี้ พลังรบของหมาหวังเอ๋อ น่าจะโค่นมุนษย์เลเวล 3 ลงได้อย่างไม่ยากเย็น

นี่ยังไม่ใช่การพัฒนาทั้งหมดของหวังเอ๋อ มันได้ปลุกสกิลพรสวรรค์ใหม่ที่ชื่อว่า ‘ปลุกสัญชาตญาณป่าเถื่อน’ และสกิลนี้มีประโยชน์ในการต่อสู้มาก

[ปลุกสัญชาตญาณป่าเถื่อน] สกิลพรสวรรค์ ใช้ 50 หน่วยพลังจิต เพื่อเพิ่มพลังชีวิตสูงสุด 50 หน่วย , ค่าพละกำลัง ความว่องไว และร่างกายเพิ่มขึ้น 30% , ความเร็วในการเคลื่อนที่ +4 , ความต้านทานต่อความกลัว , มึนงง , ง่วง และเชื่องช้าเพิ่มขึ้น 200% , ระยะเวลาแสดงผล 5 นาที ,  ระยะเวลาคูลดาวน์ 20 นาที

“ขอเปิ่นหวังลองทดสอบดู!”

หมาหวังเอ๋อกระโดดไปกลางลานบ้าน ส่งเสียงหอนเป็นเวลานาน แต่ครั้งนี้ไม่ใช่คลื่นราชาหมาป่า แต่ให้แรงกดดันมากกว่าเล็กน้อย

ร่างของฮัสกี้เริ่มขยายใหญ่ ขนสุนัขของมันค่อยๆยาวขึ้น จนสุดท้ายถูกแทนที่ด้วยสีดำสนิททั้งตัว ดวงตาสีฟ้าเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือด เขี้ยวสีขาวคู่หนึ่งยื่นออกมาจากปาก ดูดุร้ายเป็นพิเศษ

เฮ้ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน? นั่นใช่หวังเอ๋อจริงๆน่ะหรือ?

กระทั่งฮังอวี่ก็ยังสัมผัสได้ถึงแรงกดดัน

ประเด็นก็คือ สกิลปลุกสัญชาตญาณป่าเถื่อนเป็นสกิลพรสวรรค์สายแปลงร่าง นั่นหมายความว่าประสิทธิภาพของมันจะเพิ่มขึ้นตามเลเวล!

หลังจากหวังเอ๋อปลดปล่อยสกิลปลุกสัญชาตญาณป่าเถื่อนออกมา พลังรบของมันไม่อาจกล่าวได้ว่าอยู่ในระดับชั้นยอดขั้นซิลเวอร์อีกต่อไป แต่น่าจะไปถึงระดับชั้นยอดขั้นโกลด์!

ต่อให้เป็นฮังอวี่ แต่หากคิดกำจัดหมาหวังเอ๋อในสภาวะเปลี่ยนร่าง คงต้องทุ่มสุดตัว เพราะหลังจากมันเปลี่ยนร่างแล้ว ไม่ใช่แค่พลังชีวิตที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่ค่าสเตตัสทั้งหมดยังเพิ่มขึ้นเช่นกัน

หมาหวังเอ๋อหันหน้ากลับมา คู่ดวงตาสีแดงเลือดจับจ้องฮังอวี่ ดูจริงจังไม่น่าตลกเหมือนแต่ก่อน หากมันไม่เอ่ยปากพูด หน้าตาของมันตอนนี้ ค่อนข้างน่าเกรงขามทีเดียว

ทว่าเมื่อมันเอ่ยปากออกมา แรงกดดันที่มีในตอนแรกพลันมลายหายไปสิ้น

“เจ้านาย เจ้านาย! ดูฉันสิ ดูฉัน! ตอนนี้เปิ่นหวังเท่สุดๆ โคตร Cool!!”

“เปิ่นหวังเคยบอกแล้วว่าตัวเองเป็นหมาป่า แต่เจ้านายไม่เชื่อ”

“เป็นไงล่ะ ครั้งนี้เชื่อแล้วหรือยัง!”

ฮังอวี่ “...”

พระเจ้าแห่งโลกวิญญาณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า? อย่าบอกนะว่าในมุมมองของเขาฮัสกี้เป็นหมาป่า?

ขณะนี้หมาป่าสีดำตัวใหญ่หรือก็คือหวังเอ๋อกำลังกระโดดโลดเต้นอยู่ในลานบ้าน ส่งเสียงเอะอะจนครบ 5 นาที ทันใดนั้นตัวมันก็เริ่มแฟบลงเหมือนอากาศข้างในรั่ว ขนยาวและหนาหดสั้น กลับมาเป็นหมาขาวดำธรรมดาอีกครั้ง

สกิลนี้ไม่เลวเลย อย่างไรก็ตามข้อเสียของมันก็ชัดเจนเช่นกัน นั่นคือระยะเวลาคูลดาวน์ที่นานเกินไป! แบบนี้ตอนใช้งานคงต้องกะเวลาดีๆ

ในตอนนั้นเอง โล่นว่าและอีกหลายคนเปิดประตูเข้ามาด้วยสีหน้ากังวล

ฮังอวี่เห็นหน้าโล้นซ่าก็สับสนเล็กน้อย “พวกนายไม่มีงานทำกันหรือไง มาที่นี่ทำไม?”

“พี่ใหญ่ เกิดเรื่องแล้ว มีคนส่งหนังสือท้ารบมาให้พวกเรา!”

หวังเอ๋อตะโกนขึ้นทันทีว่า “ฮ่ง? หนังสือท้ารบ? หนังสือท้ารบคืออะไร?”

ฮังอวี่รู้สึกสับสนยิ่งขึ้นไปอีก

แปลก

ระหว่างนี้กลุ่มของเขากำลังอยู่ในช่วงพัฒนา ไม่น่าจะไปรบกวนใครเข้า

“พี่ใหย่ยังจำเจ้าเสือดาวที่พี่ทุบตีมันครั้งก่อนได้ไหม?” โล้นว่าอธิบาย “หนังสือท้ารบเล่มนี้มาจากลูกพี่ของเจ้าเสือดาว พวกเขาบอกว่า ...”

ฮังอวี่ขมวดคิ้ว “บอกว่าอะไร?”

“พวกเขาบอกว่า ‘อาณาเขตในชุมชนตรอกมังกรฟ้าอนุญาตให้มีลูกพี่เพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่พี่ใหญ่ก็เขา ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องกลายเป็นลูกน้อง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกำปั้นและพลังรบ!’”

ฮังอวี่หัวเราะ “น่าสนใจ!”

เดิมตนไม่เคยคิดที่จะควบคุมทั้งชุมชนตรอกมังกรฟ้า แต่ตอนนี้จู่ๆกลับมีคนคิดแย่งชิงดินแดนกับเขา!

** สองตอนก่อนนะครับ พรุ่งนี้จะลงชดเชยเพิ่มให้