ตอนที่แล้วบทที่ 26 ความภักดีขึ้นๆลงๆ (ตอนปลาย)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 28 ไอ้บื้อร่างโต (ฟรี)

บทที่ 27 จ้าวผานคนจริงใจ


“ทีมสำรวจ?” อดีตหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกแดงหันไปมองยังต้นเสียงซึ่งก็คือจ้าวผานด้วยความรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เพราะไม่ว่าอย่างไรแล้ว เขาก็เคยเป็นอดีตหัวหน้าเผ่ามาก่อน แม้ว่าจะเป็นคนมาใหม่ของเผ่าและยังดื้อด้านอยู่ แต่เขาก็ต้องเรียนรู้สถานการณ์ปัจจุบัน นอกเหนือจากนั้น เขายังรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ดูจะไม่ฉลาดมากนัก เหมาะแก่การหลอกถามข้อมูล

“เป็นทีมที่รับผิดชอบในการตรวจสอบภูมิประเทศและพื้นที่โดยรอบน่ะ” เพราะหลัวจี๋ได้ให้อนุญาติไว้อยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องต้องห้ามอะไรที่จะพูดออกมา เพราะเหตุผลหลักก็คือถึงจะพูดเรื่องนี้ออกไปแต่มันก็ไม่สำคัญ เพราะมันไม่ใช่ความลับอะไร “และที่กลับมาก่อนหน้านี้ก็คือทีมนายพราน เป็นทีมที่สร้างขึ้นเพื่อการล่าสัตว์โดยเฉพาะ”

“เดี๋ยวก่อนนะ! ทีมที่สร้างขึ้นเพื่อการล่าสัตว์โดยเฉพาะ?”

จ้าวผานรักษารอยยิ้มที่ดู “ใจดีและจริงใจ” ไว้บนหน้า พร้อมกับเผยรอยยิ้มขึ้นมาในใจอย่างลับๆ เขาคิดไว้แล้วว่าอดีตหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกแดงจะต้องกินเหยื่อแน่ หากเปลี่ยนเป็นคนหัวแข็งอย่างหลัวหย่งล่ะก็ ก็คงจะไม่อธิบายรายละเอียดใดๆเลยแม้แต่น้อย

“ใช่แล้ว พวกเขามีหน้าที่ล่าสัตว์เท่านั้น” จ้าวผานรักษา

"ใช่ พวกมันมีหน้าที่แค่ล่าสัตว์" จ้าวผานพยักหน้าอย่างจริงจัง เขายังคงรักษาภาพลักษณ์ของ “คนจริงใจ” เอาไว้บนใบหน้า

“นะ.. นั่น…” เมื่อได้ยินคำตอบมาเช่นนี้ อดีตหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกแดงก็ถึงกับสับสนขึ้นมาในใจ เขารู้สึกว่าสามัญสำนึกของตนไม่สามารถตามได้ทัน

ตามสามัญสำนึกของเขา การล่าสัตว์และต่อสู้นั้นเป็นหน้าที่ของคนกลุ่มเดียวกัน ไม่ใช่แค่เผ่าเล็กๆเช่นพวกเขาเท่านั้น เผ่าใหญ่ๆเองก็เช่นกัน และการกระทำของเผ่าหมิงจิ่งก็ทำให้เขางุนงง การแยกทีมล่าสัตว์ขึ้นมาอีกทีมแยก ทำไมต้องทำอะไรสิ้นเปลืองแบบนั้น?

แต่เผ่าเล็กๆที่พึ่งจะถูกเผ่าหมิงจิ่งยึดครองเช่นพวกเขาก็ไม่มีสิทธิ์จะไปตัดสินการกระทำของหัวหน้าเผ่านี้ และหลังจากนั้นพักหนึ่งเขาก็ถามขึ้นอีกครั้ง “แล้วคนที่ต่อสู้ล่ะ นั่นก็เป็นทีมเฉพาะอีกเหรอ?”

“ใช่” จ้าวผานตอบแบบธรรมดาๆราวกับเป็นเรื่องปกติ จากนั้นก็ชี้ไปที่หลัวหย่งที่กำลังนั่งลับขวานหินทั้งสองอยู่ไกลๆ “นั่นเป็นทีมหลักในการต่อสู้ของเผ่าเรา นักรบหมาป่า”

ในตอนนี้หลัวหย่งยังคงใส่หน้ากากกระโหลกหมาป่าอยู่ แม้ว่าเขาจะรู้แล้วว่าอีกฝ่ายคือมนุษย์ก็ตามที แต่ก็ไม่มีคนจากเผ่าจิ้งจอกแดงคนไหนที่กล้าจะเข้าใกล้เขาเลยสักคน ราวกับว่าหากเข้าไปใกล้กว่านี้จะเป็นอันตราย

และในทางกลับกัน แม้ว่าอดีตหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกแดงจะยังมีความกลัวอยู่บนใบหน้าหลงเหลืออยู่ แต่เขาก็ยังเยือกเย็นอยู่มาก ในฐานะคนที่มีความฉลาดอยู่ที่สามดาวซึ่งเรียกได้ว่าฉลาดพอสมควร เขารู้อยู่แก่ใจว่าทรัพยากรมนุษย์นั้นเป็นสิ่งสำคัญในยุคนี้ และนับตั้งแต่ที่เขาถูกพาเข้ามาในเผ่า ก็เห็นได้ว่าอีกฝ่ายไม่คิดจะทำร้ายพวกตน ดังนั้นเขาจึงยังไม่ค่อยกลัวมากนัก

“นักรบหมาป่า? ที่อยู่บนหน้าพวกนั้นคืออะไร?”

“อ๋อ มันคือหน้ากากกระโหลกหมาป่า”

“หน้ากากกระโหลกหมาป่า?”

“หน้ากากกระโหลกหมาป่าคือเครื่องพิสูจน์ของนักรบเผ่าหมิงจิ่งเรา มีเพียงนักรบผู้สามารถเผชิญหน้ากับหมาป่าและเอาชนะมันลงไปได้เท่านั้นจึงจะถูกยอมรับว่าเป็นนักรบ”

ในขณะที่พูด จ้าวผานก็พูดด้วยเสียงที่ดูราวกับเป็นเรื่องปกติ แต่มันก็ทำให้คนที่ฟังต้องตกตะลึงกันทุกคน “เผชิญหน้ากับหมาป่าแล้วฆ่ามันให้ได้เนี่ยนะ? ล้อกันเล่นเหรอ?”

"ล้อเล่น? ไม่เลย"

เมื่อเห็นสีหน้าที่ดูจริงจังของอีกฝ่ายและความเป็นคน “จริงใจ” นั่นทำให้พวกเขาหัวเราะไม่ออกเลยสักนิด ให้นักรบเผชิญหน้ากับหมาป่าเนี่ยนะ!? แล้วต้องฆ่าหมาป่าให้ได้ถึงจะมีสิทธิ์เป็นนักรบอย่างนั้นเหรอ?! หมอนี่บ้าไปแล้วเหรอ? หรือเผ่านี้บ้าไปแล้วกันแน่!?

อย่างไรก็ตาม ขณะที่พวกเขากำลังนิ่งอึ้ง จ้าวผานคนจริงใจก็ยิ้มและกล่าวซ้ำต่อ “ไม่ใช่ว่าเผ่าพวกเจ้าก็เป็นแบบนี้เหรอ? ข้านึกว่าทุกเผ่าจะเป็นแบบนี้เสียอีก”

ใบหน้าของอดีตหัวหน้าเผ่ากระตุกรัว และเขารู้สึกอยากจะกระอักเลือดตายเสียตรงนั้น ทุกๆเผ่าเป็นแบบนี้บ้านพ่อเจ้าสิ หมาป่าเป็นสัตว์ที่น่าสะพรึงกลัวมากที่สุดในยุคสมัยนี้ เรียกได้ว่าเป็นหายนะเลยก็ได้ กระทั่งเผ่าใหญ่บางเผ่าก็ยังต้องหลบหนีเมื่อเผชิญหน้ากับพวกมัน และหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกแดงเองนอกเหนือจากจัดการเผ่าของตนแล้ว เขายังต้องภาวนาไม่ให้พบเจอกับหมาป่าใดๆ ไม่เช่นนั้นชะตาของพวกเขาก็คงจบสิ้นลงในเวลาไม่ถึงชั่วอึดใจ

คำพูดของจ้าวผานที่ยังคงทำหน้าจริงใจอยู่ราวกับเป็นเข็มแทงลึกลงไปในความมั่นใจในตัวเองของเขา ความแข็งแกร่งของทั้งสองเผ่านี้ต่างกันขนาดนั้นเลยรึ? ไม่ๆๆ!! เผ่าหมิงจิ่งแปลกประหลาดเกินไปต่างหาก!

ขณะเดียวกัน หลังจากที่รู้ว่าทีมสำรวจกลับมาอย่างปลอดภัย หลัวจี๋ที่ให้ความสำคัญกับการวาดแผนที่อย่างมากก็รีบเข้าไปหาหลัวจินในทันที

หลัวจินที่พึ่งกลับมาถึงและกำลังเหนื่อย หนาว และหิวน้ำ กำลังซดน้ำอุ่นจากถ้วยอยู่ และเมื่อเห็นว่าหลัวจี๋เดินเข้ามา เขาก็รีบวางถ้วยไม้ในมือลงในทันที “ท่านผู้นำ…”

“วันนี้ลำบากหน่อยนะ” หลัวจี๋ยกมือขึ้น บอกเขาว่าตามสบาย จากนั้นก็ถามอย่างเป็นกันเองว่า “ผลเป็นยังไงบ้าง?”

เมื่อได้ยินดังนั้น หลัวจินก็เผยรอยยิ้มแห้งๆขึ้นมา ก่อนจะหาที่ว่างเผื่อกางแผนที่หนังสัตว์ “เวลาในวันนี้มีจำกัด ข้าจึงออกสำรวจได้แค่ในเขตเล็กๆนี้เท่านั้น หากข้าออกไปไกลเกินไปก็คงกลับมาไม่ถึงก่อนค่ำครับ”

หลัวจินดูไม่พอใจกับผลการสำรวจของเขาอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าเขาจะออกสำรวจไปพอสมควรแล้ว แต่ส่วนมากก็เป็นแค่ไม้กับหิมะ ไม่มีข้อมูลอะไรสำคัญแม้แต่น้อย และไม่มีอะไรคืบหน้าในการสร้างแผนที่ซึ่งนั่นทำให้เขารู้สึกอายที่จะรายงานเช่นนี้กับผู้นำ

เขาหันไปมองหลัวจินที่ก้มหน้าก่อนจะโบกมือเรียบๆ “ไม่เป็นไร นายตัดสินใจถูกแล้ว ฉันเป็นคนบอกให้นายกลับมาก่อนค่ำเอง ไม่ต้องห่วง ไม่จำเป็นต้องรีบวาดแผนที่ก็ได้ เอาตามที่นายสะดวก”

แน่นอนว่าในสถานการณ์เช่นนี้ หลัวจี๋ก็คิดเอาไว้อยู่แล้วว่าจะเป็นแบบนี้ เหตุผลก็ง่ายมาก ทุกอย่างในยุคนี้มันลำบากเกินไป และการจะวาดแผนที่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

และเขาจะออกไปไหนไกลก็ไม่ได้ ถึงจะไม่มีอุบัติเหตุ แต่คนเราก็มีแค่สองขา อีกทั้งยังต้องวาดแผนที่และสำรวจพื้นที่โดยรอบในหนึ่งวันอีก ถึงจะรีบยังไงก็ไม่มีทางทำได้เยอะมากมาย

และหากต้องการจะให้ทีมสำรวจออกปฏิบัติภารกิจเป็นเวลานาน เขาต้องแก้ปัญหาเรื่องอาหารตากแห้งกับน้ำให้ได้ก่อน และในขณะเดียวกัน ในยุคนี้ในยามกลางคืนก็มีสัตว์ร้ายอยู่มากมาย ดังนั้นแล้วมันจึงอันตรายอย่างยิ่งที่จะปล่อยให้คนสามคนตั้งแคมป์อยู่กลางป่า

พูดง่ายๆก็คือ ทีมสำรวจของเขาในตอนนี้ยังไม่อยู่ในสภาพและแข็งแกร่งพอที่จะออกปฏิบัติการข้างนอกเป็นเวลานานได้

“นับตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป พวกนายจะต้องไปสำรวจอีกทางหนึ่ง” ขณะที่พูดหลัวจี๋ก็ลากนิ้วลงไปที่แผนที่ “เราสำรวจพื้นที่เป็นวงกลมรอบๆเผ่าเราก่อนเป็นอันดับแรก แล้วค่อยพูดถึงที่ที่ไกลกว่านี้ทีหลัง”

หลังจากนั้นหลัวจี๋ก็ให้กำลังใจหลัวจินอีกนิดหน่อย โชคดีที่หลัวจินนั้นไม่ใช่คนที่จะถอดถอนใจง่ายๆ วันนี้ทำให้เขารู้สึกถึงความหนักหน้าในหน้าที่นี้ อย่างไรก็ตาม แม้จะรู้สึกได้ถึงแรงกดดัน แต่ไม่เพียงแต่จะไม่รู้สึกหวั่นไหวแล้ว เขากลับยังรู้สึกมีกำลังใจมากกว่าเดิมอีกด้วย!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด