ตอนที่แล้ว689 - เฟิงเฉิน(ห้องสิน)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป691 - ไม่ได้มาเพียงลำพัง 

690 - คนตาย?


690 - คนตาย?

“ในตอนนั้นจักรพรรดิอู๋เป่ยคิดจะสร้างคัมภีร์เล่มหนึ่งขึ้นมาก็เพราะเขาเคยเห็นคัมภีร์สถาปนาเทพที่แท้จริงเล่มนั้น” จักรพรรดิดำอธิบาย

  

“จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่อู๋เป่ยเคยกล่าวไว้ว่าเขาได้เห็นม้วนหนังสือโบราณชนิดหนึ่งเรียกอีกอย่างว่าคัมภีร์สถาปนาเทพ แต่เนื้อหาข้างในค่อนข้างจืดชืดเขาจึงเขียนคัมภีร์ผนึกเทพขึ้นมาแทน”

  

หลังจากที่เย่ฟ่านได้ยินความลับเหล่านี้ ดวงตาก็สว่างสดใสจักรพรรดิปราศจากจุดเริ่มต้นมีความเกี่ยวข้องอย่างไรกับบ้านเกิดของเขา?

  

“เดี๋ยวก่อน…” เย่ฟ่านตกตะลึงครู่หนึ่ง

  

เป็นไปได้ไหมว่าจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่อู๋เป่ยเคยไปยังประเทศจีนโบราณและดวงดาวอื่นๆ และได้เห็นคัมภีร์เฟิงเฉินฉบับจริง?

  

“นี่น่ากลัวเกินไปแล้ว เป็นไปได้ไหมว่าเส้นทางแห่งดวงดาวโบราณจะถูกสร้างขึ้นจากฝีมือของเขา?”

  

ยิ่งเย่ฟ่านครุ่นคิด เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าเรื่องนี้มีความเป็นไปได้สูง บางทีพระพุทธเจ้าอาจไม่ใช่คนเดียวที่เดินทางมายังโลกนี้

  

เขาครุ่นคิดถึงเรื่องนี้จริงจังมาก ในสมัยโบราณมีจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่สร้างแท่นบูชาบนภูเขาไท่ซาน มีแท่นบูชาห้าสีอยู่ที่นั่นมันแสดงให้เห็นว่าพวกเขาใช้เป็นค่ายกลเคลื่อนย้ายเพื่อเดินทางเข้าสู่ทะเลแห่งดวงดาว?

ส่วนจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แห่งความว่างเปล่าก็ไม่สามารถตัดประเด็นนี้ออกไปได้เช่นกัน

เขามีแซ่จี้ และบางสิ่งบางอย่างของตระกูลจี้ก็มีความเกี่ยวข้องกับโลกที่เขาจากมา บางทีจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่คนนี้อาจจะเคยเดินทางไปที่โลกด้วยเช่นกัน 

"มันสูงมาก... " เสี่ยวหนานหนานเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ภูเขาสีดำที่สูงตระหง่านในเมฆ

  

ก่อนที่พวกเขาจะรู้ตัวพวกเขาก็มาถึงด้านหน้าของหน้าผาขนาดใหญ่ และทันใดนั้นพลังงานที่อธิบายไม่ได้ก็กดดันพวกเขาอย่างรุนแรง

  

“มีบางอย่างในภูเขานี้!” หลี่เหอซุยกล่าว

  

“ต่อให้เจ้าไม่บอกทุกคนก็รู้อยู่แล้ว จักรพรรดิอู๋เป่ยวางคัมภีร์ผนึกเทพไว้ที่นั่น ย่อมแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่ถูกผนึกอยู่คือสิ่งมีชีวิตระดับผู้ไม่ดับสูญ” จักรพรรดิดำกัดฟันโดยไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

  

มีคราบเลือดสีแดงเข้มจำนวนมากบนภูเขาสีดำ และไม่มีใครรู้ว่ามันผ่านมากี่ปีแล้ว แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นเลือดพวกนี้ก็ไม่เคยแห้งเหือด ทั้งยังมีกลิ่นคาวจางๆอีกด้วย

  

จู่ๆ เย่ฟ่านก็รู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย นี่คือภูเขาขนาดใหญ่ที่สูงตระหง่านอยู่ในหมู่เมฆ ร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณคนนั้นมีร่างกายใหญ่โตมากแค่ไหนเลือดของเขาถึงสามารถอาบหน้าผาขนาดใหญ่เช่นนี้

  

“เลือดของเขาเป็นสีแดงสดนี่มันผิดปกติมากเกินไป เลือดของเขาควรจะเป็นสีทองไม่ใช่หรือ?” หลี่เหอซุยสงสัย

“เด็กน้อยเช่นเจ้าจะรู้อะไร ร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณที่พัฒนาไปจนถึงระดับสูงสุด เลือดสีทองจะเปลี่ยนกลับมาเป็นสีแดงอีกครั้ง และหากพวกเราสามารถดื่มเลือดเหล่านี้แม้เพียงหยดเดียว มันจะทำให้ชีวิตของพวกเรายืนยาวขึ้นกว่าร้อยปี”

“เย่น้อยเจ้าต้องมีชีวิตที่ดี และจากนั้นเจ้าจะปลูกยาเซียนมากมายเพื่อทำให้ชีวิตของตัวเองยืนยาวอย่างไม่สิ้นสุด หลังจากนั้นเจ้าก็ใช้เลือดของเจ้าเพื่อต่ออายุให้กับเรา” หลี่เหอซุย กล่าวด้วยความหวังดี

“ใช่แล้ว!” สุนัขสีดำตัวใหญ่ก็พยักหน้าเห็นด้วย

เย่ฟ่านไม่สนใจพวกเขาแต่หยิบม้วนกระดาษโบราณที่เขาได้รับจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ออกมาอีกครั้ง หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วเขาก็กล่าวว่า

"เก้าญาณวิเศษลึกลับอยู่บนหน้าผาศักดิ์สิทธิ์จริงๆ"

หลังจากนั้นทุกคนก็เดินตามหลังชายชราผู้บ้าคลั่งอย่างระมัดระวังโดยอาศัยสายตาของหนานหนานเป็นคนนำทางและไม่กล้าก้าวผิดแม้แต่ก้าวเดียว

หลี่เหอซุยเกิดความคึกคะนองขึ้นในใจ เขาโยนอาวุธศักดิ์สิทธิ์ออกไปด้านหน้า แต่ผลที่ได้ก็คืออาวุธศักดิ์สิทธิ์ของเขาถูกเผาผลาญกลายเป็นเถ้าถ่านและมันแหลกละเอียดอยู่ตรงนั้น

เมื่อเห็นเช่นนั้นทุกคนก็สูดลมหายใจอย่างหนาวเหน็บ ก่อนจะเดินตามหลังชายชราผู้บ้าคลั่งด้วยความระมัดระวังมากกว่าเดิม

“ก้าวที่ผิดเพียงครั้งเดียวจะทำให้ร่างกายและวิญญาณของพวกเจ้าดับสูญ ต้องระวังให้ดีไม่เช่นนั้นจะไม่มีทางแก้ไขได้!”

สุนัขสีดำตัวใหญ่เตือนอย่างเคร่งขรึม สีหน้าของมันมืดมนและจริงจังเพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของความเป็นความตายของทุกคน

อย่าว่าแต่พวกเขาเลย ต่อให้เป็นผู้อมตะมาด้วยตัวเองก็ยังต้องเดินตามเส้นทางที่จำเพาะเจาะจงเท่านั้น

แม้แต่ชายชราผู้บ้าคลั่งที่อาจเป็นสิ่งมีชีวิตอมตะก็ยังมีความระมัดระวังเป็นอย่างมาก ทุกก้าวเดินของเขาต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนและผ่านไปกว่าครึ่งวันแล้วพวกเขาเพิ่งจะเดินออกไปได้ไม่กี่วา

“ถ้าข้าทำผิดพลาดไปโดยไม่ได้ตั้งใจล่ะ?” เสี่ยวหนานหนานถามอย่างไร้เดียงสา

“บรรพบุรุษน้อย อย่าพูดอย่างนั้น” จักรพรรดิดำประหม่าอยู่ครู่หนึ่ง เขากลัวว่าจะมีปัญหาเกิดขึ้นจริงๆ

“ถ้าเจ้าก้าวผิดพลังที่แข็งแกร่งเทียบเท่ากับจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่จะผ่าพวกเราออกเป็นสองท่อน!”

หลี่เหอซุยร่างกายสั่นสะท้านและพูดกับตัวเองเบาๆ “เรากำลังเดินบนอยู่บนเชือกเส้นเล็กๆ เจ้าไม่ควรพูดจาไร้สาระให้บั่นทอนกำลังใจของทุกคน”

"บูม!"

ไม่ไกลจากพวกเขาหลุมดำที่น่าสะพรึงกลัวก็ปรากฏขึ้น และพลังแห่งการกลืนกินที่น่ากลัวได้ปรากฏออกมา

“พวกเราเดินผิดหรือ?”

“ไม่ใช่ ใบไม้ที่ร่วงหล่นลงมาจากหน้าผาศักดิ์สิทธิ์ตกลงมาในค่ายกลและมันกระตุ้นไอสังหารขึ้น”

"นี่..."

“นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว แม้แต่ใบไม้ที่ร่วงหล่นก็ยังทำให้เกิดหลุมดำได้ ถ้าเราก้าวผิด เราจะกลายเป็นเถ้าถ่านทันที!”

พวกเขาใช้เวลาสองชั่วยามกว่าจะมาถึงกลางภูเขา ในเวลานี้ มีหมอกสีดำที่มีรูปร่างเป็นวงกลมอยู่รอบๆ ทำให้ทุกอย่างดูมืดลง! หลายคนมีความรู้สึกถึงลางร้ายอยู่ในใจ

"หนานหนานเห็นคนหลายคน ทั้งชายและหญิง.... " เสี่ยวหนานหนานก็พูดขึ้นโดยชี้นิ้วไปข้างหน้า

ชายชราผู้บ้าคลั่งหยุดเดิน และสายตาของเขาจับจ้องเข้าไปในหมอกมืดมิด ภายในนั้นมีสิ่งมีชีวิตรูปร่างมนุษย์สองสามคนยืนอยู่ข้างในโดยไม่เคลื่อนไหว

เย่ฟ่านลืมตาขึ้น แต่เขามองเห็นได้เพียงคลุมเครือว่ามีคนสวมชุดโบราณหลายคน ราวกับว่าพวกเขามาจากยุคโบราณ

พวกเขาทั้งหมดแก่มาก ร่างกายของพวกเขาไม่มีพลังชีวิต และพวกเขาก็ตายไปแล้ว แต่การที่ซากศพยืนอยู่แบบนั้นมันทำให้ทุกคนรู้สึกหายใจไม่ออก

“บัดซบ แม้แต่ผู้อมตะก็ยังแทบไม่เคยปรากฏขึ้น เทพเจ้าเหล่านี้จะปรากฏตัวออกมาได้อย่างไร!”

จักรพรรดิดำอุทานด้วยความตกใจ ชายชราผู้บ้าคลั่งครุ่นคิดอยู่เนิ่นนาน และเริ่มเดินอีกครั้ง เขาพยายามหลีกเลี่ยงการมองซากศพเหล่านั้นในขณะเดียวกันก็หันกลับมาเตือนทุกคนเบาๆ

“อย่าหันกลับไปมองพวกเขา อย่าไปสัมผัสพวกเขา ตามข้ามา!”

พวกเขาเดินขึ้นภูเขาทีละก้าว ไม่มีใครมองย้อนกลับไป แต่แผ่นหลังของพวกเขาเย็นเยียบและรู้สึกชัดเจนว่าคนเหล่านั้นกำลังมองมาที่พวกเขาด้วยสายตาที่เย็นยะเยือก

หลังจากเดินมาระยะหนึ่ง บรรยากาศที่ตึงเครียดก็ผ่อนคลายลง และหลี่เหอซุยก็กระซิบ

“ผู้อาวุโส พวกเขาเป็นใคร?”

"เหล่าผู้อาวุโสที่ตายไปแล้ว"

  

"ผู้อาวุโสที่ตายไปหลายปีแล้ว? แต่ทำไมข้ารู้สึกได้ถึงสายตาที่เย็นยะเยือกอย่างเห็นได้ชัด" เขารู้สึกแปลกและงงงวยมาก

“ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่” เด็กหญิงตัวเล็กๆกระซิบอย่างเขินอาย

“ใช่ ข้าก็รู้สึกแบบเดียวกัน” หลี่เหอซุยยังงงงวยและอดไม่ได้ที่จะมองย้อนกลับไป

ทันใดนั้น ร่างกายของเขาก็แข็งค้างราวก็ตกลงไปในบ่อน้ำแข็ง และเลือดก็ไหลทะลักออกจากทวารทั้งเจ็ดบนใบหน้าของเขาอย่างไม่อาจปิดกั้น

"อย่าหันหลัง อย่าดู พวกมันตายไปนานแล้ว!”

ชายชราผู้บ้าคลั่งกล่าวเบาๆ ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อเพื่อช่วยเหลือหลี่เหอซุยให้หลุดจากการควบคุมของพลังอันชั่วร้าย

“โอ้ สวรรค์ น่ากลัวเกินไปแล้ว ข้าแค่มองกลับไปแต่สายตาที่ข้ามองเห็นมันน่ากลัวเหลือเกิน!” หลี่เหอซุยทรุดตัวลงกับพื้น

สายตาที่มองมานั้นเห็นได้ชัดว่ามีชีวิตจิตใจอย่างชัดเจน แต่เมื่อชายชราผู้บ้าคลั่งพูดอย่างนั้น ทุกคนก็ไม่กล้ามองย้อนกลับไปอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้างหลังพวกเขาเลือกที่จะเดินหน้าต่อไปเท่านั้น

หมอกหนาขึ้นเรื่อยๆ และในที่สุดพวกเขาก็มองเห็นโลงศพทองแดงขนาดใหญ่อยู่บนภูเขา แต่ที่นั่นมีหมอกปกคลุมหนาทึบ แม้แต่ดวงตาศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่สามารถมองทะลุได้

"ให้ตายสิ มีคนอื่นอยู่บนนั้น อาจเป็นไปได้ว่ายังมีชีวิตอยู่!”

ขนสีดำของสุนัขตัวใหญ่สีดำตั้งขึ้น

ด้านบนสุด มีร่างหนึ่งที่สูงใหญ่ราวกับเทพโลกบาลนั่งอยู่บนโลงศพทองแดง ดวงตาของเขานั้นดูน่ากลัวมาก มันราวกับว่าเพียงเขากวาดตามองวิญญาณของผู้คนจะถูกทำลายทันที

"อย่ามองเขา ทำแบบที่ผ่านมา นี่ก็เป็นคนที่ตายแล้วเหมือนกัน!”

ชายชรากล่าวเตือนอย่างเคร่งขรึมอีกครั้ง ในเวลาเดียวกันเขาเปลี่ยนเส้นทางอย่างรวดเร็วและพวกเขาก็อ้อมผ่านหมอกหนาทึบอย่างยากลำบาก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด