ตอนที่แล้วย้อนเวลากลับสู่วันโลกาวินาศ ตอนที่ 33  เข้ายึดโรงอาหารแต่กลับเจอเรื่องประหลาด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปย้อนเวลากลับสู่วันโลกาวินาศ ตอนที่ 34  เพรชในโคลนตม

ย้อนเวลากลับสู่วันโลกาวินาศ ตอนที่ 33.5   ใต้ฟ้าข้าใหญ่สุด


ตอนที่ 33.5  ใต้ฟ้าข้าใหญ่สุด

เจียงเป่าและจางหยาม มองไปทางผู้หญิงที่ตะโกนออกมา เธอคนนั้นคือผู้หญิงอายุราวๆ 20 ปี รูปร่างหน้าตาจัดว่าอยู่ในระดับสูงของผู้หญิงธรรมดา เรียกว่าสวยเลยก็ว่าได้

เมื่อผู้หญิงคนนั้นตะโกนขึ้น เพื่อที่อยู่ข้างๆ ก็พากันห้ามเธอทันที

“ฉีฉีเธอทำบ้าอะไรของเธอ!!”

“เธอบ้าไปแล้วหรือไงจีฉีฉีพวกเราทำไปเพื่อช่วยเธอนะ แต่เธอกลับ…!”

“ยัยบ้าจีฉีฉี!!”

“เธอเป็นคนบอกให้พวกเราขังมันเอาไว้แท้ๆ!!”

“เธอมันโง่ ถ้าพวกทหารรู้ว่าเราทำอะไรพวกเราซวยแน่ เธอเองก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเธอก็ต้องโดนลงโทษแบบพวกเรา”

กลุ่มคนรอบๆ ผู้หญิงที่ตะโกนต่างก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน

เจียงเป่าและจางหยานพอเข้าใจแล้วว่าทำไมคนพวกนี้ถึงแสดงอาการแปลกๆ ออกมา คนพวกนี้ต้องทำอะไรผิดกันแน่ บางทีอาจจะฆ่าคนหรืออะไรทำนองนั้น แล้วคนที่ชื่อนายน้อยหมิงอะไรนั่นคงเป็นเหยื่อ

เจียงเป่าไม่สนใจว่าพวกนี้ทำผิดอะไร เพราะตอนนี้มันเป็นวันโลกาวินาศ อย่าว่าแต่ฆ่าคนเลย ฆ่าเป็นสิบเป็นร้อยเขาก็ไม่สนใจพวกมันเลยสักนิด เจียงเป่าเตรียมสั่งให้พวกกลุ่มผู้รอดชีวิตหยุด แต่ก่อนที่เจียงเป่าจะได้พูดอะไรเสียงไม่พอใจก็ดังขึ้นก่อน

“นี่มันเรื่องอะไร!! ผู้นำตระกูลเจียง ผู้นำตระกูลจาง พวกคุณกำลังรออะไรกันทำไมไม่รีบเข้าควบคุมโรงอาหารเอาไว้!!”

หลินฟานมาถึงแล้ว

เมื่อหลินฟานมาถึงก็พบว่ากองทัพยังไม่เข้าควบคุมโรงอาหาร เขาต้องทำภารกิจครั้งนี้แข่งกับเวลา เพราะไม่รู้ว่าซอมบี้ในโดมคอนเสิร์ตจะเคลื่อนไหวกันตอนไหน เมื่อมาเห็นว่าคนของเขาไม่เข้าใจความเร่งด่วนของตัวเอง หลินฟานก็ไม่พอใจมาก

อีกอย่าง เจียงเป่า จางหยานและพวกทหาร พวกนั้นยังยืนดูพวกกลุ่มผู้รอดชีวิตกำลังด่ากันอีก หลินฟานจะเก็บอารมณ์โมโหเอาไว้ได้อย่างไร

ให้มายึดโรงอาหารแต่ดันมายืนมองคนด่ากันเนี่ยนะ!

เจริญ! เจริญกันจริงๆ!!

จางหยานรีบพูดขึ้น

“พวกเรากำลังถามเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ครับ คนกลุ่มนี้มันแปลกๆ”

“แปลก? แปลกยังไง!?”

หลินฟานขมวดคิ้วสงสัย

จางหยางเริ่มเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับหลินฟานฟัง หลินฟานฟังผ่านๆ และไม่ได้สนใจอะไรมาก ใครจะฆ่าใคร ใครจะทำอะไรหลินฟานก็ไม่สนใจอยู่แล้ว หากไม่ได้มาฆ่าคนของเขา และมาสร้างความเดือดร้อนให้เขา หลินฟานก็พร้อมมองผ่านทุกเรื่อง แต่พอได้ยินชื่อที่มีคำว่า จี! หลินฟานก็แสดงใบหน้าไม่พอใจออกมา แล้วพูดขึ้นว่า

“จีฉีฉีนี่ ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลจีไหม?”

“ทหารไปพาเธอมา!”

จางหยานออกคำสั่งกับทหารใกล้ๆ เขาก็ฟันธงไม่ได้ว่าเกี่ยวกันไหม จางหยานไม่ได้สนใจอะไรกับตระกูลจีขนาดนั้น แต่ก่อนเขาคิดแค่ว่า เขาจะหาทางสั่งฆ่าจีเป่ยยังไงดีเพราะมันทำให้ตระกูลหลินเสียหาย

แต่ถ้าหากผู้หญิงคนนั้นเกี่ยวข้องกับตระกูลจีขึ้นมา เรื่องก็คงจบไม่สวยแน่ๆ ภาพจีเป่ยโดนหลี่หมิงหักนิ้วในงานประชุมเมื่อเดือนก่อน ภาพเหล่านั้นยังอยู่ในหัวของจางหยางอย่างชัดเจน

ทหารนำตัวจีฉีฉีมายืนต่อหน้าหลินฟานอย่างรวดเร็ว

“คุณหัวหน้าทหาร! ช่วยนายน้อย-”

“เธอมีความเกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลจีแห่งหลินหนานไหม?”

หลินฟานขัดก่อนที่จะจบประโยค เขาถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

จีฉีฉีตอบทันทีว่า

“ไม่ค่ะ! ฉันมาจากครอบครัวธรรมดา ฉันแค่แซ่จี”

“ดี! เธอมีเวลาเล่ามา 1 นาที บอกมาว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น”

หลินฟานไม่อยากเสียเวลา แต่เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น

จีฉีฉีพยักหน้า จากนั้นก็พูดขึ้นว่า

“ คุณชายหมิงโดนกลุ่มคนที่อยู่ในโรงอาหารขังเอาไว้ เขาเป็นลูกของนายกเทศมนตรีหมิงของมณฑลหลินหนาน

“ เขาแค่ทำเรื่องเลวร้ายนิดหน่อยโดยการข่มขืนผู้หญิงคนหนึ่ง จากนั้นคนพวกนี้ก็จับคุณชายหมิงและคนของเขาขังเอาไว้

“คุณหัวหน้าทหารต้องให้ความเป็นธรรมแก่คุณชายหมิงนะคะ ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนให้ท่าคุณชายเอง เธอสวยเองช่วยไม่ได้”

จีฉีฉีพยายามใส่อารมณ์ระหว่างพูดมากที่สุด เธอรู้ว่าสิ่งที่คุณชายหมิงทำเป็นเรื่องที่ผิดเพราะไปข่มขืนคนอื่น แต่เขาคือคุณชายหมิง พ่อของเขาคือนายกเทศมนตรีแห่งมณฑลหลินหนาน พ่อของคุณชายหมิงคือคนของรัฐบาลแถมยังเป็นพวกระดับสูงของรัฐบาล

พวกทหารเป็นทหารของรัฐบาล เพราะงั้นเมื่อเห็นพวกทหารปรากฏตัวออกมา จีฉีฉีจึงคิดว่าควรเปลี่ยนฝั่ง เธอควรย้ายฝั่งมาอยู่ฝั่งของคุณชายหมิงและให้ทหารเหล่านี้ปกป้องตัวเอง นี่คือแผนที่เธอคิดเอาไว้

เมื่อจีฉีฉีพูดจบเสียงก่นด่าก็ดังขึ้น

“ยัยจิ้งจองจีฉีฉี!!! มันเป็นเธอไม่ใช่หรือไงที่เป็นคนเสนอความคิด!!!”

“เธอบอกว่าเธอกลัวว่าเธอจะเป็นรายต่อไป พวกเราเลยจับมันเอาไว้แท้ๆ ทำไมตอนนี้เธอถึงได้พูดจาเขาข้างมัน!!!”

“ยัยสารเลว!!!”

“ยัยชั่ว!!!”

จีฉีฉีหันมองไปทางกลุ่มคนที่กำลังด่าเธออยู่ จากนั้นเธอก็ทำท่าทางใส่ๆ แล้วพูดกับกลุ่มผู้รอดชีวิตว่า

“ฉันแค่บอกว่าเราควรระวังเขาเอาไว้และควรแยกเขา ฉันไม่ได้บอกให้พวกคุณขังคุณชายหมิงเอาไว้ อีกอย่าง ฉันบอกว่าฉันกลัวเป็นรายต่อไปตอนไหน พวกคุณมีหลักฐานหรือเปล่าอย่ามาใส่ร้ายฉัน”

ใบหน้าของแต่ละคนในกลุ่มผู้รอดชีวิตเริ่มแดงก่ำ หากตอนนี้ไม่มีปืนจากทหารกดดันพวกเขาเอาไว้ พวกเขาคงวิ่งไปหยุมหัวจีฉีฉีไปแล้ว ผู้หญิงคนนี้มันหน้าด้านสิ้นดี!

หลินฟานเองก็แปลกใจเช่นกัน ผิดเองที่เธอสวย! ผู้หญิงคนนี้บอกว่าความผิดที่โดนข่มขืนเพราะผู้หญิงคนนั้นสวยงั้นเหรอ นี่มันตรรกะอะไรกัน?  นี่มันเรื่องบ้าบอสิ้นดี!

หลินฟานตะโกนขึ้นว่า

“เงียบ!!!”

หลินฟานใช้แววตาเย็นชามองไปทางกลุ่มผู้รอดชีวิต จากนั้นก็พูดต่ออีกว่า

“ถ้าฉันไม่ถามใครก็อย่าได้พูดออกมา ไม่งั้นจะไม่มีการเตือนกันดีๆ อีก”

ทุกคนสงบลงในทันที เสียงหลินฟานเป็นเหมือนกับน้ำเย็นที่ดับไฟในใจของพวกเขา ถึงพวกเขาจะโกรธจีฉีฉีและอยากไปรุมหยุมหัวของเธอ เพราะความหน้าด้านหน้าทนของจีฉีฉีเกินมนุษย์จริงๆ แต่พวกเขากลัวปืนในมือของพวกทหารมากกว่า

หลินฟานหันไปทางเจียงเป่า จากนั้นก็ถามว่า

“ไอ้คุณชายหมิงนี่ มันใช้ลูกของนายกเทศมนตรีจริงๆ ใช่ไหม?”

“ครับ! นายกเทศมนตรีคนปัจจุบันของมณฑลหลินหนานแซ่หมิง และเขาก็มีลูกชายเรียนอยู่ที่มหาลัยหลินฮวาแห่งนี้”

เจียงเป่าตอบยืนยัน

หลินฟานพยักหน้าแล้วก็ออกคำสั่งอีกว่า

“ไปเอาตัวพวกที่โดนขังอยู่มาที่นี่!!”

หลังจากหลินฟานออกคำสั่งทหารก็เดินไปถามตำแหน่งจากกลุ่มผู้รอดชีวิต และด้วยแรงกดดันจากปืนที่ทหารถืออยู่ พวกเขาก็ได้ตำแหน่งห้องขังมาอย่างรวดเร็ว

ไม่นานคุณชายหมิงและพวกพ้องสวะอีก 5 คน ก็เดินมาทางหลินฟาน คนที่เดินอยู่หน้าสุดยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย และเดินราวกับว่า ที่นี่กูใหญ่สุดใครจะทำไม!

เพียงเห็นการเดินไม่เกรงกลัวใครแบบนั้น หลินฟานก็สามารถเดาได้ทันทีว่าไอ้นั่นนะแหละที่เป็นคุณชายหมิง

คุณชายหมิงเดินมาหยุดต่อหน้าหลินฟาน จากนั้นก็พูดขึ้นว่า

“ฉันหมิงเย่ พ่อของฉันส่งแกมารับฉันไปหาใช่ไหม”

ท่าทางของหมิงเย่ไม่มีความเคารพหรือเกรงใจเลยแม้แต่น้อย เขากำลังทำเหมือนกับว่า หลินฟานเป็นหมาที่เขาเลี้ยงเอาไว้เป็นหมาที่ต้องทำตามคำสั่งตัวเอง

ได้ยินดังนั้น เจียงเป่า จางหยานและทหารที่อยู่รอบๆ ต่างก็รู้สึกเสียวสันหลังแทนหมิงเย่ขึ้นมา พวกเขาต่างก็มีความคิดที่เหมือนกันว่า ไอ้นี่มันปากพาตายแท้ๆ!

หมิงเย่ไม่ได้รอคำตอบรับอะไรจากหลินฟาน เพราะเขาคิดว่าหลินฟานเป็นคนของพ่อตัวเองและหมิงเย่ก็ไม่ชอบคุยกับพวกทหารเท่าไหร่นัก หมิงเย่หันจากหลินฟานไปทางกลุ่มผู้รอดชีวิต จากนั้นก็ชี้นิ้วไปยังพวกเขาพร้อมกับพูดขึ้นว่า

“ฆ่าพวกมันให้หมด!! คนพวกนี้คือพวกที่ตั้งตัวเป็นกบฏต่อประเทศจีน พวกมันทำร้ายคนในครอบครัวของคนระดับสูงในรัฐบาล พวกมันทำร้ายฉัน พวกมันกักขังฉันเอาไว้ โทษที่พวกมันต้องได้รับก็คือความตาย!!”

หมิงเย่มองกลุ่มผู้รอดชีวิตด้วยใบหน้าชั่วร้าย ตั้งแต่ที่โดนขังเอาไว้ เขาก็สัญญากับตัวเองว่าหากพ่อของเขาส่งคนมาช่วยเมื่อไหร่ คนที่มีส่วนร่วมในการขังเขาจะต้องตายให้หมด เขาจะสั่งฆ่าพวกมันให้หมดทุกคน

ทางด้านของกลุ่มผู้รอดชีวิต พวกเขาต่างแสดงความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป บางคนก็กลัวว่าตัวเองจะถูกฆ่า และแสดงใบหน้ากำลังกลัวออกมา บางคนก็เสียใจที่ไม่ยอมฆ่าหมิงเย่ให้มันจบๆ หากฆ่ามัน พวกเขาอาจจะรอดโทษตายได้เพราะไม่มีมันออกคำสั่งฆ่า และบางคนที่กลัวมากๆ ก็ถึงกับจะคุกเข่าร้องขอชีวิต

แต่ระหว่างที่กลุ่มผู้รอดชีวิตกำลังหวาดกลัว

หมิงเย่ก็รู้สึกว่ามีมือใครบางคนมาจับที่หัวของตัวเอง หมิงเย่เตรียมตะโกนด่าหลินฟาน เพราะด้านหลังของเขามันมีหลินฟานอยู่คนเดียว แต่ก่อนที่หมิงเย่จะได้พูดอะไร มือของหลินฟานก็ออกแรงและกดหัวของหมิงเย่ลงไปที่พื้นปูน

ตุ๊บ!!!

เสียงหัวของหมิงเย่กระทบลงพื้นปูน

กลุ่มผู้รอดชีวิตทุกคนต่างก็กลับมาอยู่ในอารมณ์เดียวกันทั้งหมดทันที

พวกเขาต่างก็กำลังสงสัยว่ากำลังเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำไมทหารทำร้ายหมิงเย่? ไม่ใช่ว่าทหารต้องทำตามคำสั่งของหมิงเย่งั้นเหรอ? ไม่ใช่ว่าพ่อของหมิงเย่เป็นสมาชิกระดับสูงของรัฐบาลงั้นหรือ? ทุกคนต่างก็มองภาพที่เกิดขึ้นด้วยความงงงวย

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด