ตอนที่แล้วย้อนเวลากลับสู่วันโลกาวินาศ ตอนที่ 28  อัญเชิญอันเดดตัวแรก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปย้อนเวลากลับสู่วันโลกาวินาศ ตอนที่ 30 ความโหดร้ายของวันโลกาวินาศค่อยๆ เริ่มเปิดฉากขึ้นแล้ว

ย้อนเวลากลับสู่วันโลกาวินาศ ตอนที่ 29  กฎหมายมาตรา xx วรรค oo ระบุเอาไว้ว่า…


ตอนที่ 29  กฎหมายมาตรา xx วรรค oo ระบุเอาไว้ว่า…

ณ หน้าบ้านแห่งหนึ่งใกล้ๆ กับคฤหาสน์ตระกูลหลิน

กลุ่มทหารกลุ่มหนึ่งพร้อมอาวุธครบมือกำลังยืนอยู่หน้าบ้านดูดีหลังหนึ่ง และหนึ่งในทหารก็เคาะประตูบ้านพร้อมกับตะโกนขึ้นว่า

“พวกเราเป็นทหารจากกองทัพตระกูลหลิน พวกเราต้องการแรงงานเพื่อไปสร้างกำแพง หากคุณยอมทำงานพวกเราจะให้น้ำและอาหารกับคุณ พร้อมทั้งรับรองความปลอดภัยให้คุณและครอบครัวคุณด้วย!!!”

ทหารกลุ่มนี้เป็นทหารที่อยู่ในการดูแลของตระกูลโอหยาง และพวกเขาก็ได้รับหน้าที่จากโอหยางห่าวให้ออกมาเพื่อหาคนไปทำงานสร้างกำแพง แต่! พวกทหารได้ตามเคาะบ้านที่มีคนอยู่มาหลายหลังแล้ว พวกเขาก็ยังไม่ได้คนงานเลยสักคน

ประตูค่อยๆ เปิดออก ด้านหลังประตูบ้านคือชายสวมชุดดูดี สวมแว่น ทรงผมเรียบร้อย ชายเจ้าของบ้านกวาดตามองเหล่าทหารพร้อมขมวดคิ้วทั้งสองของเขาเข้าหากัน จากนั้นก็พูดขึ้นว่า

“ ตามกฎหมายมาตรา xx วรรค oo ระบุเอาไว้ว่า เมื่อประเทศเผชิญกับสงครามและเผชิญกับภัยพิบัติตามธรรมชาติ ทหารจะต้องเข้าช่วยเหลือประชาชนในประเทศแบบไม่แบ่งแยกชนชั้น หรือถิ่นกำเนิด ขอแค่เป็นคนจีนทหารก็จะช่วย

“แล้วนี่มันอะไร!! พวกคุณที่เป็นทหารของประเทศ แต่กลับกำลังบอกให้ประชาชนแบบพวกผมไปทำงานเพื่อแลกกับอาหาร นี่มันไม่มากเกินไปหน่อยหรือไง ผมเสียภาษีเพื่อไปเป็นเงินเดือนให้พวกคุณ แต่พวกคุณกลับไม่ปกป้องผมและคนอื่นๆ เวลาประเทศเจอปัญหา นี่มันไม่เห็นแก่ตัวเกินไปหน่อยงั้นเหรอ”

ทหารที่โดนพูดใส่ต่างก็ไม่มีใครโต้ตอบกลับ ทุกคนมองหน้ากันไปมา สิ่งที่ชายเจ้าของบ้านคนนี้พูดออกมาถูกต้องแล้ว หน้าที่ของทหารคือปกป้องประชาชนแต่ตอนนี้พวกเขากลับได้รับหน้าที่อย่างอื่น ทั้งๆ ที่ประชาชนต้องการความช่วยเหลืออยู่แท้ๆ พวกเขากลับไม่สามารถไปช่วยได้เพราะคำสั่งทางทหาร

ชายเจ้าของบ้านพูดต่อ

“ ผมขอเรียกร้องให้พวกคุณเอาอาหารมาแจก คนที่ยังแอบอยู่ในบ้านแบบผมคงมีอีกไม่ใช่น้อยๆ ให้ดีควรมีน้ำสะอาดด้วยเพราะพวกเราไม่รู้ว่าน้ำที่ไม่อยู่ในขวด หรือไม่ผ่านการฆ่าเชื้อจะกินได้หรือเปล่า

“ผมแพ้อาหารชนิดที่มีนมวัวผสม ผมขออาหารอย่างอื่นทดแทนในส่วนตรงนี้ด้วย!!”

ชายเจ้าของบ้านเห็นพวกทหารไม่พูดอะไรเขาเลยเริ่มออกคำสั่ง ตามสิ่งที่เขาเรียนมาจากมหาลัยระดับประเทศ ช่วงเวลาแบบนี้เขามีสิทธิ์เรียกร้องของเพื่อดำรงชีวิต เขาคิดว่าคำขอพวกนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเวลาประเทศเจอกับภัยพิบัติ เมื่อพูดจบ ชายเจ้าของบ้านก็ปิดประตูบ้านตัวเอง

ทหารมองหน้ากัน ทหารคนหนึ่งพูดขึ้น

“พวกเราจะทำยังไงดี นี่มันบ้านที่ 11 แล้วนะ”

“เฮ้อ~ ไม่ใช่แค่ไม่ไปทำงานแต่ดันเรียกร้องอาหารกับพวกเราอีก คนพวกนี้ไม่ได้เข้าใจถึงสถานการณ์ของโลกเลยหรือไง คิดว่าพวกเรามีความสามารถช่วยเหลือได้งั้นเหรอ แค่เดินทางมาก็ต้องเสี่ยงตายไปแล้วตั้งหลายครั้ง”

“พวกเราใช้กำลังเลยไหม?”

เมื่อมีคนเสนอใช้กำลัง ทหารคนอื่นๆ ก็มองไปทางทหารคนนั้น

ทหารคนอื่นๆ เตรียมตัวด่าแต่พอคิดดีๆ ความคิดนี้มันก็ดีเหมือนกันหากทำให้รู้ว่าโลกมันเปลี่ยนไปแล้ว หากทำให้รู้ว่าโลกมันน่ากลัวขนาดไหน ผู้คนก็คงจะเข้าใจอะไรง่ายขึ้นและยอมทำงานตามที่สั่งแต่โดยดี

ความคิดของทหารพวกนี้ไม่ใช่สิ่งที่แปลก ในวันโลกาวินาศ กฎหมาย จริยธรรมและศีลธรรม ของพวกนี้จะค่อยๆ จางหายไปจากจิตใจของมนุษย์ และสิ่งที่เหลืออยู่ก็คือกำลังเท่านั้น หากใครแข็งแกร่งคนนั้นก็จะเป็นคนออกคำสั่ง

“ใจเย็นก่อนทุกคน ตอนนี้พวกเราต้องทำงานตามคำสั่งไปก่อน ถ้าสัก 20 หลังแล้วไม่ได้คน พวกเราค่อยกลับไปรายงานพลเอกอาวุโสโอหยาง หากพวกเราด่วนทำอะไรไปตอนนี้ แล้วเกิดไปทำให้คุณหลินไม่พอใจเข้า…”

ทหารคนที่พูดหยุดไป

แต่ถึงทหารคนนั้นจะหยุดไป ทหารทุกคนต่างก็เข้าใจว่าเขากำลังจะสื่ออะไรออกมา ภาพที่หลินฟานฆ่าคนง่ายๆ เหมือนผักปลา ต่างก็ตราตรึงอยู่ในหัวสมองของทหารทุกคน เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ ทหารทุกคนในกลุ่มก็เห็นพ้องต้องกันว่ายังไม่ต้องใช้กำลัง

จากนั้นพวกเขาก็ไปบ้านต่อไป แต่ผลก็ออกมาเหมือนเดิม ผู้คนต่างก็ปฏิเสธแถมยังขอร้องให้ช่วย บ้างก็เอาตำแหน่งทางสังคมมาขู่ทหารให้ช่วยเหลือ เลวร้ายกว่านั้นก็คือสั่งให้ทหารปกป้องตัวเองและครอบครัว

ทหารเมื่อโดนขอร้องมากๆ ก็เริ่มทนไม่ไหวและเตรียมยัดหมัดเข้าหน้าของพวกที่ขออะไรบ้าๆ แต่พวกเขาก็อดทนเอาไว้

เมื่อรู้ว่าทำต่อไปก็ไร้ความหมาย พวกทหารต่างก็เลิกความตั้งใจแล้วกลับไปหาโอหยางห่าวเพื่อรายงานเรื่องที่เกิดขึ้น

ณ ด้านหน้าตึกสูงแห่งหนึ่ง

“เรื่องก็เป็นแบบนี้ครับท่านพลเอกอาวุโสโอหยาง พวกเราพยายามอธิบายแล้วว่าโลกนี้ไม่เหมือนเดิม แต่ทุกคนก็ไม่มีใครออกมาทำงาน แถมบางคนยังออกคำสั่งต่อพวกเราอีก ผมคิดว่า ต่อให้เราพยายามต่อไปก็ไร้ความหมายผมเลยกลับมารายงาน”

หนึ่งในทหารที่ออกไปตามหาคนกล่าวรายงาน

เนื่องด้วยระยะที่ไกลกันเกินไปทำให้วิทยุติดต่อกันไม่ได้ หัวหน้าของกลุ่มทหารผู้ทำหน้าที่ตามหาคนมาทำงานสร้างกำแพง จึงเลือกมารายงานเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยตัวเอง

โอหยางห่าวเมื่อได้ฟังรายงานจากทหารก็ถอนหายใจยาวออกมา จากนั้นก็คิดในใจว่า

‘ เป็นแบบที่คิดเอาไว้จริงๆ ตอนนี้วันโลกาวินาศพึ่งเริ่มต้นพวกคนธรรมดาคงคิดว่าประเทศจะสามารถควบคุมได้ พวกนั้นเลยเลือกที่จะรอให้สถานการณ์สงบลง

‘ แต่มันก็สมเหตุสมผล ตอนนี้คนพวกนั้นยังไม่หิว ตอนนี้คนพวกนั้นยังมีน้ำ มีอาหารและมีไฟฟ้าใช้กันอยู่ เราคิดง่ายเกินไปที่จะโน้มน้าวให้มาทำงานตั้งแต่เริ่มต้นวันโลกาวินาศแบบนี้

‘ ในเมื่อเรื่องเป็นแบบนี้ก็ช่วยไม่ได้ ในเมื่อไม่ยอมทำตามคำสั่งกันดีๆ ก็ต้องให้ลองริมรสความทรมานกันสักหน่อย ถึงจะใช้เวลาพอสมควร แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าหากได้สั่งสอนคนเหล่านั้น ‘

โอหยางห่าวยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง เขาลืมไปว่าตอนนี้ไม่ใช่ช่วงเวลาที่เขาเป็นหนุ่มๆ ไม่ใช่ช่วงเวลาที่พอประเทศเจอปัญหาประชาชนทั้งหมดจะออกมาช่วยกัน และร่วมมือกันแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น เขาเข้าใจแล้วว่าตอนนี้จิตใจของคนจีนในประเทศเปลี่ยนไปขนาดไหน

เอาสบายเข้าว่า!

ไม่ยอมลำบากหรือยอมเสียสละเพื่อส่วนรวม!

เห็นผลประโยชน์ของตัวเองอยู่เหนือผลประโยชน์ของประเทศ!

นี่คือสิ่งที่ผู้คนกำลังเป็นอยู่ ใจจริงโอหยางห่าวก็ไม่อยากใช้ไม่แข็งแต่เมื่อพวกคนประชาชนคนธรรมดาที่หลบซ่อนตัวอยู่บังคับเขา เขาก็ไม่มีทางเลือก ตอนนี้กำแพงป้องกันเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากต่อรากฐานการสร้างค่าย โอหยางห่าวต้องสร้างให้เสร็จให้เร็วที่สุด

โอหยางห่าวออกคำสั่งว่า

“ ติดต่อไปยังหน่วยต่างๆ ที่กำลังรวบรวมคนให้หยุดก่อน ตอนนี้ให้เปลี่ยนเป็นมุ่งเน้นในการรวบรวมสิ่งของตามร้านขายอาหารและซูเปอร์มาร์เก็ต เอาอาหารและทุกๆ อย่างออกมาให้หมด แล้วส่งกลับไปยังคฤหาสน์ตระกูลหลิน

“แล้วก็ออกคำสั่งทำลายสายไฟฟ้าด้วย ทำให้คนที่อยู่รอบๆ คฤหาสน์ตระกูลหลินไม่มีไฟฟ้าใช้ เริ่มทำทันที!!”

นี่คือแผนรับมือที่โอหยางห่าวคิดขึ้นมาได้ ตามจริงเรื่องไฟฟ้าโอหยางห่าวไม่จำเป็นต้องออกคำสั่งก็ได้เพราะเมื่อไม่มีคนดูแล อีกไม่กี่ชั่วโมงไฟฟ้าทั่วมณฑลหลินหนานก็น่าจะดับลงไปเอง

แต่โอหยางห่าวไม่อยากรอให้ถึงเวลานั้น ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่เข้าใกล้หน้าหนาว หากไม่มีไฟฟ้าเป็นพลังงานเปิดเครื่องทำความร้อน มันก็จะสร้างความลำบากให้ผู้คนเป็นอย่างมาก

ส่วนเรื่องอาหารก็เช่นกัน หากโอหยางห่าวไม่สั่งให้เก็บอาหารรอบๆ ไปทั้งหมด พวกคนที่หลบอยู่ก็อาจใช้โอกาสที่กองทัพกวาดล้างซอมบี้ไปแล้วไปปล้นร้านอาหารหรือซูเปอร์มาร์เก็ต หากพวกนั้นทำสำเร็จ พวกนั้นก็จะทนต่อไปได้อีกนาน

เมื่อรู้ว่า หากผู้คนมีอาหารจะทำให้ผู้คนทนต่อไปได้อีกนาน โอหยางห่าวจึงออกคำสั่งขนย้ายอาหารทั้งหมดไปยังคฤหาสน์ตระกูลหลิน โอหยางห่าวอยากจะรู้นักว่าหากไม่มีอาหารกิน หากไม่มีไฟฟ้าใช้งาน คนธรรมดาที่หลบซ่อนตัวอยู่มันอดทนกันได้สักกี่น้ำกัน

ในตอนแรก โอหยางห่าวไม่อยากทรมานคนเหล่านี้เลยใช้วิธีพูดคุยเพื่อมาทำงานให้ดีๆ  แต่เมื่อใช้วิธีพูดคุยไม่ได้ผล ก็ต้องเล่นแรงกันแบบนี้

ส่วนเหตุผลที่โอหยางห่าวไม่ให้ทหารใช้ปืนไปข่มขู่มาทำงานก็เป็นเพราะว่า ตอนนี้เขายังไม่จำเป็นต้องทำรุนแรงขนาดนั้น ยังไงคนพวกนั้นก็เป็นจีนเหมือนกัน แถมยังไม่มีอาวุธหรือเป็นภัยอันตราย โอหยางห่าวเป็นทหารของประเทศจีน เขาไม่อยากหันปากกระบอกปืนหรือสั่งให้ทหารหันปากกระบอกปืนเข้าหาคนในชาติเดียวกัน

แต่ว่า หากมีเรื่องจำเป็นต้องทำหรือหากมันเป็นคำสั่งของหลินฟาน โอหยางห่าวก็จะไม่ปฏิเสธที่จะต้องสังหารคนจีนด้วยกัน

….

คำสั่งของโอหยางห่าวกระจายตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ทหารหลายๆ หน่วยที่ทำหน้าที่หาคนก็เริ่มเปลี่ยนภารกิจของตัวเอง ทหารทุกคนต่างก็เริ่มทำลายทุกที่ที่มีอาหาร จากนั้นก็ขนกลับไปยังตระกูลหลิน

ขณะเดียวกัน ทหารที่ตีวงล้อมรัศมี 5 ตารางกิโลเมตร ก็เริ่มตัดสายไฟทุกเส้นที่ส่งกระแสไฟเข้าไปยังพื้นที่ 5 ตารางกิโลเมตร เดิมที่หน้าที่ของพวกทหารที่ล้อมพื้นที่คือการป้องกันไม่ให้ซ่อมบี้ไหลเข้าไปในเขตที่ต้องก่อสร้างกำแพง และเมื่อมีคำสั่งให้ตัดสายไฟมาถึง พวกเขาก็สามารถทำได้ง่ายๆ เพราะพวกเขาตั้งแนวป้องกันตามถนนหลักกันอยู่แล้ว

เมื่อไฟโดนตัด พวกคนที่แอบซ่อนตัวอยู่ก็เริ่มกระวนกระวาย แต่พวกเขาส่วนมากก็ยังไม่ทำอะไร พวกเขายังคงหลบอยู่ในบ้านและไม่ออกไปไหน พวกเขาเชื่อว่า ประเทศจีนที่ยิ่งใหญ่ของตัวเองต้องจัดการปัญหาครั้งนี้ได้ ทุกคนต่างก็คิดอย่างมีความหวัง

หากหลินฟานรู้เรื่องนี้ หลินฟานก็คงพูดว่า ไอ้พวกโง่!! ถ้าอยากอดตายพวกแกก็เชิญทำตัวเหมือนเต่าหดหัวแบบนั้นต่อไปเถอะ!!

ขณะเดียวกัน คนที่มีไหวพริบหน่อยเมื่อรู้ว่าไฟฟ้าดับพวกเขาก็เริ่มได้กลิ่นไม่ชอบมาพากลกับเรื่องนี้ พวกเขาต่างพากันออกมาจากบ้านและตรงไปยังซูเปอร์มาร์เก็ตที่ใกล้ที่สุด ชายสวมแว่นที่พูดเรื่องกฎหมายกับทหารก็เป็นหนึ่งในคนที่ออกมาหาอาหารเช่นกัน แต่เมื่อไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ต… ทุกอย่างกลับโดนกวาดไปจนหมดแล้ว

ซูเปอร์มาร์เก็ตจุดที่ 1

ซูเปอร์มาร์เก็ตจุดที่ 2

ซูเปอร์มาร์เก็ตจุดที่ 3

ไม่ว่าจะไปที่ไหนซูเปอร์มาร์เก็ตรอบๆ ก็โดนกวาดอาหารและของใช้ไปจนหมด ในเวลานี้เอง คนที่ออกมาหาอาหารก็เริ่มตระหนักได้ว่า…. แบบนี้มันต้องแย่แน่ๆ

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด