ตอนที่แล้วย้อนเวลากลับสู่วันโลกาวินาศ ตอนที่ 25  ระบบระบอบการปกครอง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปย้อนเวลากลับสู่วันโลกาวินาศ ตอนที่ 27  ความแค้นที่โดนฝั่งลึกอยู่ในกระดูกดำ

ย้อนเวลากลับสู่วันโลกาวินาศ ตอนที่ 26 เริ่มต้นแผนการ


ตอนที่ 26 เริ่มต้นแผนการ

เมื่อได้ยินว่าจะปรับเปลี่ยนระบบกองทัพเหล่า ผู้นำตระกูลทั้ง 4 ต่างก็กระตือรือร้นขึ้นมา พวกเขาเป็นทหารและโดนฝึกมาตั้งแต่เด็กๆ การได้รับอำนาจโดยไม่มีรัฐบาลกลางควบคุมแบบนี้เป็นสิ่งที่พวกเข้าใฝ่ฝันมาตลอด พวกเขาหวังอยากมากว่ากองทัพจะปรับเปลี่ยนไปในทางที่แข็งแกร่งขึ้น ผู้นำตระกูลบางคนถึงกับหวังว่า อยากให้หลินฟานเกณฑ์ทหารเพิ่มจำนวนมากๆ ในตอนนี้เลยด้วยซ้ำ

ไม่รอให้โอหยางซินได้พูดอะไรต่อ หลินฟานก็เริ่มพูดก่อน

“ พวกเราจะจัดระเบียบกองทัพใหม่ ผมจะรับตำแหน่งเป็นจอมพล พวกคุณผู้นำตระกูลทั้ง 4 จะได้รับตำแหน่งพลเอกอาวุโส

“ ส่วนเรื่องเพิ่มกำลังทหาร เพิ่มกำลังอาวุธ เรื่องนั้นผมทำแน่แต่ยังไม่ใช่ช่วงเวลานี้ ตอนนี้พวกเราต้องเน้นสร้างความแข็งแกร่งกันก่อน เราต้องทำให้ทหารแข็งแกร่งในเรื่องของเลเวล เราจะพึ่งอาวุธทันสมัยอย่างปืนไปตลอดไม่ได้

“ อย่างที่ผมเคยบอกไป ซอมบี้บางประเภทมันก็พัฒนาตัวเองจนป้องกันปืนได้ หรือแม้กระทั่งป้องกันปืนใหญ่ของรถถังก็ยังมี สัตว์กลายพันธุ์นี่ไม่ต้องไปพูดถึง บางตัวแค่ระดับหนึ่งปืนขนาด 25 มม. ก็ทำอะไรมันไม่ได้แล้ว

“สัตว์กลายพันธุ์บางชนิดก็เร็วกว่ากระสุนปืนก็มี สิ่งที่เราต้องพึ่งพามากที่สุดก็คือความแข็งแกร่งของพวกเราเอง พวกเราต้องอัพเลเวลให้เร็วที่สุดเท่าที่จะสามารถเร็วได้”

หลินฟานเข้าใจความคิดของพวกผู้นำตระกูลผ่านสายตาของพวกเขา พวกเขาแต่ละคนต่างก็ทำท่าทางดีใจเมื่อพูดถึงจัดระเบียบกองทัพ หลินฟานที่ไม่อยากเสียเวลาเลยตัดบทเรื่องนี้ให้จบๆ ไป

อาวุธสมัยใหม่อย่างปืนเป็นสิ่งจำเป็นก็จริงเพราะหากเจอสถานการณ์อย่างคลื่นซอมบี้ มนุษย์อย่างเดี๋ยวคงรับมือไม่ไหว สถานการณ์อย่างคลื่นซอมบี้ปืนจะเป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุดในการต่อสู้ แต่ตอนนี้มันยังไม่เกิดเรื่องแบบนั้น และตอนนี้ยังไม่มีเวลาออกไปเปิดคลังแสงตามฐานต่างๆ หลินฟานเลยยังไม่ให้ความสนใจพวกอาวุธสมัยใหม่มากนัก

อีกอย่าง แค่อาวุธสมัยใหม่ที่ตระกูลหลินครอบครองในตอนนี้ ก็คงไม่มีใครในเมืองหลวงมณฑลหลินหนานต่อกรได้แล้ว

หลินฟานพูดจบก็หันไปหาโอหยางซิน จากนั้นก็ออกคำสั่งอีกครั้งว่า

“เรื่องต่อไป!”

“ค่ะ”

โอหยางซินตอบรับ เธอแปลกใจเล็กน้อยที่เรื่องนี้จบเร็วมาก ตอนแรกโอหยางซินคิดว่า เธอต้องฟังหลินฟานและผู้นำตระกูลหารือเรื่องนี้ไม่ต่ำกว่าชั่วโมงแน่ๆ เธอไม่คิดเลยว่าหลินฟานจะกระชับเรื่องให้เหลือเพียงไม่กี่วินาที

ทางด้านของผู้นำตระกูลทั้ง 4 พวกเขาแต่ละคนต่างก็เตรียมเสนอความคิดของตัวเอง แต่เมื่อโดนตัดบทให้จะซะก่อน แถมยังมีคำสั่งให้เริ่มเรื่องต่อไป ผู้นำตระกูลทั้ง 4 ต่างก็ไม่มีใครกล้าหยุดเอาไว้

และผู้นำตระกูลทั้ง 4 ต่างก็คิดว่า เรื่องที่หลินฟานพูดออกมามันก็เป็นเรื่องจริง หากมีซอมบี้หรือสัตว์กลายพันธุ์ที่ต้านทานกระสุนปืนได้ ต่อให้เพิ่มกองทัพที่ถืออาวุธปืนไปก็ไร้ความหมาย สิ่งที่ต้องทำคือเรื่องการพัฒนาเลเวลต่างหาก

โอหยางซินเริ่มพูดต่อ

“ ต่อไปเป็นเรื่องของการใช้แลกเปลี่ยนภายในค่ายค่ะ ฉันได้ผลิตสิ่งที่คล้ายๆ กับเงินออกมาเรียบร้อยแล้ว และได้ซื้อหมึกลายน้ำมาแล้วเรียบร้อยแล้วเช่นกัน พวกเราจะผลิตค่าเงินใหม่ขึ้นมาซึ่งมันมีชื่อว่า เงินสกุลหลิน!

“ในอนาคต พวกเราจะใช้มันเป็นค่าเงินแลกเปลี่ยนของต่างๆ ภายในค่ายตระกูลหลินทุกๆ ค่าย พวกเรา-”

“เดี๋ยวก่อน!”

ผู้นำตระกูลจาง จางหยานขัดเอาไว้

จางหยางพูดต่อ

“แบบนี้มันต้องมีพวกทำค่าเงินปลอมขึ้นมาแน่ แบบนั้นพวกเราจะแย่เอาได้ ทำไมพวกเราไม่ใช้ผลึกของสิ่งมีชีวิตเป็นค่าเงินในการแลกเปลี่ยนแทนไปเลยละ หากเราใช้ผลึกของสิ่งมีชีวิตที่มีค่าในตัวของมันเป็นของแลกเปลี่ยน พวกเราก็จะไม่ต้องทำอะไรมากมายนัก แถมไม่ต้องห่วงเรื่องการปลอมแปลงด้วย”

ได้ยินดังนั้น หลินฟานก็สวนขึ้นทันทีว่า

“ ความคิดของคุณเป็นความคิดที่ดีผู้นำตระกูลจาง หากพวกเราทำแบบนั้นพวกเราก็ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนปลอมแปลงค่าเงิน แต่… คุณคิดว่าคนทุกคนจะมีผลึกของสิ่งมีชีวิตหรือไง

“ อีกอย่าง หากใครมีผลึกของสิ่งมีชีวิตพวกเขาส่วนมากก็น่าจะเลือกไปสุ่มรูเล็ตกันมากกว่า แล้วผลึกสิ่งมีชีวิตไม่ได้มีมากมายขนาดนั้น แถมค่าของมันก็ไม่คงที่เสมอไป ยกตัวอย่างเช่น

“ วันที่ 1 ผลึกระดับ 1 แลกข้าวสารได้ครึ่งกิโลกรัม แต่เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ผลึกระดับที่ 1 ก็จะไร้ค่าลงเพราะอาวุธระดับ 1 อ่อนแอเกินไป เพราะยิ่งเวลาผ่านไปสิ่งมีชีวิตต่างๆ ก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ แบบนั้นแล้วผู้ที่ถือครองผลึกก็คงจะขาดทุน

“ แล้วผมก็เชื่อว่า คนเราไม่ได้โง่ขนาดนั้น เมื่อรู้ว่าถือครองผลึกจะทำให้ขาดทุนลงเรื่อยๆ หากเป็นผม ผมก็จะเอามันไปแลกเป็นอาหารทั้งหมดและคนอื่นๆ ก็คงจะทำแบบนี้เหมือนกัน แบบนั้นอาหารของเราก็คงจะไหลออกไปอยู่ในมือคนอื่นๆ เป็นจำนวนมาก

“กลับกัน หากเราใช้เป็นค่าเงินที่คุณค่าของมันไม่ลดลงรวดเร็วเหมือนผลึก ผู้คนก็จะเลือกถือเงินของเราเอาไว้แทน ถือเงินเอาไว้ค่าของมันแทบไม่ลดลงเพราะค่ายตระกูลหลินควบคุมราคาเอาไว้ แถมไม่ต้องหาพื้นที่เก็บอาหารหรือคอยระแวงว่าใครจะมาขโมยอาหารที่เก็บเอาไว้อีก แบบนี้มันสะดวกมากกว่าและคนส่วนมากก็ชอบความสะดวกสบายกันด้วย”

หลินฟานเว้นช่วงสักพัก จากนั้นเขาก็เค้นเสียงแล้วพูดด้วยใบหน้าจริงจังว่า

“ ส่วนพวกปลอมแปลงค่าเงินคุณไม่ต้องเป็นกังวลไป ช่วงแรกๆ มันย่อมมีคนกล้าทำแบบนี้อยู่แล้ว แต่หากใครกล้าทำเราก็แค่จับมันมาตัดแขน ตัดขา จากนั้นก็เอาตรึงเอาไว้ที่กลางค่ายจนกว่าจะตาย

“เมื่อได้เห็นเรื่องแบบนั้น พวกที่คิดจะทำก็จะค่อยๆ หายไปกันเอง”

หลินฟานเคยมีประสบการณ์เรื่องพวกนี้มาก่อนแล้ว เขาถึงพูดออกมาง่ายๆ

หลินฟานเคยเห็นค่ายที่ล่มสลายเพราะใช้ผลึกในการแลกเปลี่ยนมาแล้ว ผู้คนที่อยู่ในค่ายต่างก็คิดว่าตัวเองถือครองผลึกนับวันค่ายิงลดลง แถมบางครั้งก็ลดลงเร็วมาก เมื่อเป็นแบบนั้น พวกเขาก็เลยเลือกถือครองอาหารกันแทน

เมื่อผู้คนเลือกถือครองอาหาร อาหารของค่ายที่รับแลกก็ลดลงเรื่อยๆ ส่งผลให้ผู้นำค่ายต้องหยุดแลกอาหารกับผลึก เมื่อเป็นแบบนั้น ผู้คนต่างก็จะพากันคิดไปเองว่าค่ายไม่น่าจะไปรอดแล้ว และพากันย้ายออกหรือไม่ก็พยายามยึดค่ายกันสะเอง

กลับกัน ค่ายที่กำหนดค่าเงินขึ้นมากลับบริหารจัดการได้ดีกว่า เรื่องปลอมแปลงมันต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว แต่หากกวาดล้างด้วยความไร้ปรานีผู้คนก็จะเกิดความกลัว พอเกิดความกลัวผู้คนก็จะไม่กล้าปลอมแปลงขึ้นมา ซึ่งหากต้องการจะทำให้ผู้คนหวาดกลัวการทำผิด วิธีเชือดไก่ให้ลิงดูก็เป็นวิธีที่ได้ผลมากที่สุด

เมื่อได้รับการอธิบายจากหลินฟาน จางหยางก็พยักหน้าให้

เมื่อรู้ว่าเรื่องค่าเงินเรียบร้อยแล้ว หลินฟานก็เริ่มพูดต่ออีกว่า

“ ถ้างั้นเรื่องระบบปกครองก็เอาไว้แค่นี้ก่อน เรื่องที่บอกไปทั้งสามเรื่องเป็นเรื่องหลักๆ ส่วนเรื่องรองพวกคุณสามารถไปถามโอหยางซินกันได้

“ ตอนนี้พวกเรามาแบ่งหน้าที่กันดีกว่า เป้าหมายของเราขั้นแรกคือการสร้างค่ายให้แข็งแกร่ง และสร้างกองทัพให้แข็งแกร่งควบคู่กันไป เพราะงั้น ผมจะแบ่งกลุ่มออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ๆ เพื่อทำหน้าที่พวกนี้

“ กลุ่มทำหน้าสร้างรากฐานให้แข็งแกร่งผมยกหน้าที่นี้ให้ตระกูลโอหยาง และตระกูลหม่า ส่วนกลุ่มสร้างความแข็งแกร่งให้กองทัพเป็นหน้าที่ของตระกูลเจียง และตระกูลจาง กลุ่มนี้ผมจะเป็นคนนำทัพจัดการเอง

“ผู้นำตระกูลโอหยาง หน้าที่ของตระกูลโหยางคือสร้างกำแพงขึ้นมารอบๆ คฤหาสน์ตระกูลหลินในระยะ 5 ตารางกิโลเมตร”

ระหว่างพูด หลินฟานก็ชี้ไปยังแผนที่ขนาดใหญ่ที่กลางอยู่บนโต๊ะด้านหน้า จุดที่พวกเขากำลังนั่งประชุมกันอยู่มีแผนที่ของเมืองหลวงมณฑลหลินหนานกลางเอาไว้อยู่ หลินฟานเริ่มชี้ไปทางมุมต่างๆ พร้อมกับพูดขึ้นว่า

“ ทั้งสีทิศของคฤหาสน์ตระกูลหลินมีตึกสูงตั้งอยู่มากมาย เราต้องใช้มันให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ผมได้เตรียมเหล็กและปูนเอาไว้ให้แล้ว คุณแค่ออกคำสั่งและให้พวกทหารสร้างกำแพงขึ้นมา

“5 ตารางกิโลเมตร เป็นเพียงการสร้างกำแพงก้าวแรกของพวกเรา หลังจากผมเสร็จจากการเพิ่มความแข็งแกร่งให้ทหาร เราจะมาพิจารณาอีกทีว่าจะขยายยังไงต่อ หรือพวกเราควรแยกค่ายให้เป็นหลายๆ จุดภายในเมืองแห่งนี้ คุณทำได้ใช่ไหม?”

โอหยางห่าวพยักหน้ารับ แล้วตอบว่า

“ ไม่มีปัญหาครับ แต่ผมคิดว่า เราใช้แรงทหารเพียงกองพันหรือสองกองพันไม่น่าจะเพียงพอ เพราะก่อนจะสร้างพวกเราต้องกวาดล้างซอมบี้ไปด้วย ถึงหน่วยที่ถูกส่งออกไปก่อนหน้านี้จะช่วยกำจัดไปบ้างแล้ว แต่ก็คงมีเหลืออีกเป็นจำนวนมาก

“ ผมอยากเสนอให้พวกเรารับแรงงานครับ คฤหาสน์ตระกูลหลินอยู่ใจกลางเมืองหลงวของมณฑลหลินหนาน ระยะรอบๆ คงมีคนที่รอดชีวิตจำนวนมากหลบอยู่ เราสามารถใช้งานพวกเขาได้

“พวกทหารควรจะเก็บเอาไว้ต่อสู้ดีกว่า เพราะเราไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง หากทหารไม่พร้อมพวกเราคงรับมือไม่ไหวถ้ามีเรื่องเกิดขึ้น”

หลังได้ยินโอหยางห่าวเสนอความคิด หลินฟานก็พยักหน้าเห็นด้วย

ถึงนี่จะเป็นการสร้างกำแพงขนาด 5 ตารางกิโลเมตร แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดเรื่องขึ้นตอนไหน ถึงหลินฟานจะไม่ค่อยอยากรับคนเท่าไหร่แต่เมื่อโอหยางห่าวผู้รับผิดชอบต้องการแบบนั้น หลินฟานก็ไม่อยากไปขัด

อีกอย่าง รับคนมาร้อยคนหรือพันคนมาช่วยสร้างกำแพง การสร้างกำแพงก็คงเสร็จเร็วขึ้นกว่าเดิมเยอะ และด้วยอาหารและทรัพยากรที่ตระกูลหลินครอบครองเอาไว้อยู่ การดูแลคนเพิ่มหลักร้อยหรือพันคนก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร

หลินฟานยอมรับแล้วพูดขึ้นว่า

“งั้นก็เอาแบบที่คุณเสนอ แต่หากมีการก่อปัญหาคุณก็ควรจัดการพวกนั้นให้เร็วที่สุด อย่าให้มากระทบกับแผนของผมเด็ดขาด หากเราช่วยเหลือตอนนี้คงมีหลายคนที่ติดนิสัยโลกก่อนวันโลกาวินาศ พวกนั้นจะไม่ขอแค่อาหารและน้ำ แต่พวกนั้นจะขออย่างอื่นมากขึ้นเรื่อยๆ ผมไม่อยากเสียเวลามาจัดการเรื่องนี้”

“คุณหลินไม่ต้องเป็นกังวล ผมจะควบคุมคนงานให้ดี”

โอหยางห่าวตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง

เมื่อเรื่องของโอหยางห่าวเรียบร้อย หลินฟานก็มองไปทางผู้นำตระกูลหม่า หม่าจือฉิน เมื่อเรื่องสร้างกำแพงเรียบร้อยต่อไปก็เป็นเรื่องของข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นยุคไหนสมัยไหนข้อมูลก็เป็นเรื่องสำคัญที่สุด

หลินฟานรู้ดีว่าตอนนี้กลุ่มต่างๆ ยังไม่ก่อตัวขึ้นมา แต่ว่า อีกไม่นานพวกนี้ก็คงก่อตัวขึ้นมาเพราะมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว กลุ่มขนาดเล็ก กลุ่มขนาดกลาง และกลุ่มขนาดใหญ่ต้องถูกสร้างขึ้นมาแน่

หลินฟานวางแผนเอาไว้ว่าจะต้องรวมโลกให้เป็นหนึ่งเดียว เขาจะใช้มณฑลหลินหนานเป็นฐานบัญชาการหลักเพื่อทำมัน เขาจะยอมให้มีผู้มีอำนาจคนอื่นๆ มาอยู่ในมณฑลหลินหนานแห่งนี้ไม่ได้เด็ดขาด และในเมื่อเขาเริ่มต้นไวกว่าคนอื่นๆ ทำไมเขาต้องรอให้คนอื่นแข็งแกร่งจนมีแรงต่อต้านตัวเองด้วยล่ะ ไม่มีทางอยู่แล้ว! ตัดไฟซะตั้งแต่ต้นลมยังไงก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด!

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด