ตอนที่แล้วย้อนเวลากลับสู่วันโลกาวินาศ ตอนที่ 17 ปมปริศนาที่มาพร้อมกับโอหยางซิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปย้อนเวลากลับสู่วันโลกาวินาศ ตอนที่ 19  สองชั่วโมงก่อนถึงวันโลกาวินาศ

ย้อนเวลากลับสู่วันโลกาวินาศ ตอนที่ 18 ตารางฝึกยอดมนุษย์


ตอนที่ 18 ตารางฝึกยอดมนุษย์

ติ้ง!

หลังจากโอหยางซินส่งข้อความไปได้ไม่นาน เสียงการตอบกลับข้อความก็ดังขึ้น

โอหยางซินรีบเปิดอ่านทันทีเพราะเธอเองก็สงสัยเหมือนกันว่าสิ่งที่เขียนอยู่หมายความว่าอะไร แต่ทันทีที่เปิดอ่านโอหยางซินก็ขมวดคิ้วของเธอ

หลินฟานเห็นแบบนั้นจึงถามขึ้นว่า

“ได้ความว่ายังไงบ้าง?”

“…ในนี้เขียนว่ามีโชคอะไรสักอย่าง อย่างเช่น โชคลาภ โชคดวง หรือไม่ก็โชคชะตา ทางนั้นแปลออกมาได้ไม่ชัดเจนค่ะ แต่ก็ยังมีเขียนอีกอย่างเอาไว้อีก รู้สึกมันจะเกี่ยวกับการปลดผนึกหรือผนึกอะไรบางอย่าง และที่น่าสงสัยที่สุดคือจำนวนที่หมายถึง 5”

โอหยางซินตอบคำถาม

หลินฟานได้ยินดังนั้น เขาก็เอามือแตะคางของตัวเองเพื่อทำความเข้าใจ หลินฟานเริ่มคิดในใจว่า

‘ โชคงั้นเหรอ? ตอนแรกคิดว่ามันจะเขียนว่าความหวังแห่งโฮโมเซเปียนส์แบบที่เราได้ยินระบบประกาศซะอีก หรือนี่อาจจะเป็นการแปลความหมายผิด เพราะความหวังอาจถูกแปลว่าเป็นโชคก็ได้

‘ ส่วนผนึกก็น่าจะเกี่ยวกับแหวน แต่… ผนึกอะไร?

‘ จำไม่เห็นได้เลยว่าบนโลกมีอะไรผนึกเอาไว้ด้วย และตอนสวมระบบก็บอกแค่ว่าเป็นมรกดของโฮโมเซเปียนส์ และยังมีตัวสิ่งที่หมายความว่า 5 เขียนเอาไว้อีก หมายความว่า มีตระกูลที่ได้รับหน้าที่แบบตระกูลหลินอีก 5 ตระกูลงั้นเหรอ แต่! หากเป็นแบบนั้นจริงๆ ตระกูลหลินกับอีก 5 ตระกูลต้องติดต่อกับบางสิ ไม่ใช่ว่าอยู่คนละโลกสัก…

‘ เดี๋ยวก่อน! ถ้าคิดถึงเรื่องวันแห่งการพบเจอที่ต่างออกไปล่ะ วันแห่งการพบเจออาจไม่ใช่ให้สิ่งมีชีวิตต่อสู้กันเพื่อแข็งแกร่งขึ้นอย่างเดียว แต่ถ้าหากว่า มันคือโอกาสที่จะทำให้ตระกูลที่ครอบครองความหวังของโฮโมเซเปียนส์มาเจอกันด้วยล่ะ

‘ ถ้างั้นก็มีโอกาสเป็นไปได้สูงว่าเราตัวเลข 5 คือตัวเลขมรดกของโฮโมเซเปียนส์ทั้งหมด แต่ทำไมต้อง 5?  อีกอย่าง เราจะฟันธงไม่ได้ว่าสิ่งที่คิดจะเป็นเรื่องจริงทั้งหมด ดูเหมือนความจริงยังคงอยู่อีกไกล ตอนนี้คงทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้นอกจากรอให้วันแห่งการพบเจอมาถึง ‘

หลังจากตกอยู่ในความคิดของตัวเองอยู่นาน หลินฟานก็ตัดใจในการไขปริศนา ตอนนี้เขายังมีชิ้นส่วนของจิกซอน้อยเกินไป คิดมากไปตอนนี้อาจจะไปผิดทางจนไม่รู้ความจริงก็ได้

เมื่อรู้ว่าควรรอให้วันแห่งการพบเจอมาถึงแทนการเดาแบบสุ่มๆ หลินฟานก็ไม่พยายามคิดเรื่องของมันอีก หลินฟานหันมองไปทางโอหยางซินที่กำลังนั่งมองตัวเองอยู่ จากนั้นก็พูดขึ้นว่า

“น่าเสียดายที่ตอนนี้พวกเราแทบไม่ได้อะไรเลย แต่ในอนาคตคงมีชิ้นส่วนให้พวกเราประกอบมากกว่านี้ ผมคิดว่าวันโลกาวินาศกับของที่อยู่ในกล่องไม้ลึกลับนี่ต้องมีอะไรเชื่อมกันแน่ๆ เพราะงั้นเราควรพักเอาไว้ก่อน และกลับมาหาข้อมูลของมันหลังวันโลกาวินาศมาถึงดีกว่า”

“ฉันเองก็คิดแบบนั้นคะ”

โอหยางซินพยักหน้าเห็นด้วย

เมื่อตกลงเรื่องนี้กันได้ หลินฟานก็เริ่มพูดความตั้งใจเริ่มแรกทันทีว่า

“คุณเรียนบริหารมาคุณคงรู้จักระบบปกครองแบบฟิวดัลใช่ไหม ผมต้องการให้คุณออกแบบระบบปกครองที่คล้ายๆ กับระบบปกครองแบบฟิวดัล”

“หมายความว่ายังไงค่ะ???”

โอหยางซินสงสัย

หากหลินฟานบอกให้เธอออกแบบระบบปกครองแบบฟิวดัลให้ เธอจะไม่สงสัยอะไรเพราะหากวันโลกาวินาศมาถึงระบบชนชั้นเป็นสิ่งที่จำเป็น ระบบปกครองแบบยุคกลางของมนุษย์เป็นสิ่งที่จำเป็น

ระบบปกครองสมัยใหม่ที่ใช้กันอยู่ในตอนนี้ ไม่สามารถเอาไปใช้ในวันโลกาวินาศที่เปรียบเหมือนยุคมืดของมนุษย์ได้ โอหยางซินรู้เรื่องนี้ดี แต่อยู่ๆ ก็มาบอกให้ออกแบบระบบปกครองที่คล้ายๆ กัน ต่อให้เป็นใครก็ต้องสงสัยอยู่แล้วเพราะหากใช้ระบบเดิมจะง่ายกว่าการออกแบบใหม่เยอะ ทำไมต้องออกแบบใหม่ด้วย?

หลินฟานเริ่มอธิบายว่า

“ ก่อนอื่นผมต้องการเปลี่ยนระบบชนชั้นเป็นหมายเลข เช่น ขุนนางยศบารอน ขุนนางยศไวท์เคาท์ ขุนนางยศเอิรล์ เปลี่ยนเป็น สมาชิกระดับที่ 1 ระดับที่ 2 ระดับที่ 3

“ เหตุผลที่ต้องเปลี่ยนคำเรียกเป็นเพราะไม่ต้องการให้คนคิดว่าตัวเองกลายเป็นขุนนางจริงๆ หากเราตั้งชื่อสวยหรูแบบยุคสมัยก่อน พวกที่ระดับสูงก็จะคิดว่าตัวเองสูงส่งกว่าคนอื่นๆ

“ แต่เรื่องระบบอำนาจยังคงเดิม เช่น สมาชิกระดับ 1 สามารถซื้ออาคารเพื่อทำธุรกิจในเขตปลอดภัยได้ ระดับ 2 สามารถซื้อเพิ่มได้อีกแล้วทำธุรกิจอย่างอื่นได้ ยิ่งระดับสูงขึ้นคนคนนั้นก็จะสามารถทำอะไรได้หลากหลายขึ้นในเขตปลอดภัย

“ อีกเรื่องก็คือระบบเงินตรา ในวันโลกาวินาศพวกเราคงไม่สามารถใช้เงินกระดาษมาแลกเปลี่ยนกันได้ ผมต้องการให้คุณออกแบบวิธีใช้จ่ายแบบออกมา จากนั้นก็เรื่องระบบปกครองและระบบระเบียบในเขตปลอดภัย เรื่องพวกนี้ผมไม่ถนัด คุณสามารถคิดมาแล้วเอามาให้ผมตัดสินใจได้

“สิ่งที่ผมต้องการหลักๆ ก็คืออย่างที่บอกไป ส่วนเรื่องอื่นๆ คุณสามารถเพิ่มเข้ามาได้ตามเห็นสมควร”

หลินฟานไม่ถนัดเรื่องบริหารเมืองเท่าไหร่นัก ชาติที่แล้วเขาก็ไม่มีเมืองอยู่ในการดูแล ส่วนเหตุผลที่หลินฟานไม่มีเมืองนะหรือ แน่นอนเป็นเพราะว่ามันน่ารำคาญยังไงล่ะ

เมื่อคุณมีเมืองคุณก็ต้องบริหารจัดการ แถมยังต้องคอยรับมือกับคลื่นซอมบี้ แถมยังต้องคอยรับมือกับกลุ่มโจร และยังต้องระแวงว่าจะโดนลูกน้องทรยศตอนไหน หลินฟานเห็นคนเก่งๆ ตายเพราะพยายามสร้างเมืองมาเยอะ เพราะงั้นชาติที่แล้วเขา หลินฟานเลยเลือกเป็นหัวหน้ากลุ่มขนาดกลางๆ

แต่ตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไปจากเดิมแล้ว ชาติที่แล้วหลินฟานใช้ชีวิตอยู่ในวันโลกาวินาศแบบไร้จุดหมาย เขาถามตัวเองทุกวันว่าวันๆ ต่อสู้กับซ่อมบี้ไปเพื่ออะไร แต่ตอนนี้ไม่ใช่แบบนั้น

ตอนนี้หลินฟานมีเป้าหมายที่ต้องทำ หลินฟานเริ่มมีความหวังว่าสักวันเขาจะสามารถแก้แค้นพวกที่ทำให้เกิดวันโลกาวินาศได้ เพราะงั้นเขาจะขี้เกียจแบบเดิมไม่ได้ เขาต้องสร้างกองกำลังของตัวเองให้ครอบคลุมไปทั้งโลก จากนั้นก็นำกำลังรบที่มีไปตะบันหน้าพวกที่ทำให้เกิดวันโลกาวินาศ

โอหยางซินพยายามทำความเข้าใจอยู่สักพัก จากนั้นเธอก็พูดขึ้นว่า

“ ฉันเข้าใจสิ่งที่คุณหลินต้องการแล้ว ถ้างั้นฉันเสนอให้สร้างระบบกรมขึ้นมาด้วย อย่างเช่น กรมทหาร กรมตำรวจ กรมบริการ และก็กรมต่างๆ แบบนั้นจะทำให้การบริหารง่ายขึ้นเยอะ

“ และจากที่ฉันคิดเอาไว้ คุณหลินคงไม่หยุดแค่สร้างเขตปลอดภัยแห่งเดียว เพราะงั้นพวกเราน่าจะจัดตั้งระบบเจ้าเมืองขึ้นมา เจ้าเมืองที่ถูกจัดตั้งขึ้นจะดูแลแค่เรื่องบริหารทั้งหมดในเขตปลอดภัยนั้น แบบนั้นเมืองน่าจะพัฒนาเร็วกว่าการปกครองจากส่วนกลางแล้วออกคำสั่งไป แต่เจ้าเมืองก็จะได้ดูแลแค่เรื่องบริหารเท่านั้น ส่วนเรื่องทหารและกองกำลังติดอาวุธทั้งหมด ทั้งหมดจะรับฟังแค่ส่วนกลาง

“หรืออธิบายง่ายๆ ผู้ที่ควบคุมกองกำลังติดอาวุธทั้งหมดก็คือคุณหลิน แต่…”

“วิธีแบบนี้มันคือการปกครองแบบเผด็จการ และฉันอาจจะถูกจารึกว่าเป็นคนโหดร้ายในหน้าประวัติศาสตร์”

หลินฟานเป็นคนพูดเอง

โอหยางซินพยักหน้า สิ่งที่หลินฟานพูดออกมาเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เมื่อคนคนเดียวมีอำนาจทุกอย่าง คนคนนั้นก็จะถูกเรียกว่าเผด็จการ และผู้ที่เป็นเผด็จการบนโลกก็ไม่มีใครเลยสักคนที่ถูกจารึกชื่อว่าทำเรื่องดีๆ เอาไว้

แตกต่างจากโอหยางซินที่กำลังทำหน้าเป็นกังวล หลินฟานไม่ได้ทุกร้อนอะไรกับเรื่องนี้เลย เขาไม่ต้องการเป็นคนดี เขาไม่ต้องการให้คนมานับถือตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เป้าหมายชีวิตก่อนของเขาคือทำทุกอย่างเพื่อมีชีวิตรอด เป้าหมายชีวิตนี้ก็ไม่ต่างกัน เพียงแต่เขาได้เพิ่มเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่เข้าไปด้วย อย่างเรื่องการไปล้างแค้นพวกที่ทำให้เกิดวันโลกาวินาศ

“เรื่องนั้นไม่ต้องกังวล ผมไม่สนใจมันอยู่แล้ว”

หลินฟานพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ

โอหยางซินได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าให้เบาๆ เธอรู้สึกชื่นชมในการเตรียมใจของหลินฟานมากๆ คงมีคนไม่มากที่จะยอมถูกมองว่าเป็นเผด็จการแบบนี้

หลังจากนั้นทั้งสองก็แลกเปลี่ยนความคิดกันอีกหลายชั่วโมงเพื่อสร้างระบบปกครองขึ้นมา ซึ่งระบบส่วนมากหลินฟานเป็นคนเสนอและให้โอหยางซินพยายามคิดต่อยอดมันอีกที แต่ความจริงแล้ว เรื่องที่หลินฟานเสนอมันก็คือความคิดที่เขาเอามาจากเมืองของโอหยางซินในอนาคตทั้งนั้น

หรืออธิบายง่ายๆ หลินฟานกำลังเอาความคิดของเธอมาแนะนำเธอ และเมื่อสิ่งที่หลินฟานเอามาแนะนำมันเป็นความคิดของโอหยางซิน โอหยางซินก็ทำความเข้าใจเรื่องที่หลินฟานต้องการจะสื่อได้ง่ายๆ สิ่งนี้ส่งผลให้การวางแผนบริหารลื่นไหลเป็นอย่างมาก

“เท่านี้ก็น่าจะไม่มีปัญหาแล้ว ไม่คิดเลยนะคะว่าคุณหลินจะเก่งเรื่องการบริหารขนาดนี้ ตั้งแต่เด็กจนโตคนที่ตามความคิดของฉันทันก็แทบไม่มีเลย ส่วนคนที่มีความคิดไปไกลกว่าฉันจนแนะนำฉันได้ ก็มีคุณหลินคนแรกเลยค่ะ”

โอหยางซินพูดด้วยน้ำเสียงชื่นชม

หลินฟานอยากบอกว่า ฉันก็เอาความคิดของเธอมาเหมือนกัน แต่หลินฟานไม่สามารถพูดแบบนั้นได้ หลินฟายพยักหน้าตอบรับแล้วพูดว่า

“คุณควรหาคนที่ถนัดด้านต่างๆ เอาไว้ให้เยอะที่สุด พวกวิศวกรด้านต่างๆ ก็จำเป็นเหมือนกันเพราะในวันโลกาวินาศพวกเราจะได้รับพิมพ์เขียวสร้างสิ่งต่างๆ มา หากสามารถทำได้ คุณก็ควรดึงตัววิศวกรทั่วทั้งโลกมาเลย”

โอหยางซินยิ้มแบบมีเลศนัยแล้วตอบว่า

“เรื่องนั้นคุณหลินไม่ต้องเป็นห่วง ก่อนจะถึงวันโลกาวินาศฉันจะเชิญวิศวกรชั้นแนวหน้าของโลกในด้านต่างๆ มางานที่จะจัดขึ้นที่มณฑลหลินหนาน พอวันโลกาวินาศมาถึงเราก็จะได้พวกนั้นมาทำงานให้ง่ายๆ”

หลินฟานไม่ได้ตอบอะไร แต่ในใจของเขากำลังคิดว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่ฉลาดจริงๆ เป็นแบบนี้ไม่แปลกใจเลยที่เธอจะสามารถสร้างเมืองที่เป็นหนึ่งในเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้สำเร็จ แถมยังมีกำลังทหารอยู่ใต้บังคับบัญชาถึง 1,000,000 คน

หลินฟานเงียบสักพักแล้วพูดขึ้นว่า

“ถ้างั้นวันนี้พวกเราก็พอแค่นี้กันก่อน มีเรื่องอะไรตัดสินใจไม่ได้ หรือมีเรื่องอะไรที่สงสัยคุณสามารถโทรหาผมหรือมาหาได้ตลอดเวลา”

“ค่ะ”

หลังจากนั้นโอหยางซินก็ออกจากห้องไป

ตอนนี้หลินฟานคิดว่าตัวเองไม่ต้องเคลื่อนไหวอะไรอีกแล้ว ตอนนี้เข้าได้ออกแบบระบบปกครอง ได้ซื้อทรัพยากรเตรียมเอาไว้ ได้เตรียมแผนดึงทหารมาเป็นรากฐานเอาไว้ ทุกอย่างเรียบร้อยหมด

หลังจากนี้เขาก็แค่รอให้ตระกูลต่างๆ ส่งของมาให้เพราะความเข้าใจผิดว่าเขากำลังจะทำสงครามกับรัฐบาลกลาง

ด้วยเรื่องทั้งหมดที่เตรียมเอาไว้ หลินฟานมั่นใจว่าเขาต้องเป็นผู้นำกลุ่มที่เตรียมตัวได้ดีที่สุดในโลกแน่ๆ และเมื่อรู้ว่างานต่างๆ เรียบร้อย หลินฟานก็มีความคิดที่จะสร้างให้ร่างกายตัวเองแข็งแกร่งขึ้น

ใจจริงเขาอยากได้หุ่นแบบเดิมก่อนที่จะกลับมาเกิดใหม่กลับคืนมา แต่เรื่องแบบนั้นคงเป็นไปไม่ได้ เพราะร่างกายของมนุษย์ไม่ใช่สิ่งที่จะเติบโตได้แบบข้ามคืน และเมื่อรู้ว่าตัวเองต้องออกกำลังกายเพื่อทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น หลินฟานจึงคิดตารางการฝึกขึ้นมาแบบง่ายๆ นั่นก็คือ

วิดพื้น 100 ครั้ง!

ซิทอัพ 100 ครั้ง!

สควอท 100 ครั้ง!

วิ่ง 10 กิโลเมตรต่อวัน!

นอนไม่เปิดแอร์!

ยกน้ำหนักเพื่อสร้างกล้ามเนื้อให้ร่างกายแบบเอาเป็นเอาตาย!

นี่คือตารางที่หลินฟานตั้งค่าเอาไว้ว่าต้องฝึกให้ได้ทุกวัน หรือมากกว่า และต้องฝึกมันจนกว่าจะถึงวันโลกาวินาศ ในวันโลกาวินาศ มนุษย์ทุกคนจะได้ระบบมาพร้อมกับเพิ่มค่าพลังต่างๆ บวกเพิ่มให้เท่าตัว เช่น จากที่เคยยกของได้ 10 กิโลกรัม ก็จะเป็น 20 กิโลกรัม ระบบจะทำให้มนุษย์แข็งแกร่งกว่าเดิมเท่าตัวจากทุนเดิม

ซึ่งก็หมายความว่า ยิ่งร่างกายคุณแข็งแกร่งก่อนเกิดวันโลกาวินาศมากเท่าไหร่ คุณก็จะได้เปรียบคนอื่นๆ มากเท่านั้น หลินฟานรู้เรื่องพวกนี้ดีเพราะงั้นหลังจากวันนี้ไปจนถึงวันโลกาวินาศ เขาจึงวางแผนฝึกแบบเอาเป็นเอาตายในทุกๆ วัน

0 0 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด