ตอนที่แล้วบทที่ 1 กำเนิดประชาธิปไตย : ตอนที่ 27 แผนการของคุณหนูแห่งตระกูลสกาเล็ต (Young Lady of Scarlet Plan)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 1 กำเนิดประชาธิปไตย : ตอนที่ 29 การประชุมว่าด้วยการแก้ไขภาษีใหม่ (New Tax Amendment Act Convention)

บทที่ 1 กำเนิดประชาธิปไตย : ตอนที่ 28 ความไม่สงบในอาณานิคม (Colonial unrest)


ความไม่สงบในอาณานิคม

(Colonial unrest)

“หมายความว่ายังไงที่เรือนจำเซอร์บีรุสถูกโจมตี!?” ทหารชั้นสูงชาวลีโอตะโกนเสียงดัง เขาพึ่งถูกแต่งตั้งเป็นพันเอกให้รับหน้าที่ดูแลความไม่สงบที่เกิดขึ้นในบอสตัน

มีทหารจำนวนมากที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พวกเขาไล่ล่าผู้บุกรุกและสังหารพวกมันไปเยอะพอสมควร หากแต่พวกเขารู้ว่า ผู้บุกรุกสามารถหลบหนีไปได้หลายคนเช่นกัน

และนอกจากที่ต้องเฝ้าระวังและเก็บรักษาความเรียบร้อยภายในเมืองท่าแห่งนี้ พวกเขายังต้องปวดหัวกับข่าวจากผู้รอดชีวิตในเรือนจำอีก

“พวกมัน… รู้ตำแหน่งทุกจุดของผู้เฝ้าระวัง เหมือนกับว่าถูกวางแผนไว้อย่างดี” พลทหารชาวลีโอผู้รอดจากการสังหารหมู่ที่เรือนจำเล่าเหตุการณ์ให้พันเอกได้ฟัง

“แล้ว?” พันเอกชะงัก “แกอยากจะบอกว่าฉันว่า คนโทษทุกคนที่อ่อนแอเกือบพันกว่าคนหนีไปหมดเลยอย่างนั้นหรือ!? แกรู้ไหมว่าหากพวกมันหนีไปได้จะเกิดอะไรขึ้น!”

ตุบ! เสียงทุบด้วยกำปั้นของพันเอกและสั่งนายทหารด้วยนํ้าเสียงที่ไม่สบอารมณ์

“ออกไป! ออกคำสั่งให้กองกำลังลีโอเนียที่ว่างอยู่ พร้อมกับหน่วยเฝ้าระวังรอบชายแดดอาณานิคม ค้นหานักโทษหลบหนีอย่าให้ ถ้าจับเป็นไม่ได้ก็ไม่ต้องจับเป็น ฆ่าพวกมันให้หมดถ้าพวกชาวอาณานิคมหรือชนพื้นเมืองไม่ให้ความร่วมมือ ก็ตั้งข้อหาเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด”

“รับทราบครับ!” พลทหารกล่าวเสร็จก็ทําความเคารพแล้วรีบออกจากห้องทันที

การโจมตีปริศนาโดยกลุ่มคนผู้ประสงค์ร้าย สร้างความวุ่นวายและเสียหายมากกว่าที่ใครคิด มีชาวลีโอเนียถูกระเบิดสังหารหลายคน รวมไปถึงทหารที่ยิงตอบโต้ผู้ก่อการร้ายที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีพอีกจำนวนหนึ่ง ไม่พอแค่นั้นความเสียหายสูงสุดที่พวกเขาได้รับก็คงไม่พ้นการที่คิดว่าการก่อการร้ายจะมีแค่บอสตัน

เพราะคิดเช่นนั้นพวกเขาเลยส่งทหารใกล้เคียงเกือบหมดเข้ามาเข้าคุมเมืองบอสตัน แต่ทิ้งส่วนอื่นจนไร้การป้องกันไร้การป้องกันจนมีผู้บุกรุกไปปลดปล่อยนักโทษจำนวนมากหนีหายไปไหนก็ไม่รู้ เหล่านายกองลีโอเนียและผู้บัญชาการลีโอเนียในอาริกาเซีย รีบตั้งแผนรับมือได้อย่างรวดเร็วเหมือนอย่างที่ฝึกเอาไว้

มีการตรวจสอบชาวอาณานิคมด้วยความรุนแรง ปิดกันเส้นเดินทางระหว่างรัฐอาณานิคมจนเริ่มมีการต่อต้านเล็กน้อย แต่ก็ถูกกำจัดอย่างรวดเร็ว บัดนี้อาณานิคมอาริกาเซียถูกควบคุมโดยตรงเป็นที่เรียบร้อย เหล่าตระกูลใหญ่ผู้ปกครองรัฐอาณานิคมถูกลดอำนาจการปกครองทันทีที่เกิดเรื่อง

สร้างความไม่พอใจในหมู่ตระกูลใหญ่ๆซึ่งเป็นชาวอาณานิคมอย่างมาก ไม่พอแค่นั้นการค้าระหว่างทวีปของสมาพันธ์การค้าก็ถูกระงับชั่วคราว เพื่อป้องกันนักโทษลักลอบหนีออกจากอาริกาเซีย ทำให้พ่อค้าจำนวนมากต่อต้านอย่างสุดแรงของตัวเอง

ก่อวินาศกรรมเพียงครั้งเดียว

อาริคาเซียเข้าสู่วิกฤตที่ร้ายแรงที่สุด

เรื่องราวการโจมตีถูกส่งไปยังเจ้าอาณนิคม หลังจากที่สภาสูงลีโอเนียรับทราบข่าว ก็ส่งกำลังเข้าลีโอเนียไปเพิ่มอีกจำนวนราวๆสองกองพัน ไม่ได้เยอะมากแต่ก็มาพอที่จะจัดการปัญหาได้ พวกล้าหลังอย่างชาวอาณานิคมจะไปสู้อะไรได้คือสิ่งที่สภาสูงคิด

ก่อนจะปกปิดสิ่งที่เกิดขึ้นบนอาริกาเซีย สภาสูงตอนนี้ยังจัดการกับปัญหาภายในเสียก่อน พวกเขาไม่มีเวลาว่างไปดูแลดินแดนข้างนอกก่อน และสภาสูงก็ไม่อยากจะให้ประชาชนชาวลีโอเนียต้องรู้สึกเหนื่อยกับความวุ่นวายนอกดินแดนอีกด้วย

ในขณะที่กองทหารรักษาการณ์อาริกาเซีย ทำหน้าที่ควบคุมเมืองสำคัญอย่างบอสตันด้วยการปกครองโดยตรงจากสภาสูง ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย เมื่อไม่มีอาหารจากรัฐอาณานิคมโดยรอบ บอสตันก็กลายเป็นเมืองที่อดยากไปอีก และรัฐรอบนอกไม่ได้สินค้าจากเมืองท่าหลักก็เกิดความวุ่นวายเพิ่มไปอีก พวกเขาไม่มีแรงผลิตด้วยเอง

ปัญหานั้นเกิดขึ้นทั่วอาริกาเซีย ชาวเมือง ชาวอาณานิคมแสดงความไม่พอใจกันอย่างเต็มที่ มีการชุมนุมในบางเมืองบางแห่งแต่ก็ถูกกำจัดทันที การปกครองโดยตรงจากสภาสูงนั้นไม่มีไม่มีประสิทธิภาพ พวกเขาใช้อำนาจทางทหารเพื่อกดทับไม่ให้ชาวอาณานิคมได้โผล่หัวขึ้นมามอง และหากชาวอารานิคมเหล่านี้กล้าท้าทายสภาสูงก็พร้อมที่จะส่งกองทัพเข้ามากำจัดทุกคน เช่นเดียวกับประวัติศาสตร์ของอาณานิคมบนโดสสเลเลน

ไม่เพียงแค่ชาวอาณานิคมที่ไม่พอใจ เหล่าพ่อค้าที่แสวงหารายได้จากอาณานิคมก็เจอปัญหาเต็มๆ พวกเขาไม่สามารถส่งของออกจากอาณานิคมได้ ไม่พอแค่นั้นผลกระทบจากการที่ชาวเมืองไม่มีรายได้ทำให้การซื้อขายลดน้อยลงไปอีก เหล่าพ่อค้าจากสมาพันธ์การค้ากำลังขาดทุนจำนวนมาก!

ในขณะที่ทหารรักษาการณ์บนอาริกาเซียกำจัดปัญหาการต่อต้านเล็กๆของชาวอาณานิคม กลุ่มแบ่งแยกดินแดนไคโยตีก็เข้าปล้นทหารที่ดูแลเส้นทางระหว่างเมือง รวมไปถึงทาสจำนวนมากที่หลบหนีจนตระกูลและพ่อค้าหลายส่วนร้องเรียกให้ทหารลีโอเนียออกตามล่ากลับมาคืน

เรื่องปวดหัวเต็มไปหมด แถม สภาสูงก็ยังไม่สนใจ เหล่าข้าราชการและนายทหารชั้นสูงของสหจักรวรรดิบนอาริกาเซีย มีใบหน้าที่เครียดจนบางคนถึงกลับเอาความเครียดไปลงกับชาวอาณานิคมผู้น่าสงสาร ยิ่งทำให้กลุ่มต่อต้านเกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด เพียงแต่พวกเขานั้นยังไม่รู้สึกตัว

อย่างไรก็ตามพวกอาณานิคมจะไปกล้าหรือมีจูงใจที่จะต่อต้านมหาอำนาจของพวกเขาได้อย่างไรกัน…?

……

.

.

.

.

.

.

แคมป์ภายในป่าลึก ต้นสนขนาดใหญ่ล้อมปกปิดการมีอยู่ของแคมป์ได้อย่างดี หาเป็นผู้ไม่ชํานาญ เส้นทางหรือการเดินป่ามีหวังคงได้ติดอยู่ข้างในป่าจนตายอย่างแน่นอน กองไฟถูกจุดข้างในตัวต้นไม้ เพื่อไม่ให้ควันลอยจนสามารถเห็นได้ ถึงแม้ว่าต้นสนที่ใหญ่จะปกปิดควันได้อยู่ระดับหนึ่ง แต่นี่ก็เพื่อความปลอดภัยไว้ก่อนของคนในแคมป์

ชายหนุ่มอมนุษย์ เผ่าสุนัข ผู้มีเส้นผมสีนํ้าตาลอ่อน หน้าตาที่เหมือนกับชนพื้นเมือง บูลล์ ผู้อ่อนเยาว์ในอดีต บัดนี้โตเป็นหนุ่มพอสมควร เมื่ออดีตเขานั้นเป็นเพียงเด็กกำพร้าในหมู่บ้านยูทาก้า เหล่าผู้นับถือผีวิญญาณแห่งลานาเจือ หมู่บ้านยูทาก้าไม่เพียงเป็นชื่อของสถานที่แต่เป็นของเผ่าของพวกเขาเช่นกัน นั้นทำให้หมู่บ้านยูทาก้าไม่ได้อยู่นิ่งที่เดิมตลอดเวลา

แม้ว่าตอนนี้บูลล์จะไม่ได้เป็นคนในเผ่าแล้ว แต่เขาก็ยังไม่เลิกที่จะทำพิธีต่อลานาเจือ อย่างไรก็ตามนั้นก็เป็นเพราะมีคนบอกให้เขานั้นไม่ควรล้มเลิกที่จะเป็นตัวของตัวเอง ดักลาส แมรี่แลนด์ ผู้ที่รับเขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวและตระกูลของเขา ชายผู้เป็นพี่บุญธรรมของ บูลล์ แมรี่แลนด์ 

บูลล์เดินเข้าไปในแคมป์ ชายหนุ่มมองไปรอบๆตัวแคมป์ ซึ่งมีกลุ่มคนชายหญิงจำนวนมาก เหล่านักโทษหลบหนี และ กองกำลังแบ่งแยกดินแดนไคโยตี

“เฮ้! เฮ้!! บูลล์ทางนี้ๆ!” เสียงของชายวัยรุ่นเรียกเขา

“กามิโล! นายไม่โดนยิงมาใช่ไหม” กามิโล เฮอร์นันโร (Camilo Hernánro) ชายหนุ่มผู้บัญชาการกองกำลังขนาดกองร้อยของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนไคโยตี เพื่อนสนิทคนสองต่อจากโยฮันน์ที่อยู่ในลีโอเนีย ซึ่งเขาไม่ได้พูดคุยกันมานานมากแล้ว พอคิดก็อยากจะติดต่อกับโยฮันน์เพื่อถามไถ่สุขภาพอย่างมาก

“ให้ตายสิ ฉันเคยเป็นโจรมาก่อน เรื่องหนีทหารยามฉันเก่งสุดแล้ว!” กามิโลกล่าวว่าตัวเองเคยเป็นโจรโดยไม่สนใจสายตาคนแม้แต่น้อย แถมดูเจ้าตัวก็น่าจะไม่สนใจสายใครอีกด้วย

“ฉันมาแจ้งข่าว ให้ผู้นำสูงสุดน่ะ” บูลล์ชะงัก “หลังจากนี้พวกเราจะได้ร่วมงานกันมากขึ้นนะ”

ทั้งคู่คุยกันอยู่เล็กน้อยก่อนที่หมาป่าชราของกลุ่มจะเดินมาหาพวกเขา แม้ว่าจะอายุมากแล้วแต่ชายชราผู้นี้ก็ยังสามารถที่จะสู้ได้อย่างดีเยี่ยม

“พวกกลุ่มแสงตะวันออกมาบอกมาว่า เริ่มมีหลายคนที่คิดก่อกบฏในหลายพื้นที่ กลุ่มของพวกเขาพร้อมที่ให้ความร่วมมือ โดยมีข้อแม้ว่า ทาสที่อยู่อาริกาเซียจะต้องถูกปลดปล่อยทันหมด” บูลล์กล่าวได้อย่างลื่น ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่เป็นคนขี้กลัว

“เรื่องการปกครองข้าเคยบอกว่าอย่ามาคุยกับพวกข้าไม่ใช่หรือ? ไปบอกคุณหนูกับพวกพ่อค้าแทนเสีย ข้าเพียงแค่ถืออาวุธสู้ และ” หมาป่าหยุดเล็กน้อยก็จะยิ้มออกมาและกล่าว “พูดถึงอาวุธ พวกพ่อค้าได้ส่งของหรือไม่?”

“ครับทุกอย่างอยู่ที่จุดรับของเลยครับ แต่พวกเรายังไม่สามารถที่จะประกาศต่อต้านได้อย่างเต็มที่ พวกเรายังต้องการความร่วมมือในอีกหลายพื้นที่ สุดท้ายเมื่อคุณหนูและพี่ของผมกลับมาเมื่อใด เวลาที่พวกเราจะได้ลุกขึ้นมาร่วมกันสู้ก็จะมาถึง เพราะงั้นแล้วคุณต้องทำความเสียหายให้ได้มากที่สุด” อาริกาเซียกำลังเข้าสู่เส้นทางที่อันตราย บูลล์ได้ยินลาสพูดมาเสมอ การต่อต้านของอาริกาเซียอาจจะเป็นจุดจบของพวกเขา เพราะงั้นแล้วพวกเขาต้องการเพื่อนมากกว่าสู้ด้วยตัวเอง

“ข้าไม่เชื่อหรอกนะว่า พวกตระกูลใหญ่จะเข้าร่วมการต่อต้านในครั้งนี้ พวกมันเห็นแก่อำนาจในเขตของตัวเองทั้งนั้น พวกเจ้าจะร่วมทุกคนบนทวีปให้เป็นปึกแผ่นแห่งนี้ยังไงกัน?” ไม่ต้องพูดถึงความร่วมมือ แค่ตอนนี้รัฐที่ยอมร่วมมือด้วยก็มีไม่ถึงครึ่งด้วยซํ่า

“คุณหนูเฟลิเซียและผู้นำกลุ่มแรกๆได้พูดเอาไว้ เรื่องนั้นพวกเราเริ่มทำไปตั้งแต่ก่อนเริ่มสงครามชนพื้นเมืองแล้ว เพียงแค่พวกเราได้ปุ๋ยพิเศษมาก็เท่านั้น ดอกไม้จึงเริ่มเบ่งบานไปทั่วดินแดนอย่างช้าๆ …ครับ”

“เจ้าหมายถึงหนังสือเรื่อง เสียงระฆังเสรีภาพ นะหรือ!? ข้าชอบให้พวกที่มีการศึกษาอ่านให้ฝัง มันเหมือนกับความฝันบนสวรรค์! เจ้าจะบอกว่าคนเขียนเรื่องราวที่เหมือนกับฝันนี้ อยู่ในกลุ่มต่อต้านของพวกเจ้าหรืิอ!” หมาป่าชรากล่าวด้วยนํ้าเสียงที่ตกใจก่อนจะกลายเป็นความตื่นเต้น

หนังสือเรื่องเสียงระฆังเสรีภาพคือ หนังสือที่ขายดีที่สุดบนอาริกาเซีย หนังสือที่เหมือนกับการปลุกปั่นถือว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย หากแต่ว่าหนังสือนั้นอยู่ในหมวดความรู้เสียแทน? หนังสือประเภทความรู้จะไม่ถูกสั่งให้ไปทิศหรือเผา นั้นจึงทำให้มีพ่อค้าหลายคนซื้อมาอ่านดู แต่ด้วยสิ่งที่อยู่ข้างในหนังสือนั้นเป็นเรื่องราวที่ปนไปด้วยความจริงที่แปลกเหมือนกับว่า เหล่าคนอ่านไม่ได้คิดถึงความเป็นจริง แต่ในขณะเดียวกันหนังสือเล่มนี้ก็เล่าบางอย่างที่ไม่ควรจะเป็นจริง

ความแปลกใหม่ทำเหล่าผู้ที่อยู่ชนชั้นกลางได้ซื้อมาอ่าน แน่นอนว่าตระกูลใหญ่บ้างตระกูลก็อ่านมันอีกด้วย ส่วนผู้ที่ไม่มีเงินจ่ายซื้อ บางคนก็ไม่ได้มีความรู้ที่จะอ่านออก ทำให้ต้องฟังจากคนที่อ่านออกเท่านั้น ช่างน่าแปลกที่หนังสือเล่มนี้ไม่ถูกตั้งว่าเป็นสิ่งต้องห้าม เหมือนกับว่าพวกเขาปิดตาข้างหนึ่ง

เมื่อเวลามาถึง คุณอาจจะได้รู้จักก็ได้นะครับ

บูลล์หันหลังกลับก่อนจะกล่าวลา “ผมขออนุญาตกลับก่อนนะครับ ผมยังมีงานที่ต้องทำอีกจำนวนมาก ขอให้พวกคุณปลอดภัย ต่อจากนี้คือเวทีของพวกคุณ ช่วยสู้จนกว่าพวกเราจะพร้อมด้วยนะครับ”

“แล้วเจอกันนะบูลล์ หาผู้หญิงรวยๆแล้วอย่ามาลืมบอกฉันด้วยนะ!”  กามิโลกล่าว

“ไปตายซะ ไอ้โจรเจ้าสำราญ!”

บูลล์กลับไปยังเมืองบอสตัน และเข้าไปในค่ายทหารของอาริกาเซียอย่างไม่เร่งรีบ ทหารอาณานิคมถูกหยุดไม่ให้ทำหน้าที่อะไร พวกเขาจึงไม่ได้ออกจากค่ายไปไหน ยกเว้นทหารยศสูงๆหรือตระกูลใหญ่เท่านั้นที่สามารถออกไปไหนได้อย่างไม่ต้องกังวล ซึ่งก็รวมไปถึงบูลล์อีกด้วย

“ร้อยเอก บูลล์ แมรี่แลนน์…” นายกองลีโอเนียเดินเข้ามาทักชายหนุ่ม

เห็นยศที่บ่าสูงกว่าเขา บูลล์ก็รีบทําความเคารพทันที หากเป็นไปได้เขาอยากจะเคารพเหล่านายกองของกรมทหารเท้าที่ 24 เซอร์เบอรัสที่ 3 เสียมากกว่า กลุ่มทหารที่เข้ามาประจำการใหม่

“สภาสูงอยากจะปลดประจำการทหารของอาริกาเซียออกไปครึ่งหนึ่ง แต่ว่า… การที่ไม่มีคนมีประสบการณ์มาคุมกองกำลังนั้นเป็นเรื่องที่ข้าไม่ชอบ เฮ้อ อีกไม่นานข้าก็จะถูกปลดออกจากยศพันโทแล้ว ข้าอยากจะช่วยคนที่ดูมีอนาคตเช่นเจ้า” เขาหยุดถอนหายใจเล็กน้อย

พันโทคนนี้ บูลล์จำได้ว่าเขาไม่ถูกกับขุนนางและสภาสูงอย่างมาก เขาเคยมาผู้คุยกับบูลล์อยู่บ่อยครั้ง… เป็นชายที่ใจดีและมากประสบการณ์อย่างมาก หากเป็นไปได้เขาอยากให้ชายตรงหน้าลองเปิดใจแล้วหยุดสู้เพื่อลีโอเนีย แล้วไปช่วยชีวิตสงบสุขในดินแดนแห่งนี้

“ข้าช่วยให้ เจ้าไม่ต้องถูกปลดออกแล้ว จากนี้ข้าจะปลดประจำการตัวเองแล้ว ถึงจะไม่มีบ้านให้กลับแล้วก็เถอะ ฮ่าๆ โทษทีข้าแก่แล้วคงจะพูดมากไปหน่อย”

“ถ้างั้นท่านสนใจสร้างบ้านอยู่สักทีบนอาริกาเซียไหมครับ? ผมพอจะมีคนช่วยหาเงินทุนสร้างบ้านได้อยู่นะครับ ชีวิตบนอาริกาเซียถือว่าเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ดีนะครับ…” ไม่รอช้า บูลล์ก็พูดช่วยเหลือพันโทคนนี้ทันที หาบ้านให้เข้าอยู่ อยู่ห่างจากสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ‘ อย่างน้อยก็ดีกว่าต้องมาสู้กันเอง ’ บูลล์คิดในใจ

“ก็น่าจะดี อาณานิคมถึงจะดูไม่ค่อยจะสงบในขณะนี้ แต่ก็คงจะเป็นบ้านที่ดี อาจจะดีกว่าลีโอที่ข้าเกิดก็เป็นไปได้ เอาเถอะคนแก่เช่นข้าก็คงต้องยอมรับความช่วยเหลือของเด็กเช่นเจ้าล่ะนะ” เขากล่าวเสร็จก็บอกลาก่อนจะเดินไปทำงานทำธุระของตน

ส่วนบูลล์ก็กลับไปค่ายทหารอาริกาเซีย เพื่อพูดคุยกับคนใต้บัญชาของเขา กองร้อยของเขาที่กำลังฝึกอยู่ข้างในค่าย เรียนรู้ทุกอย่างกับเหล่าผู้ผ่านสงครามชนพื้นเมืองมาแล้ว

เวลานั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ อีกไม่นานไฟเล็กๆภายในดินแดนแห่งนี้ก็จะลุกไหม้ การเตรียมตัวคือสิ่งสำคัญ และตอนนี้การฝึกก็เป็นการเริ่มต้นเตรียมตัวที่ดี

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด