ตอนที่แล้ววันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0024
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปวันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0026

วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0025


บทที่ 10 มีด, ผ้าคลุม และเสื้อนอก (1)

* * *

เมื่อได้ยินเรื่องราว ฉันกำหนดให้จุดหมายถัดไปคือทิศใต้ทันที

จริงอยู่ การมีหมู่บ้านต่างโลกซ่อนอยู่ทางทิศใต้อาจฟังดูน่าสนใจ แต่ฉันกังวลเกี่ยวกับวิลสันมากกว่า

และก่อนจะลงใต้ สิ่งที่ยังไม่มั่นใจคือการสื่อสาร หากไม่นับภาษารูน ฉันก็แทบจะไม่รู้ภาษาของต่างโลกเลย

ทว่า ปัญหานี้คลี่คลายง่ายกว่าที่คิด

“เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง หลังจากเชื่อมวิญญาณกับข้า เจ้าสามารถพูดได้ทุกภาษาที่ข้ารู้ นั่นคือเหตุผลที่แวมไพร์มีโฉมของผู้นำทาง”

พลังของลิลี่มีประโยชน์กว่าที่คิด

เธอยังเสริมด้วยว่า ตนเชี่ยวชาญสิบหกภาษาหลักของทวีป

ถูกเลี้ยงมาให้เป็นผู้นำตระกูลหรือไง?

บอกตามตรงว่าน่าตกใจมาก สำหรับฉัน ลำพังภาษาอังกฤษหรือสเปนยังพูดได้ไม่คล่อง

แต่อย่างน้อยก็พูดภาษารูนได้ล่ะนะ…

“…นี่น่ะหรือพวกขุนนาง? พลังแห่งโรงเรียนเอกชนชัดๆ”

“หยุดพูดอะไรแปลกๆ สักที”

ลิลี่ตอบห้วนพลางหลบตาฉัน ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อเล็กน้อย

อาจเพราะมีผิวพรรณที่ขาวซีด เปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของเธอจึงอ่านออกง่ายเป็นพิเศษ

“เฝ้าบ้านให้ดีล่ะ”

นี่ไม่ใช่เวลาพักผ่อน ฉันรีบนำดีบุกผสานและแขนใบมีดตรงไปยังป่าเบอร์มิวด้า

หลังจากผ่านที่ราบอันรกร้างจนกระทั่งถึงเขตป่า ฉันเงยหน้ามองอีกฝ่าย

“สวัสดี”

ป่าเบอร์มิวด้าสั่นแผ่วเบาราวกับตอบรับคำทักทาย

“แบ๊ะ—”

แกะหนุ่มสีแดงค่อยๆ เดินออกมาต้อนรับ

ตามปรกติแล้ว ป่าจะไม่เผยร่างจริงกับบุคคลภายนอก เนื่องจากป่าก็เป็นสัตว์ จึงมักซ่อนตัวเพื่อความปลอดภัย

กล่าวคือ พฤติกรรมเช่นนี้เป็นเครื่องยืนยันว่า ป่าเบอร์มิวด้าคิดอย่างไรกับฉัน

“รู้ไหมว่าฉันมาหาทำไม?”

“แบ๊ะ—”

แกะหนุ่มพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินนำทางไปยังใจกลางป่า

เนื่องจากถูกปรสิตแย่งสารอาหาร ใจกลางป่าจึงเคยมีสภาพเน่าเปื่อย

ฉันจงใจทิ้งดักแด้ไว้ครึ่งหนึ่ง ถือเป็นสารอาหารในปริมาณมากพอสมควร

จะดีขึ้นหรือยังนะ?

ท่ามกลางความคิด สีหน้าของฉันสดใสเมื่อเข้ามาถึงหัวใจป่า

อาจยังหลงเหลือร่องรอยความแห้งแล้ง แต่แค่มองผิวเผินก็ทราบทันทีกว่าสุขภาพดีขึ้นมาก

ไม่สิ ตรงกันข้าม บางจุดอุดมสมบูรณ์ยิ่งกว่าเก่า

“เพราะยังเด็กสินะ? ฟื้นตัวไวดีนี่”

โชคดีจริงๆ

เหมือนกับโลกมนุษย์ ป่าในต่างโลกก็สำคัญต่อสิ่งแวดล้อม

และเบอร์มิวด้าเป็นป่าเพียงแห่งเดียวที่อยู่ใกล้สำนักงานของฉัน หากมันหายไป นั่นคงเป็นเรื่องน่าปวดหัว

ไม่ใช่แค่นั้น

“แบ๊ะ—”

“โล่งอกไปทีนะเจ้าหนู”

ฉันลูบหัวแกะแดงด้วยความโล่งใจ

อาจเพราะเคยใช้ชีวิตในป่าเป็นเวลานาน ฉันจึงโล่งใจจากก้นบึ้ง

“เอาล่ะถึงเวลาตอบแทนฉันแล้ว ต้องรู้จัก ‘กีฟแอนด์เทค*’ เข้าใจไหม?” (Give and Take)

จะเข้าใจหรือไม่ นั่นไม่สำคัญ เพราะถึงฉันจะไม่พูดอะไร แต่ป่าก็เข้าใจจุดประสงค์การมาเยือนอยู่แล้ว

แขนใบมีดและดีบุกผสานถูกวางลง

สำหรับขั้นตอน ฉันได้ยินมาจากลิลี่แล้ว

อันดับแรก ต้องแจ้งความจำนงต่อป่า ให้อีกฝ่ายช่วยใช้พลังผสานดีบุกเข้ากับแขนใบมีด

“หลังจากได้ใบมีด เจ้าต้องจัดการขั้นตอนที่เหลือเอง แค่ได้รับความช่วยเหลือจากป่าก็น่าซาบซึ้งใจมากแล้ว”

นั่นคือคำอธิบายของลิลี่ และฉันก็เห็นด้วย พวกป่ามักมีด้านที่โหดร้าย อาจเพราะต้องทำเพื่อความอยู่รอด จึงแทบไม่มีใครเคยได้รับความช่วยเหลือจากป่า

ทว่า ป่าเบอร์มิวด้ากระตือรือร้นผิดปรกติ

ถ้าจะถามว่าระดับไหน ก็ระดับที่ทำให้ผืนดินสั่นสะเทือน

เถาวัลย์สีเขียวงอกขึ้นจากพื้น ยกแขนใบมีดและดีบุกผสานลอยขึ้นไปในอากาศ

พรืด!

เถาวัลย์หลายสิบเส้นล้อมวัสดุไว้และเริ่ม ‘บีบนวด’

เมื่อกระบวนการเริ่มขึ้น ฉันอดไม่ได้ที่จะยืนมองด้วยความชื่นชม

หากไม่ใช่เพราะลิลี่ คงใช้เวลาอีกนานกว่าจะค้นพบวิธีนี้

ผ่านไปราวห้านาที เถาวัลย์ที่หุ้มวัสดุทยอยหดกลับ เผยให้เห็นใบมีดเล่มหนึ่งลอยอยู่กลางอากาศ

ยาวประมาณครึ่งเมตร ลักษณะใบมีดคล้ายมีดกรูข่า (Kukri)

รูปทรงเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง จนลืมว่าก่อนหน้านี้เป็นเช่นไร

สิ่งที่น่าเสียดายก็คือ ปัจจุบันยังขาดด้ามจับ เป็นเพียงใบมีดเปลือยเปล่า

ทันใดนั้น ต้นไม้ต้นหนึ่งงอกขึ้นจากหัวใจป่า

“…เอาจริงดิ”

ถึงจุดที่ฉันเริ่มเกรงใจ

ต้นไม้ที่งอกจากหัวใจป่าคือไม้ศักดิ์สิทธิ์ สีดำสนิท อัดแน่นไปด้วยพลังงานของผืนป่า

มีพลังมากเสียจนไม่ถูกไฟไหม้ หน้าที่ของมันคือการเป็นคอร์ (Core) ของป่า

ทว่า

ตึง!

ป่าเบอร์มิวด้าเฉือนกิ่งออกและนำมาสร้างด้ามจับ

เถาวัลย์บรรจงวางมีดไว้ที่ปลายเท้าของฉันอย่างระมัดระวัง

“…ไม่เป็นอะไรแน่หรือ?”

“แบ๊ะ—”

ป่าเบอร์มิวด้าส่งเสียงร้องผ่อนคลาย

ในเมื่อเจ้าตัวยืนกราน ฉันก็ไม่มีอะไรจะโต้แย้ง

จริงอยู่ การทำเช่นนี้จะไม่ทำให้ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ตาย แต่นั่นเทียบเท่ากับการสละสิ่งสำคัญ

ไม่มีทางที่จะไม่รู้สึกซาบซึ้ง

ฉันโน้มตัวหยิบดาบขึ้นมา

“…โฮ่”

เสียงอุทานดังขึ้นทันทีที่ลองจับ

น้ำหนักมากกว่าที่คิด จุดศูนย์ถ่วงอยู่บริเวณปลายมีด เหมาะสำหรับการสับ น้ำหนักใกล้เคียงขวานมากกว่ามีด

วืด— วืด—

น้ำหนักถูกถ่ายทอดผ่านฝ่ามือไปยังอากาศจนเกิดเสียง

เป็นผลงานอันเลอค่าอย่างไร้ข้อกังขา

รับรองโดยฉันผู้สะสมมีดเดินป่าหลายเล่ม และเคยดำรงชีวิตในป่าเป็นเวลานาน

เกาะติดฝ่ามือ… ยังกับมีดเป็นส่วนหนึ่งของแขน…

แถมยัง

ฉึบ!

คมพอที่จะตัดต้นไม้ให้เกิดแผลเรียบ

ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ แข็งยังกับเพชร…

ชนิดที่มีดเดินป่าแบรนด์ดังราคาหลายล้านวอนเทียบไม่ติด

นอกจากนั้น

“…”

ฉันสัมผัสถึงพลังงานจากด้ามจับที่แทรกซึมเข้ามาในร่างกาย

คล้ายกับน้ำตกที่ชะล้างความอ่อนเพลียสะสมและเยียวยาอาการบาดเจ็บ

ก้มมองใบมีด

บนด้ามจับไม้สีดำที่คล้ายกับเคลือบแลคเกอร์ พลังงานบางชนิดหลั่งไหลเข้ามาในฝ่ามือของฉัน

พลังของป่าที่ช่วยเยียวยาร่างกายตลอดเวลา

“…”

สิ่งที่อยู่ในมือฉัน ไม่ใช่แค่มีดแข็งๆ ที่ผลิตจากวัสดุต่างโลก

อาร์ติแฟกต์

วัตถุลึกลับในต่างโลกที่มีพลังพิเศษ หากจำไม่ผิด OWIC จะเรียกพวกมันว่าอาร์ติแฟกต์

แกะหนุ่มและฉันสบตากัน

แม้อีกฝ่ายจะมิอาจแสดงสีหน้า แต่ฉันรับรู้ถึงความภาคภูมิใจ

“จะใช้อย่างดีเลย”

“แบ๊ะ—”

ก้มมองพื้น ยังเหลือแขนใบมีดอีกสามข้าง

มีดเล่มเดียวก็เพียงพอแล้วสำหรับฉัน ต้องยึดหลักการ ‘กรัมคือกิโล’ อย่างเคร่งครัด การพกพาส่วนเกินไปไหนมาไหนไม่ใช่เรื่องดี

ถ้าอย่างนั้น ควรใช้ประโยชน์จากพวกมันอย่างไร?

ฉันไม่มัวคิดมาก

“ที่เหลือยกให้”

“แบ๊ะ—”

ถ้าหลังจากนี้นึกออกว่าต้องใช้ทำอะไร ไว้ค่อยกลับมาดูอีกทีก็ไม่สาย เพราะป่าคงไม่ใช้ทั้งหมดในคราวเดียว

อำลาเสร็จ ฉันเดินกลับทันที

เตร็ดเตร่อยู่รอบนอกป่าอย่างไม่รีบร้อนประหนึ่งกำลังเดินเล่น

สายลมอันหอมหวานและเย็นสบายพัดผ่าน เดาได้ไม่ยากว่าป่าเบอร์มิวด้ากำลังมีความสุข

โล่งอกไปทีที่กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง…

ฉันคิดแบบนั้นจริงๆ

ไม่นานก็เดินพ้นอาณาเขตป่า

“กรร…”

หมาป่าสคาเวนสามตัว

อันที่จริง ฉันได้ยินเสียงคำรามต่ำมาสักพักแล้ว แต่ดูเหมือนว่าป่าเบอร์มิวด้าจะไม่อนุญาตให้พวกเข้ามา

ด้วยเหตุผลที่ฉันเองก็ไม่เข้าใจ

‘หมาป่าสคาเวนคือส่วนหนึ่งของระบบนิเวศน์ป่าไม่ใช่หรือ?’

ขณะใช้ความคิด ฉันสังเกตเห็นบางสิ่ง

“อ้อ… เจ้าพวกนี้นี่เอง”

ฝูงหมาป่าที่เคยมาล้อมฉัน แต่ต้องหนีไปเพราะจ่าฝูงถูกฆ่า

เท่าที่จำได้ หนีรอดไปสี่ตัวไม่ใช่หรือ?

ตายไปแล้วหนึ่ง?

“โฮ่ง! กรร!”

หมาป่าสคาเวนเป็นพวกเจ้าคิดเจ้าแค้น โด่งดังด้านการไล่ล่าเป้าหมายเพื่อแก้แค้นจนถึงที่สุด

ก้มมองมีดในมือ

“…พวกแกจังหวะแย่ไปหน่อยนะ”

สามตัว ไม่ใช่งานง่าย

เทคนิคที่เคยใช้ตบตาในคราวก่อนอาจใช้ได้แค่ครั้งเดียว เพราะสัตว์ป่ามีความสามารถในการเรียนรู้

ทันใดนั้น

“โฮก—!”

หมาป่าตัวใหญ่สุดที่อยู่ด้านหน้า กระโจนใส่ฉันพร้อมกับใช้เล็บเท้าตะปบหัวไหล่

ฉึก!

“กรร!”

เถาวัลย์เส้นหนึ่งพุ่งผ่านหัวไหล่ฉัน เสียบเข้าไปในร่างหมาป่าสคาเวน

“คงไม่รู้สินะ ว่าเจ้าถิ่นที่พวกแกอาศัยกำลังหนุนหลังใคร”

ฉันควงมีดหนึ่งรอบและกำในท่าถือค้อน จากนั้นก็ปาดคอตัวที่กระโจนเข้าใส่

คราวก่อนฉันขับไล่อย่างยากลำบาก แต่ครั้งนี้แตกต่างโดยสิ้นเชิง

เพื่อไม่ให้หนังเสียคุณภาพ ฉันจงใจเล็งปาดคอในทีเดียว

ด้วยความคิดดังกล่าว ฉันโน้มตัวลงต่ำ

ซู่ว—

ได้ยินเสียงประหลาดดังจากหูซ้าย ฉันรีบชำเลืองหางตาไปมอง

แจ็กเกตที่ถูกเล็บแหลมแทงทะลุ แผลด้านในแม้จะไม่ลึก แต่ก็ถูกสมานด้วยความเร็วที่ดวงตามองทัน

“…ไม่รู้จะขอบคุณยังไงเลย”

ฉันพูดขณะหันหลังกลับไป

* * *

ในท่าแบกหมาป่าสคาเวนไว้บนบ่า ฉันกลับถึงกระท่อม

แต่ในกระท่อมที่ควรจะเงียบสงบ กลับมีเสียงคนสองคนทะเลาะกันดังออกมา

เกิดอะไรขึ้น?

เมื่อเข้าไปใกล้ ฉันเห็นชาโซฮีกำลังจับข้อมือชายชราด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“ไม่ได้! รอฟังความคิดเขาก่อน! จากนั้นค่อยตัดสินใจ!”

บนใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอย ชายชราร่างใหญ่ที่ดูไม่เข้ากับอายุ กำลังจ้องไปทางเปลือกของดักแด้และก้อนด้ายจากรังไหม

“ยังต้องตัดสินใจอะไรอีก? ของมันแน่อยู่แล้ว! ไม่อย่างนั้นจะเอาไปทำอะไร? ถักเป็นผ้าห่ม? เอาไปย่างกิน? มันอร่อยหรือ?”

“ให้ตายสิ! ทำไมถึงใจร้อนแบบนี้!”

“เห็นของแบบนี้อยู่ตรงหน้า เป็นใครก็อดใจไม่ไหวทั้งนั้น! หัวใจของช่างฝีมือกำลังลิงโลดจนแทบจะหลุดออกมาแล้ว!”

“เอ่อ…”

ฉันปั้นหน้าไม่ถูก

ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น

เพราะถึงตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจว่า ในกระท่อมอันเงียบสงบนอกหมู่บ้าน ทำไมถึงมีความวุ่นวายเกิดขึ้นได้

“โฮ่? ซอนฮูกลับมาแล้วหรือ”

“ใช่ครับ เอ่อ…”

“แบกอะไรมาด้วย? โอ้! เป็นคนหนุ่มที่น่าทึ่งจริงๆ”

ชายชราอดไม่ได้ที่จะชื่นชมสิ่งที่ฉันแบกกลับมา

ตึง!

วางซากหมาป่าสคาเวนลง เนื่องจากพวกมันตัวหนักและมีมือไม่พอ ฉันจึงไม่ได้แบกกลับมาทุกตัว ก็เลยยกให้ป่าเพื่อเป็นสารอาหาร

อย่างน้อยก็ได้ตอบแทนความช่วยเหลือเล็กๆ ที่ทางนั้นหยิบยื่น

“ก…กลับมาแล้วสินะ ขอโทษที่ทำให้บ้านเสียงดัง”

“เขาเป็นใคร ลูกค้า?”

ฉันมองสลับไปมาระหว่างชายชราและชาโซฮี

เดี๋ยวนะ… สองคนนี้มีบรรยากาศคล้ายกันมาก…

เสียงดังยังกับกาน้ำร้อนเดือด บุคลิกเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา และคำพูดคำจาโผงผาง…

“ไอ้เด็กคนนี้นี่! จำพ่อตาตัวเองไม่ได้หรือ? หายหัวไปไหนมาสองปี? หือ?”

“อ…อะไรนะ?”

“รู้ไหมว่าวันที่นายกลับมาและชวนเธอไปดื่ม ชาโซฮีดีใจจนแทบบ้า”

“หยุดนะ! พ่อ! เสียสติไปแล้วรึไง?”

“เสียสติ? นี่คือคำที่ลูกสาวพูดกับพ่อ?”

จำได้แล้ว

ฉันกับชาโซฮีเป็นเพื่อนบ้านกันตั้งแต่ยังเล็ก

ชาโซฮีเป็นลูกคนสุดท้อง พ่อแม่จึงค่อนข้างมีอายุ และพ่อของเธอ ชาแทชิก ก็แทบไม่ค่อยได้กลับบ้าน

สมัยเด็ก ฉันแทบไม่ได้ใส่ใจความเป็นไปของพ่อเพื่อน และไม่ใช่แค่นั้น ในช่วงมัธยมปลาย หลังจากพ่อแม่ของฉันเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ชาโซฮีก็เลือกที่จะไม่พูดถึงครอบครัวตัวเอง

เมื่อโตขึ้น พวกเราไม่ค่อยได้แวะไปที่บ้านอีกฝ่ายมากนัก และความทรงจำของฉันก็ไม่ได้ยอดเยี่ยมถึงขนาดจะจำหน้าคนที่เคยเห็นแค่สองสามครั้งได้

ดังนั้น ฉันเพิ่งได้ทราบ

“…เป็นช่างตีเหล็กอยู่ที่อเมริกา?”

“ใช่ แต่นั่นเป็นเรื่องในอดีต หลังจากประตูมิติหรืออะไรเทือกนั้นเปิดออก ฉันก็กลับเกาหลีทันที”

พ่อชาโซฮีมีหัวทางธุรกิจ เริ่มสนใจวัสดุแปลกใหม่ตั้งแต่ก่อนที่ประตูมิติจะเปิด จึงมีข้อมูลในมือมากกว่าใคร

หลังจากประตูมิติเปิด เขาตัดสินใจเดินทางกลับเกาหลี เริ่มเปิดบริษัทและแสดงฝีมือที่ฝึกปรือจากอเมริกา

ในขณะที่คนอื่นเพิ่งหัดเดิน เขาวิ่งนำทุกคนไปไกล

ปัจจุบันกลายเป็นช่างฝีมือที่มีคิวจองตัวนานครึ่งปี

และชายคนนั้น

“ให้ฉันจัดการเอง!”

“อุก…”

“ทำแจ็กเกตจากหนัง และผ้าคลุมจากไหมสวรรค์ใช่ไหม?”

“ไหมสวรรค์?”

“เอ่อ… ฉันหมายถึงด้าย ด้ายน่ะ”

อ้อ… ด้ายจากรังไหม…

หงึก

“ทำได้ใช่ไหมครับ? พวกมันอาจเป็นวัสดุที่คุณไม่คุ้นเคย…”

“แค่เห็นก็รู้แล้วว่าต้องทำยังไง! วัสดุต่างโลกพวกนี้คอยสื่อสารกับฉัน ทำแบบนี้สิ! ทำแบบนั้นสิ! พวกเขาบอกละเอียดเลย!”

“โม้ฉิบหาย”

แข็งแรงจนน่าตกใจ ด้วยอายุเท่านี้ แต่กลับทนต่อผลข้างเคียงจากการข้ามโลกได้ สมัยหนุ่มต้องแข็งแรงขนาดไหนกัน?

ถ้าแก่ตัวไป ฉันก็อยากจะแข็งแรงแบบเขา

ชาโซฮีอาจลำบากใจที่พ่อของเธอเป็นคนใจร้อน แต่สำหรับฉันถือเป็นเรื่องดี

“ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนด้วยครับ”

“ว่าแต่ จะให้ใช้แค่เจ้านี่หรือ? ถ้าทำจากหนังชนิดเดียว เสื้อนอกจะบิดไปบิดมาจนเสียรูป… ฉันเพิ่งได้หนังวัวมาพอดี ให้เย็บคู่กันเลยไหม?”

“ใช้เจ้านี่ได้ไหม”

ฉันชี้ไปทางศพหมาป่าสคาเวนด้านหลัง

“ได้สิ เยี่ยมเลย! เป็นหนังติดขน ถ้าทำดีๆ อาจจะกันน้ำได้ด้วย… ดีล่ะ มีอะไรจะเพิ่มเติมไหม?”

“เดี๋ยวก่อน… คิดราคายังไง?”

“ราคา?”

แปะ! แปะ!

คุณชาแทชิกตบหลังฉันพร้อมกับหัวเราะร่วน

“อึก…”

“เหลวไหล! ราคาอะไร! ฉันกำลังทำคะแนนจากลูกเขยอยู่! โฮะโฮะ!”

“พ่อ! หนูอายจะแย่แล้ว ได้โปรดหยุดสักที”

“เลี้ยงเหล้าฉันวันหลังก็พอ!”

…แบบนี้ดีแล้วใช่ไหม?

______________________

ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร พุธ เสาร์ และอาทิตย์

ติดตามผลงานของผู้แปล และนิยายทุกตอนได้ที่เพจเฟสบุค:

https://www.facebook.com/bjknovel/

หรือพิมพ์ค้นหา: bjknovel

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด