ตอนที่แล้วบทที่ 22 หน้ากากกระโหลกหมาป่า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 24 เผ่าจิ้งจอกแดง

บทที่ 23 นักรบหมาป่า


คำพูดของหลัวจี๋เป็นการกำหนดเงื่อนไขในการเป็น “นักรบหมาป่า” อย่างที่เขียนไวในคำแนะนำเกี่ยวกับหน่วย นักรบเหล่านี้คือผู้ที่พิสูจน์ความแข็งแกร่งตัวเองโดยเอาชนะสิ่งที่น่าสะพรึงเช่นหมาป่าลงได้ เมื่อได้ยินเงื่อนไขแล้ว ทุกคนต่างส่งเสียงออกมาด้วยความตกใจ

ในทางกลับกัน หลัวหย่งที่สวมหน้ากากอยู่ก็เชิดคางขึ้นโดยอัตโนมัติ ก่อนหน้านี้เขารู้สึกไม่ค่อยชินกับการใส่หน้ากาก และกำลังจะถอดมันออกตอนที่หลัวจี๋พูดขึ้นมาพอดี นั่นทำให้เขาหยุดมือในทันใด อืม อันที่จริงแล้วใส่ไปพักนึงก็รู้สึกใส่สบายดีเหมือนกันนะเนี่ย…

เมื่อมีสายตาอิจฉาของนักรบในเผ่าคนอื่นๆจับจ้องมา หลัวหย่งอดไม่ได้ที่จะรู้สึกภาคภูมิใจขึ้นมาเล็กๆ ปกติแล้วเขาเกลียดการโดนรายล้อมไปด้วยคนกลุ่มใหญ่ แต่ตอนนี้เขารอที่จะอวดคนในเผ่าไม่ไหวแล้ว

หลัวจี๋มองไปที่หลัวหย่งที่กำลังใส่หน้ากากหมาป่าและเดินเชิดคออวดไปทั่วทั้งค่ายชนเผ่า เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขำออกมานิดๆ “เอาเป็นว่า ในการต่อสู้ครั้งที่แล้ว ใครฆ่าหมาป่าได้ก็ให้เอากระโหลกหมาป่ามาให้ฉัน”

นักรบในยุคนี้นั้นไม่มีความคิดที่จะเปลี่ยนหัวกระโหลกนี้ให้เป็นหมวกหรือหน้ากาก แต่พวกเขาชอบสะสมรางวัลที่ระลึก ยิ่งศัตรูแข็งแกร่งเท่าไหร่ มูลค่าของรางวัลนั้นก็จะมากขึ้นเท่านั้น และกระโหลกหมาป่าก็เป็นหนึ่งในนั้น

หลังจากลอกหนังและเลาะเนื้อออกเป็นอาหาร กระโหลกหมาป่าก็ถูกเก็บไว้ในเต็นท์ของพวกเขาในฐานะถ้วยรางวัล

หลังจากที่ได้ฟังสิ่งที่หลัวจี๋พูดออกมา เหล่านักรบก็รีบกลับไปยังเต็นท์ของตนเพื่อหยิบกระโหลกหมาป่ามา ภายในพริบตา กระโหลกหมาป่าเจ็ดอันก็ถูกวางไว้อยู่ตรงหน้าหลัวจี๋

อันที่จริงแล้ว มีอันหนึ่งที่เป็นของเขา เพราะในการต่อสู้ครั้งนั้นเขาก็สังหารหมาป่าได้ตัวหนึ่ง และทุกคนก็เห็น แต่หลังจากที่หลัวหย่งมอบจ่าฝูงหมาป่ามาให้เขาหลัวจี๋ที่ไม่คิดจะเก็บกระโหลกหมาป่าไว้สองอันก็มอบอีกอันให้เจาเหอ นั่นทำให้ผู้เฒ่าของเผ่ามีความสุขมาก และในตอนนี้ เจาเหอก็มอบมันกลับมาให้เขา

หลัวจี๋ไม่ปฏิเสธ เพราะไม่ว่าอย่างไรแล้ว นับตั้งแต่ที่เขาสร้างหน้ากากกระโหลกหมาป่าขึ้นมา กระโหลกหมาป่าก็กลายเป็นทรัพยากรสำคัญของเผ่า

และจากประสบการณ์ครั้งก่อน รวมกับโบนัสอัตราความสำเร็จของการวาดแบบ หน้ากากหมาป่าอีกเจ็ดอันที่เหลือก็ถูกสร้างขึ้นมาอย่างง่ายดาย และในตอนนี้ก็มีคนแปลกๆเพิ่มมาอีกเจ็ดคนที่ใส่หน้ากากเดินไปทั่วเผ่า…

และหลังจากที่หลัวจี๋หัวเราะอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเดินตามไป ในขณะเดียวกัน เขาก็ยังเก็บหน้ากากกระโหลกหมาป่าของเขาเอาไว้ในเต็นท์ เขาเป็นคนกำหนดเงื่อนไขในการเป็น “นักรบหมาป่า” ขึ้นมาเอง เขาจะไปหักหน้าตัวเองได้ยังไงล่ะ?

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังมีทักษะการต่อสู้อยู่สองอย่าง “เพิ่มขวัญกำลังใจ” และ “หาจุดอ่อน” และในตอนนี้เขาเองก็เป็นหนึ่งในกำลังต่อสู้ที่สำคัญของเผ่า เขาจะละเลยการพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเองไม่ได้เพียงเพราะในภายหลังเขาจะเป็นผู้บัญชาการอย่างเดียว

การอยู่แนวหลังและเคลื่อนพลหรือสั่งการแม่ทัพนั้นจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่ออารยธรรมพัฒนาไปมากพอสมควรแล้ว แต่ในตอนนี้นักรบของเผ่าหมิงจิ่งนั้นยังมีไม่เยอะ ดังนั้นเมื่อเข้าสู่สงคราม เขาจึงต้องออกไปกับพวกเขาด้วย และหน้ากากกระโหลกหมาป่านี้มีความสามารถพิเศษถึงสองอย่าง อีกทั้งยังใช้เป็นเครื่องป้องกันได้อีกด้วย

เขาเดินกลับไปยังเต็นท์ของตน ก่อนอาหารเย็น หลัวจี๋ตั้งใจจะเพิ่มระดับโปรเจ็คต์การทหารของเขา ในตอนนี้เขามีโปรเจ็คต์การทหารอยู่สี่อย่าง ได้แก่ “ลับอาวุธ” “การสร้างเครื่องป้องกัน” “พิชิตคนเถื่อน” และ “การฝึกทหาร”

อีกอย่างหนึ่งคือ หลังจากที่เพิ่มระดับของ “การสร้างเครื่องป้องกัน” เป็นระดับแรก ก็ได้รับโบนัสอัตราความสำเร็จ 10% และโบนัสประสิทธิภาพในการผลิต 20%

และโบนัสเหล่านี้นั้นมีประโยชน์มาก แต่หลัวจี๋ไม่จำเป็นต้องใช้ นั่นก็เพราะในตอนนี้เขาไม่มีวัตถุดิบจะทำ และโปรเจ็คต์ “การฝึกทหาร” นั้นเขาคาดว่ากว่ามันจะให้ประโยชน์ก็คงต้องผ่านไปหลายเดือนแล้ว ซึ่งในตอนนี้มันช้าไป

ดังนั้นแล้ว หลัวจี๋จึงให้ความสำคัญในการเพิ่มระดับ “การลับอาวุธ” แทน เพียงแค่จิ้มลงไปเบาๆ แต้มการทหารที่เก็บสะสมมาก็หายไปเหลือเพียงเก้าแต้มเท่านั้น

อันที่จริงแล้วโปรเจ็คต์ “การสร้างเครื่องป้องกัน” นั้นมีความคืบหน้าอยู่1 แต้มอยู่แล้ว หรือก็คือ เขาสามารถใช้แต้มการทหาร 9 แต้มเพื่อเพิ่มระดับให้เป็นระดับแรกได้ แต่หลัวจี๋ไม่คิดจะทำเช่นนั้นด้วยเหตุผลที่กล่าวไปเมื่อก่อนหน้า ตอนนี้ยังไม่จำเป็นต้องใช้ เขาจัดอันดับไว้ว่า “การฝึกทหาร” ควรจะมาก่อน “การสร้างเครื่องป้องกัน”

แต่ก็น่าเสียดายที่ “การฝึกทหาร” ต้องใช้แต้มถึง 10 แต้ม ซึ่งขาดเพียงนิดเดียวเท่านั้น

เขายืดเส้นยืดสายและครุ่นคิดว่าจะทำอะไรก่อนอาหารเย็น จู่ๆก็มีเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจจากด้านนอก

"ศัตรู! มีศัตรู!!"

หลัวจี๋ตกใจเมื่อได้ยินเสียงนั้น เขาคว้าหน้ากากกระโหลกหมาป่าขึ้นมาใส่และรีบรุดออกไปข้างนอก

เขาหันไปมองยังต้นเสียง เขาพบกับร่างคนแปลกหน้าแวบหายไปในป่าไกลๆ ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่ต้องเป็นคนจากเผ่าอื่นอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องทำตัวหลบๆซ่อนๆเช่นนี้

ตอนนี้ในเผ่ายังไม่ได้สร้างการป้องกัน และการปรากฏตัวของศัตรูก็ทำให้เด็กๆและผู้หญิงในเผ่าหมิงจิ่งต่างรู้สึกตื่นตระหนก และในตอนนี้เอง ความแตกต่างของค่าความภักดีก็ถูกสะท้อนออกมาให้เห็น

ผู้ที่มีความภักดีน้อยกว่า 80 ส่วนมากจะรีบหลบเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในเต็นท์ในทันที ในขณะที่คนที่มีความภักดีมากกว่า 80 แม้จะดูตื่นตระหนกแต่ก็ไม่สะทกสะท้าน

สำหรับคนที่มีค่าความภักดีสูงกว่า 90 นั้น พวกเขารีบคว้ากิ่งไม้หรือเครื่องมือที่อยู่ใกล้เอาไว้ในมือด้วยแววตาที่ดูแน่วแน่ราวกับพร้อมจะสู้ตายไปพร้อมกับเผ่า

หลัวจี๋เหลือบมองดูผ่านๆ เขาไม่มีเวลาจะมาคิดถึงเรื่องนี้ เขาตะโกนออกมาในทันที “นักรบหมาป่าทุกคนตามฉันมา! คนอื่นๆอยู่ในเผ่าเอาไว้!”

นี่เป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน คนเถื่อนที่อยู่ในป่านั่นจะหนีไปไหนไม่ได้ หากพวกเขาหนีไปได้ ที่ตั้งของหมิงจิ่งจะถูกเผย

และนั่นทำให้นักรบหมาป่าทั้งแปดรวมถึงหลัวจี๋ กระโจนเข้าใส่คนเถื่อนที่อยู่ในป่าพร้อมอาวุธราวกับหมาป่าขย้ำเหยื่อของตน!

ภายใต้หน้ากาก สีหน้าของหลัวจี๋ดูไม่พอใจเท่าไรนัก เขาแค่อยากจะอยู่อย่างสงบๆ แต่ว่าคนเถื่อนจากเผ่าอื่นดันมาหาเรื่องเขาซะได้ นั่นทำให้เขาหงุดหงิดมาก

ในขณะเดียวกัน เหล่าคนเถื่อนที่บังเอิญก้าวเข้าไปในระยะของเผ่าหมิงจิ่งก็ต่างหวาดกลัวไม่เหลือท่า พวกเขาเห็นนักรบหมาป่าที่พุ่งเข้ามาหาภายในพริบตา มันช่างเป็นภาพที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แขนขาอ่อนเปลี้ยและทรุดตัวลงกับพื้น ก่อนจะพยายามใช้แขนขาตะกายเพื่อหนีไป “สัตว์ประหลาด! นี่มันสัตว์ประหลาด!!!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด