ตอนที่แล้วEp.82 - สกิลจากชุดเซ็ท
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.84 - โครงกระดูกนักเวทย์ถูกทรมาน

Ep.83 - รอบนอกในวิหาร


2/2

Ep.83 - รอบนอกในวิหาร

ตอนนี้นักเวทย์เลเวลต่ำกว่า 5 ยากนักที่จะสร้างภัยคุกคามแก่ฮังอวี่

ลูกไฟของจางเสี่ยวเฉียงเป็นผลงานทรงพลังที่สุดของทีมมาโดยตลอด แต่ตอนนี้มันกลับสร้างดาเมจแก่ฮังอวี่ได้เพียงเล็กน้อย หากเป็นเวทย์อื่นเช่นลูกศรอากาศ ยิ่งแทบไม่อาจสร้างดาเมจแก่เขา

เว้นเสียแต่ว่ามันจะยิงโดนมือ ใบหน้า หรือตรงจุดที่อุปกรณ์ไม่ครอบคลุม ถ้าอย่างนั้นอาจสร้างดาเมจได้ 1 หน่วย

แต่หากยิงศรอากาศโดนบนอุปกรณ์ หรือ ฮังอวี่ยกโล่ขึ้นบัง มีโอกาสสูงที่มันจะไร้ดาเมจไปเลย

ตอนนี้ไม่เพียงแต่การป้องกันเวทย์จะสูงมากเท่านั้น การป้องกันทางกายภาพและพลังชีวิตเองก็เพิ่มสูงขึ้นระดับหนึ่งเช่นกัน นอกเสียจากเหล่าจ้าวเปิดใช้สกิลพรสวรรค์โล่ศักดิ์สิทธิ์ของเขา ไม่อย่างนั้นอย่าหวังว่าพลังป้องกันจะมากกว่าฮังอวี่

แน่นอน ทุกสิ่งย่อมไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ ชุดเซ็ทต้นไม้ผู้พิทักษ์นี้มุ่งเน้นไปที่การป้องกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการป้องกันเวทย์ แม้มันจะช่วยเพิ่มค่าคุณสมบัติร่างกายถึง 6 หน่วย แต่มันแทบไม่มีค่าคุณสมบัติอื่นที่ช่วยในการต่อสู้เลย เช่น ค่าพละกำลัง , ความว่องไว , สติปัญญา , พลังวิญญาณ หรือค่าอื่นๆที่เพิ่มประสิทธิภาพในการต่อสู้

อย่างไรก็ตาม ได้ถึงขนาดนี้ก็ควรพอใจแล้ว

ห้ามลืมสิว่านี่เป็นแค่ชุดเซ็ทสีขาว การที่มันช่วยเสริมคุณสมบัติได้ขนาดนี้ นับว่าท้าทายสวรรค์มากแล้ว

คุณคงไม่คาดหวังว่าเมื่อได้รับโอกาสทะยานสู่ท้องฟ้า แล้วจะโบยบินไปถึงดวงอาทิตย์ได้ในคราวเดียวหรอกนะใช่ไหม?

จ้าวหมิงอาจกล่าวได้ว่ารู้สึกอิจฉาตาร้อนมาก เขาอยากได้ชุดเซ็ทแบบนี้เช่นกัน หากมีมันในครอบครอง เขาอาจสามารถขึ้นเป็นผู้นำในการปกป้องเซินเจิ้นก็เป็นได้

การมีชุดเซ็ทนี้ มันไม่ใช่แค่สามารถเพิ่มพลังรบและโอกาสรอดชีวิตเท่านั้น แต่ยังเป็นการเพิ่มสถานะทางสังคม! และยังไม่พูดถึงเรื่องที่ว่า หากมีคนมาเห็นเขาสวมใส่มัน จะสามารถดึงดูดคนมาเข้าร่วมได้มากขึ้นขนาดไหน อ๊าา~

ไม่รู้หรอกนะว่าฮังอวี่ไปหาชุดเซ็ทพวกนี้มาจากไหน แต่เขาเดาว่าคงไม่ง่ายเลยกว่าจะได้มันมา

จ้าวหมิงคันปากยิบ เขาอยากจะถามฮังอวี่ว่ายินดีขายชุดเซ็ทนี้ไหม อย่างไรก็ตาม หากเอ่ยถามตรงๆมันคงดูน่าสมเพชเกินไป สุดท้ายจึงตัดสินใจปิดปากเงียบ

“สหาย ชุดเซ็ทของนายเจ๋งโคตรๆ” นายน้อยฉงอดเอ่ยขึ้นมาไม่ได้ “นายสนใจขายชุดเซ็ทนี้ให้ฉันไหม? เรื่องหินสกิลตาเหยี่ยวไม่ต้องจ่ายให้ฉันแล้ว แลกเปลี่ยนกับชุดเซ็ทนี้เลยก็ได้”

“เหอ เหอ นายคิดว่าฉันโง่เหรอ?”

หินสกิลตาเหยี่ยวไม่ใช่สกิลสายโจมตี มันเป็นแค่สกิลสายสนับสนุนเท่านั้น แม้จะมีราคาแพง แต่ในช่วงเวลานี้ มูลค่าของมันน้อยกว่าชุดเซ็ทต้นไม้ผู้พิทักษ์แน่นอน

ด้านเหล่าจ้าว แม้เขาไม่เอ่ยปากพูด แต่ในใจคงกำลังวิเคราะห์เส้นทางช่วงที่ฮังอวี่ขอแยกตัวอยู่แน่ๆ และคิดว่าใช้เวลาไม่นานเขาน่าจะแกะรอยจนเจอป่าแห่งความเที่ยงธรรม

อย่างไรก็ตามต้นไม้ผู้พิทักษ์ที่เล็ดลอดจากเงื้อมมือฮังอวี่มีน้อยมาก แถมอัตรารีเฟรชพวกที่ตายไปก็ช้าสุดๆ กว่าพวกมันจะกลับมาอีกครั้งต้องรออย่างน้อยครึ่งเดือน พูดได้เลยว่า ต่อให้ฝ่าวงล้อมพวกพี่ชายหมวกเขียวไปได้จริงๆ แต่ก็มีโอกาสสูงที่จะดรอปอุปกรณ์ได้ไม่ครบเซ็ท

ดังคำกล่าวที่ว่า ของยิ่งหายากยิ่งมีราคาแพง

หินสกิลตาเหยี่ยวก็เหมือนกับชุดเซ็ทต้นไม้ผู้พิทักษ์

เกรงว่าครั้งนี้หวังฉงคงได้แต่ฝันกลางวันแล้ว

เจียงหนานจู่ๆก็เอ่ยปากพ่นพิษออกมา “เหอะ ขอโทษที่ต้องพูดตรงๆนะ ชุดเซ็ทนี้ต่อให้นายได้ไปก็เสียของ เพราะเมื่อไหร่ที่นายตายแล้วมีชิ้นหนึ่งดรอป มูลค่าของมันจะลดลงมากกว่าครึ่ง!”

หวังฉงเริ่มอารมณ์เสีย “เฮ้ เธอพูดงี้ได้ไง?”

เอาจริงๆเจียงหนานพูดได้ถูกต้อง นายน้อยฉงยังเป็นมือใหม่อยู่ แถมยังชอบทำตัวโอ้อวด ถ้าใส่มันในโลกจริงคงไม่เป็นไร แต่หากเป็นในโลกวิญญาณ อาจมีคนมากมายต้องการแย่งชิงมันจากเขา

เพราะเมื่อตายในโลกวิญญาณ อุปกรณ์อย่างน้อยหนึ่งชิ้นจะดรอปจากร่างกาย

ขณะที่หนึ่งในคุณสมบัติที่ดีที่สุดของชุดเซ็ทต้นไม้ผู้พิทักษ์คือสกิลติดตัวของมัน หากทำชิ้นใดชิ้นหนึ่งหล่นหาย มูลค่าของมันจะลดลงต่ำกว่าครึ่ง

“อันที่จริงฉันยังมีชุดครบเซ็ทแบบนี้อีกชุด” ฮังอวี่ทบทวนพักหนึ่งก่อนตัดสินใจเปิดเผยออกมา “ถ้ามีใครสนใจจริงๆ ก็ลองหาของดีๆมา ฉันจะยอมแลกเปลี่ยนกับสิ่งที่มีค่าเท่าเทียมกับมันเท่านั้น”

เมื่อคำนี้เอ่ยออกมา ทั้งเจียงหนาน จางเสี่ยวเฉียงต่างตกใจ

ชุดเซ็ทเลเวล 4 ก็ยอดเยี่ยมมากพอแล้ว แต่นี่ฮังอวี่กลับมีมันถึงสองชุด?

ในทางกลับกัน ดวงตาของจ้าวหมิงและหวังฉงเปล่งประกาย นี่เป็นโอกาสของพวกเขาอย่างแน่นอน อ๊าาา~

“เอาล่ะๆ อย่าเสียเวลากันอยู่เลย เหลืออีกราวๆ 6 ชั่วโมงโลกวิญญาณจะปิดลง” ฮังอวี่เงิยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า หันมาพูดกับคนอื่นๆว่า “ได้เวลางานหลักแล้ว รีบเข้าไปในวิหารเนโครแมนเซอร์เถอะ”

“ในที่สุดพวกเราก็จะได้บุกวิหารโบราณซักที ยอดไปเลย!”

ทุกคนตั้งตารออยู่นานแล้ว ทั้งหมดเดินผ่านซากปรักหักพังที่อยู่ใกล้กับวิหาร

ประตูทางเข้าสู่วิหารโบราณที่ดูลึกลับและน่าขนลุกปรากฏขึ้นเบื้องหน้าพวกเขา

วิหารเนโครแมนเซอร์มีขนาดกว้างขวาง รูปแบบสถาปัตกรรมเหมือนกับสไตล์การตกแต่งทางทิเบต สร้างใกล้กับภูเขาซึ่งค่อนข้างอันตราย ทอดยาวขึ้นไปตามแนวเขา

ตัววิหารมีหลายชั้น ตั้งฐานตามแนวเขา ทอดสูงขึ้นไปเหมือนคลื่น ดูตระหง่านและให้ความรู้สึกกดดันมาก มีเสาหินขนาดใหญ่คอยค้ำ และทางเดินกลางแจ้งมากมาย เป็นโครงสร้างที่ไม่เคยเห็นในโลกมนุษย์ยุคปัจจุบัน ให้กลิ่นอายเหมือนอยู่มานับพันๆปี

หวังฉงหยิบมือถือโลกวิญญาณขึ้นมาแล้วเปิดฟังก์ชั่นถ่ายรูปสองสามแชะ

“วิหารนี้อลังการจริงๆ กลับไปฉันจะโพสต์ลงในเวยป๋อ”

“ระวังด้วยล่ะ ทางเดินหน้าทางเข้าวิหารมีกับดักอยู่”

ฮังอวี่ส่งสัญญาณให้ทุกคนหยุด เขายกโพชั่นฟื้นพลังชีวิตขึ้นดื่ม แล้วก้าวนำเข้าไปในวิหาร

แต่เข้าไปได้เพียงสามก้าว เปลวเพลิงพลันลุกโชนขึ้นมาจากรอยแยกบนพื้น กำแพงไฟหลายแห่งขวางกั้นทางเดินเบื้องหน้าทันที

ฮังอวี่ควบคุมตัวเองให้ิเทนต่อความรู้สึกแสบร้อน ทยอยฝ่ากำแพงไฟ  และทุกครั้งที่ฝ่ามัน พลังชีวิตของเขาจะลดลง 4-5 หน่วย สามารถกล่าวได้เลยว่าดาเมจจากกำแพงไฟนี้เกือบจะเท่ากับการโจมตีด้วยลูกไฟของจางเสี่ยวเฉียง

ฮังอวี่ข้ามกำแพงที่ห้า ในที่สุดก็สามารถเข้ามายังด้านในของตัววิหาร เขามองหาสวิตซ์กับดักที่ซ่อนอยู่ ปิดกำแพงไฟ แล้วกวักมือเรียกคนอื่นๆให้เข้ามา

ประมาทไม่ได้เลยจริงๆ! ไม่นึกเลยว่าจะอันตรายขนาดนี้!

คนอื่นๆลองจินตนาการ ว่าหากปราศจากฮังอวี่ อย่าว่าแต่การสำรวจวิหารโบราณเลย เกรงว่าแค่หน้าทางเข้า พวกเขาก็ไม่สามารถผ่านไปได้แล้ว!

“พวกเราจะเริ่มสำรวจรอบนอกของในตัววิหารก่อน จากนั้นค่อยไปท้าทายเนโครแมนเซอร์ที่อยู่ใจกลางวิหาร”

ฮังอวี่คลำหากับดักตลอดทาง นำกลุ่มคนเข้าไปอย่างระมัดระวัง

โซนนอกของข้างในวิหารมีสภาพแวดล้อมแบบเปิดโล่ง บนพื้นเกลื่อนไปด้วยกระดูก  ทั้งสองด้านสูงล้อมรอบไปด้วยผนังสูง ที่ถูกทาสีด้วยลวดลายสัญลักษณ์ประหลาด นอกจากนี้บนผนังยังมีภาพจิตรกรรม คล้ายเป็นการพรรณนาถึงเรื่องราวของการถูกเนรเทศ

โลกวิญญาณเป็นโลกที่ซับซ้อนมาก

สิ่งมีชีวิตในโลกนี้ มีไม่น้อยที่มีอารยธรรมและมีสติปัญญา อย่างบอสของวิหารเนโครแมนเซอร์เองก็เป็นมอนสเตอร์ชั้นยอดขั้นโกลด์ มีแนวโน้มว่ามันอาจเป็นมอนสเตอร์ที่มาจากอารยธรรมบางอย่าง แต่เพราะละเมิดข้อห้าม จึงสูญเสียพลังรบและสติปัญญาส่วนใหญ่ไป ตกต่ำลงกลายเป็นสิ่งมีชีวิตสติปัญญาต่ำ กลายเป็นเพียงศพเดินได้ที่คอยเฝ้าวิหารแห่งนี้

“ฟังสิ”

“ได้ยินกันไหม มีเสียงฝีเท้าอยู่ข้างหน้า!”

เสียงที่มาจากด้านหน้า แต่ละย่างก้าวของมันค่อนข้างนุ่มนวล บ่งบอกว่าเป็นมอนสเตอร์ที่ไม่น่ามีขนาดใหญ่ แต่จากจำนวนแล้วอาจมากกว่าหนึ่ง ต้องระมัดระวังให้ดี

ทุกคนหาที่กำบัง แต่เมื่อจางเสี่ยวเฉียงเห็นผู้มาเยือน เขาก็ถอนหายใจโล่งอกทันที “ที่แท้ก็แค่มอนสเตอร์โครงกระดูก ทำฉันตกใจซะได้!”

สิ่งที่ปรากฏตัวออกมาจากโถงทางเดินเบื้องหน้ามิใช่ใดอื่น เป็นแค่กลุ่มโครงกระดูกไม่กี่ตัว

มอนสเตอร์ประเภทโครงกระดูก พวกเขาเจอมันมานักต่อนักแล้ว เจ้าพวกนี้ตัวบางเลือดน้อย ง่ายต่อการกำจัด

อีกอย่างพื้นที่บริเวณนี้ค่อนข้างแคบ หากเล็งดีๆ ลูกไฟเดียวของเสี่ยวเฉียงอาจสังหารพวกมันได้ทีเดียว 2-3 ตัว!

จ้าวหมิงเอ่ยขัดขึ้น “ดูให้ดีๆก่อน อย่าประมาท นั่นไม่น่าใช่โครงกระดุกธรรมดา”

เจียงหนาน เสี่ยวเฉียง และหวังฉงผงะไปครู่หนึ่ง แต่พอเพ่งมองดีๆทุกคนก็ต้องตกใจ

เพราะโครงกระดูกผู้มาเยือนนี้สวมเสื้อคลุมขาดวิ่น และในมือมันไม่ใช่ดาบกระดูกอย่างเคยๆ แต่เป็นไม้เท้า

“ถูกต้อง เจ้าหมอนั่นคือโครงกระดูกนักเวทย์ เป็นมอนสเตอร์ชั้นยอดเลเวล 4 ขั้นซิลเวอร์ รูปร่างหน้าตาของมันไม่ต่างจากโครงกระดูกทั่วไป แต่ไม่ใช่แบบเดียวกันแน่นอน” ฮังอวี่หันมาเอ่ยกับจางเสี่ยวเฉียง “เสี่ยวเฉียง นายต้องจำให้ดี อย่าตัดสินพลังรบของมอนสเตอร์ด้วยรูปลักษณ์ภายนอก เพราะไม่มีอะไรโง่ไปกว่านี้อีกแล้ว”

“เข้าใจแล้ว ฉันจะจำเอาไว้”

จางเสี่ยวเฉียงมีหรือจะไม่ยอมรับคำสั่งสอนของลูกพี่ฮัง?

ด้านเจียงหนานก็จดจำคำสอนของฮังอวี่ไว้อย่างเงียบๆ

ฮังอวี่หันกลับมาตั้งตาดูมอนสเตอร์อีกครั้ง

พลังรบของโครงกระดูกนักเวทย์แข็งแกร่งกว่ากูลอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตาม ฮังอวี่ไม่กลัวมันเลย--

--ตอนนี้ได้เวลาสำแดงพลังของชุดเซ็ทต้นไม้ผู้พิทักษ์แล้ว!