ตอนที่แล้วEp.70 - พลิกชีวิตยากจนมาทำเงิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.72 - งานพบปะเพื่อนๆมหาลัย

Ep.71 - ร้านพี่อ้วนเปิดแล้วจ้า


1/2

Ep.71 - ร้านพี่อ้วนเปิดแล้วจ้า

การซ่อมแซมอุปกรณ์ต้องใช้วัสดุสิ้นเปลือง และวัสดุสิ้นเปลืองที่ว่า ต้องมีความสอดคล้องกับอุปกรณ์ที่จะซ่อม

ตัวอย่างเช่น วัสดุที่ใช้ในการหลอมค้อนคนงานของพวกมนุษย์ปลาคือแร่เหล็กเย็น ดังนั้นต้องหาวัสดุเหล็กเย็นมาถึงจะซ่อมค้อนได้

และหนึ่งในวิธีการที่ประหยัดเวลาและเหมาะสมที่สุดในการหามัน คือการย่อยสลายค้อนคนงานอีกชิ้น รับเอาเศษเหล็กเย็นมา จากนั้นก็ซ่อมแซมมัน

เนื่องจากเศษเหล็กเย็นมีค่าต่ำมาก มันไม่สามารถนำไปหลอมสร้างอาวุธใหม่ได้อีกต่อไป ดังนั้นเหมาะที่จะนำมาใช้ซ่อมแซมที่สุด

“ย่าหวางทำเงินได้เท่าไหร่จากการขายเครป?” ฮังอวี่เริ่มโน้มน้าว “ผมสามารถขายอุปกรณ์พวกนี้ให้ย่าได้ในราคาถูก ตอนนี้ไม่มีเงินก็ติดเครดิตไว้ก่อน เอาไว้หลังผมเอาไปขายทำกำไรแล้ว ค่อยหักเปอร์เซ็นต์คืน คุณย่าสนใจไหม?”

ย่าหวางกับเหมิงเหมิง ทั้งคู่เมื่ออยู่ด้วยกัน กลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัว ฝ่ายแรกรับหน้าที่นำอุปกรณ์เก่ามาย่อยสลาย ฝ่ายหลังนำวัสดุเหล่านั้นมาซ่อมแซมอาวุธต่อ

ทั้งคู่สามารถเปลี่ยนกองเศษเหล็กให้กลับมามีมูลค่าอีกครั้ง!

ง่ายดายแบบนี้ แล้วย่าหวังจะไม่เห็นด้วยได้อย่างไร? นี่เป็นงานที่แม้แต่ในความฝันเธอก็ยังนึกไม่ถึงด้วยซ้ำ!

เธอคงไม่เคยคิดเลย ว่าด้วยสกิลพรสวรรค์ของตัวเองและเหมิงเหมิง มันจะสามารถทำเงินได้มากมายเช่นนี้

หญิงชราใช้ชีวิตอย่างสมถะมานานกว่า 70 ปี นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับวิธีหาเงินเช่นนี้

“เสี่ยวฮัง เธอช่วยลูกหยางของฉัน ทั้งยังช่วยพวกเราย่าหลาน ยายแก่อย่างฉันไม่รู้จะขอบคุณยังไงดี”

“พวกเราเป็นเพื่อนบ้านกัน มีอะไรก็ต้องช่วยเหลือกันอยู่แล้ว ผมเต็มใจ” ฮังอวี่ไม่ได้ถือเป็นบุญคุณ

“อุปกรณ์พวกนี้ไร้ประโยชน์ในมือผม มันจะดีกว่าถ้าสามารถนำไปสร้างรายได้ร่วมกัน  ที่ผมคิดก็มีแค่นี้เอง”

นี่เท่ากับว่าแผนพัฒนาถนนมังกรฟ้าคืบหน้าไปอีกขั้นแล้ว

ปัจจุบันเขามีร้านอาหารของอ้วนต้าไห่ ตอนนี้ก็ถึงเวลาเปิดร้านอุปกรณ์เสียที

แผนการของฮังอวี่ก็คือ เริ่มจากให้โล้นซ่าส่งคนไปรวบรวมค้อนและฉมวกที่แทบไม่มีค่าจากบริเวณริมฝั่งแม่น้ำ

เมื่อได้พวกมันมาก็ส่งไปให้ย่าหวางกับเหมิงเหมิง หลังจากย่อยสลายและซ่อมแซมเสร็จ ก็นำไปตั้งขายในร้านค้าอุปกรณ์

นี่จะสร้างกำไรมหาศาลอย่างแน่นอน

ขณะเดียวกัน ก็เป็นการฝึกฝนที่ดีสำหรับย่าหวางและเหมิงเหมิง

ฮังอวี่ไม่รั้งอยู่ในบ้านของโล้นซ่านาน เขาโทรหาเสืออ้วนต่อ

ฮังอวี่ได้รับพิมพ์เขียวและวัสดุจำนวนมากมาจากค่ายมนุษย์ปลา

แต่คนเดียวที่สามารถหลอมอาวุธได้คือเสืออ้วน

ดังนั้นเขาจึงมอบ ‘พิมพ์เขียวค้อนคนงาน’ ‘พิมพ์เขียวโล่เต่าเหล็ก’ และ ‘พิมพ์เขียวหอกก้างปลา’ ให้ไป

วัสดุตามพิมพ์เขียวทั้งสามนั้น ฮังอวี่มีพร้อมอยู่แล้ว

ที่เสียอ้วนต้องทำก็แค่เรียนรู้วิธีหลอมจากมัน

ในบรรดาพิมพ์เขียว โล่เต่าเหล็กและค้อนคนงานเป็นเพียงอุปกรณ์สีเทาเลเวล 1

มันไม่ค่อยมีค่ามากนักก็จริง อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์ใหม่ที่สร้างจากการหลอม ยังไงคุณภาพย่อมดีกว่าอุปกรณ์ที่ผ่านการซ่อมแซม

หน่วยค้นหามังกรฟ้าของโล้นซ่ายังไม่มั่นคงนัก หากได้ค้อนกับโล่ติดตัวไปด้วย พลังรบของทุกคนจะพัฒนาขึ้นเป็นอย่างมาก

และในบรรดาพิมพ์เขียวทั้งหมด หอกก้างปลาคือสิ่งที่ฮังอวี่ต้องการที่สุด

เจ้าสิ่งนี้ทรงพลังมาก โจมตีได้ในระยะไกล แถมยังเจาะเกราะ ใช้งานได้ดีมาก

อย่างไรก็ตาม หอกก้างปลาเป็นพิมพ์เขียวคุณภาพสีขาวเลเวล 3

หากต้องการเรียนรู้มัน ผู้เรียนจำเป็นต้องมีค่าความชำนาญของสกิลหลอมอาวุธระดับต่ำมากกว่า 150 หน่วยขึ้นไป ซึ่งคงต้องให้เวลาอีกสักพักกับเสืออ้วน

“พี่ใหญ่วางใจได้!”

“ฉันเสืออ้วนสัญญาว่าจะทำออกมาให้ที่ดีสุด”

เสืออ้วนเป็นคนว่างงานที่สุดในบรรดาสามพี่น้องโล้นซ่า เวลานี้เขารู้สึกตื่นเต้นมาก เขารู้ว่ากพิมพ์เขียวพวกนี้มีค่าแค่ไหนสำหรับตน

เจ้าสิ่งนี้ไม่เพียงช่วยให้เขาพัฒนาสกิลหลอมอาวุธได้เร็วขึ้น แต่มันยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระหว่างช่างฝีมือวิญญาณอีกด้วย

ฮังอวี่ไม่พูดอะไรมาก พิมพ์เขียวพวกนี้ไม่ได้มอบให้เสืออ้วนฟรีๆ เขามีหลักการในกาทำงานเสมอ

เขาจะไม่มอบอะไรกับอีกฝ่ายเหมือนให้เปล่า นี่ก็เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดในอนาคต

อย่างตอนมอบอาวุธค้อนที่พังเสียหายแก่ย่าหวางและเหมิงเหมิง ฮังอวี่ยังคิดราคาขายเลย

ดังนั้นพิมพ์เขียวอันแสนล้ำค่าเหล่านี้ต้องมีราคาของมันเช่นกัน

ซึ่งเสืออ้วนไม่ต้องจ่ายตรงๆก็ได้ แต่เขาต้องจดใบเสร็จ นี่เท่ากับเสืออ้วนติดหนี้องค์กร ต้องสร้างสรรค์ผลงานที่มีมูลค่าเพื่อชำระเงินคืน

ฮังอวี่ไม่เคยมีประสบการณ์ในฐานะเจ้าของกิจการมาก่อนก็จริง อย่างไรก็ตาม เขาเข้าใจหลักการของการมอบรางวัลและบทลงโทษอย่างชัดเจน

การลงโทษมีไว้สำหรับคนที่ทำผิดพลาด และรางวัลจะไม่ถูกมอบให้แก่หน่วยงานที่ไร้ประโยชน์

นี่เป็นหลักการพื้นฐาน

เพราะประวัติศาสตร์ตลอดมา การมอบรางวัลหรือบทลงโทษที่ไม่เหมาะสม ล้วนเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดปัญหาภายในกลุ่มแทบทุกครั้งไป

...

วันรุ่งขึ้น

บัญชีสาธารณะของสมาคมโลกวิญญาณได้เผยแพร่สถานการณ์ริมแม่น้ำ

บทความนี้ไม่เพียงเล่ารายละเอียดสถานการณ์ที่ในริมน้ำเท่านั้น แต่ยังมีการเผยแพร่ภาพมนุษย์ปลาคนงาน , มนุษย์ปลาคนรับใช้ หรือกระทั่งภาพค่ายของพวกมนุษย์ปลา

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าในแวดวงชาวเน็ตเมืองเจียงเฉิงคงได้เป็นที่ฮือฮาอีกครั้ง

ภายในหนึ่งชั่วโมง มีการรีโพสต์ไปถึงหมื่นครั้ง กระทั่งคนนอกก็ยังกดรีโพสต์ด้วย

พวกเขาต่างให้ความสนใจกับเรื่องนี้และติดตามอย่างใกล้ชิด

ทำไมน่ะหรือ? ก็เพราะเรื่องนี้มันอ่อนไหวน่ะสิ!

เรื่องนี้มันละเอียดอ่อนเกินไป!

แม้ในช่วงสิบวันที่ผ่านมาเจียงเฉิงจะเต็มไปด้วยมอนสเตอร์จากโลกวิญญาณ

แต่มอนอสเตอร์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ พวกมันเป็นแค่ ไก่ เป็ด หมู แกะ และสัตว์อื่นๆเท่านั้น

ไม่เคยมีตัวที่รูปร่างคล้ายมนุษย์มาก่อนเลย

ซึ่งมนุษย์ปลาไม่เพียงมีรูปลักษณ์ที่ใกล้เคียงกับมนุษย์เท่านั้น แต่ทางสมาคมโลกวิญญาณยังวิเคราะห์และสรุปข้อเท็จจริงที่ว่าพวกมันสามารถรวบรวมทรัพยากรและสร้างค่ายอย่างขันแข็งและเป็นระเบียบ บ่งบอกชัดว่าพวกมันมีสติปัญญา แตกต่างจากสัตว์ทั่วไปอย่างสิ้นเชิง

บางคนในสมาคมโลกวิญญาณได้ตั้งสันนิษฐาน ว่ามนุษย์ปลาพวกนี้กำลังวางแผนรวมพลเพื่อเข้ารุกรานโลกมนุษย์

แต่ด้วยสติปัญญาระดับต่ำของพวกมัน ไม่น่าจะทำเช่นนั้นได้ ดังนั้นหมายความว่าเบื้องหลังของพวกมันอาจมีสายพันธุ์ที่ทรงภูมิปัญญาอย่างแท้จริงคอยหนุนหลัง!

และเรือบนแม่น้ำเป็นข้อพิสูจน์อย่างดี!

การสันนิษฐานนี้ส่งผลให้เกิดความปั่นป่วนในเจียงเฉิง หากสิ่งที่เขาพูดมาเป็นเรื่องจริง ความท้าทายที่มนุษยชาติกำลังเผชิญ แท้จริงอาจร้ายแรงกว่าที่คิด

สิ่งที่ต้องเผชิญในอนาคตอาจไม่ใช่แค่มอนสเตอร์ แต่เป็นสายพันธุ์ทรงภูมิปัญญา!

นอกจากนี้ สมาคมโลกวิญญาณยังเปิดเผยข้อมูลที่มีประโยชน์บางประการอีกด้วย ตัวอย่างเช่น

คุณสามารถรับอุปกรณ์จากโลกวิญญาณได้โดยตรงจากการล่ามนุษย์ปลา และการเข้ายึดค่ายมนุษย์ปลาที่กระจายอยู่ตามริมน้ำ จะสามารถปล้นเสบียงจากโลกวิญญาณได้

นี่เป็นข่าวดีสำหรับผู้คนที่ยังขาดแคลนอุปกรณ์และวัสดุจากโลกวิญญาณ หากใครสนใจก็สามารถดำเนินการได้

แต่การที่ข่าวนี้ออกมา นั่นแสดงว่าทางสกายเน็ต สมาคมโลกวิญญาณ และกองกำลังต่างๆเริ่มรวบรวมคนและวางแผนที่จะเข้าโจมตีค่ายมนุษย์ปลาแล้วอย่างแน่นอน

เพราะการทำเช่นนั้น ไม่เพียงช่วยขจัดอันตรายที่ซ่อนอยู่ในเจียงเฉิง แต่ยังสามารถกอบโกยวัสดุสำคัญได้อีกด้วย

ฮังอวี่พอเห็นข่าวนี้รู้สึกปวดหัวเล็กน้อย

สมาคมโลกวิญญาณช่างกล้าเสียสละจริงๆ ข้อมูลสำคัญเช่นนี้ยังยอมเปิดเผย

ฮังอวี่เดิมมีแผนจะลอบเข้าไปสำรวจริมแม่น้ำอีกครั้ง เพื่อตรวจสอบดูว่ามีค่ายอื่นอีกไหม จะได้ปล้นเสบียงมาอีกซักสามสี่แห่ง

ทว่าเมื่อสถานการณ์มาถึงจุดนี้ เกรงว่าคงเข้าอีหรอบพระเยอะโจ๊กน้อย (僧多粥少) ต่อให้ได้รับส่วนแบ่งก็ไม่สมน้ำสมเนื้อ

โดยรวมแล้ว เมืองเจียงเฉิงกำลังเปลี่ยนแปลงไปในทุกๆวัน

ขณะนี้มีแหล่งจัดหาทรัพยากรสองแห่ง

สถานที่แรกคือสถานีรถไฟใต้ดิน

เขาวงกตใต้เมืองเชื่อมต่อกับอุโมงค์รถไฟใต้ดิน และกำลังขยายพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ใต้ดินอุดมไปด้วยแร่ สมุนไพร และวัสดุอื่นๆอีกมากมาย แต่ก็มีมอนสเตอร์อยู่มากเช่นกัน

สถานที่สองคือค่ายมนุษย์ปลาริมน้ำ

มนุษย์ปลาเหล่านี้นับวันยิ่งโผล่หัวออกมามากขึ้น พวกมันไม่เพียงนำเสบียงต่างๆลงจากเรือ แต่ยังมีการรวบรวมเสบียงในบริใกล้เคียง แม้ความหลากหลายจะไม่อุดมสมบูรณ์เท่าเขาวงกตรถไฟใต้ดิน แต่ก็ยังสามารถได้รับอาวุธของมนุษย์ปลา , พิมพ์เขียว ฯลฯได้

สถานที่ผลิตทรัพยากรทั้งสองนี้ ต่างมีข้อดีข้อเสียเป็นของตัวเอง

และเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว อีกไม่นานสถานที่ต่อไปก็คงตามมา

เจียงเฉิงเกิดการเปลี่ยนแปลงไม่เว้นวัน แม้ฮังอวี่จะมีประสบการณ์และความทรงจำมากมาย แต่กระทั่งเขายังจินตนาการไม่ออกว่าในอนาคตเมืองจะเป็นอย่างไรต่อไป

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะความคิดเขา

เสียงอ้วนต้าไห่ดังจากปลายสาย “เฮ้ย ไอ้เถ้าแก่ใหญ่เสี่ยวฮัง ร้านอาหารของพวกเราจะเปิดบริการแล้วนะ นายที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังจะไม่สนใจมาดูหน่อยหรอ?”

“อะไรนะ ไวขนาดนี้เชียว?”

ฮังอวี่ตกใจมาก เพราะตั้งแต่อ้วนต้าไห่ปรึกษาเรื่องทำเล นี่มันพึ่งผ่านมาสองวันเท่านั้นเอง แต่วันนี้เขากลับตกแต่งร้านอาหารพร้อมเปิดบริการแล้ว!

“ไร้สาระน่า! คนเรามันต้องแข่งกับเวลา มัวชักช้าเดี๋ยวก็โดนคนอื่นแย่งไปหมด” อ้วนต้าไห่ไม่เสียเวลาพร่ำเพ้อกับฮังอวี่ เขาตะโกนผ่านหูโทรศัพท์ “แค่นี้ก่อนนะ ฉันยุ่งมาก ร้านตั้งอยู่บ้านเลขที่ 64 ถนนมังกรฟ้า ถ้ามีเวลาก็รีบมา”

ฮังอวี่เหลือบมองนาฬิกา และพบว่ายังเหลือเวลาอีกหกชั่วโมงครึ่งก่อนที่โลกวิญญาณจะเปิดขึ้นอีกครั้ง

ฮังอวี่เปลี่ยนเสื้อผ้าทันที และเตรียมตัวออกไป แต่ยังไม่ทันเปิดประตู ฮัสกี้ก็วิ่งมาขวางหน้าเขา “ฮ่ง ฮ่ง! เจ้านาย วันนี้เจ้านายแต่งตัวหล่อจัง แสดงว่าต้องไปงานทางการแน่ๆ ถ้างั้นทำไมไม่พาน้องหมาสุดหล่อไปด้วยล่ะ จะได้ช่วยให้ดูโดดเด่น น่าประทับใจยิ่งขึ้น!”

“นี่นายเคยเห็นคนอื่นพาหมาไปงานทางการไหม?” ฮังอวี่เหลือบมองหมาลิ้นห้อย

ฮัสกี้ทำหน้าซื่อๆ กระดิกหางหมุนเหมือนใบพัด “ฮ่ง! แต่เปิ่นหวังไม่ใช่หมาธรรมดา เปิ่นหวังสามารถช่วยเจ้านายพูดได้ ช่วยเจ้านายจีบสาวก็ได้ และขากลับยังรับหน้าที่เป็นสุนัขบอดี้การ์ดคอยเฝ้าระวังภัยก็ยังได้!”

“ทำเป็นพูดดี พานายไปมีแต่จะสร้างปัญหาให้ฉันล่ะไม่ว่า!”

เดิมฮังอวี่ตั้งใจจะทิ้งฮัสกี้ไว้ที่บ้าน แต่เมื่อเห็นหวังเอ๋อยืนกรานจะไปร่วมสนุกกับเขา เจ้าตัวก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตอบตกลง  แต่เขาขอร้องว่า “ฉันให้ไปด้วยก็ได้ แต่มีคำขอ”

ฮัสกี้พยักหน้าทันที “ฮ่ง! เจ้านายว่ามาได้เลย”

ฮังอวี่กล่าว “จำไว้ว่านายเป็นแค่หมา อย่าได้พูดไร้สาระเด็ดขาด!”

ฮัสกี้พยักหน้าอย่างรวดเร็ว มันพุ่งพรวดทิ้งฝุ่นควันไว้ตามพื้นหายเข้าห้องไป ก่อนวิ่งออกมาอีกครั้งในพริบตา แล้วโยนเชือกจูงสุนัขลงเบื้องหน้าฮังอวี่ อ้าปากคายลิ้น กระดิกหางอย่างกระตือรือร้น มองมาด้วยสายตาคาดหวัง

หวังเอ๋อดูเหมือนจะชอบสายจูงเส้นนี้มาก มันซื้อกลับบ้านมาหลายวันแล้ว ในที่สุดวันนี้ก็มีโอกาสได้ใช้ซักที

เห็นได้ชัดว่าแม้มันได้รับการเปิดภูมิปัญญา แต่ธรรมชาติของหมาก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง

ฮังอวี่ใส่สายจูงให้ฮัสกี้ เดินพามันออกจากบ้านไป