ตอนที่แล้วบทที่ 33 ความซาบซึ้งของเย่เต๋า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 35 การต่อสู้แห่งความเป็นตาย

บทที่ 34 เพียงหนึ่งดาบ


บทที่ 34 เพียงหนึ่งดาบ

บนเวทีการต่อสู้ มีเพียงคำพูดเย็นชาของเย่สวี่เท่านั้น ที่ยังคงดังก้องในหูของผู้ชมเบื้องล่างเป็นเวลานาน เมื่อผู้ที่ต้องการชมการต่อสู้ที่ดี  ได้ยินคำพูดของเย่สวี่ ทำให้พวกเขาตกตะลึงเล็กน้อย

จากนั้นพวกเขาก็เผยรอยยิ้มที่ดูแคลนบนใบหน้าของพวกเขา เย่สวี่ต้องการเอาชนะนักรบขั้นกลั่นพลังปราณระดับ 9 ด้วยดาบเดียว? นี่เป็นเรื่องตลกแบบใดกัน? เป็นไปได้ไหมว่าเขาเสียสติไปแล้ว?

ในเส้นทางของศิลปะการต่อสู้ทุกระดับอาณาจักรเล็ก ๆ เป็นช่องว่างขนาดใหญ่สำหรับผู้ที่มีการฝึกฝนที่แข็งแกร่ง หากเย่สวี่ต้องการเอาชนะนักรบขั้นกลั่นพลังปราณระดับที่ 9 อย่างเย่หานอู่ ด้วยการโจมตีด้วยดาบเพียงครั้งเดียว

อย่างน้อยเขาก็ต้องเป็นนักรบขั้นวารีสวรรค์ เช่นเดียวกับ เย่เฉียนเฉียน ส่วนเย่สวี่อายุเพียง 14 ปี เขาจะสามารถเป็นนักรบวารีสวรรค์ได้หรือ? หากเขามีพรสวรรค์เช่นนี้ เขาจะไม่ถูกเรียกว่าเป็นสมาชิกในตระกูลที่ไร้ประโยชน์มาเนิ่นนานหรือ

ดวงตาของผู้อาวุโสสามฉายแววรังเกียจออกมาอย่างไม่ปิดบัง เย่สวี่นับว่าฝันกลางวันแล้ว เขาต้องการเอาชนะเย่หานอู่ด้วยการโจมตีเพียงดาบเดียว?

เย่หานอู่ถือได้ว่ามีพรสวรรค์ดีที่สุดในหมู่รุ่นเยาว์ของตระกูลเย่ ทักษะวิชาดาบเมฆา ไหลลื่นราวกับสายน้ำ เมื่อเขายังอยู่ที่ขั้นที่ 8 ของขั้นกลั่นพลังปราณ ความสามารถของเขาก็ถือว่าโดดเด่นมากแล้วและในตอนนี้เขาสามารถใช้ทักษะดาบนี้ในระดับขั้นกลั่นพลังปราณระดับ 9   หากเย่สวี่มีความสามารถในระดับของกลโกงเพียงเล็กน้อย เขาจะพ่ายแพ้อย่างแน่นอน

ผู้อาวุโสใหญ่นั่งอยู่บนที่นั่งสูง เขาจิบชาและพูดอย่างไม่เร่งรีบ “ผู้นำตระกูล....เย่สวี่มั่นใจจริงๆ หากเขาพ่ายแพ้ในภายหลัง… อาจจะทำให้เขาเสียหน้าได้ ทำไมท่านถึงไม่บอกเย่หานอู่ให้ละเว้นเย่สวี่ล่ะ”

การแสดงออกของเขาไม่แยแส เห็นได้ชัดว่าเขาจงใจเยาะเย้ยเย่สวี่เพราะเย่สวี่ไม่รู้ขอบเขตของตัวเอง

"ไม่จำเป็นสำหรับเรื่องนั้น" เย่ไห่นั่งอย่างมั่นคงบนที่นั่งสูง และเหลือบมองผู้อาวุโสใหญ่ด้วยหางตา ทว่าน้ำเสียงของเขาเย็นชากระด้าง

การกระทำของผู้อาวุโสใหญ่ไม่มีอะไรมากไปกว่า การบอกเขาว่าเป็นไปไม่ได้ที่ เย่สวี่จะเอาชนะเย่หานอู่ และคิดว่าเย่สวี่สามารถเอาชนะได้ด้วยการเล่นกลสกปรกเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม เย่ไห่รู้จักเย่สวี่เป็นอย่างดี หากไม่ใช่เพราะว่าเขามั่นใจ เขาคงไม่พูดคำที่เย่อหยิ่งเช่นนั้น ในฐานะบิดาของเย่สวี่ เขาจะไม่เชื่อใจบุตรชายของตัวเองได้อย่างไร?

เย่ไห่เก็บความรู้สึกเกลียดชังผู้อาวุใหญ่ไว้ในใจ น้ำเสียงของเขาเย็นชาลงและกล่าวว่า “สิ่งที่สำคัญที่สุดในการแข่งขันตระกูลคือความเป็นธรรม ท่านผู้อาวุโส ท่านสมควรถูกเรียกว่าผู้อาวุโสของตระกูลเย่ได้อย่างไร”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นผู้อาวุโสใหญ่แค่นเสียงอย่างเย็นชา เขามองไปที่เวทีต่อสู้โดยไม่ปริปากพูดอะไรอีกต่อไป

บนเวทีการต่อสู้ ดวงตาของเย่หานอู่เยียบเย็นลง ก่อนหน้านี้เย่เฉียนเฉียนเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเขา แต่ทว่าเย่สวี่เองคิว่าตนเองเป็นใคร มาดูแคลนเขา?

“เจ้าโง่เขลา ข้าเปลี่ยนใจแล้ว.. ข้าจะปราบเจ้าด้วยดาบเดียวเหมือนกัน!”

เย่หานอู่เงยหน้าขึ้นสูง ศีรษะยืดและหยิ่งผยองอย่างหาที่เปรียบมิได้ เขายกมือขึ้น และทันใดนั้น ความรู้สึกเย็นๆ ก็ไหลลงมาตามกระดูกสันหลังของเขา จากนั้นเขาชักดาบของตนออกมา เมื่อดาบตกกระทบภายใต้แสงแดด ตัวดาบสว่างไสวราวกับหิมะ!

“วิชาดาบเมฆาไหล!”ทันใดนั้นเมฆที่รุนแรงลอยขึ้นสูง เย่หานอู่ชี้ดาบไปที่ท้องฟ้า ราวกับว่าเขากำลังออกคำสั่งให้ก้อนเมฆกดทับร่างของเย่สวี่

วิชาดาบเมฆาไหล สีเหลืองระดับกลาง! การโจมตีของเย่หานอู่นั้นทรงพลังอย่างมาก และนี่คือการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา เมื่อเขาเริ่มโจมตี จิตใจของทุกคนก็เริ่มเต้นแรง สายตาของพวกเขาจับจ้องไปที่เย่สวี่ อย่างไม่คลาดสายตา

หญิงสาวบางคนหลับตาลงด้วยความหวาดกลัว พวกเขาไม่กล้าดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเย่สวี่

ดาบเป็นอาวุธและทักษะดาบนั้น คือ ท่าสังหารที่ทรงพลังที่สุด! แม้แต่เย่ไห่ก็อดไม่ได้ที่จะกำหมัดแน่น เขากังวลเล็กน้อยในใจ

เย่สวี่เห็นว่าปราณดาบเมฆาไหลที่น่ากลัว อยู่ตรงหน้าเขาไม่ไกล จากนั้นเขาขยับร่างกายเพียงเล็กน้อย!

ย่างก้าวแยกเงา! ร่างกายส่วนบนของเย่สวี่โน้มตัวไปข้างหน้า เขาก็หลีกเลี่ยงก้อนปราณดาบในลักษณะรูปแบบของก้อนเมฆแรกไปได้ ลมที่พัดผ่านปราณดาบ พัดตรงไปยังเสื้อคลุมสีดำของเย่สวี่

ทำให้แขนเสื้อสองข้างกระพือปีกราวกับนกในสายลม ปรากฎร่องรอยของความประหลาดใจแวบผ่านดวงตาของเย่หานอู่ เขาไม่ได้คาดคิดว่า เย่สวี่จะสามารถหลีกเลี่ยงปราณดาบแรกไปได้

ทันใดนั้นเขาก็ตอบโต้เหตุการณ์นี้โดยตรง และร้องตะโกนเบา ๆ แสงดาบส่องประกายและก้อนเมฆจำนวนนับไม่ถ้วนรวมตัวกันบนแท่นเวทีการต่อสู้

พลังของเมฆปกคลุมท้องฟ้าและปกคลุมดวงอาทิตย์ ก้อนเมฆแต่ละก้อนผสานไปด้วยเจตนาสังหารนับพันบนเวทีการต่อสู้ จากนั้นเย่หานอู่เยาะเย้ยในใจของเขา หากเย่สวี่สามารถหลบก้อนเมฆก้อนแรก ได้ หากเป็นก้อนเมฆมากมายล่ะ? เพียงแค่หลบหลีกไม่กี่ครั้ง เขาจะซ่อนได้นานสักแค่ไหน?

เมื่อเผชิญหน้ากับเมฆก้อนใหญ่นี้ เย่สวี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน เขามีความมั่นใจและสงบ ราวกับว่าเขาไม่กลัวเจตนาสังหารของเย่หานอู่

ขาของขยับปลายเท้าออกจากกัน และร่างกายของเขาว่องไวราวกับผีร้าย ทุกย่างก้าวในการหลบหลีกเต็มไปด้วยอันตรายหากประมาทเลินเล่อ เขาจะได้รับบาดเจ็บจากเมฆนับพันเหล่านี้

ภายใต้การจ้องมองที่ไม่น่าเชื่อของฝูงชน เย่สวี่สามารถหลบก้อนเมฆได้มากกว่าครึ่ง

“นี่คือเทคนิคการเคลื่อนไหว!” สายตาของผู้อาวุโสใหญ่จดจ่อในขณะที่เขาลุกขึ้นยืน น้ำเสียงของเขาผสมด้วยความตกใจเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ความตกใจสุดขีดจะเริ่มต้นขึ้น เมื่อเสียงของผู้อาวุโสใหญ่ดังขึ้น สีหน้าของผู้คนนับไม่ถ้วนยังคงสงบนิ่ง ในวินาทีถัดมา พวกเขาถึงกับตะลึงงัน!

เย่สวี่หยุดร่างลงอย่างกะทันหัน ขณะที่ก้อนเมฆกำลังจะตรงเข้าฟาดฟันเขา เขารีบวิ่งไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญสวนกับทิศทางของก้อนเมฆ

เย่สวี่เป็นเหมือนกับก้อนหินใหญ่ที่ทะยานผ่านช่องว่างระหว่างก้อนเมฆ และเขาคว้าดาบเก้าทุกข์สวรรค์ไว้ในมือ ท่ามกลางเจตนาฆ่านับไม่ถ้วน ดาบของเขาแทงทะลุผ่านอากาศและพุ่งเข้าใส่เย่หานอู่!

ผู้ที่มีการฝึกฝนระดับสูงกว่าคนอื่น ๆสามารถเห็นเงาดาบสีดำได้อย่างชัดเจน แต่ผู้ที่มีระดับการฝึกฝนต่ำกว่านั้น สามารถสัมผัสได้ถึงลมแรงที่พัดมาจากการเคลื่อนไหวของเย่สวี่!

ดาบของเย่สวี่รวดเร็วราวกับสายฟ้า เขาไม่ได้ให้โอกาสเย่หานอู่ เพียงพอที่จะตอบสนอง จนกระทั่งเย่หานอู่รู้สึกเจ็บปวด ราวกับหนามที่ทิ่มแทงที่คอ ปรากฏว่าดาบเย็น ๆ พาดอยู่ที่คอของเขา

เย่หานอู่มองไปที่ เย่สวี่ด้วยความหวาดกลัว ร่างกายของเขาสั่นเทา เย่สวี่จะแข็งแกร่งได้อย่างไร? เขาได้หลบเลี่ยงปราณดาบนับพันของข้า!

นอกจากนี้ เย่สวี่ยังพุ่งทะยานผ่านเจตนาฆ่าของปราณดาบ และเขาก็พุ่งตรงไปที่ เย่หานอู่!

มีเพียง เย่หานอู่เท่านั้นที่สามารถเข้าใจถึงความน่ากลัวของดาบเมฆาไหลของเขาและนั่นคือเหตุผลที่เขารู้ว่าเย่สวี่นั้นแข็งแกร่งแค่ไหน!

นอกจากนี้ การโจมตีด้วยดาบของเย่สวี่ในตอนนี้เต็มไปด้วยเจตนาสังหาร! หากไม่ใช่เพราะการแข่งขันตระกูลที่ไม่สามารถฆ่าใครได้ เย่หานอู่เชื่อว่า เย่สวี่จะฆ่าเขาอย่างแน่นอน!

ดาบในมือของเย่สวี่ถูกดึงกลับมา ทำให้ขาของเย่หานอู่อ่อนแรง เขาทรุดตัวนั่งลงบนเวทีต่อสู้ ราวกับสุนัขจรจัด เย่สวี่ดึงดาบของเขากลับมา และหันศีรษะกลับไปอย่างเฉยเมยโดยไม่ได้เหลือบมองเย่หานอู่

เวลาของเย่สวี่นั้นมีค่ามาก เขาไม่สามารถเสียเวลากับคนอย่างเย่หานอู่ได้

“เจ้าอยู่ในขั้นวารีสวรรค์ด้วยหรือ” เย่หานอู่กัดฟันและตัวสั่น แม้ว่าเขาจะหวาดกลัวเย่สวี่ แต่เขาก็ยังถามคำถามนี้ออกมา

เย่หานอู่ไม่เต็มใจที่จะยอมรับสิ่งนี้ เขาภูมิใจในตนเองมาก หากเย่สวี่ไม่ใช่นักรบวารีสวรรค์ จะเอาชนะเขาได้อย่างไร?

“วารีสวรรค์?” เย่สวี่ไม่ได้หันศีรษะของเขากลับมา ท่ามกลางสายลมหนาว เสียงแผ่วเบาของเขาดังขึ้น “ข้าไม่จำเป็นต้องกลายเป็นนักรบขั้นวารีสวรรค์ ข้าเป็นแค่นักรบกลั่นพลังปราณ ระดับ 9  ข้าก็สามารถเอาชนะเจ้าได้ด้วยการโจมตีเพียงดาบเดียว!”

คำพูดของ เย่สวี่ราวกับระเบิด มันทำลายความภาคภูมิใจของเย่หานอู่อย่างสิ้นซาก! เดิมทีเย่หานหวู่คิดว่าเขาโดดเด่นมากในการแข่งขันวันนี้ แต่เขาไม่ได้คาดหวังว่า คู่ต่อสู้ของเขาทั้งหมดจะแข็งแกร่งกว่าเขา!

สำหรับเย่เฉียนเฉียน นางอยู่ในขั้นวารีสวรรค์ แต่ทว่าเย่สวี่บอกว่าเขา ตนเองไม่ได้อยู่ที่ขั้นวารีสวรรค์! สิ่งนี้ทำให้ เย่หานอู่ผู้ซึ่งต้องการหาข้ออ้างเพื่อปลอบโยนตัวเองไม่มีที่ให้หลบซ่อนตนเอง

เย่หานอู่จำได้ว่า เขาล้อเลียนเย่สวี่ว่าเป็นขยะ ตอนนี้เขารู้สึกว่า ตนเองหยิ่งผยองจริงๆ เขามีสิทธิ์อะไรที่จะดูหมิ่นผู้ที่แข็งแกร่ง?

เย่หานอู่รู้สึกว่า ตนเองกลายเป็นเหมือนตัวตลกในสายตาของผู้อื่น เขาเป็นคนเขลาที่น่าหัวเราะและน่าสมเพช บางทีในสายตาของเย่สวี่ เขาไม่คู่ควรที่จะถูกเรียกว่าเป็นคู่ต่อสู้

เย่หานอู่ยิ้มอย่างอ้างว้าง ความเย่อหยิ่งและความนับถือตนเองทั้งหมดของเขาหายไป เขาประสบความพ่ายแพ้ครั้งยิ่งใหญ่ เขาพ่ายแพ้ต่อนายน้อยตระกูลเย่... เย่สวี่แล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด