ตอนที่แล้วCD บทที่ 164 ฉันคือผู้เชี่ยวชาญ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปCD บทที่ 166 ความเป็นไปได้ที่สาม

CD บทที่ 165 เชี่ยวชาญ?


จ้าวหยู่คุ้นเคยกับเรื่องพวกนี้ เขารู้อยู่แล้วว่ากลุ่มคนที่ก่อปัญหาที่ร้านหม้อไฟเป็นเพียงพวกโง่ ๆ ตัวเล็ก ๆ ที่ไม่มีอำนาจอะไร ต่างจากพวกอันธพาลในท้องถิ่นที่ได้รับการสนับสนุนจากเบื้องหลัง

แม้ว่าพวกเขาจะดูน่ากลัวแต่พวกเขาทั้งหมดก็เป็นแค่เด็กน้อยและบางคนอาจจะเป็นนักเรียนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วยซ้ำ

จ้าวหยู่สามารถบอกได้จากการแสดงออกของพวกเขาว่าพวกเขาเป็นมือใหม่ทั้งหมด นายทุนที่ไร้ยางอายพวกนั้นเก่งเรื่องธุรกิจ การจ้างคนกลุ่มนี้สร้างปัญหานั้นคุ้มค่ากว่าการจ้างพวกอันธพาลที่มีประสบการณ์อย่างแน่นอน จ้าวหยู่ได้ตัดสินใจสร้างเรื่องโกหกขึ้นมา หลังจากที่เขาแน่ใจว่าคนเหล่านี้ไม่มีประสบการณ์

ตอนนี้ดูเหมือนว่าแผนการของเขาจะได้ผล ทั้งกลุ่มกลัวเขาจนแข็งทื่อ!

จ้าวหยู่ตบชายร่างสูงที่ใบหน้าของเขาและเลือดก็ไหลออกมาจากจมูกของเขา จากนั้นก็ฟาดลูกเตะเข้าที่ลำตัว ทำให้เขากระเด็นไปชนโต๊ะสองสามโต๊ะ หลังจากที่เห็นว่าจ้าวหยู่โหดร้ายมากขนาดไหน คนอื่น ๆ ก็ไม่กล้าโจมตีอีก มีไม่กี่คนที่อยากจะย่องออกไปแต่จ้าวหยู่ตะโกนว่า

"เฮ้ย! ฉันขอเตือนไว้ก่อนนะ ถ้าพวกแกไม่อยากสูญเสียแขนขา ยืนอยู่เฉย ๆ จะดีกว่า! เรายังเคลียร์กันไม่จบ!"

“ลูกพี่ ลูกพี่!” ในขณะนั้น พวกนักเลงที่ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นก็ยืนขึ้นแล้วพูดว่า "เรามาคุยกันเถอะ เรา... เราไม่รู้ว่าที่นี่มีคนคุม เรา..."

"ห๊ะ!" จ้าวหยู่เตะเขาก่อนที่เขาจะพูดจบ จากนั้น ตามด้วยการตบอีกสองครั้ง! การตบสองครั้งนั้นเสียงดังและคมชัดและพวกพังก์คนอื่น ๆ ต่างก็หวาดกลัวเมื่อได้ยินเสียงตบ

“หุบปากซะ! แค่ตอบสิ่งที่ฉันถามมาก็พอเข้าใจไหม!?” จ้าวหยู่ตะโกนใส่คนอื่น ๆ "ตอนนี้บอกชื่อหัวหน้าของพวกแกมาก่อน ถ้าฉันไม่สามารถจัดการกับเขาได้ ก็อย่าเรียกฉันว่าลูกพี่เทียนปาจากถนนชุนเฟิง! หากไม่ได้ผล อาจารย์ซูของเราจะไปคุยกับเขาเอง!”

ซูหยางกลืนน้ำลายอึกใหญ่หลังจากได้ยินเรื่องนี้แต่เขายังคงเหลือบมองกลุ่มอย่างเย็นชาเพื่อให้เข้ากับแผนของจ้าวหยู่

"เรา... เราไม่มีหัวหน้า!" คนตัวสูงที่อยู่ใต้โต๊ะพูดพร้อมกับเอามือกุมหัว “ลูกพี่ เราขอโทษ เราจะไม่ทำแบบนี้อีก!”

“จะไม่ทำอีกแล้วเหรอ?” จ้าวหยู่จ้องมาที่เขาและเยาะเย้ย “เจ้าเด็กพวกนี้ มันรู้วิธีพูดจริง ๆ! แค่ 'จะไม่ทำอย่างนี้อีก' อย่างนั้นจริง ๆ เหรอ? เฮ้ย! แกน่ะมาตรงนี้สิ!” จ้าวหยู่ชี้ไปที่หนึ่งในนั้นอีกครั้ง “บอกฉันทีว่าใครเป็นคนบอกให้แกมาสร้างปัญหาที่นี่! มังกรบินหรือจางสีบลอนด์?”

“มะ ไม่ได้พวกเขา…” พังก์หนุ่มพูดตะกุกตะกัก “ฉันคิดว่าเขาชื่อ ม้าพยศเชา เขายู่ที่ถนนไหเหอ ใช่แล้ว เขาเป็นคนที่ให้เงินพวกเรา!”

"ไอ้เวรเอ๊ย!" จ้าวหยู่ส่ายหัว “นั่นมันใครวะ ไอ้โง่นั่น! มันกล้าทำแบบนี้ลับหลังฉันได้อย่างไร โทรหาเขาแล้วพาเขามาที่นี่เดี๋ยวนี้!” อันที่จริง จ้าวหยู่ไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน

“ละ... ลูกพี่!” หนึ่งในนั้นรวบรวมความกล้าแล้วพูดว่า “พวกเราไม่รู้จักเขาดีพอ! เราไม่มีเบอร์ของเขา! เขาให้เงินพวกเราแต่ละคนแค่หนึ่งร้อยหยวนและบอกให้เราสร้างปัญหาที่ร้านหม้อไฟ เราแค่ทำให้ลูกค้าตกใจและออกจากร้านไป!”

“ฮะ!” จ้าวหยู่หัวเราะ “เจ้าโง่ อาจารย์ซูของเราเพิ่งทานอาหารเย็นกับหัวหน้าใหญ่และพวกเขาเสนอเงินสองหมื่นหยวน! ม้าพยศเชาใช้เพียงหนึ่งร้อยหยวนเพื่อจ้างพวกแก! ใช่มั้ย อาจารย์ซู” จ้าวหยู่หันไปถามซูหยางว่า “เรื่องนี้มันผิดกฎของเรา เราต้องการตกลงกับเจ้าม้าพยศเชาหรือไม่ แล้วเราจะจัดการต่อไปอย่างไรดี?”

ซูหยางพูดไม่ออก เขาทำได้เพียงยกคอขึ้นและดื่มเบียร์จนหมดแก้ว

“เอาล่ะ หากเป็นกรณีนี้ แกก็ตกเป็นเหยื่อเช่นกัน ถ้าอย่างนั้น…” จ้าวหยู่ทำหน้าใจดีและพูดอย่างใจดีกับพวกพังก์หนุ่ม ๆ ว่า “แค่วางเงินไว้บนโต๊ะแล้วออกไปได้!”

"หา!?" ไม่เพียงแต่พวกพังก์หนุ่มจะตกใจแต่ซูหยางและเหยาเจียก็ตกใจเช่นกัน แม้แต่เจ้าของร้านและพนักงานเสิร์ฟต่างก็จ้องมองด้วยความไม่เชื่อ

"อะไร?" จ้าวหยู่ถามอย่างจองหอง “ไม่พอใจงั้นเหรอ ก็ได้ ๆ เอาล่ะ เถ้าแก่ช่วยหยิบหม้อไฟมาอีกสองสามหม้อ ฉันจะเลี้ยงอาหารดี ๆ ให้เพื่อน ๆ เหล่านี้!”

“ไม่ ไม่…” พวกพังก์หนุ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องกับคำพูดของจ้าวหยู่และบางคนก็รีบวางเงินลงบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว เมื่อมีคนเริ่มยอมแพ้ คนอื่น ๆ ก็ไม่กล้าต่อต้านอีกต่อไปและทุกคนก็วางธนบัตรหนึ่งร้อยหยวนไว้บนโต๊ะ พวกพังก์หนุ่มเห็นว่าจ้าวหยู่หยุดให้ความสนใจพวกเขาและรีบหนีออกจากร้านอาหารทันที

หลังจากที่เห็นว่าพวกพังก์จากไปหมดแล้ว ซูหยางก็ยกนิ้วโป้งให้จ้าวหยู่และชมเขาว่า

“น่าทึ่งมาก นายเก่งจริง ๆ! ฉันเลือกคนไม่ผิดจริง ๆ นายช่างยอดเยี่ยมสมกับเป็นผู้เชี่ยวชาญจริง ๆ!”

เนื่องจากเหยาเจียก็อยู่ด้วย ซูหยางจึงไม่ได้พูดอะไรมากนัก เขาทำได้แค่ชมเท่านั้น

จ้าวหยู่ไม่เพียงแต่เอาชนะพวกพังก์หนุ่มเท่านั้นแต่ยังได้รับข้อมูลสำคัญจากพวกเขา อย่างเช่น ม้าพยศเชาซึ่งอาจกลายเป็นผู้ต้องสงสัยของการสืบสวนของซูหยางในอนาคต

“ฮิฮิฮิ…” จ้าวหยู่ยิ้มและอยากจะคุยโม้แต่สิ่งที่ซูหยางเพิ่งพูดไปดูเหมือนจะทำให้เขานึกถึงบางสิ่งและทำให้เขารู้สึกสำคัญมาก!

“ฮ่าฮ่าฮ่า... อาจารย์ซู! ชื่อนี้ ฮ่าฮ่าฮ่า…” ซูหยางยังคงรู้สึกซาบซึ้งในขณะที่เขาพูดกับเหยาเจียว่า “น้องสิบสาม! ก็เป็นชื่อดีมาก ฮ่าฮ่าฮ่า…”

แม้ว่าเหยาเจียจะไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับจ้าวหยู่มากนักแต่ในตอนนี้เธอเข้าใจทุกอย่างและก็หัวเราะไปด้วย “ฉันกลัวมากจนตัวแข็งและเหงื่อออกไม่หยุดเลยค่ะ ฉันไม่คิดว่าเจ้าหน้าที่จ้าวจะมีทักษะการแสดงที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้! การแสดงของคุณเมื่อกี้ มันน่าเชื่อจริง ๆ!”

เธอไม่รู้ว่าจ้าวหยู่ไม่ได้แสดงแต่เขาแค่แสดงตัวตนที่แท้จริงของเขาออกมา

โดยปกติแล้วจ้าวหยู่จะพูดเรื่องไร้สาระมากมายแต่ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจบางอย่างที่สำคัญจากความคิดที่แวบผ่านความคิดของเขาและเริ่มครุ่นคิดถึงมัน

"หื้ม เกิดอะไรขึ้น?" ซูหยางสังเกตเห็นพฤติกรรมที่ผิดปกติของจ้าวหยู่ "นายเป็นอะไรรึเปล่า?"

“หัวหน้า” จ้าวหยู่รีบถาม “เมื่อกี้คุณ... คุณพูดว่าผมเป็นอะไร ในประโยคแรก?”

“ฉันบอกว่า... ฉันเลือกคนที่ใช่น่ะ” ซูหยางตอบ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย

“ไม่ ๆ ในส่วนสุดท้าย!” จ้าวหยู่ถามอย่างจริงจัง

“ส่วนสุดท้าย? โอ้…” ซูหยางจำได้ "ฉันพูดว่า 'นายสมเป็นผู้เชี่ยวชาญจริง ๆ'"

“ผู้เชี่ยวชาญ!? ใช่แล้ว นี่คือคำนี้แหละ!” จู่ ๆ จ้าวหยู่ก็ลุกขึ้นยืนและทำให้ซูหยางและเหยาเจียตกใจ

“เกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ ๆ นายถึงพุ่งพรวดขึ้นมาแบบนี้?” ซูหยางเงยหน้าขึ้นและถาม

"ผมกำลังใช้ความคิดอยู่!" จ้าวหยู่สัมผัสหัวของเขาและเริ่มคิดอะไรบางอย่าง 'ผู้เชี่ยวชาญ!? ผู้เชี่ยวชาญ…  คดีลักพาตัวเมียนหลิง ผู้เชี่ยวชาญ!? เชี่ย…  เป็นไปได้ไหมว่า…'

ดูเหมือนจ้าวหยู่จะนึกอะไรสำคัญขึ้นมาได้ เขาจึงหันไปพูดกับซูหยางว่า

“ผมต้องขอโทษหัวหน้าด้วย จู่ ๆ ผมก็นึกถึงบางอย่างเกี่ยวกับคดีออก ผมต้องรบกวนคุณให้ส่งเหยาเจียกลับบ้านแทนผมได้มั้ยครับ?” จากนั้นเขาก็หันไปหาเหยาเจียและพูดว่า “ผมขอโทษคุณด้วย ผมมีบางสิ่งที่สำคัญที่จะต้องไปทำ ไว้เจอกันใหม่คราวหน้านะครับ!”

“อะไรนะ!?” ซูหยางและเหยาเจียร้องออกมาพร้อมกัน พวกเขาต้องการพูดอะไรมากกว่านี้แต่จ้าวหยู่หายตัวไปแล้ว!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด