ตอนที่แล้วตอนที่ 815+816 เรื่องเล่าของศาสตราจารย์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 819+820 ในทางทฤษฎี

ตอนที่ 817+818 การทดสอบ


ตอนที่ 817 การทดสอบ

เจียงเหยาจะมีอะไรที่ภูมิใจในตัวเองเล่า เธอคิดว่าตัวเองเป็นลูกศิษย์ของเทวแพทย์หรือ ถ้าเธอไม่ได้เป็นแล้วเล่า

เจียงเหยาไม่ทราบสาเหตุที่ทำให้การแสดงออกของหลินชุนเหอเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เธอเพียงรู้สึกราวกับว่าเขาตื่นเต้นอย่างอธิบายไม่ถูก

ทำไมหลินชุนเหอถึงตื่นเต้นที่จะแข่งขันกับเธอ

ด้วยคุณสมบัติของหลินชุนเหอ เจียงเหยาไม่กลัวแม้ว่าเธอจะไม่ได้ใช้ระบบการแพทย์ ชีวิตก่อนหน้านี้ใคร ๆ ก็มองว่าเธอเป็นหมอที่มีความเชี่ยวชาญด้านการแพทย์มาหลายปีแล้ว

เจียงเหยารับเอกสารและพิงประตูรถเพื่อเปิดดู ลู่ชิงสีรู้ว่าเจียงเหยายอมรับการแข่งขันที่ศาสตราจารย์สร้างขึ้น

เธอพิงประตูรถด้านคนขับ เอวของเธอชิดกับหน้าต่าง ลู่ชิงสีจึงลดกระจกรถลงแล้ววางมือของเขาไว้บนเอวเธอ เมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเธอจ้องมาที่เขาอย่างจริงจัง เขาเอื้อมมือไปเกาที่เอวของเธอ เขายิ้มอย่างพึงพอใจเมื่อเธอเหยียดร่างกายของเธอให้ตรงและก้มหน้ามองเขาราวกับว่าเอถูกไฟดูด

ภรรยาของเขาเพิกเฉยต่อเขา เขาไม่ชอบมันเลย

เจียงเหยารู้สึกจั๊กจี้ เธอจั๊กจี้มากจน หากเขาแตะเอวเธอเบา ๆ ด้วยปลายนิ้ว เธอจะเคลื่อนตัวออกไปทันที

บางครั้ง ลู่ชิงสีคิดว่ามันสนุกที่ได้หยอกล้อเธอบนเตียง

เขายิ้มและมองขึ้นไปที่เจียงเหยา เจียงเหยาพยายามหลีกเลี่ยงนิ้วของเขา แล้วหันกลับมาสนใจเวชระเบียนอีกครั้ง ไม่กี่นาทีต่อมา เธอหันไปทางศาสตราจารย์โอวหยางแล้วพูดว่า “จากเวชระเบียน พวกเขาเป็นผู้ป่วยจากโรงพยาบาลแรกของเมืองหนานเจียงใช่ไหมคะ”

ศาสตราจารย์โอวหยางพยักหน้า “ใช่ ทั้งสองเคสมาจากโรงพยาบาลแห่งแรก ฉันไปที่นั่นเมื่อเช้านี้ เพื่อหารือกับผู้เชี่ยวชาญที่นั่น ดังนั้นฉันจะคัดลอกข้อมูลเคสมาใช้เป็นตัวอย่างในอนาคต ผู้ป่วยเป็นหญิงวัย 47 ปี อาการหลักคือ มีผื่นเป็นระยะ ๆ เป็นเวลา 15 ปี บวมน้ำ 2 สัปดาห์ คลื่นไส้ อาเจียนเป็นเวลา 3 วัน ผู้ป่วยมีอาการอักเสบทั่วร่างกายตั้งแต่เมื่อ 15 ปีที่แล้ว โดยไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน ผื่นขึ้นบริเวณผิวหนังและมีอาการคันร่วมด้วย”

“ผู้ป่วยยังได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคลมพิษจากคลินิกในท้องถิ่น และได้รับการรักษาด้วยยาแก้แพ้ ไม่ทราบชื่อยาที่แน่นอน แต่มีการสั่งยาซ้ำ หลังจากนั้น ผู้ป่วยถูกส่งต่อไปยังโรงพยาบาลท้องถิ่นเพื่อตรวจหาค่า ออโต-แอนติบอดีตรวจแอนติบอดีที่ต่อต้านดีเอ็นเอ และตรวจโรคเอสแอลอี3 แต่ก็ไม่พบความผิดปกติ เลือดปกติ การทำงานของไตก็ปกติ สุดท้ายได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน แต่ไม่มีการรักษาผู้ป่วยเป็นพิเศษ”

เจียงเหยาพยักหน้าและอ่านเวชระเบียนต่อ “หลังจากนั้นก็เกิดผื่นขึ้นตามร่างกายของเธอเป็นระยะ ๆ ไม่มีความสม่ำเสมอ เธอใช้ยาฮอร์โมนด้วยตัวเองและเมื่อฉีดยาเข้าเส้นเลือดดำอาการของเธอก็ดีขึ้น เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ผื่นขึ้นมากเมื่อเทียบกับก่อนหน้านั้น ร่างกายของเธออ่อนแอลง เธอมีอาการหวัดและเซลล์เม็ดเลือดขาวก็ลดลง หลังจากรักษาตามอาการเป็นเวลาหนึ่งปี เซลล์เม็ดเลือดขาวก็กลับมาเป็นปกติ”

“เมื่อสามวันก่อน ไม่พบสาเหตุที่แน่ชัดของอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องร่วง ถ่ายเหลวเป็นน้ำ และไม่มีอุจจาระสีดำเกิดขึ้น หลังอาหารช่องท้องส่วนบนของผู้ป่วยรู้สึกอิ่ม และเธอมีอาการปวดทื่อ ๆ รอบสะดือ นอกจากนี้ยังมีอาการผมร่วง มีไข้ ปวดข้อ เวียนศีรษะ ผิวหนังมีจุดจ้ำ ๆ และความดันเลือดปกติ ไม่มีแผลในปาก ไม่ปวดหัว และไม่มีเลือดออกบริเวณเหงือก”

ศาสตราจารย์หันไปหาเจียงเหยา “มีรายงานมากมายเกี่ยวกับการตรวจเลือดของผู้ป่วยเมื่อเร็ว ๆ นี้ ผลตรวจปัสสาวะและการทำงานของไตก็อยู่ในนั้นด้วย บอกฉันเกี่ยวกับการวินิจฉัยของคุณหน่อยสิ”

เจียงเหยาพึมพำขณะอ่านรายงานต่อไป พวกเขาทั้งหมดมีรายละเอียดและตรงไปตรงมาในแวบแรก

***** หมายเหตุ

1ออโต-แอนติบอดี (auto-antibody) เป็นแอนติบอดี ที่ผลิตขึ้นภายในร่างกายของสิ่งมีชีวิต เป็นกลไกของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเพื่อตอบสนองต่อแอนติเจนที่ผลิตขึ้นและมีอยู่ภายในของสิ่งมีชีวิต

2การตรวจแอนติบอดีที่ต่อต้านดีเอ็นเอ (Anti-DNA antibody test) เป็นการตรวจเพื่อวินิจฉัย และติดตามอาการโรคภูมิแพ้ตัวเอง

3โรคเอสแอลอี คือโรคเรื้อรังที่เกิดจากภูมิต้านทานทำร้ายตนเอง

__

ตอนที่ 818 การวินิจฉัย

หากเธอเป็นเพียงนักศึกษาใหม่ที่เพิ่งเข้าเรียนในหลักสูตรได้เพียงสองเดือน บางทีเธออาจจะสามารถเข้าใจเงื่อนไขเฉพาะในรายงานได้ แต่ในฐานะแพทย์มืออาชีพ เจียงเหยาสามารถเห็นผลลัพธ์ทั้งหมดได้ในชั่วพริบตา เธอรู้ว่าผลลัพธ์ใดเป็นเรื่องปกติและผิดปกติ

หลังจากที่เธออ่านเวชระเบียนถึงสองครั้ง เจียงเหยาก็ส่งคืนให้กับศาสตราจารย์โอวหยางและกล่าวว่า “โรคแพ้ภูมิตัวเองโรคไตอักเสบลูปัสโรคเลือดจาง และโรคตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน”

เสียงของเจียงเหยาชัดเจนและดัง คำศัพท์ที่เธอใช้ทำให้นักศึกษาที่ไม่ใช่มืออาชีพดูเหมือนสูญเสียไปเลย ทุกครั้งที่เธอพูดชื่อเฉพาะ คิ้วของศาสตราจารย์โอวหยางก็เลิกขึ้นทันที หลังจากที่เธอพูดจบ ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและตกใจ

เคสที่ศาสตราจารย์โอวหยางให้กับเจียงเหยา อาจไม่ได้รับการวินิจฉัยอย่างรวดเร็วจากใครเช่นนี้มาก่อน แม้จะเป็นนักศึกษาชั้นปีสูงแล้วก็ตาม เธอได้วินิจฉัยโรคนี้ได้อย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวของเธอเอง

ดังนั้นศาสตราจารย์โอวหยางจึงมีเหตุผลที่จะเชื่อว่าด้วยความสามารถของเจียงเหยา เธอไม่จำเป็นต้องอยู่ในกลุ่มนักศึกษาใหม่และนั่งเรียนร่วมกับกลุ่มนักศึกษาโง่เขลาเหล่านั้น ดูเหมือนว่าพวกเขาจะสูญเสียทันทีที่เริ่มเรียน

ไม่น่าแปลกใจที่เทวแพทย์มั่นใจว่าเจียงเหยาจะกระโดดชั้นเรียนเหล่านั้นได้ ดูเหมือนว่าเจียงเหยาจะเข้าใจความรู้ทั้งหมดนั้นแล้ว

“ศาสตราจารย์คะ บอกพวกเราหน่วยสิคะว่าเธอตอบถูกไหม” เหล่านักศึกษาต่างวิตกกังวลจากการรอคอย พวกเขาไม่สนใจเกี่ยวกับบุคลิกที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ของศาสตราจารย์โอวหยางและกระตุ้นเขาโดยตรง

จากนั้นศาสตราจารย์โอวหยางก็นึกขึ้นได้ / เขาตระหนักว่าเขายังไม่ได้ประกาศคำตอบ

“การวินิจฉัยของเจียงเหยานั้นถูกต้องอย่างสมบูรณ์ ฉันจะใช้เคสเหล่านี้ในการบรรยายในชั้นเรียน เมื่อถึงเวลานั้น พวกคุณสามารถตรวจสอบการวินิจฉัยด้วยตัวเองอย่างรอบคอบ คุณจะทำการวินิจฉัยเช่นเดียวกับเจียงเหยาหรือเปล่า” ศาสตราจารย์โอวหยางตบแฟ้มเวชระเบียน พวกมันมีค่ามาก ท้ายที่สุด สิ่งเหล่านี้เป็นเวชระเบียนที่หามาได้ยาก ซึ่งเขาสามารถใช้สอนในชั้นเรียนของเขาได้

หลังจากที่ศาสตราจารย์โอวหยางพูด ก็มีคนนำหน้าและปรบมือ เสียงปรบมือเบาบางในตอนแรก แต่มันก็ดังราวกับฟ้าร้อง แม้แต่ศาสตราจารย์โอวหยางก็ยังปรบมือและถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“ต่อไปมหาวิทยาลัยของเราจะต้องโด่งดังแน่ เพราะมีนักศึกษาอย่างเจียงเหยา เรียนในคณะแพทย์ของเรา มหาวิทยาลัยเราจะต้องนำหน้ามหาวิทยาลัยอื่นทั่วประเทศได้แน่”

ลู่ชิงสีพิงกับหน้าต่างรถ ในสายตาของเขาเห็นเพียงร่างของเจียงเหยา

เมื่อเธอก้มศีรษะลงเพื่ออ่านเอกสาร เธอดูจริงจังมาก เธอยังมั่นใจเมื่อพูดกับศาสตราจารย์โอวหยางอีก

นั่นคือผู้หญิงของเขา เธอโดดเด่นมากจนน่าประหลาดใจ

“หลินชุนเหอ ถึงตาคุณแล้ว” ลู่ชิงสีเปิดประตูและลงจากรถ ด้วยมือทั้งสองล้วงเข้าไปในกระเป๋า เขาเดินไปหาเจียงเหยาและยืนอยู่ข้างเธอ จากนั้นเขาก็มองไปที่หลินชุนเหอ “ภรรยาของฉันได้ตอบคำวินิจฉัยของเธอไปแล้ว คราวนี้ถึงตาคุณ”

ลู่ชิงสีมองเห็นเหงื่อเย็นบนหน้าผากของหลินชุนเหอ เขาเยาะเย้ยอีกฝ่าย ดูเหมือนว่าชายคนนั้นกำลังประหม่า

เสียงปรบมือไม่ได้ระงับเสียงของลู่ชิงสี เขามีน้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ตั้งแต่เกิด หากเขาไม่ได้ตั้งใจทำให้น้ำเสียงอ่อนลง น้ำเสียงของเขาก็จะเย็นชาเสมอโดยไม่มีความอบอุ่น ดังนั้น เมื่อเขาเปิดปากของเขา ทุกคนก็เงียบโดยปริยาย จากนั้นพวกเขาก็มองไปที่หลินชุนเหอ

****หมายเหตุ

4โรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือ SLE (Systemic Lupus Erythematosus) คือโรคที่เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน โดยภูมิคุ้มกันของคนคนนั้นทำลายเนื้อเยื่อภายในร่างกายของตัวเองจนเกิดการอักเสบและสามารถทำให้เกิดความผิดปกติกับอวัยวะได้ทั่วร่างกาย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด