บทที่ 49 อย่าดูถูกพนักงานส่งอาหาร อย่าคิดว่าจะมารบกวนแฟนของผมได้!
บทที่ 49 อย่าดูถูกพนักงานส่งอาหาร อย่าคิดว่าจะมารบกวนแฟนของผมได้!
“ซุนฝาง ผู้ประกอบการรายใหญ่ที่สุดในเมืองของเรา!”
รถคันหรูจอดอยู่ข้างถนน ท่ามกลางสายตาของทุกคน ชายวัยกลางคนที่ดูอวบเล็กน้อยก้าวลงจากรถอย่างใจเย็น เขายิ้มและพยักหน้าให้กับผู้คนรอบข้าง แต่เขากลับเปล่งออร่าเหนือใครๆ
ดวงตาของพนักงานต้อนรับเป็นประกาย ซุนฝางเป็นผู้ประกอบการที่มีชื่อเสียงและเป็นมหาเศรษฐี เขาเป็นสุดยอด VIP และพวกเธอจะพลาดไม่ได้!
เมื่อคิดถึงตรงนี้พนักงานต้อนรับก็มองไปที่จ้าวซือด้วยท่าทีที่หงุดหงิดมากขึ้น ขณะที่เขากำลังจะก้าวต่อไปทันใดนั้นเขาก็เหลือบเห็นสายตาของท่านซุนฝางจับจ้องมาทางเขา เขาเดินเข้ามาหาเขาด้วยสีหน้าประหม่าเล็กน้อยซึ่งนั่นทำให้พนักงานต้อนรับตัวเล็กๆ อย่างเขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“นี่ฉันมีอะไรพิเศษงั้นหรือถึงได้ทำให้ท่านซุนฝางหันมามองที่ฉัน?”
แม้ว่ามันจะดูเกินจริงไปหน่อย แต่พนักงานต้อนรับสาวก็อดไม่ได้ที่จะแอบดีใจ
“คุณจ้าว ผู้มีพระคุณจ้าว! ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอคุณที่นี่!” ซุนฝางเดินมาที่ประตูทางเข้าด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและเดินเข้าไปจับมือจ้าวซือ
พนักงานต้อนรับเบิกตากว้างด้วยความกลัว มันยากที่จะจินตนาการได้ถึงสิ่งที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้านี้ ซุนฝาง ผู้ประกอบการชื่อดังรู้จักกับพนักงานส่งอาหารจริงๆ! นอกจากนั้นเมื่อครู่นี้เขายังเรียกพนักงานส่งอาหารว่าอะไรนะ? ผู้มีพระคุณ! เป็นไปได้ไหมว่าพนักงานส่งอาหารคนนี้เป็นผู้มีพระคุณของท่านซุนฝาง?
ไม่เพียงแต่พนักงานต้อนรับเท่านั้น แต่คนที่อยู่โดยรอบก็ตกตะลึงด้วย
"ช่วงนี้ท่านซุนดูดีขึ้นมากเลยนะครับ" เมื่อเห็นคนรู้จักจ้าวซือจึงทักทายเขาเบาๆ
ซุนฝางมีรอยยิ้มที่อบอุ่นบนใบหน้า "ทั้งหมดต้องขอบคุณผู้มีพระคุณจ้าวนั่นแหละนะ ใบสั่งยาที่คุณให้ผมไปนั้นช่างน่าทึ่งเสียจริงๆ ผมแข็งแรงกว่าสมัยที่ยังเป็นหนุ่มเสียอีก... แค่ก แค่ก งั้นพวกเราเข้าไปคุยกันข้างในดีไหม?"
"อื้ม..." จ้าวซือพยักหน้าและไม่แม้แต่จะชายตาไปมองพนักงานต้อนรับคนนั้น เขาและซุนฝางเดินเข้าไปในงานอย่างมีความสุข
ในตอนนี้ผู้จัดการและคณะจัดนิทรรศการรถยนต์ก็มาเพื่อต้อนรับท่านซุนฝางโดยเฉพาะ เมื่อเขาเห็นพนักงานต้อนรับที่ไม่รู้ว่าควรทำอะไร สิ่งแรกที่เขาพูดก็คือ... คุณถูกไล่ออก! ใครก็ปกป้องคุณไม่ได้ในเมื่อคุณกล้าลองดีกับสหายของท่านซุนฝาง!"
พนักงานต้อนรับคนนั้นหน้าซีดและไม่อาจที่จะโต้แย้งเขาได้ เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะพลาดไปดูแคลนคนใหญ่คนโตเช่นนี้!
หลังจากนั้น ผู้จัดการนิทรรศการรถยนต์ก็รีบเดินตามท่านซุนฝางและจ้าวซือไปอย่างรวดเร็ว แต่กระนั้นเขาก็รีบวิ่งกลับมาและพูดกับพนักงานต้อนรับที่กำลังจะเดินออกจากงานไปทันทีว่า “ต้องถือว่าคุณยังโชคดีนะ ที่สหายของท่านซุนฝางคนนั้นบอกว่าไม่ติดใจเอาเรื่อง แต่เขาขอให้บอกกับคุณแค่อย่างเดียวเท่านั้น”
"อะไรหรือครับ?" ขึ้น ๆ ลง ๆ เร็วเกินไป เขารู้สึกว่าหายใจลำบาก
"อย่าดูถูกพนักงานส่งอาหาร!"
เมื่อกล่าวจบแล้วผู้จัดการนิทรรศการรถยนต์ไล่ตามจ้าวซือและคนอื่นๆ ไป ทิ้งให้พนักงานต้อนรับยืนครุ่นคิดอยู่เบื้องหลัง
เวลานี้ คนรอบข้างก็มองหน้ากันอย่างตกตะลึง
“พ่อหนุ่มคนนั้นเป็นใครกันแน่!? ท่านซุนฝางถึงได้ปฏิบัติต่อเขาอย่างอบอุ่นขนาดนี้!”
“ต้องเป็นอย่างที่คิดแน่ๆ เลย ท่าทางแบบนี้ ฉันมั่นใจได้เลยว่า...”
แม้ว่าจะมีเรื่องราวลึกลับมากมายแต่ทุกคนก็มั่นใจในสิ่งเดียวกัน ตอนนี้พนักงานส่งอาหารคนนั้นสนิทสนมกับท่านซุนฝาง เมื่อพิจารณาจากวิธีที่พวกเขาพูดคุยกันแล้ว สถานะของพนักงานส่งอาหารดูเหนือกว่าท่านซุนฝางเสียอีก!
"ในเมื่อผู้มีพระคุณจ้าวมีนัดก่อนแล้ว งั้นผมก็จะไม่รบกวนคุณแล้วล่ะ ถ้ามีปัญหาอะไรก็โทรหาผมได้ทันทีเลยนะ"
จ้าวซือพยักหน้าและกล่าวคำอำลาซุนฝาง
ผู้จัดการนิทรรศการรถยนต์ที่ยืนอยู่ข้างท่านซุนฝางขยิบตาให้กับทีมงานทุกคนและกล่าวเสริมว่า "ทุกคน เชิญทานของว่างครับ มีชายหนุ่มท่านหนึ่งที่สวมชุดพนักงานส่งอาหารเขาชื่อว่าจ้าวซือ เขาเป็นสหายของท่านซุนฝาง เพราะฉะนั้นอย่าได้สร้างปัญหาให้เขาเด็ดขาด!”
จ้าวซือเดินไปยังห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า เขากำลังจะไปยังสถานที่ที่เขาได้นัดกับฮันไป่เสวี่ยเอาไว้
“คนสวย ช่วยฝากรายละเอียดติดต่อของคุณไว้ก่อนที่จะไปด้วยนะ พี่ชายคนนี้จะพาเธอไปสนุกเอง อยากได้กระเป๋าหลุยส์วิตตองหรือน้ำศักดิ์สิทธิ์ล่ะ พี่ชายคนนี้หามาให้เธอได้ทุกอย่างที่เธอต้องการเลยนะ…”
ขณะที่เขาเดินออกจากห้องน้ำจ้าวซือได้ก็ยินคำพูดเลี่ยนๆ เขาหันหลังกลับไปมองและเห็นชายรูปร่างอ้วนที่มีหัวโตและใบหูที่ใหญ่ เขาแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าแบรนด์เนมแต่ทำตัวต่ำช้า เขากำลังตอแยหญิงสาวคนหนึ่งอยู่
หญิงสาวผมสั้นที่มีใบหน้าที่น่าดึงดูดใจหน้าแดงก่ำและไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร
“นี่ นี่คุณเป็นใคร? ไม่เห็นเหรอว่าคนอื่นเขาไม่เต็มใจ?” ชายหนุ่มร่างสูงโอบไหล่ชายถ่อยคนนั้นไว้
เมื่อเห็นว่ามีคนเข้ามาช่วยอย่างกล้าหาญ หญิงสาวผมสั้นก็มองมาที่เขาด้วยสายตาที่เฉียบคม
จ้าวซือหรี่ตาลง เขาไม่คิดเลยว่าเฉียนเฟิงจะมางานนิทรรศการแบบนี้ด้วย
ชายถ่อยคนนั้นหันหน้าไปมอง แต่แล้วเขาก็ต้องแสยะยิ้มออกมาอย่างน่ากลัว "นี่มันคุณชายตระกูลเฉียนไม่ใช่หรือ? สนใจผู้หญิงคนนี้เหมือนกันงั้นเหรอ?”
“แกเป็นใคร? รู้จักฉันได้ยังไง?” หัวใจของเฉียนเฟิงเต้นผิดจังหวะเมื่อได้ยินดังนั้นอีกฝ่ายจะต้องรู้จักเขาอย่างแน่นอน แต่เมื่อพิจารณาจากน้ำเสียงแล้วถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าเป็นใคร แต่เขาก็ไม่ได้แสดงอาการหวาดกลัวออกมา...
"ฮ่าๆๆ ผมชื่อว่าหวังคุน ผมคิดว่าคุณคงจะรู้จักชื่อของผมแล้วละนะ" หวังคุนที่ตัวอวบอ้วนยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม "ถ้าคุณชายเฉียนสนใจผู้หญิงคนนี้ ผมยกให้คุณก็ได้นะ”
เฉียนเฟิงก้มหน้าเมื่อได้ยินเช่นนั้น
หวังคุน! ก็แค่เศรษฐีคนหนึ่งที่เพิ่งจะปรากฏตัวขึ้นมาไม่กี่ปีนี้เอง ว่ากันว่าเขามีคนคอยหนุนหลังอยู่ และที่สำคัญไปกว่านั้นชายคนนี้ก็กำลังทำธุรกิจที่สำคัญกับครอบครัวของเขาอยู่ นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้หวังคุนรู้จักเฉียนเฟิง!
"ถ้าผมมากวนใจคุณหวังคุนล่ะก็..." เมื่อคิดตรงนี้เฉียนเฟิงก็เหงื่อแตกพลั่กและคิดที่จะถอยหนี "คุน พี่คุน ผมจะกล้าไปเอาของที่พี่ชอบมาได้ยังไงล่ะ? ผมไม่รบกวนคุณแล้วดีกว่า... "
เมื่อหวังคุนได้ยินดังนั้น เขาก็ตบไหล่เฉียนเฟิงและพูดด้วยรอยยิ้มอย่างพึงพอใจว่า "เด็กน้อย คุณมีตาดีนี่ คุณมีอนาคตที่สดใสรออยู่ข้างหน้า พี่คุนคนนี้จะดูแลครอบครัวของคุณในครั้งต่อไปที่เรามีธุรกิจร่วมกันอย่างแน่นอน ฮ่าฮ่า!
ดวงตาของหญิงสาวผมสั้นเปลี่ยนเป็นความผิดหวังและขุ่นเคือง เดิมทีเธอคิดว่าคุณชายเฉียนคนนี้จะเข้ามาช่วยเธอ แต่เธอกลับไม่คิดเลยว่าเขาจะอยู่ฝ่ายเดียวกับหวังคุน!
หวังคุนไม่ได้รู้สึกถึงความรังเกียจของหญิงสาวผมสั้นแต่อย่างใด และเขาก็ยังคงทำต่อไป การกระทำของเขาในตอนนี้น่าจะเพียงพอที่จะทำให้เธอเข้าใจแล้วว่า เขา หวังคุนคนนี้มีความแข็งแกร่งมากเพียงใด!
“คนสวย เธอคงจะหักห้ามใจอย่างที่สุดแล้วสินะแต่สาวน้อยอย่างเธอคงจะยังไม่เข้าใจ แค่พี่คุนคนนี้เอ่ยปากเพียงคำเดียวก็มีสาวสวยตั้งมากมายพร้อมที่โผเข้าหาอ้อมกอดของฉันแทบไม่ทันเชียวล่ะ อีกอย่างนะ ฮ่าฮ่า ฉันอยากจะได้เบอร์ติดต่อกับที่อยู่ของเธอจริงๆ แค่เอาเบอร์โทรเธอมาแค่นั้นล่ะนะ” หวังคุนกล่าวด้วยท่าทีข่มขู่
เมื่อเห็นใบหน้าที่ทำอะไรไม่ถูกของหญิงสาวผมสั้นที่ถูกข่มขู่โดยหวังคุนจนเกือบจะร้องไห้ จ้าวซือก็ต้องถอนหายใจและก้าวออกไปข้างหน้า ละทิ้งความรู้สึกอ่อนโยนเพื่อปกป้องเพศที่อ่อนแอกว่า ผู้หญิงคนนี้น่าจะอายุเท่ากันกับเขา มันไร้มนุษยธรรมเกินกว่าจะปล่อยให้คนอย่างหวังคุนทำทุกอย่างที่เขาต้องการ
"นี่มันอะไรกัน?" เมื่อเห็นจ้าวซือก้าวออกมาข้างหน้า หวังคุณก็ยิ้มอย่างไม่สบอารมณ์
เฉียนเฟิงที่กำลังจะเดินจากไปหันเห็นคนที่เขารู้จักเข้าและตกตะลึง เขารีบชี้ไม้ชี้มือเป็นสัญลักษณ์ให้จ้าวซือเข้าใจว่าอย่าไปมีเรื่องกับหวังคุนคนนี้ เขาไม่สามารถที่จะทำให้หวังคุนขุ่นเคืองใจได้!
จ้าวซือยิ้มจางๆ อาจกล่าวได้ว่าเฉียนเฟิงไม่ใช่คนเลวและจ้าวซือก็ชื่นชมเจตนาดีของเขา
“ฉันเป็นใครไม่สำคัญ ที่สำคัญคือคุณจะมายุ่มย่ามกับแฟนของผมไม่ได้หรอกนะ”
หญิงสาวผมสั้นตกตะลึงและใบหน้าของเธอก็แดงก่ำขึ้นมาทันที
เฉียนเฟิงและหวังคุนรู้สึกงุนงง ผู้หญิงคนนี้เป็นแฟนของจ้าวซือจริงๆ งั้นเหรอ? แต่ในไม่ช้าเขาก็สงสัยว่านี่น่าจะเป็นเพียงข้อแก้ตัวมั่วๆ ที่จ้าวซือใช้เพื่อปกป้องคนอื่น
“จ้าวซือคนนี้ นี่เขาคิดว่าที่นี่เป็นมหาวิทยาลัยงั้นเหรอ? ต่อให้ผลการเรียนของนายดีแค่ไหน ท่าทหารของนายจะดีแค่ไหนแต่ในสังคมนี้... มันไม่ได้มีผลอะไรหรอกนะ เขาคือหวังคุนนะ ไม่ใช่เพราะว่าฉันไม่อยากช่วย แต่ฉันก็ไม่สามารถทำให้เขาขุ่นเคืองได้เหมือนกัน อย่างมากที่สุดฉันจะช่วยขอความเมตตาให้เพื่อนร่วมชั้นของฉัน ก็แล้วกัน ฉันหวังว่าเขาคงจะ
ไม่ลดตัวลงไปทะเลาะกับนายหรอกนะ .."
เมื่อหวังคุนได้ยินคำพูดของจ้าวซือ เขาก็ชะงักไปครู่หนึ่งก่อนที่จะเย้ยหยันว่า “เอาล่ะ ก่อนอื่นอย่าไปพูดถึงเรื่องอื่นเลย ท่าทีที่แกพูดกับพี่คุนคนนี้มันเป็นยังไงกัน?”
“อะไรนะ? ก็คุณกำลังตอแยแฟนของผม แล้วผมยังต้องสุภาพกับคุณอีกงั้นเหรอ?” จ้าวซือจ้องมองหวังคุนอย่างเหยียดๆ เขาไม่ได้เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย
หวังคุนไม่อาจที่จะหัวเราะได้อีกต่อไป เขาพูดด้วยสีหน้าที่โหดเหี้ยมว่า "ฉันคิดว่าแกกำลังรนหาที่ตายซะแล้วล่ะ! แก..."
ในเวลานี้เมื่อเจ้าหน้าที่ของนิทรรศการได้ยินข่าว จึงรีบมายังที่เกิดเหตุ