ตอนที่แล้วเกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 160
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 162

เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 161


ตอนที่ 161

ไม่เพียงแค่ร่างครึ่งหนึ่งของยู่หัวจี้ที่ถูกตัดออก ทว่าร่างท่อนบนของมันก็ถูกผ่าครึ่งอีกครั้งและร่วงหล่นหายไป กล่าวได้ว่าบัดนี้ไม่เพียงมันจะบาดเจ็บหนักอย่างเดียวเท่านั้น ทว่าอาการบาดเจ็บในครานี้ส่งผลถึงแหล่งกำเนิดปราณดั้งเดิมทั้งหมด สติสัมปชัญญะของมันที่แต่เดิมก็พร่าเลือนเต็มทีแทบจะดับไปจนหมดสิ้น!

มันทำได้เพียงเผยรอยยิ้มอย่างโง่งมออกมาได้ไร้สติ จุดกำเนิดปราณของมันเสียหาย การบ่มเพาะของมันถูกทำลายยับเยิน แม้แต่หัวใจยังสลายกลายเป็นเพียงธุลี

ใครเล่าจะไปคาดคิดถึงสิ่งนี้ อย่างไรเสย มันคืออ๋องผู้หนึ่งแห่งราชวงศ์อมตะ หลังจากที่ทั้งชีวิตใช้เพื่อสะกดข่มผู้อื่นไว้ใต้ฝ่าเท้า มาบัดนี้กลับถูกหลินฉิงเทียนและทารกวัยเพียงหกเดือนสะกดข่มลง!

เมื่อตาแก่ในชุดป่านได้เห็นฉากที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า หัวใจของมันสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว มันไม่กล้าจะเอ่ยสิ่งใดอีกต่อไปและหลบหนีอย่างบ้าคลั่ง ยิ่งไม่กว่านั้น สิ่งที่มาได้พบเจอในวันนี้จะถูกสลักลงในหัวใจของมันไปชั่วกาลโดยมิอาจลืมเลือนได้

“อย่าหวังว่าจะหนีไปได้!”

บรรพชนหลินเหาะตามไปพร้อมกระบี่ในมือ เขาถึงขั้นออกมาจากค่ายกลแห่งนั้น!

จากนั้น ผู้คนทั้งหลายก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังมาจากขอบฟ้าที่ไกลออกไป ในท้ายที่สุดบรรพชนหลินก็กลับมาโดยร่างที่ท่วมไปด้วยโลหิต เขาถือหางงูและร่างสีทองด้วยมือข้างที่เหลืออยู่ เลือดสีแดงคล้ำหยดย้อยราวกับน้ำตก

ทั้งสองสิ่งนั้นสามารถระบุตัวเจ้าของมันได้อย่างชัดเจน หนึ่งคือร่างของอดีตจักรพรรดิยู่ชานกี และอีกหนึ่งย่อมต้องเป็นของอสรพิษกลืนสวรรค์

เมื่อเหล่าตระกูลทั้งหลายที่เฝ้ามองอยู่ได้เห็นฉากนี้ พวกมันล้วนตัวสั่นด้วยความหวาดผวาถึงขีดสุด

ตัวอ่อนกระบี่เล่มนั้นน่าหวั่นเกรงเกินไป หลินซวนไปได้มันมาจากที่แห่งใดกัน? สมบัติวิเศษชิ้นนี้มิมีผู้ใดเคยได้ยินชื่อเสียงของมันมาก่อน!

ในตอนนั้นเอง เหล่ากองกำลังทั้งหลายที่สังเกตการณ์อยู่ต่างไม่สามารถจะกระทำสิ่งใดได้ ไม่นานก่อนหน้านี้ พวกมันยังพยายามถกเถียงกันเพื่อหาวิธีแบ่งปันทรัพย์สินของตระกูลหลินหลังจากที่พวกเขาถูกทำลายลง ทว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้กลับทำให้พวกมันต้องหลั่งเหงื่อเย็นเยียบ

พวกมันทำได้เพียงรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง หากว่าพวกมันล่วงรู้มาก่อนถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ พวกมันย่อมไม่บังอาจหาญกล้ามาเฝ้ามองการต่อสู้ในคราวนี้อย่างแน่นอน!

“ฮ่าๆๆๆ พวกเราชนะ! พวกเราชนะแล้ว!” สมาชิกตระกูลหลินทุกคงต่างร้องตะโกนอย่างยินดี บ้างถึงขั้นหลั่งน้ำตาแห่งความปีติ

“ในที่สุดกองทัพจากราชวงศ์อมตะก็จากไป!”

“เจ้าจะพูดว่าพวกมันจากไปได้อย่างไร? เป็นพวกเราสังหารพวกมันจนหมดสิ้น!”

เหล่าศิษย์สกุลหลินทั้งหลายคำรามลั่นอย่างตื่นเต้น ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความดีใจ!

ใครเล่าจะไปคาดคิดถึงผลลัพธ์เช่นนี้? ในคราแรกพวกเขาล้วนคิดว่ากองทัพนับล้านนั้นจะตรงเข้ามาสังหารพวกเขาจนหมดสิ้น ทว่าในท้ายที่สุด กลับเป็นตระกูลหลินที่เป็นฝ่ายสังหารล้างบางพวกมันทั้งหมด พวกเขาเอาชนะสงครามในครั้งนี้ได้อย่างแท้จริง!

“บรรพบุรุษผู้ยิ่งใหญ่! ซวนเอ๋อร์ช่างยิ่งใหญ่! จ้าวห้วงเหวเองก็ยิ่งใหญ่เช่นกัน!”

จากนั้นเสียงร้องตะโกนก็ดังก้องไปทั่วทั้งเมืองต้าหยาน!

“ซวนเอ๋อร์! ซวนเอ๋อร์!”

กล่าวตามตรง ในตอนนั้น หลินซวนตัวน้อยถูกซวนหยานหรานกอดรัดเอาไว้แนบแน่น แม้มิอาจแน่ใจได้ว่าเป็นเพราะความยินดีที่รอดชีวิตหรือสิ่งอื่นใด อย่างไรก็ตาม นางก็ใช้ใบหน้าของตนถูไถกับใบหน้าน้อยๆ ของหลินซวนไปมา ความสุขล้นในอกจนไร้คำจะเอื้อนเอ่ย และดวงตาเองก็คลอไปด้วยน้ำตาแห่งความตื่นเต้น

หลินซวนมองไปยังซวนหยานหรานด้วยความรู้สึกช่วยมิได้อยู่บ้าง เขาต้องการจะผลักนางออกไป ทว่าเมื่อมองเห็นสีหน้าตื่นเต้นยินดีของนางแล้ว เขาก็ยั้งมือไว้อยู่บ้าง

จากนั้น หลินซวนก็ถูกล้อมรอบด้วยกลุ่มคนจำนวนมากมาย หลังจากที่กลายเป็นตุ๊กตาตัวน้อยอย่างยาวนาน เขาก็สามารถขับไล่ฝูงชนออกไปได้เสียที เขาใช้ขาเล็กป้อมของตนเดินไปยังจุดที่ศพของยอดฝีมือแดนก่อตั้งจิต ตาแก่จางซุนผู้นั้นตั้งอยู่ และนำเอาขลุ่ยกระชากวิญญาณออกมา

“ขลุ่ยกระชากวิญญาณ มันก็มิได้ดูน่าประทับใจเท่าใดนัก...”

ในตอนนั้นเอง บรรพชนแซ่หลินและจ้าวห้วงเหวก็ปรากฏตัวด้านหลังของเขาอย่างเงียบงัน ร่างของทั้งคู่ปกคลุมไปด้วยโลหิต

“เจ้าตัวน้อย นอกจากตัวอ่อนกระบี่เล่มนั้นแล้ว เจ้าจะไม่อธิบายเรื่องอื่นๆ แก่ข้าหน่อยหรือ?”

……………

ใต้ท้องฟ้ายามราตรี กองไฟแตกปะทุเป็นจังหวะ ตระกูลหลินจัดงานเลี้ยงขึ้นกลางเมืองต้าหยาน

งานฉลองเริ่มต้นขึ้น

ภาพเขียนห้าเมล็ดพันธุ์ดาราจักรลดขนาดลงจนเหลือเพียงร้อยฉื่อ และล่องลอยอยู่ในบริเวณใจกลางเมืองต้าหยาน

ด้านล่างนั้นกองไฟขนาดใหญ่และอาหารเลิศรสมากมายถูกแจกจ่ายไปทั่วเคล้าไปกับกลิ่นหอมลอยตามลม

ด้านหน้ากองไฟนั้น หลินซวนตัวน้อยนั่งอยู่พลางจ้องมองขลุ่ยสีขาวซีดในมือ

ในยามที่เขาไปนำมันมาก่อนหน้านี้ หลินซวนยังมิได้อธิบายเรื่องใดๆ แก่จ้าวห้วงเหวและบรรพบุรุษของตนมากนัก

นั่นเป็นเพราะหลินซวนเองก็มิได้มีเหตุผลที่ดีมากพอจะเก็บซ่อนความลับใดๆ หากว่าทั้งคู่ถามขึ้น หลินซวนก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเขาเกิดมาพร้อมกับสมบัติทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นค่ายกลหรือตัวอ่อนกระบี่ก็ตาม เขาเพียงสามารถบอกได้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นฝ่ายมาหาเขาเองจากที่ใดก็มิอาจทราบได้

“นี่จึงเป็นเหตุว่าทำไมข้าถึงคิดว่ามันเป็นปัญหาที่พรสวรรค์อย่างไรเล่า! ยิ่งไปกว่านั้น มิใช่มีคนบอกเล่ามากหรอกหรือว่าสมบัติสวรรค์ทั้งหลายแหล่มีจิตวิญญาณในการเลือกนายของพวกมันเอง? ในยามที่ท่านยังเยาว์วัย พวกท่านเองก็ต้องได้รับโอกาสอันดีมากมายเช่นกัน ใช่หรือไม่?” หลินซวนเพียงกะพริบตาอย่างใสซื่อและเอ่ยอย่างไร้เดียงสา

ประโยคนั้นทำให้คนนั้นสองซึ่งรอคอยคำตอบอยู่รู้สึกช่วยมิได้ขึ้นมา เมื่อได้ยินคำพูดของหลินซวนแล้ว พวกเขาจะเอ่ยสิ่งใดได้อีก?

ท้ายที่สุด ตัวอ่อนกระบี่เล่มนั้นก็ลอยกลับไปยังอุ้งมือของหลินซวน แม้ว่ามันจะเป็นสมบัติที่ล้ำค่า แต่บรรพชนสกุลหลินย่อมไม่ปฏิบัติกับหลินซวนเช่นเด็กน้อยคนอื่น และเขาเองก็มิได้ใช้สถานะของตนเองบีบบังคับให้หลินซวนส่งสมบัติชิ้นนั้นมาให้ตนแต่อย่างใด

หลินซวนเองก็รับกระบี่นั้นมาอย่างมิได้มากพิธี อย่างไรเสียมันก็เป็นแบบจำลองของสมบัติครั้นบรรพกาล สี่กระบี่สังหารเทพ เขาจำเป็นต้องใช้ตัวอ่อนกระบี่เล่มนี้เช่นกัน และมิแน่ว่าในอนาคตเขาอาจจะสามารถชำระล้างและทำให้มันกลายเป็นกระบี่เทพอย่างแท้จริง

หลังจากรับกระบี่เล่มนั้นมา หลินซวนก็อ้าปากของตนออกและกลืนตัวอ่อนกระบี่ลงไปอย่างช้าๆ

ฉากนี้ทำเอาบรรพชนสกุลหลินและจ้าวห้วงเหวนิ่งค้างไปด้วยความตกตะลึง

งานเลี้ยงฉลองที่จัดขึ้นเป็นเพราะตระกูลหลินสามารถเอาชนะราชวงศ์อมตะได้อย่างเด็ดขาด สมาชิกสกุลหลินทุกคนล้วนแล้วแต่ยินดียิ่งนัก ใบหน้าของพวกเขาไร้ซึ่งความกังวลใจ และพวกเขาเองก็ซาบซึ้งที่ตระกูลซวนและตระกูลเป่ยเฉินยื่นมือมาให้ความช่วยเหลือเช่นกัน พวกเขาจึงพยายามดูแลแขกจากทั้งสองตระกูลอย่างเต็มที่

นี่เป็นเพราะว่าวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่นี้นั้น ช่างเป็นเรื่องยากยิ่งที่ตระกูลใดๆ จะยอมให้ความช่วยเหลือแก่ตระกูลหลิน

กล่าวได้ว่าตระกูลซวนและตระกูลเป่ยเฉินนั้นคือมิตรแท้ของตระกูลหลินอย่างแน่นอน

“ครั้งนี้ ข้าขอแสดงความยินดีกับตระกูลหลินที่สามารถเอาเอาชนะกองทัพนับล้านจากราชวงศ์อมตะมาได้อีกทั้งยังสังหารพวกมันได้ทั้งหมด กระทั่งเหล่ายอดฝีมือแดนก่อตั้งจิตทั้งห้าของราชวงศ์ก็ยังต้องประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่หลวง หนึ่งตกตาย หนึ่งการบ่มเพาะถูกทำลาย และอีกสามคนที่เหลือบาดเจ็บสาหัส ข้าเกรงว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้ ไม่ว่าราชวงศ์จะมั่งคั่งเพียงใด แต่พวกมันก็ต้องใช้จ่ายอย่างมหาศาลเพื่อฟื้นฟูสิ่งที่เสียไป”

“ย่อมเป็นเช่นนั้น หลังจากสงครามครั้งนี้ ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่ราชวงศ์อมตะจะสามารถฟื้นคืนพลังกำลังของพวกมันกลับมาได้ในเวลาอันสั้น!” เป่ยเฉินจ้านยิ้มออกมา

กล่าวตามตรง ในระหว่างที่เกิดสงครามอยู่นั้น เป่ยเฉินจ้านกำลังกักตัวบ่มเพาะปราณ ทำให้เขามาไม่ทันในยามที่ทั้งสองฝ่ายปะทะกัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด