ตอนที่แล้วบทที่ 5 ไม่งั้นผมจะให้พรพี่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 7 ลดน้ำหนัก

บทที่ 6 หนึ่งปีมี 365 วัน


บทที่ 6 หนึ่งปีมี 365 วัน

ในครัว เจียงเสี่ยวอารมณ์ดี ฮัมเพลงเบาๆไปล้างจานไป

แม้ว่าร่างกายนี้จะเป็นน้องชาย แต่ท้ายที่สุดแล้วเจียงเสี่ยวก็เป็นผู้ใหญ่

หลังจากเจียงเสี่ยวรวมความทรงจำเข้ากับความจำของเจียงเสี่ยวผี เขาก็รู้สึกถึงความลำบากของหานเจียงเสวี่ยผู้แข็งแกร่งมากขึ้น ภายในใจของเจียงเสี่ยวได้ถือว่าเธอเป็นน้องสาวของเขาแล้ว เขาจึงพร้อมที่จะล้างจาน กวาดบ้าน ทำงานบ้าน เก็บขยะ และทำงานอย่างอื่นมากขึ้น

เขาจะดูแลเด็กสาวผู้เข้มแข็งคนนี้ให้ได้มากที่สุด เธอช่างน่าสงสารจริงๆ พ่อแม่ออกไปทำงาน แล้วไม่ได้กลับมาอีกเลย

เธอไม่เพียงแต่จะสูญเสียพ่อแม่ที่พึ่งพาไปเท่านั้น แต่เรื่องยังเลวร้ายลงไปอีก เพราะเธอยังต้องดูแลเด็กงี่เง่าอย่างเจียงเสี่ยวผี

หานเจียงเสวี่ยผู้ยังทำอะไรไม่ถูก ต้องกลายมาเป็นที่พึ่งของคนอื่นแทน โลกไม่เที่ยงจริงๆ

ไม่เพียงเธอต้องไปโรงเรียนเท่านั้น เธอยังต้องฝึกฝนพลังดาว เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆของโรงเรียน หลังจากกลับมาถึงบ้านก็ยังต้องมาดูแลเจียงเสี่ยวผีอีก โชคดีที่เธอยังเป็นเด็กสาวที่มีชีวิตชีวา หากเปลี่ยนเป็นคนวัยกลางคนหรือผู้สูงอายุ เกรงว่าเธอคงหมดแรงไปแล้ว

ครอบครัวนี้รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ แน่นอนว่าต้องขอบคุณพ่อกับแม่ที่คอยช่วยเหลือ คุณพ่อหานเฉิง และคุณแม่เจียงหงเย่ ต่างเป็นผู้ตื่น แต่เจียงเสี่ยวไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นผู้ตื่นระดับไหน

แม้ว่าทั้งสองจะจากไป แต่พวกเขายังทิ้งเงินจำนวนมากไว้ให้ครอบครัว แน่นอนว่าอำนาจทางการเงินของครอบครัวอยู่ในมือของหานเจียงเสวี่ย แม้เจียงเสี่ยวจะไม่รู้ว่าเงินของครอบครัวเหลืออยู่เท่าไหร่ แต่มื้อเที่ยงวันนี้ยังเป็นหมูตุ๋น ประมาณว่ามีเหลือพอดูแลครอบครัวได้อยู่

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะยังมีเงินอยู่ก็ตาม แต่การใช้จ่ายออกไปทุกวันโดยไม่มีรายได้ ไม่ช้าก็เร็วคงได้กินอากาศ

ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ ในเมื่อเจียงเสี่ยวเข้ามาอยู่ในครอบครัวนี้แล้ว แน่นอนว่าเขาต้องรับผิดชอบ เพราะมันเป็นหน้าที่ของผู้ชาย

เจียงเสี่ยวมีมือมีเท้า การหาเงินเพื่อครอบครัวก็ไม่ได้ทำให้คนตาย เพียงแต่มันสามารถแบ่งแยกจิตใจคนว่าสูงหรือต่ำเท่านั้น และไม่ได้ทำให้ผู้คนเสียหน้าแต่อย่างใด

ไปเป็นเด็กล้างจานในร้านอาหาร เป็นเด็กส่งของ ไปเป็นเด็กปั๊ม เรียกว่า เรียนไปด้วยทำงานไปด้วย เพื่อหาประสบการณ์ชีวิต และนำมาซึ่งรายได้บางส่วน

แต่ตอนนี้ เขาสามารถปลุกทักษะดาวได้แล้ว จึงเป็นไปได้ที่เจียงเสี่ยวจะมีหนทางหาเงินมากขึ้น

เจียงเสี่ยวรู้สึกว่าถ้าเขาไปทำงานที่โรงพยาบาลอย่างเชื่อฟัง เขาจะสามารถรักษาผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยได้อย่างสมบูรณ์

อะไรจะเกิดขึ้น? ถ้ามีผู้ป่วยที่บังเอิญมีดบาดมือเป็นแผลใหญ่?

ต้องการยา? ต้องการเย็บแผล? ต้องการพันแผล? ต้องใช้เวลารักษา?

ไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย แค่มาหาฉัน ก็รักษาได้ผลทันที!

ถ้าจะถามว่าฉันรักษาได้อย่างไร?

ไม่ ฉันไม่ได้รักษา

ฉันแค่ให้พร!

เฮ้น้องชายข้อเท้าแพลงตอนเล่นบาสเก็ตบอลงั้นเหรอ? เจ็บมั๊ย? บวมมั๊ย? เคลื่อนไหวไม่สะดวกใช่มั๊ย?

ต้องการหายไหม? ฉันช่วยได้นะ!

แล้วจะช่วยลดอาการบวมและอาการปวดยังไง?

เหอ เหอ ฉันก็ให้พรนายไง!

ด้วยวิธีนี้ไม่เพียงจะสามารถฝึกฝนทักษะดาวแล้ว ยังสามารถฝึกฝนความชำนาญในทักษะดาวนี้ด้วย แต่ทักษะดาวนี้จะเป็นอย่างไรหากต้องเผชิญกับอาการบาดเจ็บจริง?

หากไปนั่งรอแล้วไม่มีผู้ป่วย เจียงเสี่ยวไตร่ตรองต่อไป งั้นก็นั่งฝึกทักษะพื้นฐาน: พลังดาวสมบูรณ์ ระหว่างรอไปสิ

ฆ่านกสองตัวด้วยหินก้อนเดียว

มันเป็นการตัดสินใจที่มีความสุขมาก การตั้งเป้าหมายเล็กๆให้กับตัวเอง อย่างน้อยก็ไม่เพิ่มภาระให้กับครอบครัวอีกต่อไป เขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว มันน่าอายเกินไปที่จะไปขอเงินค่าขนมจากหานเจียงเสวี่ยอีก

เอ๋?

แล้วการเดินทางไปทั่วพันภพ กับพเนจรไปทั่วโลกล่ะ? ทำไมถึงมาลงเอยที่โรงพยาบาล…

ในบ้าน จู่ๆเด็กสาวก็เปิดประตูห้อง แล้วหานเจียงเสวี่ยที่สวมชุดสีขาวก็เดินออกมาด้วยใบหน้าที่งดงามและเย็นชาราวกับนางเซียน

เมื่อเดินผ่านห้องครัว หานเจียงเสวี่ยก็ได้ยินเสียงดังอยู่ข้างใน เห็นได้ชัดว่าเจียงเสี่ยวผีกำลังล้างจานอยู่

ภายใต้สถานการณ์ปกติ หานเจียงเสวี่ยจะไม่สนใจเจียงเสี่ยวผี และออกจากบ้านไปทำธุระของตัวเอง

แต่วันนี้ น้องชายที่โดนเธอตบกะโหลกดูมีมารยาทดีมากขึ้น แม้จะยังมีท่าทางเหมือนเดิม แต่เขาก็ไม่ได้ทำเรื่องตลกไร้สาระอีก และยังทำความสะอาดห้อง ตอนนี้ยังทำความสะอาดครัวด้วย

เวลานี้หานเจียงเสวี่ยชื่นชมน้องชายจริงๆ และรู้สึกว่าน้องชายโตขึ้นแล้ว อีกทั้งยังรู้สึกว่า… อืม น่าจะตบแบบนี้ไปตั้งนานแล้ว

ราวกับว่าน้องชายของเธอรู้แจ้งในทันที หานเจียงเสวี่ยหยุดลงตรงประตูครัว และพร้อมที่จะเข้าไปบอกเขาว่าเธอมีแผนจะออกไปทำธุระนอกบ้าน

“เจียง…” หานเจียงเสวี่ยร้องเรียกยังไม่ทันจบ เธอก็ต้องหยุดเสียง เพราะเธอไม่เพียงแต่จะได้ยินเสียงกระทบกันของจานในครัว แต่ยังได้ยินเสียงร้องเพลงดังมาจากทางด้านในด้วย

เธอได้ยินเสียงฮัมเพลงที่น่าสนใจของเจียงเสี่ยวผี

“หนึ่งปีมี 365 วัน ผมจะให้พรคุณ 365 พร…”

หานเจียงเสวี่ยถึงกับชะงักการเคลื่อนไหว จู่ๆ ในใจก็รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาอย่างกะทันหัน

สามวินาทีต่อมา เธอก็หันหลังกลับ เดินไปใส่รองเท้าสีขาวส้นเตี้ย และเดินออกจากบ้านโดยไม่หันกลับไปมองอีก

ปัง!

“หือ?” เจียงเสี่ยวที่อยู่ในครัวได้ยินเสียงดังจากการปิดประตูบ้าน ก็วางจานที่ล้างอยู่ เช็ดมือแล้วเดินออกไปดู

“หานเจียงเสวี่ย?” เจียงเสี่ยวตะโกนเรียกหาด้วยความสงสัย

แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ

“หานเจียงเสวี่ย?” เจียงเสี่ยวตะโกนเรียกหาอีกเป็นครั้งที่สอง และมองหา แต่ก็ไม่พบใครเลย

“เด็กคนนี้ จะออกไปข้างนอกทำไมไม่บอกกันสักคำ” เจียงเสี่ยวพูดอย่างช่วยอะไรไม่ได้ “ไม่ ต่อไปต้องมีกฎเกณฑ์ ช่วงบ่ายไม่เป็นไร แต่ถ้าออกไปตอนกลางคืนต้องมาบอกฉัน ไม่ว่ายังไงเธอก็ยังเป็นเด็ก”

เมื่อพูดแบบนี้ด้วยเสียงที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ มันฟังดูไม่ค่อยลงรอยนัก แต่เจียงเสี่ยวก็ไม่ได้รู้สึกอะไร เขาหยิบกระดาษทิชชูออกมาสั่งน้ำมูกอย่างแรง

เดี๋ยวนะ?

ไข้หวัดสามารถใช้พรรักษาให้หายเร็วขึ้นได้ไหม?

เจียงเสี่ยวนิ่งไป จากนั้นระดมพลังดาวที่น้อยนิดอย่างน่าสมเพชในร่าง และกดมือขวาลงบนศีรษะของตัวเอง แล้วแสงสีขาวก็ปกคลุมร่างของเจียงเสี่ยว!

แล้วสีหน้าของเจียงเสี่ยวก็เปลี่ยนไป เพราะ… มันฟินจริงๆ

เมื่อได้อาบแสงสีขาว เจียงเสี่ยวรู้สึกอบอุ่นไปทั้งร่าง แขนขาอ่อนแรง กล้ามเนื้อที่ตึงเครียดผ่อนคลายลงอย่างมาก และมีความรู้สึกมีชีวิตชีวาแปลกๆ ไหลเข้าสู่ร่างกาย

เหมือนยืนอยู่ท่ามกลางฤดูใบไม้ผลิของเดือนมีนาคม เพลิดเพลินไปกับสายลมอบอุ่น ภายใต้บรรยากาศเย็นสดชื่น

ราวกับได้นอนอาบแดดอย่างเกียจคร้าน ดื่มด่ำกับความงดงามของชีวิตในต้นฤดูใบไม้ร่วงที่อากาศเย็น แต่ยังไม่หนาว

เจียงเสี่ยวอดครางเหมือนหมูที่กินอิ่มออกมาไม่ได้ “อ่า~”

ในที่สุด เจียงเสี่ยวก็โจมตีใส่ตัวเอง!

ในขณะที่เจียงเสี่ยวกำลังให้นมตัวเองอยู่นั้น หานเจียงเสวี่ยได้ก้าวออกมาจากลิฟต์ที่ชั้นล่างแล้ว ทั้งคู่อาศัยอยู่บนชั้นเจ็ด และบนชั้นนี้มีผู้อาศัยอยู่ 2 ครอบครัว

(ให้นมตัวเอง หมายถึงกำลังฮีลตัวเอง หรือกำลังรักษาตัวเอง)

และประตูห้อง 702 ที่เป็นเพื่อนบ้านของสองพี่น้อง ก็เป็นประตูนิรภัยที่สร้างเสร็จแล้ว ที่หน้าประตูมีพรมวางอยู่ เห็นได้ชัดว่ามีผู้อยู่อาศัย แต่เจ้าของบ้านเป็นเหมือนมังกรเห็นหัวไม่เห็นหาง ซึ่งสองพี่น้องไม่เคยพบหน้า

บ้านที่หานเจียงเสวี่ยกับเจียงเสี่ยวผีอาศัยอยู่ เป็นบ้านที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้ อยู่ในย่านที่ดี แม้จะไม่ได้หรูหรามากนัก แต่อย่างน้อยก็เงียบสงบและมีต้นไม้ร่มรื่น

เมื่อนางเซียนสาวพี่สาวตัวน้อยเดินออกจากอาคาร เหล่าพ่อเฒ่ายายแก่ที่นั่งพักผ่อนเพลิดเพลินไปกับอากาศเย็นๆในศาลาก็ผลัดกันระดมยิงปืนใหญ่ใส่เธอ แต่เธอก็นิ่งไม่ตอบโต้ และเดินผ่านความยากลำบากนี้ออกไปนอกประตูชุมชน

“ทำไมเธอไม่บอกพวกเขาล่ะว่าเธออายุแค่ 18 ยังไม่ได้จบม.ปลายเลย” สาวผมสั้นสุดฮอตนั่งอยู่บนที่นั่งคนขับของรถจิ๊ปกล่าว เธอสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีขาว กางเกงขาสั้นผ้ายีนส์ อวดรูปร่างสวยงาม

ประตูรถจิ๊ปเปิดกว้าง กระจกหน้าต่างถูกลดลงมา ขายาวของสาวผมสั้นซ้อนทับกัน และมองดูหานเจียงเสวี่ยที่เดินอย่างเขินอายเข้ามาหา และคำพูดของเธอก็เจือไว้ด้วยน้ำเสียงยั่วเย้า

หานเจียงเสวี่ยจ้องมองสาวผมสั้นอย่างเย็นชาโดยไม่พูดอะไร

ยังไม่จบม.ปลาย? อายุ 18? มันจะมีประโยชน์อะไร? ลุงป้าพวกนั้นบอกว่าตอนพวกเขาอายุ 18 ลูกๆของพวกเขาก็อายุหลายขวบแล้ว…

“โย่ เสวี่ย เสวี่ยโกรธแล้ว น่ารักจังเลย” สาวผมสั้นเหยียดขายาวเหยียบลงบนพื้น และใช้มือข้างหนึ่งปัดผมสั้นสีน้ำตาลแดงที่ดัดเป็นลอนเล็กน้อย เธอยืนขึ้นและตรงเข้าไปกอดหานเจียงเสวี่ยที่กำลังเดินใกล้เข้ามา

หานเจียงเสวี่ยผลักสาวผมสั้นด้วยความรังเกียจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะอีกฝ่ายแข็งแรงกว่า ท้ายที่สุดเธอก็ต้องยอมรับชะตากรรม ปล่อยให้อีกฝ่ายกอดรัด

“มาหาฉันทำไม?” หานเจียงเสวี่ยรีบหลบให้ไกลที่สุด แต่อารมณ์ที่ซ่อนอยู่ภายในดวงตาของเธอ เป็นมากกว่าความผ่อนคลาย

“ไปเล่นกันเถอะ วันหยุดของเธอไม่ใช่เหรอ? มัวทำอะไรอยู่ที่บ้านทุกวัน? ถ้าฉันไม่มาหา เธอคงไม่ยอมออกจากบ้าน” สาวผมสั้นคว้าแขนของหานเจียงเสวี่ยแล้วลากไปที่รถ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด