ตอนที่แล้วบทที่ 4 ขอผมให้พรพี่ต่อนะ!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 6 หนึ่งปีมี 365 วัน

บทที่ 5 ไม่งั้นผมจะให้พรพี่


บทที่ 5 ไม่งั้นผมจะให้พรพี่

“หยุด หยุดก่อน เสี่ยว…เสี่ยวผี” หานเจียงเสวี่ยยกมือปิดหน้า โน้มตัวเอาศอกวางไว้บนโต๊ะ และกระซิบเบาๆ

ว้าว

เสียงพูดแผ่วเบา

นุ่มนวลหวานแหวว

ความเย็นชาตามปกติหายไปไหน?

เจียงเสี่ยวหยุดในเวลาที่เหมาะสม แล้วจู่ๆ เขาก็ตระหนักว่าทักษะดาวที่เขาได้รับ ดูเหมือนจะไม่ใช่ความสามารถที่จริงจัง?

แล้วการฟื้นฟูพลังชีวิตของเพื่อนร่วมทีมล่ะ? แล้วการรักษาบาดแผลให้เพื่อนร่วมทีมล่ะ?

ทำไมถึงได้มีผลลัพธ์เป็นการเล้าโลมแบบนี้ได้?

บรรยากาศในครัวน่าอึดอัดมาก และห้องก็เงียบไปสักพัก

เจียงเสี่ยวรู้ว่าเด็กสาวก้มหน้าต่ำทำไม เขาทำลายความเงียบด้วยการพูดเล่นว่า “ดูเหมือนพี่จะได้รับพรที่ผมให้แล้ว”

หานเจียงเสวี่ยเงยหน้าขึ้นทันที ซึ่งทำให้เจียงเสี่ยวดูชั่วร้ายมาก

หากเป็นเมื่อ 10 นาทีก่อน เจียงเสี่ยวสามารถรับประกันได้เลยว่า จะต้องได้รับการชำเลืองมองอย่างเย็นชาและดูถูก จนทำให้เขารู้สึกปวดร้าวใจ

แต่ตอนนี้ดวงตาของหานเจียงเสวี่ยดูดุร้ายเหมือนบรรดาหญิงสาวที่ไม่มีความสามารถในการต่อสู้ แต่ยังรักษาอาการไว้ให้ดูสง่าต่อหน้าน้องชาย

“พร” คุณภาพทองเหลืองยังมีพลังมากขนาดนี้

แล้ว “พร” หลังจากอัพเกรดคุณภาพแล้วจะเป็นอย่างไร? จะไม่พุ่งขึ้นไปเจาะสวรรค์หรือ?

เจียงเสี่ยวครุ่นคิด ตามความทรงจำของเจียงเสี่ยวผี คุณภาพของทักษะดาวกับสัตว์เลี้ยงดาวถูกแบ่งด้วยคุณภาพนี้

นอกเหนือจากคุณภาพทองเหลืองแล้ว ยังมีคุณภาพเงิน คุณภาพทอง คุณภาพแพลตตินั่ม และคุณภาพเพชรที่เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นคุณภาพสูงสุด

ในความทรงจำของเจียงเสี่ยวผี ในคุณภาพทั้ง 5 คุณภาพทองเหลืองเป็นระดับต่ำสุด และสูงสุดก็คือคุณภาพเพชร แต่ตามข้อมูลในออนไลน์ระบุว่า ยังมีคุณภาพที่อยู่สูงกว่าคุณภาพเพชรอีก เพียงแต่โลกยังไม่รู้เท่านั้น และคาดว่ามีเพียงตัวตนระดับเทพเท่านั้นที่จะมีทักษะดาวและสัตว์เลี้ยงดาวที่มีคุณภาพที่เหนือกว่าระดับเพชร

โลกไม่รู้?

แต่เจียงเสี่ยวผู้ข้ามผ่านมารู้!

แล้วมันจะยังเป็นคำถามอยู่อีกหรือไม่?

เหนือกว่าเพชรคือปรมาจารย์!

เหนือกว่าปรมาจารย์คือจักรพรรดิ!

……

“โชคดีจริงๆที่เป็นทักษะทางการแพทย์” หานเจียงเสวี่ยที่ได้รับพรไปมากมาย ทำให้น้ำเสียงที่เย็นชาอ่อนลงไปมาก มณฑลเป่ยเจียงอุดมไปด้วยผีขาว ในบรรดาผู้ตื่นที่ได้รับทักษะดาว มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ที่ดูดซับทักษะ ‘พร’ ได้จริงๆ”

“อืม” เจียงเสี่ยวรู้ว่าตอนนี้เขามีความคิดซุกซนเล็กน้อย ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเด็กสาวต้องแสร้งวางท่าสง่างาม ดังนั้นเจียงเสี่ยวจึงพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง

“ไม่ นายไม่เข้าใจหรอก เพราะนายไม่รู้ว่าทักษะทางการแพทย์มีค่าขนาดไหน” หานเจียงเสวี่ยถอนหายใจเบาๆและจ้องหน้าเจียงเสี่ยวราวกับว่ากำลังมองลูกชายผู้โง่เขลาของครอบครัว

“ในบรรดาผู้ตื่นหนึ่งร้อยคน อาจมีผู้ตื่นเพียงคนเดียวที่มีทักษะทางการแพทย์ ทักษะดาวประเภทนี้หาได้ยาก ในโลกนี้เต็มไปด้วยผู้ตื่นที่มีพลังแห่งกฎที่รุนแรง และมีผู้ตื่นที่มีพลังระยะประชิด แต่มีผู้ตื่นไม่กี่คนเท่านั้นที่มีพลังในการรักษา” หานเจียงเสวี่ยดูเหมือนกำลังโล่งใจที่ได้เปิดใจคุยกัน

“นายรู้ไหม ผู้ตื่นที่มีพลังประเภทเสริมทีม โดยเฉพาะพลังทางการแพทย์ เป็นที่นิยมมากขนาดไหน?”

หานเจียงเสวี่ยพูดต่อไปว่า “หลังจากเรียนจบ เราจะได้เข้าร่วมสถาบันต่างๆในประเทศ หน่วยงานส่วนใหญ่จะมีเจ้าหน้าที่ภาคสนาม ทีมสี่คนคือค่ากำหนดพื้นฐาน สำหรับบุคลากรภาคสนาม ผู้ตื่นทุกคนต่างหวังว่าในทีมสี่คนของตนจะมีผู้ตื่นทางการแพทย์”

“ผู้ตื่นทางการแพทย์เป็นตัวแทนของความอดทนของทีม และประสิทธิภาพในการต่อสู้ที่มั่นคง เป็นตัวช่วยชีวิตทีมได้ในช่วงเวลาวิกฤติ แม้ว่าแผนที่ดาวของผู้ตื่นทางการแพทย์คนนั้นจะมีเพียงทักษะทางการแพทย์อย่างเดียวก็ตาม”

หานเจียงเสวี่ยมองเจียงเสี่ยวผีด้วยความชื่นชม

นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่เจียงเสี่ยวข้ามผ่านมา ที่เขาเห็นเด็กสาวที่เย็นชาผู้นี้มองเขาในแง่ดี

“น่าเสียดายที่มันเป็นเพียงพรคุณภาพทองเหลือง” คำพูดของหานเจียงเสวี่ยเปลี่ยนไป แม้เธอจะพูดว่าเสียดาย แต่การแสดงออกของเธอก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก แล้วเธอก็พูดต่อไปว่า “ฉันไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องอนาคตของนายอีกต่อไป นายไปโรงเรียนตามปกติ หลังจากจบการศึกษาฉันจะหางานให้นายไปเป็นหมอในโรงพยาบาล พูดได้เลยว่านี่เป็นทางออกที่ดีที่สุด”

เจียงเสี่ยว: ? ? ?

โชคชะตาของฉันต้องให้เธอจัดการด้วย?

ร่างกายนี้เพิ่งจบชั้นมัธยมปี 3 เองไม่ใช่เหรอ? มาพูดแบบนี้ได้ไง?

ตอนนี้ฉันยังเป็นดอกไม้แห่งมาตุภูมิ (เด็ก) ใช่ไหม? ตราบใดที่ฉันพยายามฝึกฝนอย่างหนัก ฉันย่อมมีโอกาสอีกมากมาย!

เจียงเสี่ยวผี เจียงเสี่ยวผี นี่พี่สาวของนายผิดหวังกับนายขนาดไหนกันเนี่ย

ตอนแรกฉันต้องการหาวิธีเดินออกไปสู่เส้นทางแห่งการเป็นพระเจ้า ผลเป็นไงล่ะ? หานเจียงเสวี่ยกลับปูทางให้ฉันเข้าทำงานในโรงพยาบาลโดยตรง

เอ๋?

เดี๋ยวนะ

ถึงอย่างไร การเป็นหมอก็เป็นเรื่องที่ดีจริงๆ สิ่งที่แก้ไขไม่ได้ด้วยวิธีทางการแพทย์ปกติ เจียงเสี่ยวสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยพลังดาวและทักษะดาว

หากต่อไป เจียงเสี่ยวสามารถปรับปรุงคุณภาพของทักษะ ‘พร’ มันก็อาจสามารถช่วยผู้ป่วยที่กำลังจะตายบางคนได้ด้วยซ้ำ ซึ่งก็นับเป็นคุณธรรมที่ดี

สิ่งนี้ไม่มีความหมายงั้นเหรอ?

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เจียงเสี่ยวอดไม่ได้ที่จะไตร่ตรอง เขาเพิ่งมาที่นี่ได้ไม่ถึงสองชั่วโมง ได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ต้องยอมรับในสิ่งแปลกใหม่มากมาย เขาต้องใช้เวลาสักครู่สำหรับสงบสติอารมณ์ เพื่อคิดถึงอนาคตของตัวเอง

เพราะท้ายที่สุดแล้ว เจียงเสี่ยวก็ไม่ใช่วัยรุ่นโง่เขลาอายุ 16 ปีจริงๆ แต่เป็นผู้ใหญ่อายุ 25 ปีที่มีความคิดแบบผู้ใหญ่

หลังจากยอมรับและผสมผสานไปกับโลกที่แปลกประหลาดนี้ เขาก็วางแผนชีวิตให้กับตัวเอง และการค้นหาความทะเยอทะยานที่แท้จริงก็กลายเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกของเจียงเสี่ยว

อาชีพอย่างหมอย่อมมีเกียรติและเป็นประโยชน์ต่อสังคมอย่างแท้จริง แต่ถ้ามีแต่อาชีพนี้เป็นทางเลือกเดียว มันจะไม่สิ้นหนทางเกินไปหน่อยเหรอ?

อุตส่าห์ได้ข้ามมายังโลกแปลกประหลาดนี้โดยบังเอิญ มันก็ต้องถึงเวลาของการเดินทางที่แปลกประหลาดไม่ใช่เหรอ? มิฉะนั้นฉันมิต้องไปขออภัยเหล่ารุ่นพี่ผู้ข้ามมิติเหล่านั้นหรือ?

อืม…

แล้วฉันก็ต้องไปขออภัย พี่สาวตัวน้อยที่อุตส่าห์โบกกะโหลกจนฉันได้ข้ามมาที่นี่ด้วยเหมือนกัน

พลังดาว ทักษะดาว สัตว์เลี้ยงดาว บวกกับโลกต่างมิติที่อธิบายไว้บนอินเตอร์เน็ต และเหล่าดอกไม้งามทั้งหลายกำลังรอให้เจียงเสี่ยวไปลิ้มลอง

อีกทั้งร่างกายนี้ยังมีแผนที่ดาวที่มีมุมมองภายในแนบมาด้วย ถ้าเจียงเสี่ยวต้องเลือกอาชีพประจำจริงๆ ก็นับว่าเป็นการเสียเปล่าอย่างแท้จริง

หานเจียงเสวี่ยมองดูน้องชายที่นิ่งสงบ ด้วยความรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ถ้าเป็นไปตามปกติ ตอนนี้น้องชายคงได้ ‘ลุกขึ้น’ มาโวยวายยกใหญ่แล้วว่า อาชีพหมอไม่ดี ไม่ทำงานนี้ จะออกไปเล่น และออกไปท่องโลก…

แต่เวลานี้เจียงเสี่ยวผีกลับเงียบอย่างน่าประหลาดใจ อาจเป็นเพราะเขาเพิ่งได้รับทักษะดาวมาจึงยังไม่อาจแยกแยะผลลัพธ์นี้ได้

หานเจียงเสวี่ยลุกขึ้นเดินไปหาเจียงเสี่ยวผี แล้วยื่นมือออกไปหมายจะลูบศีรษะของเขา แต่ก็หยุดชะงักอยู่กลางอากาศ

ท้ายที่สุด เธอก็ดึงมือที่หยุดอยู่กลางอากาศลง แล้วพูดว่า “อย่าเกเร อย่าถ่ายวิดีโองี่เง่าแบบนั้นอีก ฝึกฝนทักษะดาวให้ดี แล้วก็พยายามดูดซับพลังดาว”

พูดจบหานเจียงเสวี่ยก็เดินไปที่ประตูห้องครัว

ชะแว้บ…

ทันใดนั้นเด็กหนุ่มร่างผอมสูง 172 เซนติเมตร ก็มาปรากฏตัวขึ้นที่ประตูห้องครัว ขวางทางหานเจียงเสวี่ย

หานเจียงเสวี่ยตกตะลึงไปชั่วครู่ ดวงตาคู่งามจ้องมองตรงไปยังดวงตาสีเข้มของเจียงเสี่ยว แล้วเธอก็เห็นว่าเด็กหนุ่มขยับปากพูด

แต่แทนที่เสียงจะดังมาจากเด็กหนุ่มตรงหน้า มันกลับดังมาจากทางโต๊ะอาหารที่อยู่ด้านหลังของเธอ

“แม้ผมจะเพิ่งตื่น แต่ก็รู้ดีว่า ผู้ตื่นก็ถูกจำแนกประเภทเช่นกัน ผู้ตื่นที่ได้รับทักษะดาวทางการแพทย์ระดับต่ำ ถ้าได้ดูดซับทักษะดาวทางการแพทย์คุณภาพสูงอื่นๆ จะมีอัตราความสำเร็จสูง” เจียงเสี่ยวกล่าว

“และผู้ตื่นที่มีทักษะดาวประเภทเอาท์พุตที่รุนแรง ต่อให้พวกเขามีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดา ไม่ว่าจะมีคุณสมบัติที่สูงขนาดไหน และไม่ว่าจะมีช่องดาวมากขนาดไหนก็ตาม แต่เกรงว่าพวกเขาอาจไม่มีทักษะดาวทางการแพทย์ตลอดชีวิต เพราะร่างกายของพวกเขาไม่เหมาะกับการดูดซับทักษะดาวประเภทนี้”

ดวงตาของหานเจียงเสวี่ยเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย ขณะมองไปที่เจียงเสี่ยวผีที่อยู่ตรงหน้า แล้วค่อยๆหันกลับไปมองเจียงเสี่ยวผีที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่โต๊ะอาหารทางด้านหลัง

ภาพลวงตา! ?

ทักษะดาวที่สองของแม่มดผีขาว : เหยื่อล่อ! ?

หานเจียงเสวี่ยมองเจียงเสี่ยวอย่างงุนงง สองทักษะต่อหนึ่งช่องดาว! ?

สถานการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของมนุษย์เช่นกัน แต่ผู้ตื่นที่โชคดีแบบนี้หายาก!

“พี่ไม่กลัวว่าผมจะถูกไล่ล่าเหรอ?” เจียงเสี่ยวหันมามองหานเจียงเสวี่ยที่นิ่งงันอยู่ แล้วพูดต่อไปว่า “พี่ก็รู้ว่าคุณสมบัติของผมไม่สูงนัก ช่องดาวก็น้อยนิดอย่างน่าสงสาร แต่ผมเป็นผู้ตื่นทางการแพทย์นะ”

“พี่ก็รู้ว่าทางการแพทย์ขาดแคลนผู้ตื่น ดังนั้นไม่ว่าผมจะอ่อนแอขนาดไหนก็ตาม ก็อาจถูกคัดเลือกเข้าบางสถาบัน และเข้าไปมีส่วนร่วมในภารกิจที่ค่อนข้างอันตราย”

หานเจียงเสวี่ยโน้มตัวไปหาเจียงเสี่ยวเล็กน้อยและพูดกับเขาอย่างจริงจัง “ในขณะที่นายยังมีเพียงช่องดาวดวงเดียวที่ส่องสว่างในแผนที่ดาว อย่าใช้ทักษะดาวที่สองของนายต่อหน้าคนอื่น”

“ไม่มีปัญหา” เจียงเสี่ยวพยักหน้าอย่างเด็ดขาด

“ไม่มีปัญหา?” หานเจียงเสวี่ยเลิกคิ้วอย่างคิดไม่ถึง เพราะนิสัยตามปกติของน้องชายเป็นคนที่เห็นแก่ตัวและกบฏมาก แต่ตอนนี้กลับน่ารักและเชื่อฟังไม่เหมือนเคย

“แต่ผมมีเงื่อนไข” เจียงเสี่ยวพูด

“เงื่อนไข?” หานเจียงเสวี่ยพยักหน้า ไม่น่าแปลกใจเลยที่เด็กคนนี้จะเชื่อฟังมาก แล้วเธอก็พูดต่อไปว่า “พูดมา”

“ผมจะฝึกฝนให้หนักขึ้น” เจียงเสี่ยวเงยหน้าขึ้นไปมองหานเจียงเสวี่ย และพูดต่อไปว่า “แต่ตอนที่พี่ไปทุ่งหิมะครั้งต่อไป ขอให้พาผมไปด้วย”

เมื่อเห็นการแสดงออกที่จริงจังของเจียงเสี่ยวผี หานเจียงเสวี่ยก็ตอบด้วยสีหน้าเฉยเมยว่า “ทำไมฉันต้องให้สัญญากับนายด้วย?”

เจียงเสี่ยวยักไหล่ “เพราะไม่งั้นผมจะให้พรพี่”

หานเจียงเสวี่ยรีบพูดขึ้นทันที “ไม่ ไม่ต้อง…”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด