ตอนที่แล้วบทที่ 40 คุณชายเฮ่ากล้าดียังไงมาแตะต้องน้องสาวของฉัน!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 42 นี่คือท่วงท่าการยืนแบบทหารที่แท้จริง เขาได้กลายมาเป็นครูฝึก!

บทที่ 41 ในสามก๊ก เขาได้กลายเป็นพี่ใหญ่ของหลิวกว้านจาง!


บทที่ 41 ในสามก๊ก เขาได้กลายเป็นพี่ใหญ่ของหลิวกว้านจาง!

จ้าวซือไม่ได้ใส่ใจ เขาเพียงแค่ถามสาระทุกข์สุกดิบเท่านั้น จึงได้รู้ว่าเด็กคนนี้มีชื่อว่า หลี่จิ้ง เขาเป็นลูคีเมียมาได้สองสามปีแล้วและค่ารักษาพยาบาลก็สูงหลายแสนหยวน

เพื่อที่จะรักษาอาการเจ็บป่วยของลูกชาย หลี่ชานจึงได้ขายร้านตัดผมที่ได้รับตกทอดมาจากบรรพบุรุษของเขา หลังจากนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกต้องมาอาศัยฝีมือด้านศิลปะการต่อสู้เพื่อที่จะทำให้ตัวเองมีเงินใช้ หลังจากนั้นเขาก็จับพลัดจับผลูมาพบกับคุณชายเฮ่าเข้า

“เป็นไงบ้าง?” หลี่ชานถามด้วยความประหม่า

จ้าวซือคิดไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวว่า “ผมจะจ่ายยาเพื่อบรรเทาอาการเจ็บป่วยของลูกชายคุณ เมื่ออาการเขาดีขึ้นเขาจะได้ไปโรงเรียนตามปกติ แต่ว่า..มันไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้นะ”

เมื่อได้ยินดังนั้นหลี่ชานก็รู้สึกผิดหวังนิดหน่อยแต่เขาก็ยังคงกล่าวขอบคุณต่อจ้าวซือ ถ้ายาที่จ้าวซือสั่งจ่ายได้ผลจริงๆ อย่างน้อยๆ หลี่จิ้งก็จะได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติและเขาก็จะได้ไม่ต้องทำงานที่ขัดต่อสามัญสำนึกของเขาให้กับคุณชายเฮ่าเพื่อแลกกับค่ารักษาพยาบาลที่แพงมหาศาล

“คุณไม่จำเป็นต้องขอบคุณผมหรอกนะ ผมช่วยเหลือคุณก็เพื่อความสบายใจ” จ้าวซือเขียนใบสั่งยาให้กับหลี่ชานและลูกชายของเขาพร้อมกับทิ้งท้ายอย่างน่าจดจำว่า “ถ้าผมหาทางรักษาได้เมื่อไหร่ผมจะกลับมาหาคุณนะ”

หลังจากที่ออกมาจากโรงพยาบาลแล้ว จ้าวซือก็ขับรถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าของเขาไปท่ามกลางบรรยากาศยามค่ำคืนด้วยอารมณ์ที่ค่อนข้างสับสน

เหตุผลหนึ่งก็คือความปลอดภัยของจ้าวเมิ่งที่ยังคงต้องการการป้องกันมากกว่านี้ จ้าวเมิ่งเป็นคนในครอบครัวเพียงคนเดียวของเขาและเป็นคนที่เขาห่วงใยมากที่สุด

อีกเหตุผลหนึ่งคือเขารู้สึกเสียใจที่ทักษะทางการแพทย์ของเขายังไม่เพียงพอ แม้ว่าทักษะทางการแพทย์ของหมอหลวงเจียงจะยอดเยี่ยมที่สุดในวังหลวง แต่ก็ไม่สามารถที่จะรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวในระยะสุดท้ายชนิดนี้ได้

เมื่อเห็นเด็กน้อยต้องทุกข์ทรมาน จ้าวซือผู้ซึ่งตั้งใจแน่วแน่ที่จะเรียนแพทย์จึงรู้สึกทนไม่ได้

อีกด้านหนึ่ง ในโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในเมือง... คุณชายเฮ่ากำลังนอนรักษาตัวอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลเหมือนสุนัขที่ตายแล้ว บุคลากรทางการแพทย์กำลังให้การรักษาฉุกเฉินแก่เขา ขาทั้งสองข้างของเขาหัก ถ้ามันร้ายแรงจริงๆ เขาก็อาจจะกลายเป็นคนพิการก็เป็นได้

“ปรมาจารย์เทียน นี่คุณยังไม่เก่งพองั้นเหรอ? ทำไมถึงสู้มันไม่ได้...” คุณชายเฮ่าที่มีสีหน้าซีดเซียวและอ่อนล้าเอ่ยถามสุดยอดปรมาจารย์เทียนฉีที่อยู่ข้างกายเขา

ในตอนนี้มือทั้งสองข้างของปรมาจารย์เทียนฉีถูกพันเอาไว้ด้วยผ้าพันแผลและมีผ้าโยงไว้ที่หน้าอก เขาเองก็อยากจะร้องไห้ แต่ไม่มีน้ำตา “คุณชายเฮ่า ถ้าผมสู้เขาได้ ผมยังจะถูกทำร้ายปางตายแบบนี้ไหม ผมคิดว่าคุณควรจะหยุดตอแยผู้ชายคนนั้นซะ...”

“โอ๊ย! เจ็บชะมัด! ฉันจะปล่อยมันไปทั้งแบบนี้ไม่ได้หรอก!” คุณชายเฮ่าที่ถูกแตะต้องตัวโดยบุคลากรทางการแพทย์ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดอย่างรุนแรง มันช่างบีบคั้นหัวใจของเขา แววตาของเขามีแต่ความขุ่นเคือง

ปรมาจารย์เทียนฉีถอนหายใจ เขารู้ว่าเขาอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่โชคยังดีที่เมื่อมองดูอาการบาดเจ็บของคุณชายเฮ่าแล้ว เขาคงจะต้องพักฟื้นไปอีกสักระยะหนึ่ง

ในตอนรุ่งสางของวันรุ่งขึ้น

จ้าวซือตื่นเร็วกว่าปกติเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เขารีบตื่นเพื่อที่จะไปรับออเดอร์ส่งอาหารแต่เช้าตรู่ เพื่อที่ว่าเขาจะได้มีเวลารับออเดอร์อนันตภพให้มากขึ้นกว่าเดิม

บางทีมันอาจจะเป็นความจริงที่นกออกหากินแต่เช้า หลังจากที่จ้าวซือจัดส่งออเดอร์อาหารเสร็จสิ้น ก็มีเสียงแจ้งเตือนจากระบบดังขึ้นข้างๆ หูของเขา

“มีออเดอร์จากสามก๊ก เล่าปี่แห่งตระกูลฮั่น กำลังผจญภัยไปรอบๆ มณฑลจั้วเซียน ขณะนี้เขากำลังหิวโหยและกระหายน้ำและต้องการการจัดส่งอาหารอย่างเร่งด่วน เพื่อเติมเต็มความแข็งแกร่งของเขา คุณจะรับออเดอร์ตอนนี้หรือไม่?”

สามก๊ก? เล่าปี่?

จ้าวซือเงยขึ้นเมื่อเขาได้ยินชื่อเรื่องนี้ นี่มันเรื่องสามก๊ก แล้วเขาจะไม่ไปได้อย่างไรกัน?

“บี๊บ! บี๊บ! ออเดอร์ได้รับการตอบรับแล้ว! ชุดหูหมูได้ถูกสร้างขึ้นโดยอัตโนมัติในกล่องส่งอาหารแล้ว!”

"บี๊บ! บี๊บ! อุโมงค์อนันตภพกำลังจะเปิดในไม่กี่วินาที โฮสต์ โปรดเตรียมตัวเข้าไป!"

พร้อมกับเสียงแจ้งเตือนของระบบ จ้าวซือก็เดินไปที่มุมอับด้วยความคุ้นเคย เขาบิดคันเร่งจนสุดและรีบเข้าไปในอุโมงค์อนันตภพ

เมื่อผ่านอุโมงค์อนันตภพที่ลึกและเงียบสงบเข้าไปแล้ว จ้าวซือรู้สึกได้ถึงความสมจริงที่อยู่ด้านล่าง สภาพแวดล้อมโดยรอบได้กลายเป็นเมืองมณฑลของสามก๊กโบราณอย่างน่าประทับใจ แต่เมืองในมณฑลในตอนนี้ดูไม่สงบนัก

เขาเห็นว่าสภาพแวดล้อมนั้นสับสนวุ่นวาย มีคนสองคนกำลังต่อสู้กันอยู่

จ้าวซือเพ่งตามองและเห็นว่าหนึ่งในนั้นมีใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครา และดวงตาของเขาเบิกกว้าง นั่นกว้านจางไม่ใช่เหรอ?

ชายอีกคนที่มีใบหน้าสีแดงและมีเครายาว เห็นได้ชัดว่าเขาคือกวนอู

โดยที่ไม่ได้สนใจกว้านจางและกวนอู จ้าวซือมองไปรอบๆ ฝูงชนและพบกับเล่าปี่ที่มีติ่งหูยาวซึ่งกำลังเฝ้าดูการต่อสู้กันระหว่างทั้งสองคนนั้น

เมื่อเขาเห็นเล่าปี่ จ้าวซือก็ยืนพิงที่ด้านข้างของรถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าของเขา จากนั้นเขาก็เดินอย่างรวดเร็วเข้าไปหาและเอื้อมมือไปแตะที่ไหล่ของเล่าปี่

อีกฝ่ายกำลังจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อที่จะห้ามกว้านจางและกวนอู แต่เมื่อโดนจ้าวซือแตะตัวเขาจึงเอ่ยปากถามอย่างกังวลว่า “ทำแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?”

"ข้าเป็นพนักงานส่งอาหารเดลิเวอรี่แห่งอนันตภพ ข้าได้เดินทางไปทั่วอนันตภพเพื่อช่วยเหลือคนเช่นท่านที่ต้องการมัน ข้ารู้ว่าตอนนี้ท่านหิวแล้ว" จ้าวซืออธิบายให้เล่าปี่ฟังถึงเหตุผลที่เขามาที่นี่

เล่าปี่รีบส่ายหัว “ถ้าข้าสามารถที่จะห้ามปรามพวกเขาทั้งสองคนได้ บางทีข้าอาจจะได้ผู้ช่วยดีๆ อีกสองคน เพราะฉะนั้นในตอนนี้ข้าจะสนใจว่าข้าจะหิวหรือไม่ได้อย่างไร!?”

เมื่อได้ยินดังนั้น จ้าวซือก็นึกถึงโครงเรื่องสามก๊กและเข้าใจในความคิดของเขา เขาพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “สองคนนี้กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด แต่ตอนนี้ท่านกำลังอ่อนแอมากแล้วท่านจะหยุดพวกเขาได้อย่างไร? ทำไมท่านไม่ให้ข้าช่วยท่านล่ะ!”

หลังจากที่พูดเช่นนั้นแล้ว โดยที่ไม่สนใจว่าเล่าปี่จะตกลงหรือไม่ จ้าวซือก็หันหลังกลับและวิ่งไปทางกว้านจางและชายอีกคนเพื่อที่จะห้ามพวกเขา

กว้านจางและชายอีกคนเป็นผู้มีฝีมือ และพวกเขาอยู่ระหว่างการต่อสู้ที่ดุเดือด แล้วพวกเขาจะยอมแพ้ง่ายๆ ได้อย่างไร?

แต่ทว่าจ้าวซือก็ได้ไหลเวียนลมปราณภูติอุดรและก้าวไปข้างหน้า เขาคว้าแขนชายคนหนึ่งเอาไว้ด้วยมือข้างเดียวและแยกคนทั้งสองออกจากกันอย่างแรง

ทั้งคู่จ้องมองไปที่จ้าวซือ แต่กลับพบว่าพวกเขาไม่อาจที่จะฝืนแรงของจ้าวซือได้เลยแม้แต่น้อย

เมื่อเล่าปี่เห็นว่าจ้าวซือสามารถที่จะห้ามกว้างจางและชายอีกคนได้จริงๆ เมื่อสบโอกาส เขาก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและยกมือขึ้นคารวะและกล่าวว่า “พวกท่านทั้งสามคนเป็นนักรบที่มีทักษะเฉพาะตัว ข้าขอชื่นชมพวกท่าน!”

เมื่อได้รับคำชมกวนอูก็ดูถ่อมตัว นอกจากนี้กว้านจางยังได้กล่าวถึงสาเหตุที่เขาจู่โจมกวนอูเพียงเพราะเขาแค่อยากที่จะสัมผัสความสามารถของกวนอู และจากนั้นทั้งสองคนก็เปลี่ยนท่าทีที่ขัดแย้งมาเป็นเห็นพ้องต้องกันในทันที

“นักรบผู้นี้คือ?”กว้านจางจ้องมองจ้าวซือ แต่ความชื่นชมในแววตาของเขานั้นยิ่งใหญ่กว่า พลังที่จ้าวซือใช้หยุดเขาและกวนอูนั้นเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต

จ้าวซือกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า "ข้าเป็นพนักงานส่งอาหารเดลิเวอรี่แห่งอนันตภพ มาที่นี่เพื่อช่วยเหลือเล่าปี่"

เล่าปี่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ชายหนุ่มในชุดแปลกๆ คนนี้รู้จักชื่อของเขาเสียด้วย เมื่อเห็นว่าฟ้ากำลังจะตกเขาจึงถือโอกาสนี้ชวนพวกเขาไปหาที่หลบฝน

กว้านจางพาทั้งสามคนไปที่บ้านของเขา

“เล่าปี่ ข้าได้ช่วยท่านแล้วคราวนี้ถึงคราวที่ท่านต้องช่วยข้าบ้าง” จ้าวซือหยิบชามชุดหูหมูออกมาแล้ววางไว้ตรงหน้าของเล่าปี่

เล่าปี่ตะลึงและหัวเราะออกมา “ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น!”

หลังจากที่พูดเช่นนั้นแล้ว เขาก็ทำตามคำแนะนำของจ้าวซือและกินอาหารจนหมด นอกจากนี้เขายังชมอาหารแสนอร่อยที่จ้าวซือนำมาให้เขาอีกด้วย

พร้อมกันนั้นทั้งกว้านจางและกวนอูต่างก็ได้ชิมอาหารจานนั้นและรู้สึกประหลาดใจมาก กว้านจางหยิบเหล้าออกมาอย่างใจดีและขอให้พวกเขาทั้งสี่คนร่วมดื่มด้วยกัน

จ้าวซือไม่ได้ปฏิเสธและดื่มไปเล็กน้อย เขารู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมานิดหน่อย เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่าเขาจะได้มานั่งดื่มเหล้ากับกว้านจางและอีกสองคนนั้น  ประสบการณ์ครั้งนี้ช่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน

แต่ทว่าเมื่อเขานึกขึ้นได้ว่าเขากำลังจะได้พบกับเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น จ้าวซือจึงยิ่งมีสีหน้าที่เคร่งขรึมมากยิ่งขึ้น

หลังจากดื่มชาและอาหารเย็นแล้ว เล่าปี่ก็ตัดบทไปที่ประเด็นหลัก เขาเล่าให้ฟังเกี่ยวกับตัวตนของเขาในฐานะสมาชิกของตระกูลฮั่น ทั้งสามคนต่างก็มีใจเป็นหนึ่งเดียวกันและต้องการสร้างไมตรีต่อกัน เล่าปี่มองมาที่จ้าวซือด้วยความหวัง ถ้าเขาได้รับความช่วยเหลือจากคนๆ นี้ เขาก็จะประสบความสำเร็จในสิ่งที่ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน

แต่ทว่าจ้าวซือก็ทำได้เพียงตอบปฏิเสธและบอกว่าเขาไม่ได้อยู่ในโลกแห่งนี้ ดังนั้นจึงไม่มีความหมายที่จะร่วมเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับพวกเขา

เล่าปี่ยังคงอิดออด แต่เขาก็ยังโค้งคำนับและกล่าวว่า “ถ้าวันนี้ข้าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากท่าน ข้าก็คงจะไม่ได้รู้จักกับพี่ชายที่ดีสองคนนั้นได้ ข้ายินดีที่จะเรียกท่านว่า พี่ใหญ่!”

กวนอูเองก็ยกมือขึ้นคารวะเขาและกล่าวว่า “ในเมื่อท่านเป็นพี่ใหญ่ของพี่เล่าปี่ ดังนั้นท่านก็เป็นพี่ใหญ่ของข้าเช่นกัน!”

“ข้าด้วยนะ พี่ใหญ่!” กว้านจางเองก็ยกมือขึ้นคารวะจ้าวซือ

ส่วนจ้าวซือนั้นเขาไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ตอนนี้เขาได้กลายเป็น “พี่ใหญ่” ของเล่าปี่ กว้านจางและกวนอูแล้ว เขาขอร้องให้ทั้งสามคนยกโทษให้เขา

เมื่อถึงตอนนี้การแจ้งเตือนของระบบก็ดังขึ้นในหูของจ้าวซือ

"บี๊บ! บี๊บ! การจัดส่งออเดอร์เสร็จสิ้นแล้ว อุโมงค์อนันตภพกำลังจะเปิดในไม่กี่วินาที โฮสต์ ได้โปรดเข้าไป..."

หลังจากที่ได้ยินเสียงการแจ้งเตือนของระบบ จ้าวซือก็กล่าวอำลาทั้งสามคนและจากไป

หลิวกว้านจางเดินตามไปติดๆ เพื่อไปส่งจ้าวซือ เขาเห็นจ้าวซือขึ้นขี่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าและบิดคันเร่ง ภายใต้พายุฝนฟ้าคะนองจ้าวซือก็พุ่งเข้าไปในวังวนสีน้ำเงินอมม่วงและหายตัวไป

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด