ตอนที่แล้วEp.45 - สามคนสามเส้นทาง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.47 - สถานการณ์ภายใต้น้ำนิ่ง

Ep.46 - ทำข้อตกลงกับอาจารย์ซู


1/2

Ep.46 - ทำข้อตกลงกับอาจารย์ซู

อนาคตจะดีหรือร้าย เป็นการยากที่จะบอกว่าสามพี่น้องโล้นซ่าจะสามารถพลิกชีวิตได้หรือไม่

แต่เรื่องนั้นฮังอวี่ไม่สนใจ เพราะเขาไม่ได้ถึงขั้นทุ่มสุดตัวกับทั้งสาม ลงทุนไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

หรือก็คือ ต่อให้ทั้งสามคนล้มเหลว สิ่งที่เสียไปก็ไม่ถึงขั้นทำร้ายจนเจ็บลึกถึงกระดูก

งั้นถ้าพวกเขาฟลุ๊คทำสำเร็จเล่า? นั่นก็ดี เพราะมันจะช่วยให้เขาได้กำไรมากกว่าที่ลงไปหลายเท่า

...

ณ สำนักงานอาหารพี่อ้วน

วัตถุดิบหลักหลายอย่างที่ฮังอวี่รวบรวมมาจากสถานีรถไฟใต้ดิน ได้รับการปรุงสุกแล้ว

“เนื้อแกะเขาดาบทอด อาหารเกรด 3 แต้มวิญญาณ +5 ระยะเวลาการย่อยแต้มวิญญาณคือ 24 ชั่วโมง”

“ขาแกะเขาดาบย่าง อาหารเกรด 3 แต้มวิญญาณ +6 ระยะเวลาการย่อยแต้มวิญญาณคือ 24 ชั่วโมง”

“ไตแกะเขาดาบร้อนๆ อาหารเกรด 3 แต้มวิญญาณ +8 พละกำลัง +3 ระยะแสดงผล 30 นาที ระยะเวลาการย่อยแต้มวิญญาณคือ 36 ชั่วโมง”

เนื้อแกะกับขาแกะถือว่าปกติ แต่ที่พิเศษคงไม่พ้นไตแกะ มันไม่เพียงมีแต้มวิญญาณสูงเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มพละกำลังได้ชั่วคราวถึง 3 หน่วย!

ส่วนที่มันมีคุณสมบัติแบบนี้ได้น่ะหรือ?

เรื่องนี้ต้องยกความดีความชอบให้สกิลทำอาหารของอ้วนต้าไห่ เพราะเอฟเฟกต์ของมัน เมื่อปรุงจะช่วยให้มีโอกาสเล็กน้อยที่อาหารจะเกิดการกลายพันธ์ ได้รับค่าสเตตัสเพิ่มเติม เป็นความสามารถที่ทรงพลังจริงๆ!

และเอฟเฟกต์ที่ว่านี้ ดันเกิดขึ้นในการปรุงไตแกะที่เป็นของดีที่สุดพอดี!

“เหอ เหอ ไตชิ้นนี้เป็นชิ้นใหญ่ที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมาในชีวิต” อ้วนต้าไห่หัวเราะ เริ่มใช้น้ำเสียงลามก  “แต่ฉันอยากรู้จริงๆ ว่ามันจะมีคุณสมบัติอื่นแฝงอยู่อีกรึเปล่า อย่างเช่น เป็นยาชูกำลังทำให้โด่ไม่รู้ล้มอะไรประมาณนั้น”

“ฉันว่านะมันชิ้นใหญ่เกินไป นายกินคนเดียวไม่หมดหรอก เดี๋ยวร่างกายจะรับไม่ไหวเอา แบ่งมาให้ฉันลองชิมบ้างดีกว่าน่า”

“เรื่องนี้อย่าแม้แต่จะคิด!”

ไม่ว่าเจ้าอ้วนจะยกข้ออ้างหรือทำน้ำเสียงน่าสงสารขนาดไหนก็ไม่ได้ผลหรอก

ฮังอวี่ต้องการเก็บไตแกะชิ้นนี้ไว้ใช้กับตัวเอง และแน่นอนเขายังไม่กินมันตอนนี้

ประเด็นไม่ได้อยู่ที่แต้มวิญญาณหรือเอฟเฟกต์ที่อาจเป็นยาโด๊ปชูกำลัง แต่มันช่วยเพิ่มพละกำลัง 3 หน่วย หากใช้ในช่วงเวลาสำคัญจะมีประโยชน์มาก

“ขี้เหนียว! มันก็แค่ไตแกะไม่ใช่รึไง? หำพี่อ้วนยังฟิตปั๋ง ไม่จำเป็นต้องกินมันก็ได้! ไอ้ไข่ฝ่ออย่างนาย ถ้าอยากเก็บไว้กินคนเดียวก็เอาไปเหอะ!” แต่พอพูดเรื่องนี้ขึ้นมา อ้วนต้าไห่ก็อดสงสัยไม่ได้ “แต่ว่าก็ว่าเถอะ นายไปเอาวัตถุดิบดีๆพวกนี้มาจากที่ไหน? โดยเฉพาะไตแกะนี่ ฉันไม่เคยเห็นอาหารที่บรรจุแต้มวิญญาณสูงขนาดนี้มาก่อนเลย”

ฮังอวี่ไม่ได้ปิดบัง “จากสถานีรถไฟใต้ดินเจียงเป่ย ที่นั่นสามารถล่าแกะเขาดาบได้ มีวัตถดิบดีๆเยอะแยะ ”

“มีมอนสเตอร์อยู่ในสถานีรถไฟใต้ดินด้วยหรอ?”

“ไม่ใช่แค่ในสถานีรถไฟ แต่เป็นทั้งใต้ดิน และจะมีมอนสเตอร์ปรากฏขึ้นเรื่อยๆ”

อ้วนต้าไห่ตบต้นขาฉาดใหญ่ “ฉันว่าแล้ว! มิน่าเมื่อเช้าตอนเดินผ่านหน้าทางลงสถานีรถไฟใต้ดิน ฉันเจอรถหน่วย SWAT จอดอยู่เต็มไปหมดเลย ที่แท้พวกเขาก็ส่งคนลงไปกวาดล้างนี่เอง”

กวาดล้าง? นั่นไม่มีประโยชน์หรอก พวกมอนสเตอร์มีระยะเวลารีเฟรช สุดท้ายก็กลับมาเกิดใหม่อยู่ดี แล้วพวกเขาจะกวาดล้างมันอย่างหมดจดได้อย่างไร?

คิดหรือว่าในช่วงเวลานี้ยังเป็นเหมือนกับยุคเก่า? ยุคที่มนุษย์อาศัยเทคโนโลยีตนก็สามารถล่าสัตว์หลายชนิดจนพวกมันสูญพันธุ์ได้?

อ้วนต้าไห่เอ่ย “อ้อจริงสิ วันนี้สมาคมโลกวิญญาณส่งคนมาหาฉัน เชิญฉันเข้าร่วมประชุมที่พวกเขาจัดขึ้น นายคิดว่าฉันควรไปไหม? พวกเขาทิ้งนามบัตรเอาไว้ด้วย”

อ้วนต้าไห่หยิบนามบัตรออกมา ยื่นให้ฮังอวี่

‘หวงจื่อหมิง ผู้อำนวยการฝ่ายต่อสู้ของสมาคมโลกวิญญาณ’

“หือ? เจ้าหมอนี่มันคนดังในเน็ตไม่ใช่หรอ? ทำไมเขาถึงไปอยู่กับสมาคมโลกวิญญาณ แล้วกลายเป็นเสนาธิการแบบนี้ได้?”

ฮังอวี่พึ่งได้ดูวิดีโอของหวงจื่อหมิงไปเมื่อไม่กี่วันก่อน ดูเหมือนอะไรๆจะน่าสนใจขึ้นซะแล้ว

อย่างเหลียงชิวที่เป็นคนดังในเน็ตก็เหมือนกัน เธอเข้าร่วมกับสกายเน็ต ขณะที่หวงจื่อหมิงเข้าร่วมกับทางสมาคมโลกวิญญาณ

ดูเหมือนระหว่างที่สกายเน็ตกำลังชักชวนผู้คนให้เข้าร่วมอย่างโจ่งแจ้ง ในทางกลับกันสมาคมโลกวิญญาณก็กำลังเรียกเหล่าผู้ประกอบการในยุคสมัยใหม่ไปพบปะสังสรรค์กัน

“อืม นายไปได้ สมาคมโลกวิญญาณเป็นองค์ขนาดใหญ่ ยกอ้างตัวเองว่าเป็นกลาง มีเป้าหมายปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนทุกคนในโลกวิญญาณ พวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดแผกที่อาจทำลายเป้าหมายของตัวเอง นายไปที่นั่นเป็นเรื่องดีซะอีก ถือซะว่าเป็นการโฆษณาและขยายธุรกิจของตัวเอง”

“ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ได้ยินว่าหวงจื่อหมิงเป็นลูกหลานคนรวย บางทีเราอาจได้เขาเป็นลูกค้าใหญ่อีกราย”

ในตอนนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ฮังอวี่ยกมือถือดูชื่อในปลายสาย แล้วอดชะงักไปครู่หนึ่งไม่ได้

“เอ๋? เทพธิดาซูโทรมา? นี่นายคบกันเทพธิดาซูตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” อ้วนต้าไห่ชำเลืองมอง เมื่อเห็นชื่อเธอก็เริ่มตื่นเต้นขึ้นมาทันที “ฉันก็ว่านายเอาเก็บไตแกะไว้ทำไม ที่แท้ก็เตรียมไว้เผด็จศึกเทพธิดาซูนี่เอง!”

“ไอ้เชี่ยนี่ไสหัวไปเลย!” ฮังอวี่ผลักหัวผังต้าไห่ เอาตรงๆเขาก็งงมากเหมือนกัน ว่าทำไมซูหยุนปิงถึงโทรมา เพราะเทพธิดาองค์นี้ปกติเป็นคนเย็นชา ไม่สนผู้ชายคนใด

เขาพยายามสงบสติอารมณ์ ทำตัวให้เคร่งขรึม แล้วกดรับสาย

เสียงอันไพเราะและน่าดึงดูดดังเข้ามาในหูเขา “นายกำลังหาหินสกิลสำหรับกลั่นยาอยู่หรอ?”

ไม่มีทาง ฉันพึ่งโพสต์ลงในเน็ตเมื่อกี้นี้เอง ซูหยุนปิงได้ข่าวไวขนาดนี้ได้ยังไง?

ฮังอวี่เอ่ยถาม “หรืออาจารย์ซูมีมันอยู่ในมือ?”

“เปล่า ฉันไม่มี แต่สามารถหามาให้นายได้ สนใจเจอกันหน่อยไหม?”

“ตกลง”

...

ฮังอวี่กับซูหยุนปิงนัดเจอกันในร้านคาเฟ่หรู

ซูหยุนปิงยังคงแต่งตัวเหมือนเป็นคุณครู เธอใส่ชุดสูทสีดำ สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวด้านใน  กางเกงขายาวสีดำ สวมแว่นกรอบหนาสีดำ ปกปิดมิดชิด ไม่ยอมเปิดเผยรูปร่างอันร้อนแรงและทรงเสน่ห์ ทว่าสองสิ่งที่ตรงกันข้ามกันนี้ กลับผสมผสานกันได้อย่างลงตัว

อุปนิสัยของอาจารย์ซูคือเป็นคนเยือกเย็น ทว่านี่ไม่ใช่การแสร้งทำ ส่งผลให้รูปลักษณ์และทุกการเคลื่อนไหวของเธอยิ่งดูเป็นผู้ใหญ่ เพอร์เฟคมากจริงๆ อย่างไรก็ตาม มันทำให้คนที่พบเห็นคล้ายเกิดความรู้สึกว่าเธอปฏิเสธผู้คน แยกตัวห่างไกลออกไปเป็นพันลี้ ราวกับเทพธิดาในสายหมอง ไม่อาจแตะต้องได้

อย่างไรก็ตาม อาจารย์ซูไม่ใช่แจกันประดับ แต่เป็นผู้หญิงที่มีพรสวรรค์จริงๆ

ตอนอายุ 26 ปี เธอได้รับปริญญาเอกด้านเศรษฐศาสตร์และการจัดการจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด และทางมหาวิทยาลัยเจียงต้าได้ว่าจ้างเธอมานานกว่าสองปีแล้ว เวลาว่างเธอจะรับบทนางฟ้านักลงทุน มีส่วนร่วมในการบริหารงานของบริษัทสองแห่ง

แต่ประเด็นก็คือ ทั้งสองบริษัทนี้ประสบความสำเร็จอย่างสูง ได้รับผลกำไรมหาศาล

แม้เธอไม่ค่อยพูดถึงตระกูลของเธอ  แต่ใครๆก็ดูออกว่าเบื้องหลังเธอนั้นไม่ธรรมดา

“ไม่ต้องมองด้วยสายตาแบบนั้น คราวนี้เป็นฉันตัวจริง ร่างเงาน่ะดื่มกาแฟไม่ได้หรอกนะ” ซูหยุนปิงยิ้มบาง เล่นเอาแขกหลายคนในร้านรู้สึกใจเต้น

“ฉันเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของร้านคาเฟ่ในเครือนี้ อาหารที่นี่รสชาติไม่เลว นายอยากกินอะไร ดื่มอะไร ลงบิลฉันไว้ได้เลย”

“เรื่องกินดื่มเอาไว้ทีหลัง มาคุยกันเรื่องธุรกิจดีกว่า”

“อาจารย์แน่ใจนะว่าจะหามันมาได้? แต่ก่อนอื่นช่วยบอกมาว่าต้องการให้ผมใช้อะไรแลก?”

ฮังอวี่ไม่รู้หรอก ว่าซูหยุนปิงจะหาหินสกิลกลั่นยามาให้เขาจากช่องทางไหน แต่มีโอกาสสูงที่จะซื้อมันมาจากค่ายที่มีหินสกิลก้อนนี้ขาย

หินสกิลสายการผลิตพวกนี้ แม้อยู่ในระดับต่ำ แต่ราคาที่ใช้ซื้อคือ 5 หินคริสตัลขาว ไหนจะเรื่องต้องจ่าย ‘ภาษีโลกวิญญาณ’ เพื่อนำกลับมาในโลกจริงอีก

แต่ที่โชคดีก็คือ หินสกิลสายผลิตคุณภาพต่ำจะมีคุณภาพสีเทา ดังนั้นภาษีโลกวิญญาณที่ต้องจ่ายจึงไม่สูงมากนัก

อย่างไรก็ตาม ฮังอวี่เป็นผู้ซื้อ และเขาแสดงออกค่อนข้างชัดว่าต้องการมัน ดังนั้นข้อตกลงซื้อขายนี้ เขาตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

ประการที่สอง หินคริสตัลจากโลกวิญญาณยังไม่สามารถนำออกมาสู่โลกมนุษย์ได้ในตอนนี้

หรือความหมายก็คือ ยังคงต้องใช้เงินหยวนในการแลกเปลี่ยน

แต่ฮังอวี่ไม่มีเงิน!

และอาจารย์ซูก็ไม่ขาดเงินเช่นกัน!

ซึ่งนั่นหมายความว่าคงต้องแลกเปลี่ยนไอเท็มจากโลกวิญญาณกันเท่านั้น

ศิลาซื้อขายในค่ายจะรีเฟรชให้แค่ครั้งละหนึ่งก้อนเท่านั้น ดังนั้นในตอนนี้หินสกิลยังถือว่าหายากและมีค่ามหาศาล หากฮังอวี่คิดแลกเปลี่ยนมันกับหินคริสตัลขาวเพียงห้าก้อน เกรงว่านั่นคงเป็นแค่เรื่องเพ้อฝัน

ฮังอวี่เตรียมตัวเตรียมใจที่จะถูกกรีดเลือดกรีดเนื้อในครั้งนี้มาแล้ว

ยังไงก็ตาม เขาไม่สนใจเลย เพราะเรื่องเร่งด่วนที่สุดคือการกลั่นยา!

เมื่อพิจารณาถึงเรื่องที่ว่าหากเป็นอุปกรณ์พวกอาวุธหรือชุดเกราะ มันจำเป็นต้องจ่ายภาษีโลกวิญญาณก่อนนำออกมาโลกจริง ซึ่งนั่นมีแต่จะเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายโดยเปล่าประโยชน์ จึงเป็นการดีที่สุดหากใช้สิ่งอื่นในการแลกเปลี่ยนแทน

ฮังอวี่เปิดผู้ช่วยโลกวิญญาณ คลิกลงบนพื้นที่จัดเก็บ แล้วโชว์คุณสมบัติของผลไม้ที่อยู่ข้างในนั้นขึ้นมา

“ผลพลังจิตจากต้นไม้วิญญาณ สามารถเพิ่มค่าพลังจิตแบบถาวรได้ 1 หน่วย นี่เป็นของหายาก อาจารย์สนใจไหม?”

“มันเป็นของดีจริงๆ แต่แน่นอนว่านั่นไม่เพียงพอสำหรับใช้แลกเปลี่ยนหินสกิล” สีหน้าของซูหยุนปิงยังคงสงบ แต่ในใจเธอรู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อย

ด้วยสายตาของเธอ จะมองไม่ออกได้อย่างไร? ว่าสิ่งที่ช่วยเพิ่มค่าพลังจิตอย่างถาวร แม้ไม่ทราบมูลค่าแน่ชัดของมัน แต่อย่างน้อยต้องล้ำค่ามากแน่ๆ

แล้วอีกอย่าง ผลไม้วิญญาณลูกนี้มีคุณภาพสีขาว เป็นไปได้สูงว่าน่าจะดรอปจากมอนสเตอร์ชั้นยอด เป็นของชั้นเลิศอย่างไม่ต้องสงสัย

แน่นอน ฮังอวี่รู้ดี ว่าปัจจุบันหินสกิลขาดแคลนขนาดไหน ดังนั้นผลไม้วิญญาณนี้เพียงลูกเดียวไม่พอที่จะแลกเปลี่ยนอย่างแน่นอน

ตราบใดที่ซูหยุนปิงไม่ใช่คนโง่ เธอไม่มีทางตกปากรับคำเด็ดขาด

แม้ผลไม้นี้จะเป็นของดี แต่ช่วงแรกมันช่วยเพิ่มค่าพลังจิตเพียงเล็กน้อยเท่านั้น  ซึ่งค่าพลังจิตเพียงเล็กน้อยนี้ ไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่สำหรับคนส่วนใหญ่ เว้นแต่จะเป็นประเภทที่ใช้งานสกิลในการโจมตีเป็นหลัก

ฮังอวี่เอ่ยต่อทันทีว่า “งั้นผมจะมอบให้อาจารย์สองลูก”

ประกายสว่างไสววาบผ่านเข้ามาในดวงตาของซูหยุนปิง

ฮังอวี่ไปเอาผลไม้พวกนี้มาจากที่ไหนกัน?

เธอยกกาแฟขึ้นจิบ กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆว่า “ฉันคิดว่าแค่นี้มันยังไม่พอ”

ผู้หญิงคนนี้จะกรีดเลือดกันมากไปหน่อยไหม?

“ราคาที่อาจารย์ซูต้องการเหมือนจะสูงไปหน่อยนะ” ฮังอวี่นิ่งคิดพักหนึ่ง รู้สึกหดหู่เล็กน้อย สุดท้ายยอมเอ่ยถามตรงๆว่า “งั้นอาจารย์ซูต้องการอะไรเพิ่มเติมอีก?”

ซูหยุนปิงแทบไม่เสียเวลาคิด “ก็คงประมาณ ... ผลไม้วิญญาณสามลูก กับอุปกรณ์สีขาวที่สูงกว่าเลเวล 1 ซักหนึ่งชิ้น แล้วฉันจะหาหินสกิลมาให้”

ผู้หญิงคนนี้มันผีดูดเลือดชัดๆ!

ผลไม้สีขาวสามผล อุปกรณ์สีขาวอีกหนึ่งชุด เพื่อแลกกับหินสกิลสายผลิตระดับต่ำ?

อย่างไรก็ตาม สำหรับฮังอวี่แล้ว ข้อเรียกร้องนี้เกรงว่าเขาคงต้องยอมทำตาม เห็นได้ชัดว่าหินสกิลนี้เป็นสิ่งที่เขาต้องการมากจริงๆ