บทที่ 38 มันน่าจะเป็นแค่ทองแดงแต่กลับกลายเป็นตำนานของมหาวิทยาลัย!
บทที่ 38 มันน่าจะเป็นแค่ทองแดงแต่กลับกลายเป็นตำนานของมหาวิทยาลัย!
หลิวฉินหยางอ้าปากกว้างจนกรามแทบหลุด มันยากสำหรับเขาที่จะจินตนาการถึงสิ่งที่เขาได้เห็นตรงหน้า และสิ่งที่ตามมาคือความอับอายและความโกรธ
“อาจารย์ ระบบน่าจะมีปัญหา!” หลิวฉินหยางกระแทกโต๊ะและลุกขึ้นยืน เขาควบคุมอารมณ์ไม่ได้
ฮันไป่เสวี่ยตกใจกับปฏิกิริยาของหลิวฉินหยาง เพราะตัวเธอเองก็ไม่เชื่อข้อมูลที่อยู่ตรงหน้า เนื่องจากสิ่งนี้แตกต่างจากการแสดงก่อนหน้านี้ของจ้าวซือมากเกินไป
“ใช่แล้ว ระบบต้องผิดพลาดแน่ๆ!”
“ทำไมจ้าวซือถึงได้คะแนนสูงแบบนี้”
“เป็นไปได้ไหมที่เขาจะโกง?”
เสียงซุบซิบในห้องเรียนดังมาก ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มคนที่เคยมีคะแนนสูงกว่าจ้าวซือ พวกเขาเคยคิดว่าพวกเขาอยู่ฝ่ายเดียวกับหลิวฉินหยาง ดังนั้นพวกเขาจึงเกลียดจ้าวซือมาก
มีเพียงหลี่ซินเท่านั้นที่มีดีใจมากกับผลคะแนนสอบของจ้าวซือ แต่เธอก็เป็นกังวลมากเช่นกันว่าข้อมูลอาจจะไม่ถูกต้อง ดังนั้นเธอจึงดีใจค้าง
นักเรียนทุกคนรู้ว่ายิ่งคะแนนของพวกเขาสูงเท่าไร ก็ยิ่งมีอันดับสูงขึ้นเท่านั้นและยิ่งดึงช่องว่างระหว่างพวกเขาได้ยากขึ้นเท่านั้น นี่เป็นสาเหตุที่หลิวฉินหยางดีใจและภูมิใจมากเมื่อพบว่าเขาอยู่ในอันดับที่สองซึ่งทิ้งช่วงห่างอันดับที่สองถึงสามสิบคะแนน
และตอนนี้คะแนนของจ้าวซือนั้นมากกว่าหลิวฉินหยางถึงสิบคะแนน ซึ่งเกือบจะได้คะแนนเต็มแล้ว!
ในตอนนี้ฮันไป่เสวี่ยได้โทรหาเจ้าหน้าที่ที่ดูแลการให้คะแนน หลังจากที่โทรไปครู่หนึ่ง เธอก็โล่งใจและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “อาจารย์ที่ให้คะแนนแจ้งยืนยันหลายครั้งแล้วว่าคะแนนไม่ผิดพลาดอย่างแน่นอน!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของหลิวฉินหยางก็เต็มไปด้วยความตกใจและหวาดกลัว เขานั่งลงตรงที่นั่งของเขา สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยคำว่า "เป็นไปไม่ได้"
นักเรียนที่อยู่โดยรอบมองไปที่หลิวฉินหยางอย่างช่วยไม่ได้และสงสารเขา แต่ทว่าเมื่อนึกถึงท่าทางที่เย่อหยิ่งก่อนหน้านี้ของหลิวฉินหยาง พวกเขาก็แอบดีใจอยู่เล็กน้อย
แน่นอนว่านักศึกษาที่อยู่ฝ่ายเดียวกับหลิวฉินหยาง ย่อมมีใบหน้าซีดเซียวพวกเขาไม่อาจที่จะยอมรับเรื่องนี้ได้อยู่ครู่หนึ่ง
ส่วนหน้าจอถ่ายทอดสดที่อยู่ด้านหลังพวกเขา ชื่อและผลงานของนักเรียนคนอื่นๆ ยังคงปรากฏอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่ไม่มีใครสนใจเลย
เมื่อผลคะแนนออกมาจนครบทุกคนแล้ว จ้าวซือก็ถูกจัดให้อยู่ในอันดับของมหาวิทยาลัยอย่างไม่ต้องสงสัย
"จ้าวซือ นี่นายทำได้ยังไง? นายช่วยแบ่งปันประสบการณ์ของนายกับทุกคนได้หรือเปล่า?” ดวงตาของฮันไป่เสวี่ยไหวระริก
จ้าวซือเกาหัวด้วยความเขินอาย เขาไม่อาจจะพูดได้ว่าเป็นเพราะยาเพิ่มความทรงจำ แต่ถึงแม้ว่าเขาจะกล้าพูดออกไปแต่ก็ยังจะมีคนที่เชื่อเขาอยู่หรือ
“อันที่จริงมันเป็นแบบนี้นะ ตั้งแต่เหตุการณ์คราวที่แล้ว ฉันได้รู้ถึงข้อบกพร่องของตัวเอง... นอกจากนี้ฉันก็ยังโชคดีอีกด้วยที่ได้ผลคะแนนสูงขนาดนี้” จ้าวซืออธิบาย
สิ่งนี้ทำให้หลิวฉินหยางและคนอื่นๆ รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย พวกเขายังคงสงสัยว่าถ้าพวกเขาตั้งใจเรียนและมีโชคดีพวกเขาก็จะทำคะแนนได้สูงเช่นกัน
และจากคำบอกเล่าของจ้าวซือ ในมุมมองของฮันไป่เสวี่ยมันเป็นการแสดงที่ดูถ่อมตนเธออดไม่ได้ที่จะพยักหน้าอย่างเงียบๆ
ในเวลานี้นักเรียนบางคนในชั้นเรียนที่เป็นกลางได้เปลี่ยนมุมมองที่มีต่อจ้าวซือไปอย่างมาก
“ฉันคิดว่ามันก็แค่ทองแดงน่ะแหละ แต่ฉันไม่คิดหรอกนะว่าเขาจะเป็นราชา!”
“ก็แค่อาศัยโชคช่วยและการตั้งใจเรียนอย่างหนักเท่านั้นก็ยังไม่เพียงพอ ต้องเป็นศาสตราจารย์หูแน่ๆ ที่ชี้แนะเขา แต่ทว่าความสามารถในการพัฒนาได้มากขนาดนี้ก็เป็นเพราะความสามารถแท้ๆ ของเขาเช่นกัน...”
เมื่อเห็นดังนั้น หลิวฉินหยางรู้สึกว่าใบหน้าของเขาร้อนผ่าวขึ้น เขารู้สึกละอายใจ ในตอนแรกเขาพร้อมที่จะยอมรับความอัปยศอดสูต่อจ้าวซือ แต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะลืมเรื่องนั้นไปแล้วและเมินเขาไปอย่างสิ้นเชิง
หลังจากพายุลูกนี้สงบลง มหาวิทยาลัยได้ประกาศผลการจัดอันดับอย่างเป็นทางการ คณาจารย์และนักศึกษาที่ไม่ได้ดูการถ่ายทอดสดก็ตกใจเช่นกันเมื่อเห็นผลคะแนนของจ้าวซือ
เพียงไม่นานจ้าวซือก็กลายเป็นตำนานของมหาวิทยาลัยและมีชื่อเสียงขึ้นมานิดหน่อย
เป็นผลให้เสียงของนักเรียนที่ตั้งคำถามเกี่ยวกับคุณสมบัติของจ้าวซือก็ลดลงเช่นกัน
หลังจากเลิกเรียนแล้ว จ้าวซือขี้รถไปตามถนนตามปกติ
"ดูเหมือนว่าจะมีรถติดนะ..."
จ้าวซือสังเกตว่าการจราจรด้านหน้าเขาเริ่มจะติดขัด เขาซึ่งมักจะขับรถมาทางถนนี้จึงรู้ว่าเขาต้องทำอะไรและตัดสินใจเลี่ยงทางนี้ไป
แต่จู่ๆ หัวใจของจ้าวซือก็เต้นผิดจังหวะ ยันต์พิทักษ์แม่ลูกที่ฝังอยู่ในหัวใจของเขาก็เริ่มกระวนกระวาย
“ต้องมีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับจ้าวเมิ่ง!” ทันใดนั้นใบหน้าที่แต่เดิมดูอ่อนโยนของจ้าวซือเริ่มเย็นชาอย่างมาก ออร่าที่เขาปล่อยออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจทำให้คนที่อยู่รอบข้างรู้สึกกลัวอย่างไม่มีเหตุผล
ถ้าพวกเขาจะอ้อมไปตอนนี้คงต้องใช้เวลานานมาก เขาจึงทำได้แค่เร่งความเร็วและต้องผ่านส่วนนี้ของถนนไปให้ได้!
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับจ้าวเมิ่งซึ่งเป็นคนในครอบครัวของเขา สมองของจ้าวซือดำเนินการอย่างรวดเร็วและตัดสินใจอย่างเด็ดขาดที่สุด
แต่ทว่าในขณะที่จ้าวซือเร่งความเร็วรถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าของเขา รถที่ค่อนข้างหรูคันหนึ่งก็เร่งความเร็วแซงหน้าเขาไปและขวางทางของเขาเอาไว้
รถที่อยู่โดยรอบต่างก็บีบแตร คนขับในรถโผล่หัวอ้วนฉุออกมาแล้วตะโกนอย่างไม่พอใจว่า “นี่พวกคุณมีเรื่องอะไรกัน?! จะไม่หลีกทางไปหน่อยเหรอ?”
เพียงเพราะรถคันเล็กๆ คันนี้ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎ ถนนด้านหน้าของ จ้าวซือจึงติดขัด ถนนที่แต่เดิมเดินรถได้สะดวกกลับถูกกีดขวางด้วยเหตุนี้
“พนักงานส่งอาหารที่อยู่ข้างหลังน่ะ ถอยออกมาหน่อย ฉันออกไปไม่ได้!”
เมื่อเห็นว่าเขาทำท่าจะปลุกปั่นคนให้เดือดดาล คนขับรถก็มีท่าทีประนีประนอมขึ้น
แต่ทว่าเวลาไม่เคยคอยใคร น้องสาวของเขากำลังตกอยู่ในอันตราย ดังนั้นจ้าวซือจึงไม่กล้าที่จะชักช้า
เขามีสายตาที่โหดเหี้ยมซึ่งทำให้คนขับรถยนต์ตกใจ หลังจากนั้น พลังของรถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าก็ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มที่ ด้วยพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันและทักษะการแข่งรถของจ้งเทียนฉี รถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าของจ้าวซือก็เร่งความเร็วขึ้นในระยะเวลาอันสั้น จากนั้นก็ลอยขึ้นไปบนอากาศ!
แคร๊ง!
รถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าของจ้าวซือชนเข้ากับหลังคารถคันเล็กอย่างจัง ทำให้เกิดรอยบุบขนาดใหญ่ คนขับรถคันเล็กที่อยู่ด้านล่างกลัวจนวิญญาณแทบจะหลุดออกจากร่าง ใบหน้าที่อ้วนฉุของเขาดูเหมือนกับตับหมูสีม่วง
ตูม! แคร๊ง!
ตามมาด้วยเสียงเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ รถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าของจ้าวซือก็กระโดดขึ้นและกระแทกอย่างแรงบนฝาครอบเครื่องยนต์ของรถคันเล็ก เขาพุ่งไปที่เส้นทางเล็กๆ ตรงหน้าของเขาและจากไปด้วยความเร็วที่เร็วมาก
"เชี่ยย! นี่มันขับรถประสาอะไรกัน!?"
"พนักงานส่งอาหารคนนั้นโคตรเจ๋งเลย!"
คนที่อยู่รอบข้างต่างก็ตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ รถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าสามารถใช้ทักษะได้เหมือนรถวิบากอย่างนั้นเหรอ?
มีบางคนหยิบโทรศัพท์ของเขาออกมาและต้องการที่ถ่ายรูปเหตุการณ์นี้ แต่จ้าวซือและรถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยตั้งนานแล้ว
ในที่สุดเจ้าของรถคันเล็กก็กลับมามีสติอีกครั้ง เขาเปิดประตูและก้าวลงจากรถ เมื่อเขามองดูหลังคารถและฝากระโปรงรถที่บุบ เขาก็อยากจะร้องไห้แต่ก็ไม่มีน้ำตา เขาตะโกนสุดเสียงว่า “ไอ้บ้า รถนี่ฉันเช่ามา!”
คนที่อยู่รอบข้างเห็นดังนั้นแต่ก็ไม่ได้มีความเห็นอกเห็นใจ พวกเขายังแอบเชียร์จ้าวซือเสียด้วยซ้ำ ผู้ชายเฮงซวยแบบนี้ สมควรแล้ว!
ในด้านของจ้าวซือ เขาไม่มีอารมณ์ที่จะสนใจเกี่ยวกับสิ่งอื่น ในชั่วพริบตาเขาก็ขี่รถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าด้วยความเร็วสูงสุดราวกับสายฟ้าฟาด
เขาขี่รถผ่านกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง
“เมื่อกี้เพิ่งจะมีคนขี่รถผ่านไปใช่ไหม?”
“นรกแท้ๆ! จะมีรถเร็วขนาดนี้ได้ยังไง! อีกอย่างเขาก็เพิ่งจะขับผ่านคนเดินถนนไปถึงสองคนนะ!”
ชายร่างสูงคนหนึ่งถอดหมวกของเขาออกและเห็นว่าเขาคนนั้นก็คือเฉียนเฟิง เขาขยี้ตาและมองดูอย่างไม่เชื่อและชื่นชม “เขาคนนี้เป็นใครกันนะ? ถ้าเป็นเขาคนนี้ เขาต้องเอาชนะไอ้สารเลวจ้าวซือนั่นได้อย่างแน่นอน!”
ภายในพริบตาเดียวจ้าวซือก็ขี่รถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าและรีบไปยังที่ร้างใกล้ๆ กับโรงเรียนของจ้าวเมิ่ง ตามปฏิกิริยาของยันต์พิทักษ์แม่ลูก เขาจึงสามารถระบุตำแหน่งของจ้าวเมิ่งได้!
เมื่อเขาเข้ามาใกล้ เขาก็สามารถที่จะเห็นยันต์พิทักษ์แม่ลูกถูกเปิดใช้งานภายใต้ความมืดของยามค่ำคืนและแสงของพลังงานที่ปล่อยออกมาจากยันต์!