ตอนที่แล้วEp.42 - ยอดฝีมือผู้นี้คือใคร?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.44 - เรียกฉันว่าพี่รองฮัสกี้

Ep.43 - สกายเน็ต


2/2

Ep.43 - สกายเน็ต

ในความเป็นจริงแล้ว แกะเขาดาบเป็นสิ่งมีชีวิตที่อันตรายมาก นั่นเพราะเมื่อพลังชีวิตลดลงถึงระดับต่ำ จ่าฝูงจะกู่ร้องออกคำสั่งแกะในฝูงตัวอื่นๆ เรียกพวกมันให้มาช่วยกันโจมตีศัตรู

อย่างไรก็ตาม แกะเขาดาบตัวอื่นๆในบริเวณนี้ถูกกำจัดหมดแล้ว แกะเขาดาบชั้นยอดเลเวล 3 จึงสูญเสียไพ่ตายใบนี้ไป ได้แต่พึ่งตัวเอง

ซึ่ง ณ ขณะนี้ มันไม่สามารถเอาชนะฮังอวี่ได้ และด้วยการสนับสนุนจากเหลียงชิว ในที่สุด ภายใต้คมดาบฟาดฟันของฮังอวี่

แกะเขาดาบโหยหวนเป็นครั้งสุดท้าย ล้มลงกับพื้น

ฮังอวี่ไม่รอช้า เปิดใช้งานสกิลรวบรวมวัตถุดิบใส่แกะเขาดาบเบื้องหน้าทันที

[เนื้อแกะเขาดาบ] ×3 , เกรด 3 , วัตถุดิบชั้นดี , ปริมาณพลังงานวิญญาณ 8

[ขาแกะเขาดาบ] ×2 , ​เกรด 3 , วัตถุดิบชั้นดี , ปริมาณพลังงานวิญญาณ 9

[ไตแกะเขาดาบ] , เกรด 3 , วัตถุดิบชั้นดี , ปริมาณพลังงานวิญญาณ 10

[เขาแกะเขาดาบ] เกรด 3 , วัสดุชั้นดี

[หนังแกะเขาดาบ] เกรด 3 , วัสดุชั้นดี

ปริมาณพลังวิญญาณที่แฝงอยู่ในวัตถุดิบที่กินได้เยอะมากจริงๆ! แถมวัสดุต่างๆยังเป็นของชั้นดี!

แน่นอน แม้เนื้อที่ได้มาจะมีปริมาณพลังงานวิญญาณเยอะ ทว่าปริมาณของมันเป็นเพียงตัวเลขกลมๆเท่านั้น เมื่อผ่านกระบวนการทำอาหาร อาจลดลงไม่มากก็น้อย

แต่ประเด็นก็คือ วัตถุดิบที่เล่นเอาฮังอวี่อึ้ง มันคือไตแกะที่มีพลังงานทางวิญญาณอยู่ถึง 10 แต้ม!

ช่างเป็นไตแกะที่เปี่ยมไปด้วยสมรรถนะจริงๆ! นี่นับเป็นยาชูกำลังชั้นดีสำหรับผู้ชาย!

ฮังอวี่เกิดความสงสัยขึ้นมา ว่าหากตัวเขากินไตแกะนี้เข้าไป ตัวเขาจะฟิตปั๋งตลอดทั้งคืนไหม?

แต่ผลลัพธ์ของมันจะเป็นยังไงก็ช่าง ศึกนี้นับว่ากอบโกยได้ดี ถือว่าบรรลุเป้าหมายแล้ว!

หากเขานำเนื้อแกะที่หามาได้ให้เจ้าอ้วนกินซักสองสามชิ้น ด้วยปริมาณแต้มวิญญาณที่มี อาจมากพอให้อีกฝ่ายอัพเลเวลได้โดยไม่จำเป็นต้องกลับไปยังโลกวิญญาณ

เหลียงชิวเห็นว่าฮังอวี่ไม่แม้จะทักทาย จบศึกก็เปิดใช้งานสกิลรวบรวมวัตถุดิบทันที ทั้งยังไล่เก็บศพแกะตัวอื่นๆในสนามรบอย่างรวดเร็ว ราวกับกลัวว่ามีคนจะปล้นเขา ก็อดรู้สึกปวดหัวขึ้นมาไม่ได้

เจ้าหมอนี่เป็นใครกันแน่! เห็นได้ชัดว่าร้ายกาจมาก แต่พฤติกรรมแบบนี้ยอดฝีมือที่ไหนเขาทำกัน?

สหายที่เหลืออีกสองคนช่วยกันพยุงชายผมทรงจานบิน

ชายผมทรงจานบินอาการไม่หนักมาก เมื่อได้กินผลไม้วิญญาณที่ช่วยเพิ่มพลังชีวิต อาการบาดเจ็บของเขาก็ฟื้นตัวด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

ส่วนสหายคนอื่นๆที่นอนอยู่บนพื้นล่วงลับไปแล้ว ไม่อาจช่วยเหลือได้อีกต่อไป เหลียงชิวรู้สึกเศร้าเสียใจมาก

ไม่นึกเลยว่าปฏิบัติการนี้จะอันตรายถึงขนาดนี้!

หน่วยประเมินความเสี่ยงมีแต่พวกสมองหมูรึยังไง!

ไม่ได้การแล้ว! แบบนี้ต้องรีบรายงาน! ว่ามีอันตรายใหญ่หลวงซ่อนอยู่ในสถานีรถไฟใต้ดินเมืองเจียงเฉิง ต้องเร่งยกระดับความเสี่ยง!

“สวัสดี ฉันชื่อเหลียงชิว เป็นรองหัวหน้าทีมปฏิบัติการที่ 7 ของสกายเน็ต”

ฮังอวี่วุ่นอยู่กับการรวบรวมวัตถุดิบ เมื่อมีเสียงหนึ่งดังเข้ามาในหู เจ้าตัวเงยหน้าขึ้น และพบว่าเหลียงชิว สาวผมสั้นคนงามกำลังยืนอยู่เบื้องหน้าเขา

“ขอบคุณนายมากที่ให้การช่วยเหลือ”

สกายเน็ตอะไรอีกล่ะนั่น? คิดว่าตัวเองอยู่ในหนังเรื่องเทอร์มิเนเตอร์รึไง!

อย่างไรก็ตาม ฮังอวี่ไม่กล้าประมาท แม้นี่จะเป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินชื่อนี้

แต่ถ้าเขาคาดเดาไม่ผิด สกายเน็ตสมควรเป็นชื่อรหัสขององค์กร น่าจะเป็นหนึ่งในองค์กรยุธศาสตร์โลกวิญญาณที่จัดตั้งขึ้นโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

เหลียงชิวเดิมเป็นข้าราชการอยู่แล้ว ยิ่งตัวเธอมีพลังรบโดดเด่น จึงเป็นธรรมดาที่จะถูกทางองค์กรดึงตัวเข้ามา

และเบื้องหลังขององค์กรระดับชาติไม่ใช่สิ่งที่ควรมองข้ามอย่างไม่ต้องสงสัย ในอนาคตคงมีโอกาสได้ติดต่อกัน

เหลียงชิวพอเห็นว่าฮังอวี่ไม่ตอบ เธอก็เอ่ยถามอีกครั้ง “นายเป็นใคร?”

ฮังอวี่ยิ้มและตอบว่า “ชื่อและตัวตนเป็นแค่สิ่งนอกกาย สถานะของฉันก็แค่ชายสวมหน้ากากเท่านั้น”

เหลียงชิวพอได้ฟังก็ขมวดคิ้วทันที  “ไม่จำเป็นต้องพูดแบบนั้นก็ได้ ฉันเห็นอยู่แล้วว่านายสวมหน้ากาก”

“คนสวยสายตาแหลมคมไม่เบา แต่ในเมื่อเห็นแล้วก็ลองคิดตามดูหน่อยเป็นไร ... ว่าทำไมฉันถึงสวมหน้ากาก? นั่นน่าจะช่วยตอบคำถามคุณได้นะ”

เหลียงชิวนิ่งงันไปครู่หนึ่ง

จริงด้วย ถ้าอีกฝ่ายต้องการเปิดเผยตัวตน แล้วเขาจะสวมหน้ากากทำไม?

การเอ่ยถามคนที่สวมหน้ากากเพื่อปิดบังตัวตนว่าเขาเป็นใคร คือคำถามที่ไม่ฉลาดเอาซะเลย

“สหาย รู้ตัวไหมว่านายเก่งกว่าทุกคนที่ฉันเคยเจอมา” ในตอนนี้ สมาชิกสองคนพยุงชายผมทรงจานบินเข้ามา “สกายเน็ตของเรากำลังรับสมัครคน ผู้มีความสามารถอย่างนาย ถ้ายินดีร่วมงานกับเรา ทางเรายินดียกตำแหน่งหัวหน้าทีมให้เลย”

“หัวหน้าทีม? เหอ เหอ ไม่ล่ะ แต่ถ้าให้ฉันเป็นบอสใหญ่ล่ะก็จะลองเก็บไปพิจารณาดู” ฮังอวี่หันหลังและยกแขนขึ้นข้างหนึ่ง โบกมืออำลา “ครั้งนี้พวกนายโชคดีได้เจอฉัน แต่คราวหน้าคงไม่มีอีกแล้ว”

“แสงสียามค่ำคืนมีเสน่ห์ก็จริง แต่มันก็แฝงไปด้วยอันตรายเช่นกัน คิดจะทำอะไรคราวหน้าคราวหลังก็รู้จักประมาณตนบ้าง ลาก่อน”

ว่าจบ ร่างของเขาก็ค่อยๆโปร่งใส สุดท้ายหายวับไป

ฮังอวี่ไม่ต้องการสร้างความทรงจำแก่คนเหล่านี้มากเกินไป

แม้ว่าครั้งนี้ตนจะเลือกช่วยพวกเขา แต่นั่นก็เพราะผลประโยชน์ที่ได้มันมากเช่นกัน

ในสถานการณ์ปกติ มันคงอันตรายเกินไปถ้าให้เขาลุยเดี่ยวกับแกะเขาดาบชั้นยอด ไม่ต้องกล่าวถึงในฝูงยังมีแกะเขาดาบอีกหลายตัว

ชายผมทรงจานบินเห็นฮังอวี่หายไป เขาตะโกนไปในอากาศ “ฉันชื่อเหลียงตง เป็นหัวหน้าทีม 7 ของสกายเน็ต หวังว่าพวกเราจะได้เจอกันอีก!”

เหลียงชิวกับพรรคพวกสกายเน็ตอีกสองคนมองหน้ากันอย่างว่างเปล่า

เจ้าคนปริศนาผู้นี้มาจากไหน? ปรากฏกายในยามค่ำคืนเช่นนี้ แม้จะทรงพลัง แต่นิสัยออกจะเหิมเกริมไปหน่อยไหม?

อย่างไรก็ตาม ไม่มีเสียงใดๆตอบกลับมา

เขาไปแล้วหรอ?

เหลียงตงขมวดคิ้ว เอ่ยอย่างเป็นกังวลว่า “ในเมืองเจียงเฉิง ไม่รู้ว่ามียอดฝีมือซุกซ่อนตัวอยู่อีกกี่คน ดูเหมือนว่าพวกเราต้องเร่งพัฒนาความสามารถของสกายเน็ตให้มากยิ่งกว่านี้”

“ฉันเห็นด้วย แต่ไม่ใช่เหตุผลนี้ เพราะต่อให้เขาแข็งแกร่งแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ตัวคนเดียว ถึงพลังรบตอนนี้จะโดดเด่น แต่มันก็คงอยู่ได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น” เหลียงชิวกล่าว “ความแข็งแกร่งของมอนสเตอร์สูงกว่าที่คาดไว้ พลเมืองของเจียงเฉิงกำลังตกอยู่ในอันตราย นี่ต่างหากคือเหตุผลที่พวกเราต้องเร่งพัฒนาให้ไวที่สุด”

“แล้วอีกอย่าง ตอนนี้พวกเราควรรีบรายงานสถานการณ์ให้เบื้องบนทราบ”

แน่นอน เหลียงตงย่อมไม่ลืมเลือนภารกิจ เขาพาสมาชิกที่เหลือออกจากถ้ำ กลับไปยังอุโมงค์รถไฟใต้ดิน

เมื่อกลับออกมา ณ ขณะนี้ สัญญาณมือถือได้รับการเชื่อมต่ออีกครั้ง เขายื่นเรื่องขอกำลังสนับสนุนทันที

...

ฮังอวี่รู้ดีว่าเขาไม่อาจอยู่ในสถานีรถไฟใต้ดินได้อีกต่อไป มิฉะนั้นหากถูกคนของสกายเน็ตขวางเข้าคงไม่ดี

แม้เขาช่วยเหลือคนเหล่านั้น แต่ก็ยังไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้องในตอนนี้

การมีอิสระมันแย่ตรงไหน? เขายังไม่สะดวกที่จะมีคนมาคอยถ่วงแข้งถ่วงขา!

ฮังอวี่รีบออกจากสถานีรถไฟใต้ดิน เมื่อกลับออกมาก็เป็นเวลาตีสามตีสี่แล้ว

เขากวาดสายตามองไปยังอาคารสูงรอบตัว อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว

ฮัสกี้ตามออกมาจากใต้ดิน ท่าทีตื่นตัวของมันหายไป เดินกระดิกหางอย่างร่าเริง

“ฮ่ง! เจ้านาย ทำไมเจ้านายถึงส่ายหัว?”

“ฉันส่ายหัวเพราะในอดีต ตึกรามที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟพวกนี้เป็นที่ต้องการมาก ราคาพุ่งสูงลิ่ว แต่ใครจะคิดกัน ว่าเวลานี้มันดันกลายเป็นเผือกร้อน” ฮังอวี่พูดพลางถอนหายใจ “ถ้าพวกเขารู้ว่ามีมอนสเตอร์อาศัยอยู่ใต้ดิน เกรงว่าคงไม่มีทางทำใจนอนหลับสนิท”

การแทรกซึมของโลกวิญญาณจากใต้ดินของเมืองเจียงเฉิงนั้นสูงไม่น้อยไปกว่าเขตชานเมือง อีกทั้งมอนสเตอร์ข้างใต้นี้ยังแข็งแกร่ง

เพราะงั้นเดาได้เลย ว่าในอนาคตอันใกล้ บริเวณรอบๆทางเข้าสถานีรถไฟใต้ดินย่อมกลายเป็นด่านหน้าในการรับมือกับมอนสเตอร์ ส่วนเขตชานเมืองคงกลายเป็นสมรภูมิรบ

เป็นผลให้บ้านเรือนแถวสถานีรถไฟและชานเมืองตกอยู่ในอันตราย ราคาดิ่งลงฮบวๆ

“โลกกำลังเปลี่ยนไป เหมือนกระแสน้ำที่ไม่มีวันหวนคืน” ฮังอวี่จูงฮัสกี้ออกจากหน้าสถานทีรถไฟ “มาเถอะ ได้เวลากลับบ้านแล้ว”

“ฮ่ง! กลับบ้านกัน! กลับบ้านกัน! กลับบ้านกัน!”

ฮัสกี้ร้องตะโกนเสียงดังแม้อยู่ในยามค่ำคืน

คำพูดสบายๆที่ชวนกลับบ้านของฮังอวี่ทำให้มันมีความสุขมาก

เพราะท้ายที่สุดแล้ว ก่อนหน้านี้ตัวมันเป็นหมาจรจัด ไม่มีบ้านให้ซุกหัวนอนเป็นมาเวลานาน