ตอนที่แล้วบทที่ 33 เทพเจ้าสงครามทองคำกำลังจะตายแล้ว!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 35 ผีทั้งหลายรายล้อมข้าอยู่คนเดียว!

บทที่ 34 เทพเจ้าเสด็จลงมาเพื่อข่มขู่ปีศาจ!


บทที่ 34 เทพเจ้าเสด็จลงมาเพื่อข่มขู่ปีศาจ!

เขาเห็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีความสามารถของหลี่หยุนหลง ชื่อว่าเหว่ยต้าหยง ชื่อเล่นว่า ชาน ก้าวไปข้างหน้า

ในทางกลับกัน กองทหารหน่วยลาดตระเวนของประเทศอาร์ก็ได้ส่งนายทหารที่มีดาบคาตานะอยู่ในมือ และเขามีสีหน้าที่โหดเหี้ยม

ทักษะการใช้หอกของเหว่ยต้าหยงนั้นโดดเด่น หลังจากที่เข้าปะทะกับนายทหารคนนั้นอยู่สองสามรอบ เขาได้เข้าจู่โจมอย่างรุนแรงกับคู้ต่อสู้หลายครั้งและสุดท้ายหอกของเขาก็แทงทะละเข้าที่หัวใจของคู่ต่อสู้จนเสียชีวิต

เมื่อเห็นว่าคนของตนเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ฝ่ายกองทหารหน่วยลาดตระเวนของประเทศอาร์ก็มีสีหน้าเย็นชา นายทหารระดับสูงอีกคนที่มีหนวดเคราเล็กๆ ถือดาบคาตานะ และใช้ภาษาจีนกลางที่กระท่อนกระแท่นเพื่อยั่วยุจ้าวซือ “แก ออกมาเดี๋ยวนี้!”

กองทหารหน่วยลาดตระเวนของประเทศอาร์ที่อยู่โดยรอบเริ่มตะโกน ราวกับว่าพวกเขากำลังเชียร์นายทหารคนนี้ แต่ทว่าพวกเขาก็ถูกหลี่หยุนหลงและคนอื่นๆ ห้ามเอาไว้

“สหายพนักงานส่งอาหารเดลิเวอรี่แห่งอนันตภพ ท่านเพิ่งจะนำพวกเราบุกฝ่าดงกระสุนมา ที่เหลือให้เป็นหน้าที่พวกเราเอง” ทหารนายหนึ่งก้าวไปข้างหน้าและเต็มใจที่จะต่อสู้ในนามของจ้าวซือ

จ้าวซือส่ายศรีษะ เขาถือดาบตรามังกรทองคำเอาไว้ในมือและก้าวไปข้างหน้า ในเมื่อคนพวกนั้นได้เลือกเขาแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลใดที่เขาจะหลีกเลี่ยงการต่อสู้ครั้งนี้ เขาจะต้องทำให้คนจากประเทศอาร์เหล่านี้เข้าใจถึงความแข็งแกร่งของคนจีน

นายทหารที่มีหนวดหันศีรษะมาชำเลืองมองและขยิบตาให้พวกคนประเทศอาร์ที่เหลือเพียงไม่กี่คน นี่เป็นสัญญาณลับที่พวกเขาตกลงกันไว้ พวกเขาได้ถูกล้อมเอาไว้และคงจะหนีไม่พ้นอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาคิดได้ตอนนี้ก็คือวิธีที่จะกำจัด 'แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์' ของศัตรู

แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์กำลังพูดถึงอยู่นี้ก็คือจ้าวซือนั่นเอง!

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับจ้าวซือ นายทหารที่มีหนวดก็ยิ้มที่มุมปากอย่างเย็นชา เมื่อจ้าวซือเข้าโจมตีเขาก็จะพยายามล่าถอยมาเรื่อยๆ เมื่อใดที่จ้าวซือเข้าสู่เขตของกองทหารหน่วยลาดตระเวนของประเทศอาร์ พวกเขาก็จะร่วมกันเข้าจู่โจมและฆ่าจ้าวซือทิ้งเสีย

ในความคิดของพวกเขา ตราบใดที่พวกเขาสามารถฆ่าจ้าวซือได้ ภารกิจของพวกเขาก็จะเสร็จสิ้น ในอนาคตพวกเขาไม่อาจที่จะปล่อยให้สิ่งมีชีวิตอย่างจ้าวซือมามีบทบาทในสนามรบได้

เพียงแค่ว่านายทหารที่มีหนวดไม่ทันได้สังเกตว่าถึงแม้ว่าเขาจะฝึกฝนท่าทางการถือมีดมาหลายพันครั้ง แต่เขาก็ต้องตัวสั่นเล็กน้อย สัตว์ประหลาดที่ไม่เกรงกลัวแม้แต่ลูกกระสุนและปืนใหญ่ มันจะถูกฆ่าได้จริงๆ หรือไม่ในตอนที่มันยังไม่ทันตั้งตัว นายทหารที่มีหนวดไม่กล้าที่จะจินตนาการต่อ เขาทำได้เพียงแค่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และสายตาของเขาก็ดูเฉียบแหลมขึ้น

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหนึ่งกำลังรนหาที่ตาย ด้วยแววตาที่ปราศจากความกลัว จ้าวซือก็รู้สึกชื่นชมวิญญาณของซามูไรประเภทนี้เช่นกัน แต่น่าเสียดาย นี่คือจิตวิญญาณของซามูไรที่บิดเบี้ยว มันเป็นจิตวิญญาณของซามูไรที่ก่อตั้งขึ้นภายใต้บาปที่ไม่ชอบธรรมของกองทหารหน่วยลาดตระเวนของประเทศอาร์!

เมื่อคิดถึงตรงนี้จ้าวซือก็ได้ปรับแต่งออร่าของเขาเรียบร้อยแล้ว เขาไหลเวียนกำลังภายในลมปราณภูติอุดรและพุ่งเข้าใส่นายทหารที่มีหนวดด้วยดาบของเขา

กองทหารหน่วยลาดตระเวนของประเทศอาร์ที่อยู่ด้านหลังของนายทหารที่มีหนวดต่างก็พากันกลั้นหายใจและเตรียมพร้อมรับการโจมตี ทันทีที่จ้าวซือและนายทหารที่มีหนวดถอยเข้ามาถึงจุดที่พวกเขาจะสามารถเข้าจู่โจมได้ พวกเขาก็จะพร้อมกันเข้าจู่โจมทุกวิถีทาง

"ตายซะเถอะ!"

จ้าวซือตะโกนอย่างโกรธจัดและใช้ดาบฟันนายทหารที่มีหนวด

ในขณะที่นายทหารที่มีหนวดถอยกลับ เขาก็รีบยกดาบคาตานะในมือขึ้นเพื่อปัดป้อง

ดาบเปลวเพลิงตะวันตก!

จ้าวซือไม่คิดที่จะยั้งมือเลยแม้แต่น้อย เขาเปิดใช้งานลมปราณภูติอุดรและดาบเปลวเพลิงตะวันตกซึ่งทำให้ดาบคาตานะที่อยู่มือของนายทหารที่มีหนวดหลอมละลาย

ชึ๊บ!

ดาบตรามังกรทองคำของจ้าวซือเฉือนผ่านดาบและลำคอของนายทหารที่มีหนวดราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ศรีษะมนุษย์ตกลงที่พื้น นายทหารที่มีหนวดตอนนี้ได้ตายเสียแล้ว!

ในตอนนี้ทหารของประเทศอาร์สองคนได้หยิบระเบิดออกมาและรีบวิ่งไปข้างหน้า เขาอยากจะตายไปพร้อมๆ กับจ้าวซือ

เกือบจะในเวลาเดียวกันหลี่หยุนหลงและคนอื่นๆ ก็ชักปืนของพวกเขาออกมาและกำลังจะยกขึ้นยิง แต่เมื่อพวกเขาเห็นแสงไฟสว่างวาบผ่าน ศรีษะของทหารประเทศอาร์ทั้งสองคนนั้นก็หลุดกระเด็นออกจากตัว พวกเขายังไม่ทันได้ดึงสลักระเบิดออกเสียด้วยซ้ำ!

“ฝีมือดาบดีจริงๆ!” พระไว่ ผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้จากวัดเส้าหลินมานานกว่าสิบปีมีดวงตาเป็นประกายและกล่าวยกย่องอย่างจริงใจ

รอยดาบของจ้าวซือนั้นอาจกล่าวได้ว่าแม่นยำอย่างหาที่เปรียบมิได้ ในขณะที่ความเร็วของเขาถึงขีดสุด เขาสามารถที่จะฆ่าทหารของประเทศอาร์ได้ในเวลาที่เกือบจะพร้อมกัน พระไว่เคยคิดว่าเขาคงจะต่อสู้กับจ้าวซือได้ แต่เขาคงจะไม่แข็งแกร่งพอแม้แต่จะปัดป้องนับประสาอะไรที่จะไปหาญกล้าต่อสู้กับจ้าวซือ…พนักงานส่งอาหารเดลิเวอรี่แห่งอนันตภพคนนี้ครอบครองพลังอันเร้นลับที่สามารถละลายเหล็กกล้าได้ภายในพริบตา!

ภายในชั่วพริบตาคนประเทศอาร์ทุกคนต่างก็หวาดกลัวในความเฉลียวฉลาดและความแข็งแกร่งในการต่อสู้อันน่าสะพรึงกลัวของจ้าวซือ สำหรับหลี่หยุนหลงและคนอื่นๆ พวกเขาต่างก็เคารพในความแข็งแกร่งของจ้าวซือมากยิ่งขึ้น

“ยังมีหน้าไหนที่กล้าจะสู้กับข้าอีกไหม?!” จ้าวซือคำรามอย่างโกรธจัด มันเป็นท่าทางที่น่าเกรงขามอย่างแท้จริง ในตอนนี้กองทหารของประเทศอาร์ที่เคยพูดเรื่องที่จะตายในสนามรบแต่ตอนนี้ไม่มีแม้สักคนกล้าจะก้าวไปข้างหน้า

ศพของนายทหารที่มีหนวดนอนตายอยู่ต่อหน้าต่อตาพวกเขา ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่ากองทหารของประเทศอาร์ไม่อาจที่จะต้านทานชายหนุ่มในชุดเกราะทองคำที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาในตอนนี้

ล่ามภาษาจีนกลางกล่าวว่า "กองทัพของท่านมีนักรบผู้กล้าหาญ เขาเป็นเหมือนเทพเจ้าที่เสด็จลงมายังโลกมนุษย์ พวกเราไม่อยากที่จะต้องสูญเสียผู้กล้าของเราอีกต่อไปแล้ว พวกเราขอยอมรับความพ่ายแพ้นี้!"

เมื่อได้ยินดังนั้นหลี่หยุนหลงและคนอื่นๆ ต่างก็มองหน้ากันอย่างตกตะลึง แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็มีสีหน้าที่เบิกบานไปพร้อมๆ กัน

เป็นที่รู้จักกันว่าคนประเทศอาร์ยึดมั่นในจิตวิญญาณของนักรบเป็นอย่างมาก แม้ว่าพวกเขาจะพ่ายแพ้ โดยทั่วไปแล้วพวกเขาจะต้องฆ่าตัวตายด้วยคว้านท้องของตัวเอง และในตอนนี้ด้วยความตกใจที่มีต่อจ้าวซือพวกเขาก็เลือกที่จะยอมแพ้อย่างจริงใจ...

"สหายพนักงานส่งอาหารเดลิเวอรี่แห่งอนันตภพ ข้าขอขอบคุณมาก! ในชีวิตของข้า หลี่หยุนหลงไม่ค่อยจะชื่นชมผู้ใด แต่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเจ้าคือคนที่ข้า หลี่หยุนหลง ชื่นชมมากที่สุด!"

หลี่หยุนหลง ผู้ที่หยิ่งยโสอยู่เสมอ ได้กล่าวคำเหล่านี้กับจ้าวซือ สิ่งนี้ทำให้ทหารที่อยู่โดยรอบรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่หลังจากพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว พวกเขาก็ยอมรับได้อย่างรวดเร็วและถึงกับคิดว่านั่นมันก็สมเหตุสมผลแล้ว

ในขณะที่หลี่หยุนหลงและคนอื่นๆ คิดว่าพวกเขาได้รับชัยชนะอันยิ่งใหญ่แล้วและกำลังจะถอยทัพไป อยู่ๆ ก็มีเสียงปืนดังมาจากระยะไกล

เหล่าเชลยจากประเทศอาร์ก็ตกอยู่ในความโกลาหลและสีหน้าของพวกเขาก็ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความดีใจ ล่ามภาษาจีนกลางมีสีหน้าเปลี่ยนไปและพูดว่า "งั้นเรามาคุยกันเรื่องเงื่อนไขกันเถอะ กองกำลังเสริมของพวกเรามาถึงแล้ว พวกเจ้าเป็นฝ่ายที่ถูกล้อมเอาไว้แล้ว!"

เมื่อเขาพูดมาได้ถึงครึ่งทาง เหล่าทหารของประเทศอาร์ก็มองไปที่จ้าวซือด้วยความหวาดกลัว

“ผู้บัญชาการ ตอนนี้พวกเราควรจะทำยังไงกันดี?”

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคำถามของผู้ใต้บังคับบัญชา หลี่หยุนหลงจึงกล่าวว่า "ถอยก่อน!"

ล่ามภาษาจีนกลางของหน่วยลาดตระเวนประเทศอาร์กล่าวอย่างมีเลศนัยว่า "ท่านจะยังล่าถอยไม่ได้หรอก แต่ตราบใดที่ท่านเต็มใจที่จะปล่อยพวกข้าไป ข้าก็ขอรับประกันได้ว่าพวกของเจ้าจะไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัย”

“หุบปากซะ ไม่งั้นข้าสับเจ้าให้เละ” จ้าวซือรู้สึกไม่พอใจล่ามภาษาจีนกลางเป็นอย่างมาก “สหายหลี่หยุนหลง พูดตามหลักเหตุผลแล้ว เป้าหมายของข้าสำหรับการเดินทางในครั้งนี้สำเร็จแล้ว และข้าก็ยังช่วยพวกท่านจัดการกับกองทหารของหน่วยลาดตระเวนประเทศอาร์แล้วด้วย ตอนนี้ได้เวลาที่ข้าต้องออกเดินทางแล้ว”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นสีหน้าของหลี่หยุนหลงและคนอื่นๆ ก็หม่นลง ถ้าจ้าวซือจากไป พวกเขาเกรงว่าพวกเขาจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย

"แต่ว่า..." จ้าวซือกล่าวต่อ "ข้าเองก็เป็นคนจีน เพราะฉะนั้นคนจีนก็ต้องช่วยเหลือคนจีนด้วยกัน ในเมื่อเพื่อนร่วมชาติของข้ากำลังตกอยู่ในอันตราย แล้วข้าจะเพิกเฉยอยู่ได้อย่างไร? วันนี้ข้าจะกำจัดความเย่อหยิ่งของคนจากประเทศอาร์ซะ! "

เมื่อได้ยินดังนั้นเหล่าทหารทั้งหมด รวมทั้งหลี่หยุนหลงรู้สึกถึงเลือดอันร้อนแรงของจ้าวซือและจิตวิญญาณที่กล้าหาญ ความเคารพที่พวกเขามีต่อจ้าวซือยิ่งกลายเป็นความเคารพและความชื่นชม

“สหายพนักงานส่งอาหารเดลิเวอรี่แห่งอนันตภพ! ข้า หลี่หยุนหลง ขอคารวะเจ้าในฐานะลูกผู้ชาย!” หลี่หยุนหลงกำหมัดแน่นอย่างตื่นเต้นและโค้งคำนับให้กับจ้าวซืออย่างสุดซึ้ง “ถ้าเช่นนั้นพวกเราจะช่วยกันฝ่าวงล้อมและถอยทัพกันตอนนี้เลยไหม?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นจ้าวซือก็โบกดาบตรามังกรทองคำในมือของเขาและกระโดดขึ้นไปนั่งบนรถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าของเขา เขากล่าวว่า "ถอยออกไปงั้นหรอ คนประเทศอาร์พวกนี้ได้มาสยบถึงหน้าประตูบ้านของพวกเราแล้ว ทำไมพวกเราจะต้องล่าถอยล่ะ?"

เมื่อเห็นเช่นนั้น เหล่าเชลยจากประเทศอาร์ต่างก็พากันหน้าซีดเล็กน้อย พวกเขาคิดในใจว่าแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ชุดเกราะทองคำที่อยู่ตรงหน้าพวกเขานี้ เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะสามารถกวาดล้างกองกำลังเสริมได้ด้วยตัวเขาเองจริงๆ!

เมื่อเขานึกถึงตอนที่จ้าวซือสังหารเหล่าทหารของประเทศอาร์ราวกับฆ่าฝูงแกะ ผู้บัญชาการหนุ่มคนนั้นก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น ตัวเขาเองก็อยากจะให้กองกำลังเสริมถอยทัพกลับเสียประเดี๋ยวนี้ แต่น่าเสียดาย... ที่เขาทำอะไรไม่ได้ เขาจึงทำได้เพียงแค่มองจ้าวซือด้วยท่าทางที่สะพรึงกลัว!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด