บทที่ 29 ถึงแม้ว่าจะตาบอดแต่ฉันก็อัดแกได้!
บทที่ 29 ถึงแม้ว่าจะตาบอดแต่ฉันก็อัดแกได้!
“ไอ้พวกปัญญาอ่อน ช่างมันเถอะ!” คนขับรถเป็นชายรูปร่างกำยำและมีรอยสักที่แขน เขาไม่พอใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเห็นได้ชัดว่าเขาเป็นหัวหน้าของคนกลุ่มนี้
คนอื่นๆ ต่างก็พากันสงบสติและหุบปากอย่างรวดเร็ว พวกเขาเป็นทหารรับจ้างผิดกฎหมายและเคยไปออกรบมาก่อน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เพื่อนร่วมทีมจะล้มตายไปบ้างและเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะลากทั้งทีมลงมาเพื่อคนเพียงคนเดียว
หนึ่งในนั้นเข้าใจเหตุการณ์ได้โดยปริยายและกำลังจะปิดประตูรถ แต่เขาพลันเห็นว่าจ้าวซือได้เร่งเครื่องรถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ามาเทียบที่ด้านข้างของรถตู้แล้ว
“บัดซบ! สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าจะเร็วขนาดนี้ได้ยังไงกัน!?” ชายคนนั้นตกใจมาก วินาทีต่อมาปฏิกิริยาของเขาก็คือใช้มือหยิบพลั่วขึ้นมาเพื่อที่จะไล่ฮวงเฟิง
“คืนอาจารย์ฮันมาให้ฉันนะ!” จ้าวซือคำรามด้วยความโกรธจัด เขาคว้าพลั่วที่ชายคนนั้นเหวี่ยงมาใส่และดึงเขาลงจากรถตู้ เขาทิ้งรถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าและกระโดดขึ้นไปบนรถตู้
“ฆ่ามันเลย!” หัวหน้าคนที่มีรอยสักที่แขนสั่งการ
ทหารรับจ้างที่อยู่ใกล้กับจ้าวซือที่สุดหยิบขวดสเปรย์ออกมาจากกระเป๋าของเขาแล้วฉีดไปที่ดวงตาของจ้าวซือ
ในชั่วพริบตาจ้าวซือก็สูญเสียการมองเห็น
“ฮ่าฮ่า มันโดนข้าฉีดสเปย์พริกไทยใส่แล้ว มันจะกลายเป็นคนตาบอดไปชั่วขณะ มาช่วยกันโยนมันลงไปจากรถเถอะ!” ชายคนนั้นหัวเราะอย่างชั่วร้ายราวกับว่าเขาไม่สนใจชีวิตของพวกเขาทั้งสองคนเลยแม้แต่น้อย
“เจ้าคนนี้ยังดูเด็กอยู่เลยและบ้าบิ่นมาก แกอยากเล่นบทฮีโร่และช่วยสาวสวยจากความทุกข์ไม่ใช่เหรอ? น่าเสียดายเพราะนี่ไม่ใช่ละคร และแกก็ไม่ใช่พระเอกด้วย!” ทหารรับจ้างอีกคนหนึ่งช่วยกันล้อมจ้าวซือไว้ทั้งสองด้านเพื่อที่จะช่วยกับจับจ้าวซือโยนออกไปจากรถตู้
“ฮือๆๆ!” ฮันไปเสวี่ยเต็มไปด้วยความหวังเมื่อเธอมั่นใจแล้วว่าคนที่มาช่วยเธอก็คือจ้าวซือนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอเห็นว่าจ้าวซือกำลังถูกโจมตี แม้ว่าเธอจะวิตกกังวลแต่เธอก็ไม่สามารถที่จะเคลื่อนไหวได้
แต่ทว่าในเวลาต่อมา เธอก็ได้ยินเสียงร้องอย่างทุกข์ทรมานถึงสองครั้งและเสียงของหนักสองชิ้นกระทบลงกับพื้น
ฮันไปเสวี่ยพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะหันไปมองดูจ้าวซือซึ่งยังคงยืนอยู่ตรงนั้น แต่ในตอนนี้ไม่มีใครเห็นทหารรับจ้างทั้งสองคนนั้นเลยซึ่งเห็นได้ชัดว่าพวกเขาถูกโยนออกไปนอกตัวรถแล้ว!
ในเวลานี้ ภายในรถตู้จึงเหลือเพียงชายร่างกำยำที่มีรอยสักที่แขนและทหารรับจ้างที่ยังคงตกตะลึงอีกเพียงสองคน
จ้าวซือปรบมือ "พวกแกจะคืนคนของฉันมาแล้วจอดรถ หรือจะให้ฉันโยนพวกแกออกไปเหมือนกับพวกนั้น?”
“บัดซบ นี่แกเป็นใคร!” คนที่มีรอยสักที่แขนคำรามอย่างโกรธจัด เขาคิดว่ามันเป็นภารกิจลักพาตัวง่ายๆ แต่ไม่คิดว่าจะมีจ้าวซือมาขัดขวางกลางทาง
จ้าวซือเดินเข้าไปหาฮันไปเสวี่ย "ฉันเป็นพนักงานส่งอาหารและฉันก็เป็นนักศึกษาของเธอคนนี้ด้วย"
มันสายไปแล้ว ทหารรับจ้างเหล่านี้ต่างก็ไม่กลัวความตายเช่นกัน ทหารรับจ้างอีกสองคนที่เหลือกลับมารู้สึกตัวและรีบวิ่งเข้าไปหาจ้าวซือ
“เด็กคนนี้มีอะไรแปลกๆ นะ เขาน่าจะต้องเคยฝึกการต่อสู้แบบตาบอดมาก่อน อย่าหลงกลของเขาล่ะ!” หนึ่งในนั้นเตือนโดยคิดว่าที่เพื่อนร่วมทีมทั้งสองคนถูกจ้าวซือโยนลงจากรถได้ก็เป็นเพียงเพราะพวกเขาประมาทเกินไป
อีกคนไม่พูดอะไรแต่เข้าโจมตีจ้าวซืออย่างฉับพลันและมีเล่ห์กลซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ปฏิบัติต่อจ้าวซืออย่างคนธรรมดาอีกต่อไป
การเข้าโจมตีพร้อมกันของชายสองคน คนหนึ่งอยู่ทางด้านซ้ายและอีกคนอยู่ทางด้านขวา ถ้าเป็นคนธรรมดาที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ตายแต่ก็คงจะพิการไปครึ่งหนึ่งเป็นแน่
แต่ทว่าจ้าวซือพ่นลมออกมาเบาๆ และโจมตีด้วยมือทั้งสองพร้อมๆ กัน ขาใช้มือข้างหนึ่งจัดการกับศัตรู ภายใต้สถานการณ์ที่เขาตาบอด แต่แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ตกอยู่ในสถานะที่เสียเปรียบเลยแม้แต่น้อย!
“ชัดเจนมาก การเคลื่อนไหวของพวกเขาทุกอย่างชัดเจนเหลือเกิน!”
จ้าวซือที่กำลังใช้วิชามโนภาพตอนนี้ดูสงบจนผิดปกติ ราวกับว่าเขาและคนอีกสองคนที่กำลังเข้าโจมตีอยู่ในโลกที่แตกต่างกัน
ฉันจะไม่ขยับเขยื้อนแม้ว่าคู่ต่อสู้จะโจมตีฉันต่อไปก็ตาม!
ยิ่งทหารรับจ้างทั้งสองคนต่อสู้กับเขามากเท่าไร พวกเขาก็ยิ่งตื่นตระหนกมากขึ้น เพราะไม่ว่าพวกเขาจะใช้วิธีใดจ้าวซือก็จะสามารถแก้เกมส์ได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้สิ่งนี้อยู่ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายจ้าวซือนั้นกำลังตาบอด นี่คือสิ่งที่น่ากลัวมาก!
หลังจากที่ได้พบเจอกับสถานการณ์ความเป็นความตายมาก็มากมาย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองคนได้พบกับคนอย่างจ้าวซือ ซึ่งทั้งอายุน้อยและทรงพลัง
ในความเป็นจริงจ้าวซือสามารถทำเช่นนี้ได้เพราะวิชามโนภา ไม่เช่นนั้นแล้วเพียงแค่สเปย์พริกไทยนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขาต้องทนทุกข์ทรมานกับการสูญเสียครั้งใหญ่!
"มันจบแล้ว!"
หลังจากที่เข้าใจรูปแบบการโจมตีของคู่ต่อสู้แล้ว จ้าวซือก็ไหลเวียนกำลังภายในลมปราณภูติอุดรเพื่อที่จะยุติการต่อสู้กับทหารรับจ้างเหล่านี้ด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า
เมื่อเห็นว่าไม่มีลูกน้องคนไหนที่จะสามารถเอาชนะจ้าวซือได้ ชายร่างกำยำที่มีรอยสักที่แขนจึงเหยียบเบรก ซึ่งทำให้จ้าวซือเสียการทรงตัวและทำให้เขาชนเข้ากับรถจนศีรษะเต็มไปด้วยเลือด
“รุนแรงจัง” จ้าวซือจับเบาะนั่งแล้วลุกขึ้น เขาพบว่าชายร่างกำยำที่มีรอยสักที่แขนที่อยู่ตรงที่นั่งคนขับได้หายไปแล้ว เพียงครู่เดียวต่อมาเขาก็รู้สึกว่าขนหัวลุกจนทั่วหัว
ชิ้ว!
รังสีของแสงเย็นวาบผ่านและกริชเรืองแสงที่มีรูปร่างเหมือนงูพิษก็แทงเข้ามาทางด้านหลังของจ้าวซือ
“อย่าโทษฉันเลย ถ้าจะโทษใครก็โทษตัวแกเองที่รนหาที่ตาย!”
ชายร่างกำยำที่มีรอยสักที่แขนได้ปล่อยกระบวนท่าสังหารที่เขาภาคภูมิใจ แม้ว่าร่างกายของเขาจะกำยำแต่เขาก็สามารถที่จะลอบสังหารได้ดี
การลอบสังหารเท่านั้นที่จะสามารถทำได้เพื่อปลิดชีพศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุด!
จนถึงปัจจุบันนี้มียอดฝีมือระดับเดียวกันมากกว่า 90 คนที่เสียชีวิตจากการลอบสังหารของเขา!
แต่ทว่า
จ้าวซือได้เคลื่อนไหวราวกับว่าเขามีตาหลัง เขาไหลเวียนเคล็ดวิชาการเคลื่อนไหวลึกลับของเขาและหมุนร่างของเขาไปทางด้านข้างอย่างไม่น่าเชื่อ ทำให้หลบหลีกการโจมตีของชายร่างกำยำที่มีรอยสักที่แขนได้
หัตถ์ฝังเข็มทานตะวัน!
โดยไม่มีการหยุดพักจ้าวซือชักนิ้วของเขาออกมาลักษณะเหมือนดาบและสกัดจุดชายร่างกำยำที่มีรอยสักที่แขนและทำให้เขาเคลื่อนไหวไม่ได้!
“อาจารย์ฮัน นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” จ้าวซือแก้มัดให้ฮันไป่เสวี่ย
เมื่อฮันไป่เสวี่ยเป็นอิสระแล้ว เธอก็โผเข้าไปในอ้อมแขนของจ้าวซือ ร่างกายของเธอสั่นระริกและหลังจากนั้นไม่นานเธอก็สงบอารมณ์ลงได้
“ฉันไม่นึกเลยว่าจะเป็นเธอจริงๆ… คนพวกนั้นน่าจะเป็นคนที่เจสันส่งมา” หลังจากที่จ้าวซือช่วยชีวิตเธอเอาไว้ถึงสองครั้ง ในที่สุดฮันไป่เสวี่ยก็ยอมบอกเขาว่าทำไมเธอถึงต้องตกอยู่ในอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า
จ้าวซือตกตะลึง “เจสัน เขาเป็นคนต่างชาติงั้นเหรอ?”
ฮันไป่เสวี่ยพยักหน้า เธอยังคงตกใจอยู่ เธอจึงขอให้จ้าวซือพาเธอไปให้พ้นจากที่นี่เสียก่อน
จ้าวซือใช้วิชาหัตถ์ฝังเข็มทานตะวันเพื่อสกัดจุดทหารรับจ้างพวกนั้น ทำให้พวกเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ชั่วขณะ
“ตอนที่ฉันขัดขืนพวกนั้นฉันบังเอิญเท้าแพลงน่ะ” ฮันไป่เสวี่ยกล่าวออกมาอย่างช่วยไม่ได้
จ้าวซือนั่งลงและพูดว่า "ขึ้นมาสิ ผมจะแบกคุณเอง"
ใบหน้าของฮันไป่เสวี่ยเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อเล็กน้อยและเธอก็ปฏิเสธ ตอนที่จ้าวซือช่วยชีวิตเธอเอาไว้เมื่อครั้งก่อนเธอก็รู้สึกโหยหาเขาอยู่บ้างและในตอนนี้ใจของเธอก็เต้นแรงขึ้น เธอแอบคิดว่านอกจากความแข็งแกร่งของจ้าวซือแล้ว เขาก็ยังมีพลังมากอีกด้วย ชะตาของเธอกับเขาไม่ใช่เพียงแค่ผิวเผินแล้ว และถ้าจ้าวซือมาช้าไปอีกเพียงก้าวเดียวล่ะก็…
ขณะที่จ้าวซือกำลังแบกฮันไป่เสวี่ยขึ้นหลัง เขาก็เห็นทหารรับจ้างที่ถูกโยนออกจากรถ ทุกคนต่างก็พากันเลือดตกยางออกและสลบเหมือด แต่มีใครบางคนโทรแจ้งตำรวจและกู้ภัยแล้ว คนกลุ่มนี้จะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวในไม่ช้า อย่างมากที่สุดพวกเขาก็คงจะแค่พิการแต่ไม่ถึงตาย
ไม่นานหลังจากนั้นจ้าวซือก็พบรถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่เขาปล่อยทิ้งไว้ข้างทาง แม้ว่าตอนที่รถล้มจะฟังดูน่าเศร้าแต่จริงๆ แล้วมันไม่ได้เกิดความเสียหายเลย เพราะว่ามันเป็นรถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่ปรับแต่งแล้วโดยระบบ
ดวงตาของฮันไป่เสวี่ยไหวระริกเมื่อเห็นสิ่งนี้ เธอเริ่มจะเชื่อมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วว่าตัวตนของจ้าวซือนั้นไม่ธรรมดา เขาอาจจะมีคนมีอำนาจบางคนหนุนหลังเขาอยู่ก็เป็นได้
จ้าวซือขี่รถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าไปส่งฮันไป่เสวี่ยกลับบ้านทันที
“อาจารย์ฮัน เจสันคนที่อาจารย์กำลังพูดถึงเป็นใครกัน?” เมื่อจ้าวซือขึ้นนั่งประจำที่คนขับแล้ว เขาก็โพล่งคำถามที่เขาอดทนรอมาตลอดทางออกไป “ทำไมเขาถึงต้องการลักพาตัวคุณครั้งแล้วครั้งเล่าด้วย?”
ใบหน้าที่สะสวยของฮันไป่เสวี่ยเต็มไปด้วยความกังวล “เมื่อไม่นานมานี้ ตอนนั้นฉันไปเที่ยวต่างประเทศคนเดียว…”