ตอนที่แล้วบทที่ 27 ได้รับเคล็ดวิชาสูงสุด เคล็ดวิชามโนภาพ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 29 ถึงแม้ว่าจะตาบอดแต่ฉันก็อัดแกได้!

บทที่ 28 นี่แกกล้าดียังไงมาลักพาตัวอาจารย์ของฉัน?


บทที่ 28 นี่แกกล้าดียังไงมาลักพาตัวอาจารย์ของฉัน?

“นี่คือวิชามโนภาพงั้นรึ?”

จ้าวซือได้มาถึงมุมที่เงียบสงบล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ เขาหลับตาลงและเปิดการใช้งานทักษะใหม่ที่เพิ่งจะได้รับมาจากระบบ

เมื่อเขาหลับตาลงแทนที่ทุกอย่างจะมืดดำ แต่เขากลับมองเห็นโครงร่างของทุกอย่างได้อย่างชัดเจน เขาสามารถที่จะมองเห็นได้อย่างชัดเจนแม้แต่รูปร่างของใบไม้ ซึ่งการมองเห็นแบบนี้จะไม่ได้รับผลกระทบจากสิ่งกีดขวางใดๆ เลย

สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดคือในสภาวะมโนภาพก็คือ จ้าวซือสามารถที่จะมองเห็นได้ 360 องศา ซึ่งไม่ถูกจำกัดด้วยการมองเห็นของมนุษย์อย่างสิ้นเชิง

สิ่งนี้ทำให้จ้าวซือนึกถึงวิชาเนตรสีขาวในเรื่องนารุโตะ แต่เนตรสีขาวเป็นวิชาที่สมบูรณ์แบบและไม่มีจุดบอด นอกจากนี้วิชาเนตรสีขาวยังสามารถที่จะมองทะลุจุดฝังเข็มของลมปราณได้ซึ่งเป็นสิ่งที่วิชามโนภาพไม่มี

หลักการพื้นฐานของทั้งสองนั้นต่างกัน แต่เมื่อเทียบกันแล้ว พูดได้คำเดียวว่าทั้งสองวิชาต่างก็มีข้อดีเป็นของตัวเอง

ฟิ้ว!

ใบไม้สองใบร่วงหล่นลงมาทีละใบ และจ้าวซือก็คว้ามันเอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง จากนั้น เขาก็ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ขึ้นรถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า แล้วจากไป

เจ้าหน้าที่เก็บขยะที่ผ่านไปมาขยี้ตาแล้วเลียนแบบท่าทางของจ้าวซือตอนที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ หลังจากพยายามอยู่กว่าครึ่งชั่วโมงเขาก็ไม่สามารถที่จะคว้าใบไม้เอาไว้ได้แม้แต่ใบเดียว ทันใดนั้นเองเขาก็ตระหนักได้ว่าดูเหมือนจะได้พบกับยอดฝีมือที่ซ่อนเร้นในตำนานซะแล้ว

จ้าวซือกลับบ้านและถามจ้าวเมิ่งว่าช่วงนี้ได้เจอคนที่น่าสงสัยบ้างไหม แต่สุดท้ายเธอก็ไม่เจอใครที่น่าสงสัย

วันรุ่งขึ้น หลังจากที่เลิกเรียน จ้าวซือได้ไปหาหูเจียหาว

ตั้งแต่จ้าวซือได้สั่งสอนว่าเขาควรจะต้องทำตัวยังไง หูเจียหาวก็มีความยับยั้งชั่งใจมากขึ้น เขาไม่เคยทำตัวยะโสต่อหน้าจ้าวซือเลย แต่กับคนอื่นเขาก็ยังคงทำตัวยะโสยิ่งกว่าเคย

“มีอะไรงั้นเหรอ?” หูเจียหาวดูระแวดระวัง

จ้าวซือมองเขาอย่างจริงจัง “ฉันจะถามคำถามหนึ่งแล้วแกต้องตอบตามความจริงนะ”

เมื่อหูเจียหาวได้ยินดังนั้นเขาก็ต้องกลืนน้ำลายและพยักหน้า

“แกรู้เรื่องเกี่ยวกับน้องสาวของฉันมากน้อยแค่ไหน?” จ้าวซือถามด้วยเสียงเบาและค่อยๆ หลับตาลงอย่างช้าๆ

วิชามโนภาพ ถูกเปิดใช้งานแล้ว!

หูเจียหาว ยังคงใช้ข้อแก้ตัวแบบเดิมๆ โดยบอกว่าเขาก็แค่สร้างเรื่องขึ้นมา แต่ทว่าเขาไม่เคยคาดคิดว่าจ้าวซือจะอ่านความคิดของเขาได้แล้ว

“แกกำลังโกหก” จ้าวซือพูดอย่างเย็นชา สิ่งนี้ทำให้หูเจียหาวตัวสั่นราวกับถูกฟ้าผ่า

ขาของเขาอ่อนยวบลงทันทีและอ้อนวอนขอความเมตตา “ใช่แล้ว ฉันขอโทษ! ฉันไม่มีทางเลือกจริงๆ! ฉันพูดออกไปไม่ได้จริงๆ!”

“ไม่เป็นไร แกสามารถเลือกที่จะไม่พูดก็ได้ เพราะฉันรู้ทุกอย่างแล้ว” จ้าวซือหันหลังกลับและเดินจากไป ซึ่งนั่นทำให้หูเจียหาวยิ่งตื่นตระหนกและสับสน

จ้าวซือกลับไปนั่งยังที่นั่งของเขา แต่ตอนนี้เขากังวลใจมาก

มันเป็นไปตามที่เขาสังหรใจไว้ว่าหูเจียหาวนั้นโกหก แต่สถานการณ์นั้นแตกต่างออกไป

มีใครบางคนแอบเข้าไปในบ้านของหูเจียหาวโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็นและยัดจดหมายฉบับหนึ่งเอาไว้ใต้หมอน เนื้อหาในจดหมายสรุปได้ว่าเป็นคนที่หวังว่าหูเจียหาวจะสร้างปัญหาให้กับเขาในจดหมายยังมีข้อมูลเกี่ยวกับตัวเขาและจ้าวเมิ่งอีกด้วย!

เมื่อรู้ว่ามีคนบุกเข้าไปในห้องของเขาในความฝันและทิ้งจดหมายเอาไว้อย่างไร้ร่องรอย หูเจียหาวก็รู้สึกหวาดกลัว เพราะเขาเป็นคนที่ชอบรังแกเพื่อนร่วมชั้น

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หูเจียหาวจึงไม่ลังเลใจที่จะจู่โจมจ้าวซือซึ่งนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้จ้าวซือตบเขา

“หรือว่าจะเป็นเฉียนเฟิง?”

จ้าวซือมองไปที่เฉียนเฟิงซึ่งกำลังกวนใจหลี่ซินอยู่ไม่ไกลนัก แต่เขาก็ต้องส่ายหัวอย่างรวดเร็ว

ด้วยความเย่อหยิ่งและความเฉลียวฉลาดของชายผู้นั้น เขาไม่น่าที่จะทำอย่างนั้นได้ มันน่าจะเป็นคนอื่น

อย่างไรก็ตาม เบาะแสเพียงอย่างเดียวคือหูเจียหาว แต่ด้วยข้อมูลนี้เพียงอย่างเดียว มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะหาผู้กระทำความผิดที่แท้จริง

เมื่อเขาคิดว่าข้อมูลของน้องสาวของเขารั่วไหลออกมาได้อย่างไร จ้าวซือก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระสับกระส่าย หากมีอะไรเกิดขึ้นกับน้องสาวของเขาจริงๆ เขาจะต้องรับผิดชอบอย่างใหญ่หลวง แต่ทว่าเขาก็ไม่อาจที่จะทำตัวติดกับจ้าวเมิ่งได้ตลอดเวลาเพราะภัยคุกคามที่ไม่แน่นอนนั้น

"ฉันยังต้องแข็งแกร่งให้มากกว่านี้ ฉันต้องการหาวิธีเพิ่มเติมในการปกป้องน้องสาวของฉันผ่านระบบ" เมื่อคิดถึงตรงนี้จ้าวซือจึงตัดสินใจที่จะขยันมากขึ้นในการจัดส่งออเดอร์แห่งอนันตภพ และเพิ่มโอกาสในการได้รับออเดอร์อนันตภพ

หลังเลิกเรียนจ้าวซือใช้เวลาของเขาอย่างเต็มที่ในการไปส่งอาหารเดลิเวอรี่

“ออเดอร์นี้อยู่ข้างๆ มหาวิทยาลัยเองไม่ใช่เหรอ?” เมื่อเห็นชื่อผู้รับชัดเจน จ้าวซือก็ตกตะลึง หรือว่าจะเป็นฮันไป่เสวี่ย?แต่ในความคิดที่สอง บ้านของฮันไป่เสวี่ยอยู่ไกลจากมหาวิทยาลัยมาก ถึงแม้ว่าเธอจะทำงานล่วงเวลาก็ตาม แต่ก็ไม่น่าจะอยู่จนถึงขณะนี้

จ้าวซือไม่ได้คิดอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้และรีบไปที่มหาวิทยาลัยทันทีที่เขามาถึงประตูมหาวิทยาลัย เขาก็เห็นรถตู้จอดอยู่ที่ทางเข้า มีคนงานสองสามคนที่แต่งตัวประหลาดมองมาที่จ้าวซือ พวกเขาปิดประตูรถและจากไป

“มหาวิทยาลัยยังไม่ได้มีการปรับปรุงอะไรเมื่อเร็ว ๆ นี้ใช่ไหม?” จ้าวซือรู้สึกงงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เขาตรงไปยังจุดหมายของเขา ซึ่งเป็นหอพักภายในมหาวิทยาลัย

หลังจากที่เคาะประตูแต่ไม่มีการตอบสนอง จ้าวซือสังเกตเห็นว่ามีรอยเท้าเลอะๆ หลายรอยอยู่ที่ประตู ประตูนั้นถูกปิดอย่างลวกๆ และมันก็ไม่ได้ล็อคอยู่

จ้าวซือขมวดคิ้วและกัดฟัน เขายังคงเลือกที่จะผลักประตูเข้าไป เขาประหลาดใจที่พบว่ามีร่องรอยการขัดขืนอยู่ภายในห้อง มีโทรศัพท์สีขาวที่มีหน้าจอแตกอยู่บนพื้น

“โทรศัพท์ของอาจารย์ฮัน!”

จ้าวซือตกใจมาก นี่เป็นโทรศัพท์ของฮันไป่เสวี่ยซึ่งเขาเคยเห็นมาก่อน ตอนนี้หน้าจอมันพังและปุ่มก็ใช้งานไม่ได้อีกต่อไปแล้ว บนหน้าจอนั้นเป็นข้อความขอความช่วยเหลือ แต่ส่งไม่ทัน โทรศัพท์นั้นพังเสียก่อน!

หลังจากที่ยืนยันสถานการณ์แล้ว สีหน้าของจ้าวซือก็หม่นลง ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงกลุ่มคนงานที่หน้าประตูมหาวิทยาลัย

คนพวกนี้ช่างอวดดีจริงๆ บุกเข้ามาในมหาวิทยาลัยและลักพาตัวอาจารย์ของเขาไป!

จ้าวซือรีบวิ่งไปที่ประตูโรงเรียน หลังจากที่จำทิศทางที่รถตู้ไปได้แล้ว เขาก็ขึ้นรถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าและบิดคันเร่งจนสุด เขาไล่ตามพวกนั้นไป "อาจารย์ฮัน ผมจะไม่ยากให้อาจารย์ต้องตกอยู่ในอันตราย!"

ในฐานะพนักงานส่งอาหารจ้าวซือคุ้นเคยกับถนนหนทางในเมืองนี้เป็นอย่างดี เขาจำลองเส้นทางที่เป็นไปได้หลายเส้นทางเพื่อที่จะตามอีกฝ่ายให้ทัน และเป็นไปตามที่คาดไว้ เขาได้พบร่องรอยของอีกฝ่ายหนึ่งในอีกไม่กี่นาทีต่อมา

รถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าของจ้าวซือเคลื่อนที่เร็วราวกับสายฟ้าแลบ และจู่ๆ เขาก็เข้าใกล้รถตู้มากขึ้นทุกที

"นี่มันเกิดอะไรขึ้น? พนักงานส่งอาหารนั่นตามพวกเราได้ทัน" กลุ่มคนที่ลักพาตัวอาจารย์ฮั่นสังเกตเห็นจ้าวซือ

ดวงตาของฮันไป่เสวี่ยเป็นประกายเมื่อเธอได้ยินคำว่าพนักงานส่งอาหาร แต่ทว่าปากของเธอถูกปิดผนึกไว้ด้วยเทปกาว ดังนั้นเธอจึงทำได้แค่เสียงอู้อี้เท่านั้น

แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าพนักงานส่งของคนนี้เป็นใคร แต่ฮันไป่เสวี่ยก็นึกถึงจ้าวซือทันทีตามสัญชาตญาณ

“จัดสีสันให้มันซะหน่อยสิ” ชายตัวเตี้ยและผอมชี้ไปที่กระสอบทรายด้านหลังรถตู้

เขาลากกระสอบทรายและเปิดประตูข้างของรถตู้ออกด้วยรอยยิ้มที่น่าเกลียด เขายกนิ้วกลางให้กับจ้าวซือ

“ไปลงนรกซะเถอะ!” กระสอบทรายถูกโยนออกไปและเล็งไปที่จ้าวซือ

เมื่อฮันไป่เสวี่ยเห็นดังนั้น เธอก็เบิกตากว้างด้วยความสยดสยองเพราะด้วยความเร็วของรถตู้ในตอนนี้และความเร็วของสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า หากกระสอบทรายที่โยนลงไปไปชนเข้ากับรถที่กำลังไล่ตาม ถึงจะไม่ตายแต่ก็คงเลี้ยงไม่โตอย่างแน่นอ

!

“ป่าเถื่อน!” คลื่นแห่งความโกรธลุกโชนขึ้นที่หน้าอกของจ้าวซือ รถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่เขาขับได้เพิ่มความเร็วขึ้นอีกครั้ง มันเคลื่อนตัวเป็นรูปตัว Z แปลกๆ เพื่อหลบหลีกกระสอบทรายที่พุ่งเข้ามา

เห็นได้ชัดว่าชายร่างเตี้ยคนนั้นตกใจ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คาดคิดว่าจ้าวซือจะสามารถหลบได้ และเขาก็ยังตั้งใจโยนกระสอบทรายอีกใบลงมา

“ถ้าแกชอบเล่นกระสอบทรายมากนัก งั้นก็กลับบ้านไปเล่นคนเดียวเถอะ!”

จ้าวซือถ่ายเทลมปราณภูติอุดรลงในมือขวาของเขา เขาเหยียดนิ้วทั้งห้าออกแล้วพุ่งไปที่กระสอบทราย จากนั้นเขาก็คว้ากระสอบทรายมาไว้ในมือ!

“อะไรน่ะ!?” ชายร่างเตี้ยตัวผอมตกใจ สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้ามันช่างเกินคาด

ก่อนที่เขาจะทันได้ตอบโต้อะไร จ้าวซือก็โยนกระสอบทรายกลับขึ้นมากระแทกเข้าที่หน้าของเขา

"อ๊าก!"

ชายร่างเตี้ยตัวผอมร้องโหยหวนขณะที่เขาถูกกระสอบทรายกระแทกจนตกลงจากรถ เขากลิ้งไปกับพื้นสองสามทีจากนั้นก็ชนเข้ากับไหล่ทางข้างถนนทำให้เนื้อของเขาขาดกระจุยและไม่รู้ว่าเขาเป็นตายร้ายดีอย่างไร

"เกิดอะไรขึ้น!?"

เพียงเท่านั้นคนอื่นๆ ที่อยู่ในรถจึงได้รู้ว่าได้เกิดเหตุการณ์ที่ผิดปกติขึ้นแล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด