ตอนที่แล้วเกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 136
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 138

เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 137


ตอนที่ 137

“หรือราชวงศ์อมตะจะมิได้สัญญากับพวกมันเรื่องรางวัลไว้? พวกมันกำลังทำอะไรกัน?”

หลังจากผ่านไปเป็นเวลานาน หลินซวนก็จำใจต้องกลับไปยังตระกูลหลิน การกระทำนั้นของหลินซวนทำเอาเหล่าสตรีแซ่หลินทั้งหลายที่ตอนแรกเต็มไปด้วยความตื่นเต้นถึงกับพูดไม่ออก...

เวลาล่วงเลยทีละน้อย ในที่สุดการต่อสู้ก็ใกล้จะเริ่มต้นขึ้น

ร่างเงาที่หลินซวนรู้สึกคุ้นเคยยิ่งต่างตบเท้าก้าวเข้ามาสู่ค่ายกลเคลื่อนย้ายของตระกูลหลินทีละคน ต่างมุ่งหน้าไปยังสมรภูมิซึ่งถูกจัดเตรียมเอาไว้ล่วงหน้า เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมรับกับสงครามที่กำลังจะมาถึง

พวกเขาล้วนสวมใส่ชุดเกราะและมีสมบัติวิเศษอยู่ในมือ สีหน้าของพวกเขามิได้แสดงถึงความเสียใจใดๆ มีเพียงบรรยากาศรอบกายเท่านั้นที่พอจะบ่งบอกถึงความคับข้องในใจอยู่บ้าง เพราะท้ายที่สุดแล้ว คงมีญาติสนิทมิตรสหายของพวกเขาหลายคนมิได้กลับคืนมาสู่ตระกูลหลินแบบยังมีลมหายใจ

หลินซวนยืนอยู่ด้านหน้าของค่ายกลเคลื่อนย้ายขนาดยักษ์ และทำหน้านี้ส่งตัวกลุ่มศิษย์รุ่นเยาว์ทั้งหลายจากไปทีละกลุ่ม

ก่อนที่พวกเขาจะจากไป ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดหรือมีฐานะเช่นไรก็ตามในสกุลหลิน พวกเขาจะเข้ามาหยิกแก้มและลูบหัวของหลินซวนเบาๆ พลางบอกกับทารกน้อยให้บ่มเพาะอย่างระมัดระวัง ในอนาคตหลินซวนย่อมต้องกลายเป็นอัจฉริยะเหนือใต้หล้า และท้ายที่สุดก็จะก้าวผ่านบรรพชนหลินของพวกเขาไปได้ นั่นคือสิ่งที่คนทั้งหลายทำก่อนจะก้าวขาเข้าสู่ค่ายกลเคลื่อนย้ายจากไป

ในใจพวกเขาหวังว่าถึงตอนนั้น ตระกูลหลินจะต้องไม่มาประสบพบเจอกันเรื่องราวเช่นในวันนี้

ร่างของพวกเขากระโดดเข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้ายที่วางไว้ทีละคนก่อนจะปรากฏตัวอีกครั้งในสนามรบ

บรรพชนสกุลหลินเป็นคนสุดท้ายที่กำลังจะก้าวเท้าเข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้ายนั้น หลังจากที่เขาปรากฏตัวขึ้น หลินซวนกำหมัดของตนแน่น และใบหน้าเต็มไปด้วยความจริงจัง

นั่นเป็นเพราะบัดนี้สงครามกับราชวงศ์อมตะใกล้จะปะทุเต็มที!

ไกลออกไปสุดขอบฟ้า ร่างเงาของสมาชิกตระกูลหลินที่ข้ามผ่านค่ายกลเคลื่อนย้ายออกไปกำลังเดินเหยียบย่างความว่างเปล่ากลางอากาศอย่างช้าๆ ก่อนจะไปปรากฏตัวขวางเส้นทางเดินทัพของราชวงศ์อมตะเอาไว้

กล่าวตามตรง สิ่งนี้อยู่นอกเหนือจากการคาดการณ์ของราชวงศ์อมตะไปมากพอสมควร

ตระกูลหลินมิได้เลือกจะหลบหนีไปทว่าเลือกที่จะโจมตีกองทหารของราชวงศ์อมตะเช่นนั้นหรือ?

สิ่งนี้ทำให้เหล่ากองกำลังและตระกูลทั้งหลายที่กำลังเฝ้ารอชมการแสดงอยู่ไกลออกไปต่างก็ประหลาดใจ พวกมันมิคาดคิดเลยว่าตระกูลหลินจะเต็มไปด้วยความองอาจกล้าหาญเช่นนี้ ถึงขั้นบังอาจท้าทายตัวตนที่แสนยิ่งใหญ่เช่นราชวงศ์อมตะ นี่มันว่าเป็นความบ้าบิ่นประการหนึ่งในสายตาของพวกมัน!

อย่างไรก็ตาม พวกมันบางส่วนก็พอจะทำความเข้าใจได้ว่าเหตุใดสกุลหลินถึงได้กระทำเช่นนี้ อย่างไรเสีย ราชวงศ์อมตะที่มีกองทหารนับล้านนาย หากว่าพวกเขายอมให้เกิดการต่อสู้ขึ้นในเมืองต้าหยานแล้วล่ะก็ เมืองทั้งเมืองย่อมต้องพังทลายย่อยยับและส่งผลกระทบมหาศาลต่อเหล่าผู้บริสุทธิ์ทั้งหลายซึ่งพักอาศัยอยู่ในนั้นอย่างแน่นอน

ในขณะเดียวกัน ทางด้านของราชวงศ์อมตะ ปรากฏเมฆพิสดารมากมายขึ้นพร้อมกับแสงหลากสี ประกายแสงสีทองเจิดจ้า และโซ่แห่งกฎเกณฑ์นับไม่ถ้วนก็ปกคลุมไปทั่วท้องนภา!

กองทัพนับล้านรวมตัวกัน จิตสังหารของพวกมันพุ่งสูงเฉียดฟ้า วงแหวนลึกลับจำนวนมหาศาลล่องลอยไปทั่วทั้งบริเวณ!

นาวาล่องอากาศข้ามผ่านห้วงอากาศ ค่ายกลนับอนันต์เปล่งประกาย ที่ห้องควบคุมของนาวานั้นมียอดฝีมือประจำการอยู่ ใต้ท้องนาวาเป็นอสูรร้ายที่ถูกล่ามไว้เป็นสัตว์ลากจูง ก่อนที่เส้นทางสีทองมากมายก็ปรากฏขึ้น และมีราชวังลอยฟ้าตามมา!

นอกเหนือจากกองกำลังที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังมีร่างเงาสีดำจำนวนนับหมื่นพันเหยียบย่างอากาศอยู่ไม่ห่าง สีหน้าของพวกมันช่างเย่อหยิ่งและเย็นชา ร่างกายปลดปล่อยกลิ่นอายโหดเหี้ยมดุดัน เป็นกองทหารเกราะขนนกดำของราชวงศ์อมตะที่คอยรับใช้อยู่ในมุมมืดทำเรื่องชั่วช้าเลวทรามเหล่านั้น

ทางด้านฝั่งตระกูลหลินเองก็ปรากฏวงจรของค่ายกลเคลื่อนย้ายมากมายขึ้น พวกเขาเองก็มีนาวาทำศึกและอสูรที่เหี้ยมหาญอยู่ในครอบครอง รวมทั้งเหล่าศิษย์ตระกูลหลินอีกนับแสนคนที่ก้าวออกมาจากค่ายกลเคลื่อนย้ายนั้น

สำหรับตระกูลที่หยั่งรากลึกมานับหมื่นปี กองกำลังของพวกเขานับได้ว่าทรงพลังยิ่ง เรียกได้ว่าเป็นความลึกล้ำหนึ่งที่มิอาจประมาทได้

ทว่า เมื่อเผชิญหน้ากับกองทหารล้านนายของราชวงศ์อมตะแล้ว กองกำลังของสกุลหลินก็ยังดูด้อยกว่าจนน่าสงสารอยู่บ้าง

เบื้องหน้าของราชวงศ์อมตะ บนนาวาศึกลำใหญ่ที่แลดูทรงอำนาจและสง่างามที่สุด มียอดฝีมือชนชั้นปราณก่อตั้งจิตผู้หนึ่งกำลังดื่มชาอยู่

มันวางจอกชาที่ทำจากหยกวิญญาณโปร่งใสในมือลง พลางมองไปยังเหล่าศิษย์ตระกูลหลินที่อยู่ห่างออกไปด้วยใบหน้าสงบนิ่ง

กล่าวตามตรง แม้ว่ามันจะไม่มีร่องรอยเย้ยหยันหรือดูถูกดูแคลนใดปรากฏบนใบหน้า ทว่าทุกท่วงท่าการเคลื่อนไหวของมันก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความยโสโอหังที่แฝงลึกถึงกระดูกดำ เป็นตัวตนที่จองหองอย่างยิ่งโดยสันดาน

“หรือว่าพวกมันต้องการจะตาย? แทนที่จะซ่อนตัวอยู่ในเมืองต้าหยาน หลบอยู่หลังค่ายกลป้องกันและใช้โอกาสนั้นโจมตี พวกมันกลับเลือกจะมาเผชิญหน้าเช่นนี้ นับว่าเป็นความกล้าหาญหรือบ้าบิ่นดีนะ?” ยอดยุทธแดนก่อตั้งจิตผู้นั้นเอ่ยขึ้นอย่างเฉยชา

เสียงของมันแลดูสูงส่งและล้ำลึก คล้ายกับเป็นระฆังที่ดังกังวานมาจากสรวงสวรรค์ชั้นฟ้า ทำให้ผู้คนโดยรอบต่างตกตะลึงและมิบังอาจจะตั้งตนเป็นศัตรู

จากนั้น มันก็เหาะออกมาจากนาวานั้น ลักษณะของมันเป็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่งในชุดคลุมสีม่วง มันคือผู้บ่มเพาะตัวตนแดนปราณก่อตั้งจิตจากราชวงศ์อมตะ นามของมันคือ ยู่หัวจี้

มันยืนอยู่กลางอากาศ รอบกายเต็มไปด้วยแสงหลากสีที่คล้ายกับเต้นระบำไปรอบตัว ราวกับว่าเป็นเทพเซียนแท้จริงที่มาจุติในใต้หล้า กลิ่นอายน่าเกรงขามและแผ่ไพศาลของมันแฝงไปด้วยแรงกดดันที่มากราวกับจะทำลายโลกทั้งใบ

นี่ช่างทำให้ผู้คนทั้งหลายรู้สึกหวาดหวั่นอยู่ในอกและร่างกายสั่นสะท้าน และไม่สามารถทำสิ่งใดได้นอกจากต้องคุกเข่าลง ส่วนทางด้านผู้ที่บ่มเพาะปราณกลับมีอาการหวาดกลัวยิ่งกว่า คล้ายกับว่าพวกมันเห็นสวรรค์มาปรากฏตรงหน้า กระทั่งเหล่ากองทหารเกราะขนนกดำของราชวงศ์อมตะเองก็อดมิได้ที่จะเนื้อตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว!

ความแข็งแกร่งของยู่หัวจี้นั้นมากมายเกินจินตนาการ เพิ่งยืนอยู่เฉยๆ เช่นนั้น ก็มากพอให้ผู้คนบังเกิดภาพหลอนและหมดสิ้นซึ่งเรี่ยวแรงจะต่อต้าน!

“ช่างเป็นความกล้าหาญที่ไร้ประโยชน์ อย่างไรเสียพวกเจ้าก็จะต้องถูกทำลายจะหมดสิ้นในท้ายที่สุด!”

บรรพชนหลินก้าวออกมาจากกลุ่มคนสกุลหลินทั้งหลาย น้ำเสียงของเขาสงบนิ่งและเฉยชา

“ไม่เจอกันนาน ยู่หัวจี้”

“กล้าดีอย่างไร! เจ้าอาศัยความยโสถึงเพียงไหนจึงบังอาจเอ่ยนามของท่านอ๋องผู้นั้นโดยตรง!?” คนของราชวงศ์บางส่วนคำรามด้วยความเกรี้ยวกราด

ทางด้านเหล่าคนทั้งหลายที่เฝ้ามองเหตุการณ์นี้อยู่ปรากฏสีหน้าเคร่งขรึม

พวกมันมิคาดคิดเลยว่าผู้นำทัพของราชวงศ์อมตะในครั้งนี้จะเป็นท่านอ๋องผู้นั้นจริงๆ นี่มันนับว่าเป็นสถานการณ์ที่ย่ำแย่ยิ่งนัก!

ยู่หัวจี้ผู้นี้ แม้รูปลักษณ์ของมันจะเป็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง ทว่าความจริงแล้วมันคือตาแก่ที่มีชีวิตอยู่มาอย่างยาวนาน อายุของมันมากกว่าบรรพชนหลินเสียด้วยซ้ำไป

ความแข็งแกร่งของมันเป็นที่เลื่องลือไปทั่วอาณาเขตเหนือครามแห่งนี้ ในสมัยที่มันยังเยาว์วัย มันคือยอดอัจฉริยะที่ครั้งหนึ่งเคยเอาชนะอัจฉริยะทั้งหมดในยุคสมัยของมันและก่อให้เกิดพายุลูกใหญ่ขึ้น เป็นยอดคนที่โดดเด่นเหนือใต้หล้าและไม่อาจหาใครมาเทียบได้ในช่วงเวลานั้น

ยู่หัวจี้มองไกลออกไป มิใช่ว่ามันไม่เข้าใจในจุดประสงค์ของตระกูลหลินแต่อย่างใด มันคิดว่าสกุลหลินทำเช่นนี้เพื่อให้มันเผลอลดการป้องกันลง อย่างไรก็ตาม มันเองก็มิคาดคิดเช่นกันว่าบรรพบุรุษตระกูลหลินจะกล้าพอมาเผชิญหน้ากับฝ่ายตรงข้ามด้วยตนเองเช่นนี้!

เป็นเพราะว่าในความคิดของมัน แม้ว่าสกุลหลินจะทำให้การป้องกันของพวกมันลดลงได้ แต่ความต่างระหว่างสองกองกำลังก็ยังนับว่ากว้างใหญ่ยิ่ง แล้วตระกูลหลินจะทำสิ่งใดได้กัน?

“ส่งหม้อสามขาทมิฬดับสวรรค์เก้าชั้นฟ้ามา ตระกูลหลินยังอาจจะพอมีโอกาสในการรอดชีวิต และข้าจะเหลือคนของพวกเจ้าเอาไว้เล็กน้อยพอให้ได้สืบสกุลต่อไป” เสียงของยู่หัวจี้เย็นเยียบ มันทำราวกับว่าตนคือเทพเจ้าที่กำลังประกาศคำพิพากษาจากสรวงสวรรค์

“นี่ใช่คำพูดที่เจ้าจะเอ่ยออกมาเพื่ออ้อนวอนข้าหรือ?” บรรพชนหลินเองกลับมีน้ำเสียงเรียบนิ่ง ทว่าเช่นเดียวกับมหาสมุทร... แม้ว่าพื้นผิวจะยังคงสงบ แต่ใต้น้ำกลับเต็มไปด้วยคลื่นลูกยักษ์ที่พร้อมจะสาดซัดเข้าใส่ศัตรูอย่างไม่ปรานี

*หลังจากนี้จะเป็นตอนเริ่มสงครามกับรางวงศ์ ผมจะทำการติดเหรียญต่อเนื่องจนจบภาค แล้วเปิดฟรีให้อ่านสิบตอน ก่อนจะกลับไปติดเหรียญตามปกติหลังจากครบสินตอนแล้ว

ขอบพระคุณที่สนับสนุนเสมอมาครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด