ตอนที่แล้วบทที่ 7 ซุ่มซ่าม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 9 ลิงที่ไม่เต้นคือลิงตาย

บทที่ 8 เสียใจด้วยนะ ข้ามีคู่หมั้นแล้ว


บทที่ 8

เสียใจด้วยนะ ข้ามีคู่หมั้นแล้ว

มองดูท่าทางที่รังเกียจแต่ก็กินของหรงสวินแล้ว            เซียวเป่าเอ๋อร์รู้สึกผิดหวัง

เซียวเป่าเอ๋อร์คิดว่าครอบครัวของเขาขาดเสาหลักมาตลอด ในใจของเขาเคยวางแผนไว้นานแล้ว อย่างแรกเขาต้องการที่จะหาท่านลุงหน้าตาดีสักคนให้กับแม่ของเขาและมาเป็นพ่อของเขา เพื่อที่ครอบครัวของเขาจะได้ไม่ถูกรังแกโดยคนในหมู่บ้าน และตัวเขาก็จะไม่ใช่เด็กไม่มีพ่ออย่างที่ใคร ๆ ในหมู่บ้านเรียก

แต่ว่าชื่อเสียงในหมู่บ้านของเขาแย่มาก ผู้คนส่วนใหญ่ที่มาสู่ขอแม่ของเขาแต่งงานกลับมีแต่คนที่พิการไม่ก็ขี้โอ่ไร้ค่า เขาจึงอยากแนะนำท่านลุงเหวินไฉที่เป็นถึงผู้ทรงความรู้ในหมู่บ้านให้กับแม่ของเขา แต่แม่ของเขากลับไม่อนุญาตให้เขาเอ่ยชื่อออกมา และไม่ให้เขาข้องแวะกับท่านลุงเหวินไฉด้วย

แม้ว่าหรงสวินจะบาดเจ็บสาหัส เซียวเป่าเอ๋อร์ก็เห็นว่าชายหนุ่มเป็นคนที่ไม่กลัวใคร เมื่อใดที่เขารักษาหาย เขาจะต้องเป็นคนที่ทำให้ผู้คนในหมู่บ้านตกใจได้ เมื่อรวมกับความฝันของเขา เขาจึงอยากได้อีกฝ่ายมาเป็นพ่อที่ดีของเขาและเป็นคู่สมรสที่ดีของท่านแม่

แต่ดูเหมือนว่าหรงสวินจะไม่ได้ชอบท่านแม่ของเขา เมื่อคิดได้เช่นนี้เซียวเป่าเอ๋อร์ก็ถอนหายใจออกมาและส่ายหัว ไม่แปลกใจที่จะเป็นอย่างนั้นถึงท่านแม่ของเขาจะสวยมากในความคิดของเขา แต่นางกลับผอมจนเห็นกระดูกทั้งยังมีชื่อเสียงไม่ดีไปทั่วทั้งเมืองอีกต่างหาก

“เฮ้อ.....”

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เซียวเป่าเอ๋อร์ก็ลงไปนั่งกับพื้นและร้องไห้อย่างเสียใจ

หรงสวินตกตะลึงกับการเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันนี้ เจ้าเด็กคนนี้เป็นอะไรไป?

“ลืมไปเถอะ เซียวหลี เซียวหลี มีพ่อแต่พ่อไม่เลี้ยง ลูกชายก็เป็นแค่เด็กที่พ่อให้กำเนิดแต่ไม่สนใจเลี้ยงดูเหมือนกัน สมควรแล้วจริง ๆ ที่เจ้าไม่มีพ่อ ไม่มีใครให้พึ่งพา”

ยิ่งเขาพูดมากเท่าไร น้ำตาก็ยิ่งไหลออกมาเท่านั้น

หรงสวินมีสีหน้ามืดครึ้ม เขามองไปที่เจ้าตัวน้อยที่กำลังเช็ดน้ำตาขณะที่กำลังพูดกับตัวเอง ซึ่งฟังจากที่เขาพูดสองคนแม่ลูกที่มีแต่แม่และไม่มีพ่อทั้งคู่ ถ้าหากเป็นคนอื่นพูดคงจะไม่เท่าไร แต่ไม่คิดว่าเจ้าเด็กคนนี้เองจะเป็นแบบนั้นด้วย

ถึงแม้ว่ามันจะสมควรกับความดื้อรั้นของเซียวหลี แต่กับเจ้าเด็กคนนี้แล้ว

เขาไม่ได้ผิดอะไร!

“เจ้าหนู เจ้า.....”

“ท่านลุง!”

โดยไม่รอให้หรงสวินได้พูดจบ เป่าเซียวเอ๋อร์หยุดร้องไห้ทันทีและเช็ดน้ำตาของเขาออก เด็กชายลุกขึ้นยืนอีกครั้งและป้อนน้ำแกงไก่ให้เขาต่อ

“ท่านลุงหรง แม่ของข้าใจดีมากเลยนะ”

“ก็อาจจะ”

“ท่านลุงหรง ท่านแม่ของข้าเป็นคนที่สวยมากจริง ๆ นะ ท่านไม่คิดแบบนั้นบ้างเหรอ?”

“ฮ่า ๆ ....ข้าไม่คิดแบบนั้น แต่ถ้าบอกว่ามีใบหน้าโดดเด่นไม่เหมือนใครก็อาจใช่”

“ท่านลุงหรง ท่านแม่ของข้าเป็นผู้หญิงที่น่าสนใจมาก ท่านไม่อยากที่จะทำความรู้จักกับนางให้มากกว่านี้เหรอ?”

“เจ้าหนู นี่เจ้ากำลังคิดจะหาพ่อให้ตัวเองอยู่หรืออย่างไร?”

เซียวเป่าเอ๋อร์กะพริบตากลมโตของเขามองไปที่      หรงสวินอย่างแน่วแน่แล้วกล่าวในใจว่า ‘ในที่สุดท่านลุงก็เข้าใจ’

เป่าเอ๋อร์มองด้วยสายตาที่คาดหวัง แต่หรงสวินพูดราวกับเทน้ำเย็น ๆ ลงใส่หัวของเขาอีกครั้ง

“ขอโทษด้วย ข้ามีคู่หมั้นแล้ว”

เซียวเป่าเอ๋อร์เม้มปากแน่น ก้มหน้าลงไปอย่างอดทนอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาพูด “เอาล่ะ ท่านแม่ของข้าขึ้นไปบนภูเขาเพื่อเก็บสมุนไพรให้ท่าน ทั้ง ๆ ที่ท่านแม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส แถมยังหกล้มซ้ำอีก เมื่อใดที่ครอบครัวของท่านมาแล้ว ไม่คิดบ้างเหรอว่าแค่ 1 ตำลึงเงินมันจะไม่น้อยเกินไปหน่อยเหรอ?”

“1 ตำลึงเงินน่ะ สำหรับคนอย่างพวกเจ้าแล้วหาไม่ได้ง่าย ๆ ภายในครึ่งปีไม่ใช่รึไง? แค่นี้ก็พอแล้ว”

เซียวเป่าเอ๋อร์ฝืนทนอย่างมาก เมื่อมองไปที่ใบหน้ายิ้มแย้มของหรงสวินแล้ว เขาไม่อาจมองเห็นความตั้งใจที่แท้จริงของหรงสวินเลย เขาคิดอยากได้ผู้ชายเลือดเย็นเช่นนี้มาเป็นพ่อของเขาได้อย่างไร? เขาส่ายหัวโชคดีที่เขาทำไม่สำเร็จ

เสียง ‘ปัง’ ดังขึ้นมา เซียวเป่าเอ๋อร์วางน้ำแกงไก่บนโต๊ะข้างเตียง ‘กินเองก็แล้วกัน’

ปากเล็ก ๆ ของเด็กน้อยกล่าวว่า “ท่านลุงแย่มาก” หลังจากพูดแล้วก็คิดจะจาก แม้เขาจะคิดว่าท่านแม่ของเขาคงจะไม่พูดอย่างนั้น แต่ท่านแม่บอกให้เขานำน้ำแกงไก่มาให้ท่านลุงคนนี้จริง ๆ

“เดี๋ยวก่อน” หรงสวินพยายามขยับร่างกายโดยอดทนต่อความเจ็บปวด แล้วพูดอย่างยากลำบาก “ป้าของเจ้าหายไปในเมืองตั้ง 1 วัน 1 คืนแล้ว ทำไมนางถึงยังไม่กลับมาอีก? ไม่ใช่ว่าที่นี่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองหรอกเหรอ?”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้เซียวเป่าเอ๋อร์ก็นึกถึงท่านป้าของเขาขึ้นมา เขามองไปที่หรงสวินด้วยสีหน้าที่เสียใจแล้วส่ายหัวของเขา “ถ้าหากท่านโชคร้ายท่านป้าก็น่าจะอยู่ที่บ่อนพนัน แต่หากท่านโชคดีอีกไม่นานนางก็คงจะกลับมา”

“นางจะไปตามที่ข้าบอกแล้วพาหมอมาไหม?”

“ท่านเป็นคุณชายสูงส่งในสายตาของนาง ข้าคิดว่าบางทีนางอาจจะเชิญหมอถูก ๆ มาให้ท่านก็ได้”

เซียวเป่าเอ๋อร์ตอบอย่างรวดเร็ว แล้วร่างเล็ก ๆ ของเขาเดินอย่างกระฉับกระเฉงออกไปจากห้องแล้วหายไปยังลานบ้าน

หรงสวินถอนหายใจออกมาแล้วพูดกับตัวเอง “คนจนก็มีเหตุผลแบบคนจนล่ะนะ การที่ต้องมาอยู่ในครอบครัวจน ๆ เช่นนี้ช่างน่าสงสารเสียจริง” เมื่อเขานึกถึงเซียวเป่าเอ๋อร์ขึ้นมาแล้ว เขาก็รู้สึกเสียดายขึ้นมาที่เด็กที่ฉลาดและช่างคิดต้องมาอยู่ในครอบครัวเช่นนี้

หรงสวินอดทนต่อความเจ็บปวดแล้วหยิบชามขึ้นมา     อืม...น้ำแกงไก่นี่ก็รสชาติไม่ได้แย่อะไร ก่อนหน้านี้ร้องบ่นว่าจน แต่ตอนนี้กลับมีน้ำแกงไก่ให้ทาน แม้จะมีความคิดที่ดีแต่จิตใจอาจจะคิดอะไรสกปรกก็ได้

.........

“ครอบครัวบ้านสาม ในเมื่ออาหลีนั่นไม่เป็นอะไร เจ้าก็ควรจะรีบ ๆ เก็บของได้แล้ว คนในหมู่บ้านต่างก็มารอที่จะส่งเจ้าออกไปจากหมู่บ้านแล้วนะ”

ผู้ที่พูดคือเซียวต้าโหย่ว ผู้เป็นลุงของเซียวหลี

เขามาที่นี่แต่เช้าและเรียกให้ชาวบ้านมากมายมารวมตัวกัน เวลาเพียงแค่ชั่วก้านธูป ทั้งลานบ้านก็เต็มไปด้วยผู้คน

ชาวบ้านส่วนใหญ่เพียงแค่มาดูความสนุกเท่านั้น อย่างไรเสียพอมีคนมากก็ย่อมไม่กลัวที่จะทำการใหญ่

“ครอบครัวบ้านสาม ไม่ต้องทำมาเป็นไร้ยางอายเลยนะ ได้เวลาที่พวกเจ้าจะต้องไปแล้ว”

เซียวต้าโหย่วเดินไปเดินมาโดยไขว้มือไว้ด้านหลัง เขาตะโกนแล้วมองไปในบ้านด้วยความมั่นใจ เมื่อครอบครัวจากไปบ้านหลังนี้จะเป็นของเขา

“พี่ใหญ่ ภรรยาม่ายของน้องสามก็น่าสงสารนะ อย่างไรเสียนางก็เป็นหลานของพวกเราเอง” เซียวโหย่วฟู่บุตรคนที่สองของตระกูลเซียวจงใจพูดเสียงดังขึ้นมา เพื่อให้คนอื่น ๆ ในหมู่บ้านคิดว่าตัวเขาที่เป็นลูกชายคนที่สองของตระกูลเป็นคนที่มีมโนธรรม

“จริงด้วย พวกนางต่างก็เป็นญาติสนิททางสายเลือดแท้ ๆ?” นางหลิวผู้เป็นภรรยาของเซียวโหย่วฟู่กล่าวพลางแสร้งยกมือปิดหน้าพร้อมเสียงสะอื้น “ช่างเป็นเด็กที่น่าสงสารอะไรเช่นนี้”

“ข้าขอถามสะใภ้สองว่า เจ้าจะร้องไห้ทำไม? สะใภ้สามยังไม่ตายเสียหน่อยแล้วก็ไม่ได้จัดงานศพกันด้วย เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นพระโพธิสัตว์หรือ?” นางถังผู้เป็นสะใภ้ใหญ่ของตระกูลเซียวกล่าวด้วยสีหน้าที่ดูถูก นางรู้ดีอยู่แก่ใจว่าครอบครัวบ้านสองนั้นมีไหวพริบและเจ้าเล่ห์ พวกเขาเองก็อยากได้ที่ดินผืนนี้เช่นกัน

คนดีเขาไม่ทำอะไรลับหลังผู้อื่น ถ้าคิดจะกำจัดผู้อื่นเพื่อเอาที่ดินแล้วละก็อย่าแกล้งทำเป็นคนดี ดังนั้นนางถึงได้ดูหมิ่นสะใภ้สองที่ทำตัวเป็นคนดี

“พะ....พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านโหดร้ายเกินไปแล้ว”

“ทำไม? ถามผู้คนที่นี่ดูก็ได้ ว่ามีใครบ้างที่ไม่อยากจะไล่ตัวซวยพวกนี้ออกไปจากหมู่บ้าน?”

นางถังกวาดสายตามองผู้คนที่ยืนอยู่ที่ลานกว้าง แต่กลับมีคนที่ตอบเพียง 2 - 3 คนเท่านั้น พวกเขาเกลียดชังครอบครัวนี้ที่ทำตัวผิดศีลธรรมและทำลายฮวงจุ้ยในหมู่บ้าน

แต่ก็มีหลายคนที่สงสารหญิงม่ายของครอบครัวบ้านสามเช่นกัน

“พี่เซียวหลีเป็นคนดี”

มีเสียงตอบอ่อย ๆ ท่ามกลางฝูงคนที่ต่อต้าน นางได้ก้มหัวของนางลง แต่ทันทีที่นางพูดจบป้าของนางที่อยู่ด้านข้างก็ยกมือปิดปากนาง

“เซียวซีซี เจ้าเป็นสาวบริสุทธิ์ที่ยังไม่ได้ออกเรือน อย่าได้พูดอะไรที่เหลวไหลเช่นนั้นออกมา ทำไมเจ้าถึงได้คิดว่าเซียวหลีที่ท้องก่อนแต่งเป็นคนดีไปได้เล่า?” นางถังเบนเข็มไปเล่นงาน   เซียวซีซีแทน “นี่ เจ้าออกมาดูลูกสาวของเจ้าหน่อย อย่าปล่อยให้ลูกของเจ้ามาทำอะไรแหกคอกเช่นนี้ ระวังจะไม่มีที่ให้ร้องไห้”

“คนใจกว้างแซ่ถัง เจ้าอย่ามาพูดอะไรเสีย ๆ หาย ๆ ใส่คนอื่นนะ ข้าน่ะอบรมลูกสาวข้าดีอยู่แล้ว”

หวังกุ้ยฮวา มารดาของเซียวซีซีออกมาตอบโต้ นางไม่ชอบคนพวกนี้ อีกทั้งตัวนางเองก็เคยเป็นเด็กกำพร้าและยังเป็นแม่ม่ายอีก สามีของนางนั้นเสียชีวิตไปนานหลายปีแล้ว นางดูแลแม่สามีแล้วยังต้องเลี้ยงลูกอีกสองคนและยึดมั่นในสามีที่เสียไป นางเป็นผู้หญิงที่เคยได้รับรางวัลแผ่นป้ายศีลธรรมของอำเภอ ทำให้คนในหมู่บ้านพากันนับถือนาง

“เอะอะอะไรกัน? เซียวต้าโหย่วเจ้าดูแลภรรยาของเจ้าหน่อยได้ไหม?” เสียงของชายชราอายุกว่า 60 ปีดังออกมาจากในหมู่ฝูงชนโดยที่มือของเขาไขว้หลังอยู่ ผู้คนในหมู่บ้านต่างก็พาหลีกทางให้เขา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด