ตอนที่แล้วบทที่ 17 ตัวซวยคือหายนะของคนอื่น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 19 ทำไมถึงได้มีรสแบบนี้เนี่ย?

บทที่ 18 ขอทานหญิงตัวเหม็น


บทที่ 18

ขอทานหญิงตัวเหม็น

“ท่านหมอเฉียน ข้ายังมีธุระอื่นต้องไปทำ เอาไว้ค่อยพบกันที่ตลาดหลังจากนี้ 1 ชั่วยาม”

“แม่หนู เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนมากได้โปรดช่วยนำทางให้ข้าก่อน แล้วข้าจะขอบคุณเจ้ามาก!” หมอเฉียนนั้นดูเป็นกังวลมาก เขาได้ก้มหัวให้กับเซียวหลีพร้อมท่าคารวะ

“ท่านหมอเฉียน ข้ามีธุระอื่นต้องไปทำจริงๆ และอย่าได้กังวลไปข้าจัดการเรื่องของอาการบาดเจ็บให้คุณชายแล้ว ขอให้ท่านวางใจได้”

“ไม่มีปัญหาอะไรร้ายแรงจริงๆรึ?” ท่านหมอเฉียนถามอย่างกระวนกระวาย และอยากที่จะไปรักษาคนเดี๋ยวนี้

“ไม่มีเจ้าค่ะ”

ท่านหมอเฉียนอยากที่จะถามอย่างอื่น แต่เซียวหลีก็ได้จากไปพร้อมกับตะกร้าบนหลังของนาง

ออกจากโรงหมอจี้หมินไป เซียวหลีก็ได้มุ่งหน้าไปยังร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอ

ร้านฉู่ฉู่หลิวเซียง

เซียวหลีก็ได้เดินเข้าไปข้างในพร้อมกับตะกร้าบนหลังของนาง แต่เสี่ยวเอ้อกลับไล่นางออกไป

“อะไรกันเนี่ย? มีตาสุนัขแต่กลับมองคนต่ำกว่าอย่างนั้นเหรอ?” เซียวหลีก็ได้สางผมที่กระจัดบนหน้าผากของนางแล้วพูดใส่อันธพาลหรือเสี่ยวเอ้อก็ไม่รู้ “ข้ามาที่นี่ในฐานะลูกค้า แต่ทำไมเจ้าถึงได้ไล่ข้าออกมาด้วย?”

“ฮ่าๆๆ ขอทานตัวเหม็นอย่างเจ้าเนี่ยนะจะมาเป็นลูกค้า? ไม่รู้จักสถานภาพของตัวเองแล้วกล้ามาทำป่วนที่นี่อย่างนั้นรึ? ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ไม่อย่างนั้นจะมาโทษข้าท่านหลี่ไม่สุภาพกับเจ้าไม่ได้!”

คนคนหนึ่งที่มีปากแหลมเหมือนแก้มลิงก็ได้พูดขึ้นมา แล้วผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาและลูกค้าที่อยู่ในร้านเองก็ได้ยินเสียงแล้วหันมามองดู แล้วผู้ที่มองดูต่างก็พากันหัวเราะอย่างสนุกสนาน

แน่นอนว่านี่เป็นครั้งแรกที่มีผู้หญิงยาจกเรียกตัวเองว่าเป็นลูกค้าร้านนี้

“หลีกไป หลีกไป อย่ามารบกวนการทานอาหารของทุกคนที่นี่” แล้วชายคนที่เรียกตัวเองท่านหลี่ก็ได้กล่าวแล้วไล่เซียวหลีออกไป

ในเวลานั้นเองเซียวหลีก็ได้ยิ้มขึ้นมา ก่อนที่คนที่เรียกตัวเองว่าคุณท่านหลี่นั้นจะมาแตะตัวนาง นางก็ได้หลบแล้วจับข้อศอกของเขาเอาไว้

“อ๊ะ....หนอยนังนี่....”

ชายคนนั้นคิดว่าตัวเขาแค่ประมาทจึงได้พ่ายกลศึกเสียเกงจิ๋ว ดังนั้นเขาจึงได้ยื่นเท้าของเขาออกมาเพื่อดึงเอาแขนของเขากลับมา แต่ก็ไม่คิดว่าเซียวหลีนั้นจะหลบได้แล้วเข้ามาอยู่ห่างกับตรงหน้าเขาแค่ 10 เซนติเมตรเท่านั้นในชั่วพริบตา

“ท่าน ข้าก็แค่จะมาทานอาหารอร่อยๆเท่านั้น มีเหตุผลอะไรที่จะต้องมาขวางข้าด้วย? หรือเถ้าแก่ของท่านบอกไม่ให้ผู้หญิงเข้าร้านอย่างนั้นเหรอ?

แล้วเซียวหลีก็ได้ยิ้มที่แฝงด้วยความชั่วร้าย แล้วหยิบเอาตำลึงเงินในมือของนางออกมาแล้วกระแทกเข้าไปที่เบ้าตาซ้ายของเขา “ข้าเข้าไปได้หรือยัง?”

“อ๊าก....แม่นางยกโทษให้ข้าด้วย....”

แล้วนางก็ได้ออกแรงกดที่เท้าของนาง แล้วชายคนนั้นก็ได้กรีดร้องก่อนที่จะถูกผลักออกไปโดยเซียวหลี

เสี่ยวเอ้อหลีที่กระเด็นออกไปก็ได้ลุกขึ้นยืนแล้วตะโกน “จัดการนาง!”

“คนของร้านรังแกลูกค้าเช่นนี้ นี่คือร้านฉู่ฉู่หลิวเซียงที่มีสาขาไปทั่วแผ่นดินจริงๆเหรอ?”

เซียวหลีก็ได้ถอยห่างหลบพวกอันธพาลที่กำลังบุกเข้ามาหานาง แล้วตะโกนถามขณะที่หลบไปด้วย “ทำการค้าด้วยจิตใจที่ดำมืดไร้เหตุผลและทำร้ายลูกค้าเช่นนี้เช่นนี้ สวรรค์จะต้องลงโทษแน่”

“หุบปาก! เจ้าอย่ามาพูดล่วงเกินเถ้าแก่ของพวกเรานะ!”

เซียวหลีก็ได้พ่นลมออกทางจมูก ในเวลานี้มีคนมามุงดูทั้งข้างในและข้างนอก

แล้วหน้าต่างของห้องที่ดูหรูหราบนชั้นสองของร้ายก็ได้เปิดออกมา ก็ได้มีคุณชายที่มีผิวขาวดั่งหิมะและยังสวมชุดสีขาวราวกับเซียน ก็ได้คลี่พัดที่วาดลวดลายทิวทัศน์เอาไว้ในมือของเขาให้เห็น แล้วมองไปที่หญิงสาวที่อยู่ชั้นล่างที่คล่องแคล่วว่องไวราวกับลิงที่กำลังแสดงละครตามถนน

“พอได้แล้ว!”

แล้วชายที่สวมชุดสีขาวก็ได้ตวาดขึ้นมา และสะบัดพัดในมือของเขาอย่างสบายอารมณ์

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ชายคนหนึ่งที่อายุประมาณ 30 ก็ได้เงยหน้าขึ้นมาแล้วมองไปที่ชายชุดขาว หลังจากที่มองดูแล้ว เขาก็รู้สึกได้ว่าชายคนนี้จะต้องเป็นคนรวยมีเงินมากแน่ๆ เขาจึงได้ประจบชายคนนั้นด้วยการก้มหัวให้ แล้วจากนั้นก็ได้ต่อว่าเหล่าคนคุ้มกันร้าน “ออกไปได้แล้ว”

“หัวหน้าเซียว!”

แล้วเหล่าอันธพาลที่รู้ตัวว่าตัวเองได้ก่อปัญหาแล้วก็ได้พากันถอยออกไปโดยที่ไม่พูดอะไรออกมา

“ทุกๆท่านขอรับย ขอให้ทานอาหารมื้อนี้กันอย่างมีความสุข วันนี้พวกเราจะขอมอบจานผลไม้ให้กับทุกโต๊ะเป็นการขออภัย”

แล้วในเวลานี้เองก็ได้มีชายอายุ 40 ต้นๆเดินออกมาจากข้างในร้าน เขามองไปที่ชายชุดขาวที่อยู่ชั้นบนแล้วผงกหัวด้วยความเคารพ แล้วชายชุดขาวก็ได้พยักหน้าตอบ

ชายคนนี้ได้ทำการพูดปลอบขวัญลูกค้าในร้านของเขาแล้วจากนั้นก็ได้เชิญเซียวหลีให้เข้ามาทานในร้านของเขา

“ผู้จัดการหลิวขอรับผู้หญิงคนนี้เป็นลูกพี่ลูกน้องของข้าเอง ข้ารู้ดีว่าครอบครัวของนางนั้นยากจนมากจนไม่มีอะไรจะกิน นางไม่มีเงินมาซื้อของที่นี่หรอก ให้ข้าเข้าไปคุยกับนางแล้วให้นางกลับไปดีกว่าขอรับ ไม่ต้องลำบากท่าน”

ผู้จัดการหลิวก็ได้คิดอยู่ชั่วขณะหนึ่งแล้วจากนั้นก็ได้กล่าว “ถ้าเช่นนั้นก็คุยกันดีๆอย่าได้ก่อปัญหาขึ้นมาล่ะ”

“ขอบพระคุณมากขอรับ ผู้จัดการหลิว”

ทันทีที่ผู้จัดการหลิวออกไป เซียวจิ้งถิงก็ได้หันหลังกลับมาแล้วพูดกับเซียวหลีด้วยเสียงที่ดังพอแค่สองคนได้ยินเท่านั้น “เซียวหลีเจ้าสติแตกไปแล้วหรือยังไง? ถึงได้กล้ามาเพ่นพ่านที่นี่น่ะ? เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วรึไง? แล้วนี่อะไรเจ้าไปเอาตำลึงเงินมาจากไหน? หรือว่าเจ้าใช้ให้ลูกของเจ้าไปขโมยเงินของพี่สาวเจ้ามาอีกแล้ว?”

เซียวจิ้งถิง?

ชายคนนี้ดูเหมือนจะเป็นลูกชายคนโตลุงของนาง!

เซียวหลีก็ได้จ้องไปที่เซียวจิ้งถิงแล้วกล่าว “ถ้าข้ามีเงินแล้วยังไง ข้าไปขโมยเจ้ามาหรือยังไง?”

“เอาเงินนั่นมาให้ข้าเดี๋ยวนี้? ไม่อย่างนั้นเจ้าได้เห็นดีกันแน่” เซียวจิ้งถิงก็ได้แบมือของเขาออกมา เขานั้นคิดว่าเซียวหลีนั้นก็คงจะเหมือนกับเมื่อก่อน ที่พอเขาขู่และหลอกล่อนางนิดหน่อยก็จะได้เงินนั้นมา

แต่ไม่คาดคิดว่าเซียวหลีนั้นจะผลักเขาออกมาแล้วมองไปที่ชายชุดขาวที่อยู่ชั้นบนที่กำลังจะปิดประตู

“สุนัขเฝ้าร้านพวกนี้เหมือนจะไม่ได้รับการศึกษา ไม่รู้เลยว่าเถ้าแก่สารเลวที่ไหนที่ตาบอดไปรับเอาคนสารเลวพวกนี้มาเฝ้าร้านกัน ข้าเกรงว่าการค้าของร้านนี้คงได้เจ๊งในไม่ช้าแน่”

แล้วชายชุดขาวก็ได้ชะงักแล้วหันไปมองข้างหลังเขา แล้วพบว่าไม่มีใครอยู่นอกจากเขา แล้วเอาพัดนั้นมาชี้ที่ตัวเขาแล้วมองมาที่เซียวหลีราวกับจะถามว่าพูดกับเขาอยู่เหรอ?

เซียวหลีก็ได้พ่นลมออกทางจมูกแล้วชี้ไปที่เซียงจิ้งถิงแล้วกล่าว “เป็นแค่สุนัขแต่กลับมองคนต่ำกว่า กลัวว่าข้าจะไม่มีเงินจ่ายจึงได้ไม่ให้ข้าเข้าไปในร้านอย่างนั้นเหรอ?”

“ใช่ๆ ถูกต้องแล้ว ร้านฉู่ฉู่หลิวเซียงทำไมถึงได้ทำตัวมีอำนาจบาตรใหญ่เช่นนี้

“เถ้าแก่ร้านฉู่ฉู่หลิวเซียงเหมือนว่าจะเป็นคนจากเมืองหลวงและมีเบื้องหลังที่แข็งแกร่งอยู่ และมีสาขาไปทั่วทั้งแผ่นดิน ถึงได้กล้ารังคัดรังแคคนทั่วไปอย่างนั้นเหรอ?”

“มารังแกคนกันเองแบบนี้ไม่ได้นะ!”

.........

เซียวจิ้งถิงก็ได้ชะงัก พี่สาวของเขาอุตส่าห์หางานนี้มาให้เขาโดยผ่านเส้นสายของนาง ดังนั้นเขาจะปล่อยให้เซียวหลีมาทำลายไม่ได้เด็ดขาด

จึงได้รีบตะโกนไล่คนที่มามุงดูออกไป “มาตะโกนเห่าหอนอะไรกัน แยกย้ายกันออกไปได้แล้ว”

แล้วชายในชุดขาวก็ได้เริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเมื่อเห็นเช่นนี้ แล้วคิดว่าหัวหน้าคนคุ้มกันร้านนั้นไม่มีสมองรึยังไง?

ทำธุรกิจค้าขายแท้ๆ แต่กลับปฏิบัติกับลูกค้าด้วยท่าทีที่แข็งกร้าวเช่นนั้น

ถึงแม้เสื้อผ้าของผู้หญิงคนนั้นออกจะ....ดูไม่เหมือนคนที่สามารถจ่ายได้จริงๆก็เถอะ

แต่สีหน้าของผู้หญิงคนนั้นกลับมีสีหน้าที่ดูพึงพอใจ ถึงแม้ว่านางนั้นจะสวมเสื้อผ้าเก่าๆที่มักพบได้ตามชนชั้นล่าง แต่กลับไม่มีความรู้สึกต้อยต่ำใดๆ และมีดวงตาที่หนักแน่น และดูเหมือนจะมีความมั่นใจในตัวเองโดยไม่สนใจใครพูดอะไรในระยะหลายพันลี้

“คารวะผู้จัดการหลิว ได้โปรดอย่านิ่งเฉยแล้วปล่อยให้มีข่าวลือว่าร้านของเรารังแกคนเช่นนี้” แล้วชายชุดขาวก็ได้กล่าวกับผู้จัดการหลิวที่กำลังหันหน้ามาหา

ผู้จัดการก็ได้ปาดเหงื่อที่ผากของเขา แล้วพูดขานรับคำสั่งอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าชายชุดขาวนั้นได้ปิดหน้าต่างไปแล้ว เขาก็ได้หันหน้ามาแล้วมองไปที่เซียวหลี “แม่นาง ได้โปรดเชิญด้านในขอรับ”

เซียวหลีก็ได้พ่นลมออกทางจมูก แล้วก็หันหน้าไปหาผู้ที่มามุงดูตามถนนแล้วกล่าว “ผู้คนที่รักทุกท่านเชิญไปได้แล้วเจ้าค่ะ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าร้านนี้จะได้กินข้าง่ายๆ ฮึๆ”

แล้วเหล่าผู้มามุงดูก็ได้พากันหัวเราะ พวกเขาไม่เคยพบผู้หญิงที่ทำตัวง่ายๆสบายๆเช่นนี้มาก่อน ดูแล้วช่างน่าขันจริงๆ

เมื่อเซียวหลีเข้าไปข้างใน ผู้จัดการหลีก็ได้หันหลังกลับมาแล้วตวาดใส่เซียวจิ้งถิง “เจ้าไม่มีตากันรึยังไง ถึงได้กล้าทำตัวอวดดีตอนที่เถ้าแก่อยู่ที่นี่หา!”

“อะไรนะ?” เซียวจิ้งถิงก็ได้มองไปที่หน้าต่างที่ปิดไป ชายคนเมื่อสักครู่นี้คือเถ้าแก่ใหญ่อย่างนั้นเหรอ?

“ผู้จัดการหลิว พี่สาวข้าอุตส่าห์หางานให้ข้าทั้งที ท่านพอจะช่วยพูดดีๆให้เถ้าแก่.....”

“ออกไป! เจ้าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับที่นี่แล้ว จะให้มาช่วยเจ้าตอนนี้มันก็สายไปแล้ว เถ้าแก่ของที่นี่ไม่ใช่คนในระดับที่พี่สาวและพี่เขยของเจ้าจะช่วยอะไรเจ้าได้”

“อะไรนะ....”

“แล้วก็พาคนสกุลหลี่อะไรนั่นกลับไปกับเจ้าด้วย!”

เซียวจิ้งถิงก็ได้มองไปที่แผ่นหลังที่สบายอารมณ์ของเซียวหลี เขานั้นคิดว่าตัวเขาจะได้เงินมาจากเซียวหลีฟรีๆไปซื้อเหล้าดื่มแล้ว แต่ไม่คิดว่านอกจากจะไม่ได้เงินแล้วยังเสียงานที่เพิ่งได้มาไปอีกด้วย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด