ตอนที่แล้วระบบเส้นทางแห่งสวรรค์ บทที่ 166 ดวลกับนาร์ซิส
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไประบบเส้นทางแห่งสวรรค์ บทที่ 168 แพ้อย่างย่อยยับ

ระบบเส้นทางแห่งสวรรค์ บทที่ 167 การพนัน(ฟรี)


หลังจากรู้เรื่องการดวลแล้วไรอันก็รีบมาที่สนามดวลในทันที

ภายใต้รูปปั้นสูงของผู้ก่อตั้งสนามจะถูกแบ่งออกเป็น 6 ชั้น

ชั้นแรกมักใช้สำหรับผู้ปลุกพลังระดับ 1-3

ชั้น 2 สำหรับระดับ 4

....

ชั้น 6 สำหรับระดับ 8

แม้แต่เจ้าที่ด้วยกันเองก็สามารถท้าดวลกันได้ ทำให้วงแหวนดวลทุกวงมีที่นั่งพอสำหรับทุกคนแน่นอน

ไรอันที่มีผู้ติดตามระดับ 3 อยู่สามคนกำลังจะกดลิฟต์เพื่อไปที่ชั้นสองแต่ก็หงุดชะงักไป

เขาเหลือบมองไปรอบๆและเห็นฝูงชนทำให้นึกอะไรขึ้นมาได้

ชั้นแรกสุดถูกทำสัญญากับสหภาพการค้าและที่นั้นคล้ายกับการเข้าไปเล่นคาสิโน

ไฟเชียร์ อาหาร เครื่องดื่มที่นั้นมีแทบทุกอย่างขายอยู่

แต่ธุรกิจที่ทำกำไรให้ได้มากที่สุดก็คือการพนัน

นักเรียนนายร้อยสามารถเดิมพันด้วยคะแนน MP ของพวกเขาได้ ซึ่งถ้าหากพวกเขาชนะพวกเขาก็จะรวยได้ในชั่วข้ามคืน

พวกเขาสามารถซื้อคริสตัลออร่า, สมบัติดวงคุณภาพสูง, ยา, ร้องขอการสอนแบบตัวต่อตัวจากผู้ปลุกพลังระดับสูงและแม้แต่ขอให้พวกเขาคุ้มครองเมื่อต้องไปในสถานที่ที่อันตราย

พวกเขายังสามารถเข้าไปฝึกในสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นสูงได้เช่น ถ้ำออร่าและอื่นๆนั้นจะทำให้พวกเขาก้าวหน้าไปได้อย่างรวดเร็วมาก

คะแนน MP ที่มากขึ้นก็หมายถึงทรัพยากรและความก้าวหน้าที่มากขึ้น

สิ่งนี้ทำให้นักเรียนนายร้อยธรรมดาสามารถเลื่อนเป็นผู้ปลุกพลังระดับสูงได้ในเวลาไม่นาน

โดยปกติแล้วนักเรียนนายร้อยทุกคนจะถึงระดับ 5 ในภาคเรียนที่หกหรือภาคเรียนสุดท้าย นั้นคือในกรณีที่เป็นนักเรียนนายร้อยธรรมดาๆ

แน่นอนคำว่า 'ธรรมดา' ในแต่ละสถาบันนั้นไม่เหมือนกันนั้นไม่เหมือนกัน

ทุกที่ทั่วทั้งสหพันธ์มี 21 สถาบัน แค่เป็นระดับ 5 จะถูกมองว่าเป็นอัจฉริยะในสถาบันนั้นๆในทันที แต่ในสถาบันจักรพรรดิทหารพวกเขาจะเป็นเพียงคนธรรมดาและเป็นคนส่วนใหญ่เท่านั้น

อัจฉริยะที่ไปถึงระดับ 6 ในภาคเรียนที่หกมีไม่มากนัก แต่แน่นอนว่าก็พอที่จะมีให้เห็นอยู่บ้าง

หลังจากการฝึกฝนอย่างขยันขันแข็งมาเป็นเวลากว่าทศวรรษหรือมากกว่านั้น คนเหล่านี้ได้ทำให้ตัวเองกลายเป็นผู้ตื่นพลังระดับสูงได้

และในที่สุดพวกเขาก็จะกลายเป็นกระดูกสันหลังของมนุษยชาติ

อัจฉริยะระดับสุดยอดคือคนที่ถึงระดับ 6 ในภาคเรียนที่สี่แต่ว่ายิ่งระดับสูงขึ้นไปเท่าไรความยากในการขึ้นเป็นระดับถัดไปยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

เช่นจากระดับ 6 ขั้นต่ำเพื่อไปเป็นระดับ 6 ขั้นกลางสำหรับบางคนอาจจะใช้เวลาเป็นปีหรือหลายปี

อัจฉริยะระดับสุดยอดนั้นหาได้ยากมาก แม้แต่ในสถาบันฝึกทหารจักรพรรดิที่มีคนมากพรสวรรค์มากที่สุดในโลกก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

การจะมีคุณสมบัติเป็นอัจฉริยะระดับสุดยอดนั้นจำเป็นต้องมีพรสวรรค์และทรัพยากรอย่างมาก

ชาร์ลลี แซนเดอร์ เป็นอัจฉริยะระดับสุดยอดที่ยอดเยี่ยม เขาไปถึงระดับ 6 ได้ในภาคเรียนที่สี่

ซาร่าห์ก็เป็นอัจฉริยะเช่นกันจริงๆแล้วเธอเป็นระดับ 6 ตั้งแต่ภาคเรียนที่สามแต่เพราะเธอเป็นผู้ปลุกพลังคู่ทำให้ระดับของเธอจึงถูกจำกัดไว้ที่ระดับ 9 และไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจมากนัก

แต่ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนคนไหนก็ปรารถนาที่จะถูกเรียกว่าเป็นอัจฉริยะ

พวกเขาเหล่านั้นเชื่อว่าพวกเขามีพรสวรรค์และแต่ขาดทรัพยากรเท่านั้น แต่สำหรับบางคนที่มีพรสวรรค์และความพยายามไม่มากพอเรื่องแบบนั้นก็จะเป็นแค่การโทษสิ่งใดสิ่งนึงไปเรื่อยๆและไม่มีวันพัฒนา

นักเรียนส่วนใหญ่มักจะเชื่อว่าแค่มีทรัพยากรมากขึ้นก็จะยิ่งทำให้พัฒนาไปได้เร็วมากขึ้นเท่านั้น

สหภาพแรงงานใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนนี้และนำเสนอ 'วิธีที่รวดเร็ว' ให้กับพวกเขานั้นคือการซื้อขาย

ในแต่ละวัน คะแนน MP ที่หมุนเวียนอยู่มากกว่าหลายแสน MP

แถมคะแนน MP ยังเป็นเกณฑ์ในการตัดสินผลงานของนักเรียนนายร้อยเมื่อจบการศึกษาอีกด้วย หากคะแนนของพวกเขามีมากกว่าเกณฑ์พวกเขาก็จะเริ่มด้วยตำแหน่งที่สูงกว่าคนอื่นๆและใช้เวลาในการเลื่อนตำแหน่งเร็วกว่าคนอื่นเช่นกัน

เนื่องจากมีเพียงคะแนน MP เท่านั้นที่เอาไว้ใช้ตัดสินนักเรียนนายร้อย จึงทำให้มีจำนวนคนไม่น้อยที่อยากลองเล่นการพนันเพื่อที่จะรวยได้ภายในชั่วข้ามคืน

แม้ว่าจะแพ้การพนันแต่ตัวเลขคะแนน MP ที่สะสมของพวกเขาก็ไม่ได้ถูกลดลงไป

แต่ถ้าพวกเขาชนะพวกเขาก็จะได้รับคะแนน MP ที่มากขึ้นและเอาพวกมันไปใช้ในการซื้อทรัพยากรและทำเรื่องอื่นๆได้

แต่โชคดีที่คะแนน MP พวกนั้นไม่ถูกนับรวมใน 'ผลงาน' ที่ทำ

คะแนน MP ทั้งหมดที่สถาบันไม่ได้เป็นคนให้จะถูกเรียกว่า 'คะแนนลอยตัว'

ส่วนคะแนนที่ได้มากจากการทำภารกิจและสถาบันเป็นคนให้จะถูกเรียกว่า 'คะแนนภาคพื้น'

คะแนนลอยตัวนั้นมีไว้สำหรับนักเรียนนายร้อยทั่วไป

ซึ่งแน่นอนว่าปัญหาคือมีนักเรียนจำนวนไม่น้อยที่ใช้คะแนน MP ไปกับการพนัน

นั่นหมายความว่าพวกเขาใช้คะแนนที่ได้รับจากภารกิจมาเพื่อเล่นการพนัน

และเช่นเดียวกับการพนันทั่วๆไปมีนักเรียนแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่จะรวยจากการเล่นการพนัน

ซึ่งจากสถิติแล้วถ้าพวกเขาไม่เล่นการพนันพวกเขาจะประหยัดคะแนนภาคพื้นได้ถึง 15% ทุกภาคการศึกษา

ตัวเลขนี้อาจจะดูเหมือนน้อย แต่นักเรียนนายร้อยที่ประหยัดได้ 15% จะสามารถซื้อทรัพยากรต่างๆได้จำนวนมหาศาลเพื่อพัฒนาตัวเองได้

แล้วทำไมสถาบันถึงยังไม่คิดที่จะแบนการพนันออกไปล่ะ?

แน่นอนว่าการยกเลิกการพนันไปจะทำให้นักเรียนส่วนใหญ่พัฒนาขึ้นได้เพราะไม่เอาคะแนนไปใช้กับเรื่องอื่น

แต่ท้ายที่สุดแล้วนักเรียนธรรมดาก็จะเป็นนักเรียนธรรมดาอยู่วันยังค่ำ

เพราะมีอัจฉริยะหลายคนที่เป็นอัจฉริยะได้จากการพนันเพราะพวกเขาต้องการที่จะเล่นมันต่อไปเรื่อยๆจนสามารถพัฒนาตัวเองจนไปเป็นผู้ปลุกพลังระดับสูงได้ คนพวกนี้ถูกเรียกว่า 'ผีพนันที่ได้ดี'

ซึ่งผู้ปลุกพลังระดับสูงมีค่ามากกว่าผู้ปลุกพลังระดับกลางร้อยคน

ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้การพนันยังคงไม่ถูกแบบออกจากสถาบัน

'นี่แหละชีวิต' ไรอันคิดขณะเดินไปที่เคาน์เตอร์เดิมพัน

ผู้ติดตามของเขาก็ตามมาเช่นกัน พ่อแม่ของพวกเขาเป็นลูกน้องของปู่ของไรอัน โดยปกติแล้วพวกเขาจะกลายเป็นผู้ติดตามของไรอันในทันทีตั้งแต่เกิด

แน่นอนว่านายทหารทุกคนในเขตชั้นใน – ดาวพุธ ดาวศุกร์ และโลก ล้วนเป็นลูกน้องของปู่ของเขาทั้งหมด

เขาไม่หวั่นไหวกับเสียงนินทา เขาไม่แคร์ไม่เหมือนกับนาร์ซิสที่ไม่พอใจกับคำพูดของคนทุกคน

ไรอันรู้ว่าเขาถูกกำหนดมาเพื่อเป็นราชา ไม่เหมือนกับนาร์ซิสที่พยายามจะพิสูจน์ตัวเอง

"แต่ผู้ชายคนนี้ก็ยังหยิ่งผยองมากเกินไปอยู่ดี" ไรอันส่ายหัวในขณะที่เขาเหลือบมองโฮโลแกรมที่แสดงการดวลกันในชั้นสอง

นาร์ซิสกับวาเรี้ยนเพิ่งขึ้นไปบนเวที นั่นหมายความว่าการเดิมพันจะปิดรับการแทงในไม่ช้า

ไรอันต้องการที่จะลงเดิมพัน ไม่ใช่เพราะเขาขาดคะแนน MP ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีทางเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว เขามีทรัพยากรมากมาย แม้ว่าเขาจะไม่สามารถแหกกฎเพื่อเพิ่มคะแนนภาคพื้นกับตัวเองได้แต่เขาก็ยังพอมีทางที่จะเพิ่มคะแนนลอยตัวได้อยู่

เขาตัดสินใจเดิมพันเพียงเพื่อทำให้การต่อสู้นี้น่าดูมากยิ่งขึ้นสำหรับเขาและเขาก็ต้องการที่จะสนับสนุนเพื่อนเพียงคนเดียวของเขา

ดังนั้นเมื่อผู้จัดการเคาน์เตอร์บอกอัตราการเดิมพันอยู่ที่ 1 ต่อ 1.1 เขาจึงใช้คะแนนหลักพันเทให้นาร์ซิสโดยไม่ลังเล

แต่ถ้าหากว่าเลือกวาเรี้ยนอัตราเดิมพันจะอยู่ที่ 1 ต่อ 9

แน่นอนว่าถึงแม้ว่านาร์ซิสจะชนะเขาก็จะได้เงินกลับมาเพียงแค่น้อยนิดเท่านั้น

มีแต่คนโง่เง่าเท่านั้นแหละที่จะเลือกลงฝั่งวาเรี้ยน

ไรอันกวักมือเรียกและผู้จัดการก็วิ่งไปหาเขาและยิ้ม “นายน้อยไรอัน คุณต้องการให้ผมทำอะไรดีครับ”

ไรอันยิ้มเยาะ "ถ่ายทอดสดการต่อสู้ของพวกเขาออกไป ทำให้คนอื่นๆรู้ว่าทำไมถึงมีอัฉริยะเพียงไม่กี่คน"

"รับทราบครับ" ผู้จัดการคลิกปุ่มและในไม่ช้านักเรียนนายร้อยทุกคนที่สมัครเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานในสถานศึกษา ซึ่งเป็นนักเรียนนายร้อยเกือบ 100% ก็ได้รับการแจ้งเตือน

{นาร์ซิส แซนเดอร์แห่งตระกูลแซนเดอร์ vs วาเรี้ยนลูกศิษย์ของคณบดีอีแวนเดอร์}

เมื่อเห็นการแจ้งเตือนนักเรียนนายร้อยหลายร้อยคนก็รีบแห่มาที่เคาน์เตอร์การลงพนันในทันที

ตัวเลือกการเดิมพันตอนนี้ขึ้นอยู่กับเวลาที่วาเรี้ยนจะสามารถยืนอยู่บนสนามดวลได้

มีคนจำนวนมากที่เดิมพันว่าเขาจะยืนอยู่ได้เพียง 20 วินาทีเท่านั้น มีเพียงส่วนน้อยที่เดิมพันว่าเขาจะยืนอยู่ได้เกิน 1 นาที

“หัวหน้าเราควรขึ้นไปดูไหมคะ” มิล่าถาม

ไรอันพยักหน้า “แม้ว่านาร์ซิสจะจบการดวลนี้ได้เพียงไม่กี่อึดใจ แต่ฉันรู้ว่านาร์ซิสจะใช้เวลาเพื่อทำให้การต่อสู้นี้มันทรมานมากสำหรับวาเรี้ยน”

และพวกเขาก็มาถึงชั้นสองและเดินไปนั่งที่นั่งหน้าสุด

มิลากระสับกระส่ายและพยายามจะพูดอะไรออกมาบางอย่าง

“คนนั้นเป็นลูกศิษย์ของ คะ-คณบดีงั้นหรอ? ทำไมเขาถึงเป็นลูกศิษย์ของคณบดีได้” มิลาหยุดพูดทันทีที่นาร์ซิสยกมือขึ้น

ไรอันมองเธอด้วยความผิดหวังและมองผู้ติดตามอีกสองคนของเขา “พวกนายคิดว่าไง?”

มิลาหน้าซีดขณะที่ทั้งสองคนตอบพร้อมๆกัน “แน่นอนว่าคุณชายนาร์ซิสจะชนะการดวลครั้งนี่ ผมว่าที่คณบดียอมรับเขาเพราะเขาเคยช่วยลูกสาวของคณบดีเอาไว้”

ไรอันพยักหน้าเห็นด้วยและโบกมือให้มิลา

เธอหน้าซีดและไม่ได้พูดอะไร เธอเดินออกจากที่นั่งอย่างช้าๆ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเธอไม่ใช่หนึ่งในผู้ติดตามของไรอันอีกแล้ว

ขณะที่น้ำตาไหลอาบแก้มของเธอ เธอก็นึกถึงคำพูดของแม่ของเธอ

'อีแวนเดอร์ อัลเบิร์ต หลังจากที่ภรรยาของเขาเสียชีวิตเขาก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แต่ถึงแม้เขาจะเปลี่ยนไปมากแต่เขาก็ยังรู้ผิดชอบชั่วดีอยู่ ไม่มีใครสามารถบังคับให้เขาทำในสิ่งที่เขามองว่ามันคือเรื่องผิดได้แม้ว่าจะเป็นจักรพรรดิก็ตาม'

มิลาหยุดอยู่ที่ที่ทางออกและเหลือบมองที่วงแหวนการดวลด้วยความหวัง

“คณบดีอีแวนเดอร์ ไม่มีทางยอมรับเขาเป็นลูกศิษย์เพราะแค่เขาเคยช่วยลูกสาวของตัวเองเอาไว้ได้หรอก บางทีก่อนสงครามพลูโตอาจจะเป็นไปได้ แต่ตอนนี้เขาไม่มีทางทำแบบนั้นเพราะเหตุผลนี้แน่ๆ” มิลากำมือของเธอเอาไว้

ขณะที่ทุกคนจ้องมองลงไปในสนามเพื่อรอดูนาร์ซิสกระทืบผู้ชายคนนั้น แต่มิลากลับมองชายคนนั้นด้วยสายตาที่มีความหวัง

วาเรี้ยน

“เธอต้องมีสิ่งพิเศษอะไรบางอย่างอยู่แน่ๆ” เธอพึมพำอย่างมีความหวัง

“พิสูจน์ให้พวกเขาเห็น เพื่อตัวของเธอเองและเพื่อตัวฉันเอง” มิลาพิงกำแพงคริสตัลและเงยศีรษะขึ้น

{การแข่งขันเริ่มต้น}

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด