ตอนที่แล้วบทที่ 17 ฉันจะอัดรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยให้ร่วงลงกับพื้นและลงโทษพวกแกงค์ตบทรัพย์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 19 แม้แต่มือฝังเข็มทานตะวันก็ไม่อาจหยุดข้าได้

บทที่ 18 กล้าดียังไงมาแกล้งฉันในห้องเรียน


บทที่ 18 กล้าดียังไงมาแกล้งฉันในห้องเรียน

เมื่อเห็นว่าแกงค์ตบทรัพย์สองคนนั้นถูกตำรวจจับใส่กุญแจมือแล้ว เหล่าจีนมุงก็พากันปรบมือและยกย่องจ้าวซือที่ชาญฉลาดและกล้าหาญ

จ้าวซือเพียงแค่ยิ้มและค่อยๆ ขยับตัวขึ้นไปนั่งรถสกู๊ตเตอร์ของเขา อาจกล่าวได้ว่าเขาได้ปกป้องตัวเองและปกปิดทักษะรวมถึงชื่อเสียงของเขาเอาไว้

หลังจากที่เขาได้ทำการทดลองทักษะมหาเสน่ห์ จ้าวซือก็มั่นใจอย่างไม่ต้องสงสัยเลยว่ามหาเสน่ห์ของเขานั้นทรงพลังยิ่งนัก แต่ก็มีผลเพียงเล็กน้อยกับผู้ที่มีเจตนาร้ายต่อเขา

ซึ่งมันเป็นหลักการที่ง่ายมาก หากว่าคุณเกลียดใครสักคน ไม่ว่าเขาจะมีเสน่มากห์แค่ไหน มันก็ยากสำหรับคุณที่จะถูกดึงดูด

หลังจากค่ำคืนอันเงียบสงบ จ้าวซือก็ต้องปฏิบัติตัวในฐานะนักศึกษาที่เข้าเรียนในโรงเรียนแพทย์ของมหาวิทยาลัยกรีนเบิร์ด

“นี่ ฉันไม่นึกเลยว่าเพื่อนร่วมชั้นของเราจะคนที่ทำงานไปด้วยและเรียนหนังสือไปด้วย นี่มันหายากจริงๆ”

หลังเลิกเรียน นักศึกษาชายมารวมตัวกันเพื่อนำหัวข้อการสนทนา เขาเป็นผู้ชายที่มีหน้าเหมือนจิ้งจอก และเขามีรอยยิ้มขี้เล่นอยู่บนใบหน้าด้วย

เขาก็คือ หูเจียหาว และเขาก็มีเพื่อนที่เรียนมัธยมปลายมาด้วยกันอีกสองสามคนในชั้นเรียนนี้ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเขาได้สร้างกองกำลังเล็กๆ ของตัวเองขึ้นมา

เมื่อได้ยินเช่นนี้จ้าวซือก็ต้องขมวดคิ้วเล็กน้อย

แม้ว่าหูเจียหาวจะไม่ได้พูดกับเขา แต่น้ำเสียงเยาะเย้ยของเขาทำให้จ้าวซือรู้สึกไม่สบายใจ การทำงานไปด้วยและเรียนไปด้วยกลายเป็นเรื่องสนุกไปแล้วยังงั้นเหรอ?

“เจียหาว พูดถึงใครงั้นเหรอ?” มีคนที่อยู่ข้างๆ ถามขึ้นมา

หูเจียหาวยิ้มอย่างลึกลับ: "ฉันบอกได้แค่ว่าตอนกลางวันเขาก็มาเรียน แต่พอเลิกเรียนเขาก็ไปทำงานเป็นพนักงานส่งอาหารตามบ้านน่ะ"

“นั่นมันพนักงานส่งอาหารจ้าวซือไม่ใช่เหรอ?” เฉียนเฟิงที่กลั้นหัวเราะเอาไว้อยู่นานแล้ว ได้ระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดัง “ฉันเป็นพยานได้นะว่าเป็นจ้าวซือจริงๆ ก็เมื่อวานฉันยังเห็นจ้าวซือไปเปลี่ยนชุดยูนิฟอร์มในห้องน้ำอยู่เลย”

เฉียนเฟิงสังเกตเห็นว่าจ้าวซือมองมาที่เขาและเขาก็จำการต่อสู้ที่แข็งแกร่งของฮวงเฟิงได้ เขาอดไม่ได้ที่จะกลั้นหายใจแต่ก็ดูเหมือนว่าเขาจะนึกบางอย่างได้จึงพูดต่อไปอย่างไม่ลังเลใจ

“อะไรนะ? เอาชุดยูนิฟอร์มมาที่มหาวิทยาลัยด้วยงั้นเหรอ น่าตลกจัง ฮ่าๆๆ!”

“ฉันก็ว่าแล้วเชียว ทำไมฉันรู้สึกเหมือนได้กลิ่นเหมือนโรงอาหารในห้องเรียน? งั้นก็คงเป็นเพราะแบบนี้นี่เอง”

คนกลุ่มนั้นหัวเราะอย่างไม่คิด

“ไอ้พวกเวรเอ๊ย!” หลี่ซินที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ต้องกัดฟันกรอดขณะที่เธอมองดูคนพวกนั้นแต่เธอก็ไม่ได้ระเบิดอารมณ์ออกมา นับตั้งแต่ที่เธอเรียนในมหาวิทยาลัย เธอก็ได้ปกปิดบุคลิกที่เคยเป็นคนเหลวไหลและทำตัวเหมือนเด็กผู้หญิงที่ว่าง่ายมากขึ้นกว่าเดิม

ในเวลานี้ สาวๆ ต่างก็กระซิบกระซาบกัน เด็กสาวเงียบๆ คนหนึ่งที่ไว้ผมหางม้ากระซิบว่า:

"ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยนี่มันไม่ดีใช่ไหม?"

สาวอ้วนข้างๆ เธอส่ายหัว “ต่อให้ทำงานหนักและเรียนหนักแค่ไหนก็ไม่ควรส่งไปทำงานส่งอาหารตามบ้านนะ มันน่าอายเกินไปสำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัยกรีนเบิร์ด อายุก็ตั้งเท่าไรแล้วไม่ใช่เด็ก 3 ขวบซะหน่อย จ้าวซือคนนี้คงจะมีคุณภาพชีวิตที่น้อยนิดเหลือเกินนะ”

“ไม่สำคัญหรอกว่าเขาจะเป็นพนักงานส่งอาหาร ดูท่าทางที่เขานั่งเหมือนเต่าสิดูไม่เหมือนคนเลย นี่เป็นสิ่งที่ฉันดูถูกเขาที่สุด!” หญิงสาวอีกคนพูดอย่างรังเกียจ

เมื่อเห็นว่าจ้าวซือไม่ได้ตอบสนองอะไรและเพียงแค่มองมาอย่างเย็นชา หูเจียหาวและคนอื่นๆ ก็ต้องรู้สึกกระสับกระส่ายเสียเอง

“นี่ นี่ ไอ้พนักงานส่งอาหาร มองมาที่ฉันตลอดเวลานี่มันหมายความว่ายังไง?”

หูเจียหาวหุบยิ้มและทำตัวยะโสโอหังใส่จ้าวซือ

จ้าวซือมองเขาอย่างเหยียดๆ หูเจียหาวคนนี้ทำให้เขาต้องรู้สึกแย่ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน ดูๆ ไปแล้วเขาน่าจะเคยแกล้งเพื่อนร่วมชั้นมาก่อน และเขาน่าจะเคยแกล้งคนมาเยอะตั้งแต่สมัยมัธยม

ด้วยพละกำลังที่เขาได้รับจากระบบ จ้าวซือจึงไม่อยากจะสู้กับคนประเภทนี้

“ฮ่าๆ จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ? ฉันได้ยินมาว่านายมีน้องสาวคนนึงนี่นา…” หูเจียหาวเดินเข้ามาหาจ้าวซือ แต่เพียงแค่เขาพูดคำว่าน้องสาวออกมา อยู่ๆ เขาก็ต้องหยุดพูดและสั่นสะท้าน

เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกสัตว์ร้ายจ้องเขม็ง และก็ราวกับว่าห้องเรียนทั้งห้องได้เข้าสู่ยุคน้ำแข็งในทันใด

แต่ความรู้สึกนั้นก็ได้หายไปในทันที หูเจียหาวเดินไปตรงหน้าจ้าวซือและใช้เท้าเหยียบบนโต๊ะของจ้าวซือ

สายตาของทุกคนในห้องเรียนรวมตัวกันและจ้องไปที่จ้าวซือกับหูเจียหาวราวกับเป็นสปอตไลท์

หลี่ซินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับความอยากที่จะโจมตี ในเวลาเดียวกันดวงตาของเธอก็แสดงถึงความหวังที่อยากจะเห็นการโต้กลับของจ้าวซือ

สำหรับนักเรียนคนอื่นๆ บางคนก็เห็นใจจ้าวซือ ในขณะที่คนอื่นๆ กำลังรอดูเรื่องตลกนี้

... "ฉันได้ยินมาว่านายมีน้องสาวคนนึงกำลังเรียนอยู่ ม. 3 ฉันรู้อีกด้วยนะว่าเธอเรียนอยู่ที่ไหน? นายอยากจะให้ฉันส่งคนไปทักทายน้องสาวนายหน่อยไหมล่ะ?"

เมื่อเห็นการจ้องมองของจ้าวซือที่ค่อยๆ น่ากลัวมากขึ้นเรื่อยๆ หัวใจของหูเจียหาวก็เต้นผิดจังหวะ เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่เขาไม่สามารถที่จะถอยกลับได้แล้วจึงแสร้งทำเป็นกลัวแทน

“โอ้? นายดูน่ากลัวมากเลยนะเนี่ยตอนที่โกรธ นายอยากจะชกฉันก่อนไหมล่ะ? คิดให้ดีนะ ที่นี่เป็นห้องเรียน แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้านายทำอะไรลงไป?”

เมื่อถึงตรงนี้ความมั่นใจของหูเจียหาวก็เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน "ฉันได้ยินมาว่า ถ้านายทำร้ายใครในวันแรกที่เปิดเทอม กระทรวงศึกษาธิการก็จะรวบรวมข้อมูลเอาไว้และลงโทษนาย ถ้านายกล้าทำร้ายฉันตอนนี้นะ ฮ่าๆๆ... "

“แต่ถ้านายคิดดีแล้วงั้นก็ชกฉันได้เลย มาสิ ชกฉันตรงนี้เลย” หูเจียหาวจงใจเอียงแก้มให้จ้าวซือและเอานิ้วจิ้มที่หน้าเพื่อกระตุ้นเขา

เมื่อเห็นดังนั้นหลี่ซินแทบอยากจะตบโต๊ะและตะโกนว่า “อัดมันซะ!” แต่เมื่อเธอนึกถึงผลของกระทำนั้น เธอก็ได้แต่หวังว่าจ้าวซือจะไม่หุนหันพลันแล่น

“ไอ้ขยะ เอาน้องสาวฉันมาขู่ไม่ให้ทำร้ายนายงั้นเหรอ นี่นายยังเป็นลูกผู้ชายอยู่หรือเปล่า?”

“ถ้าเป็นฉัน ฉันคงจะอดทนไม่ได้หรอก อย่างมากที่สุดฉันก็แค่ถูกไล่ออก!”

มีบางคนผสมโรงเพราะในเมื่อมันไม่ใช่เรื่องของเขา ดังนั้นเขาจึงสามารถที่จะพูดอะไรก็ได้ที่เขาต้องการ

เฉียนเฟิงที่ซ่อนตัวอยู่ในฝูงชนกำลังยิ้มจนปากจะฉีกถึงหู จากการพัฒนานี้ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาอย่างไร เขายังยินดีที่จะได้เห็นมัน

ไม่ว่าจ้าวซือเลือกที่จะอดทนหรือไม่ แต่ต่อจากนี้ไปเขาก็จะกลายเป็นคนที่เพื่อนทั้งชั้นเรียนยอมรับว่าเขาเป็นขยะ เขาจะกลายเป็นเป้าหมายของการกลั่นแกล้งและเขาก็จะถูกคนอื่นดูหมิ่นเหยียดหยาม

แต่หากจ้าวซือเป็นฝ่ายทำอะไรก่อน เขาก็จะต้องถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัยกรีนเบิร์ดในทันที!

“ก็ได้ งั้นฉันจะทำให้นายสมหวัง!”

ขณะที่เขาพูดจ้าวซือก็ออกแรงยกแขนและหัวไหล่ของเขาขึ้นสูง ราวกับว่าเขาได้ออกแรงทั้งหมดของเขาที่มี เขาเล็งไปที่หน้าเน่าๆ ของหูเจียหาวและขว้างหมัดออกไปจนสุดแรงเกิด

ในเวลานั้นเองแววตาของเฉียนเฟิงก็เผยให้เห็นถึงความดีใจ

หูเจียหาวเผยรอยยิ้มแห่งความสำเร็จ แต่ในเวลาต่อมารอยยิ้มของเขาเริ่มบิดเบี้ยว พูดให้ชัดเจนก็คือ ร่างกายทั้งหมดของเขาบิดเบี้ยวด้วยพลังอันมหาศาลที่ส่งมาจากใบหน้าของเขา

หูเจียหาวเสียการทรงตัว ตัวเขาหมุนคว้างอยู่สักครู่ก่อนที่จะร่วงลงไปกองกับพื้นเสียงดังสนั่น

ทุกคนที่เห็นเหตุการณต่างพากันเงียบกริบอยู่สักพักก่อนที่จะระเบิดเสียงออกมา

“นี่เขาจะฆ่าคนด้วยการตบเพียงครั้งเดียวงั้นเหรอ?”

“นี่มันลูกตบเหี้-ยอะไรกัน? นี่มันฝ่ามือ 18 มังกรนี่นา!”

“เขาต้องตายแน่ๆ!”

ทุกคนต่างตกใจกับสิ่งที่จ้าวซือทำ พวกเขาเป็นนักศึกษาแพทย์ การตบครั้งนี้เกือบจะทำให้ลูกเศรษฐีตระกูลหูปางตายแล้ว แต่ถ้าร้ายแรงกว่านี้เขาก็คงตายไปแล้วจริงๆ

เฉียนเฟิงตกตะลึงแต่ก็รู้สึกดีใจ แม้ว่าในครั้งนี้จ้าวซือจะไม่ได้ฆ่าหูเจียหาว แต่ก็เพียงพอที่จะตัดสินให้เขาต้องติดคุกในข้อหาทำร้ายร่างกายโดยเจตนา เมื่อถึงเวลานั้นนั่นจะเป็นวิธีที่เขาจะแย่งเอาตัวน้องซินมาได้ยังไงกันล่ะ?

"จ้าวซือ แกฆ่าคน! แกฆ่าคน!" เฉียนเฟิงตะโกนอย่างบ้าคลั่ง

ในเวลานี้ราวกับว่าได้นัดหมายไว้ เมื่อผู้อำนวยการฝ่ายบริหารบุกเข้าไปในห้องเรียน

“พวกเธอทุกคน เงียบเดี๋ยวนี้นะ! นี่มันเกิดอะไรขึ้น!?” หัวหน้าฝ่ายวิชาการตะโกนนำทีมเพื่อปรามเหตุที่วุ่นวาย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด