บทที่ 4 ปลาย่างของเขาทำให้ทุกคนต้องตกตะลึง
บทที่ 4 ปลาย่างของเขาทำให้ทุกคนต้องตกตะลึง
จ้าวซือรู้สึกตกใจ “เขากลับไปแล้วงั้นเหรอ?”
ในตอนนี้ทุกคนรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับจ้าวซือ แต่พวกเขากลับได้ยินเสียงของจ้าวซือหัวเราะออกมา
“งั้นผมจะทำเอง ได้ใช่ไหม? ตกลงนะ!”
จ้าวซือยังไม่ลืมว่าในบรรดาของรางวัลมากมายที่เขาได้รับมาจากการเปิดการชำระเงินของอนันตภพ หวงหลงนั้นเป็นคนที่เก่งมากในเรื่องการทำอาหาร
ฝีมือการทำอาหารของหวงหลงนั้นไม่ว่าจะเป็นในโลกตำนานมังกรหยก หรือแม้แต่สุดยอดฝีมือในการทำอาหารในงานเขียนของกิมย้ง ถ้าเธอทำไม่ได้แม้แต่ปลาย่าง มันก็คงจะดูเกินไปหน่อย!
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ จ้าวซือจึงพับแขนเสื้อขึ้นแล้วพูดด้วยเสียงอันดังและทรงพลังว่า "ห้องครัวอยู่ที่ไหน?"
หัวใจของพนักงานเสริ์ฟถึงกับเต้นผิดจังหวะ
เจ้าเด็กคนนี้จะรู้วิธีย่างปลาจริงๆ งั้นเหรอ?
“เอาล่ะ วันนี้ฉันก็จะรอดูก็แล้วกัน ว่าคนส่งอาหารอย่างนายจะท้าทายสวรรค์ได้!”
พนักงานเสิร์ฟข่มอารมณ์เอาไว้และพาจ้าวซือไปที่ห้องครัว
คนที่อยู่รอบข้างไม่ได้สนใจว่าเรื่องมันชักจะใหญ่โตเกินไปแล้ว แต่พวกเขากลับพูดคุยกันอย่างออกรสและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อถ่ายรูป
"ถ่ายรูปอะไรกัน!? หยุดถ่ายเดี๋ยวนี้!"
พนักงานเสริ์ฟรีบตะโกนให้พวกเขาหยุดถ่ายภาพ แต่ก็ยังมีคนที่แอบถ่ายรูปอยู่ อย่างไรก็ตามมุมนั้นค่อนข้างเป็นมุมอับ ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถถ่ายภาพได้เพียงด้านหลังหรือด้านข้างของจ้าวซือจากระยะไกลเท่านั้น
จ้าวซือเดินเข้าไปในห้องครัวและจ้องมองสิ่งที่อยู่รอบตัวอย่างระมัดระวัง
“เขาจะทำได้ไหมนะ? แต่เท่าที่ดูแล้วเขาไม่น่าจะรู้จักแม้แต่วิธีใช้เครื่องครัวเลยมั้งนั่น”
“เขากำลังทำอะไรน่ะ? ฉันหวังว่าคงจะไม่ท่าดีทีเหลวนะ…”
“ก็เห็นอยู่แล้วว่าเขาน่ะมือใหม่ ฉันไม่คิดว่าจะเขาแยกออกระหว่างเกลือกับน้ำตาลได้ด้วยซ้ำ!”
ผู้ชมรู้สึกผิดหวังนิดหน่อยในตัวจ้าวซือ
อันที่จริงมันก็ไม่ใช่ความผิดของจ้าวซือ แม้ว่าจ้าวซือจะครอบครองฝีมือการทำอาหารของหวงหลง และเขามักจะทำอาหารทานเองที่บ้าน แต่เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอุปกรณ์พิเศษในร้านขายปลาย่างเลยแม้แต่น้อย
แต่จ้าวซือก็เรียนรู้หน้าที่ของอุปกรณ์แต่ละอย่างได้อย่างรวดเร็วมาก ด้วยเสียงพึมพำที่ได้ยินเพียงคนเดียว เขาพึมพำกับตัวเองว่า
“แม้ว่าฝีมือการทำอาหารของหวงหลงจะไม่เหมาะกับอุปกรณ์เหล่านี้อย่างสิ้นเชิง แต่ก็ยังสามารถใช้เพื่อการแปรรูปส่วนผสม ปรุงรส และควบคุมความร้อนได้…”
เมื่อคิดได้ดังนี้ ดวงตาของจ้าวซือก็เป็นประกายขึ้น เขารู้ว่าเขาควรจะเริ่มลงมือทำได้แล้ว
“นี่มัน เป็นไปได้ยังไงกัน!”
“พระเจ้า นี่มันเป็นมายากลใช่ไหม?”
การเคลื่อนไหวของจ้าวซือนั้นรวดเร็วมากจนน่าตกใจ นับตั้งแต่การฆ่าปลา การดอง และการจัดจาน เขาใช้เวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งนาที
“ช่างเป็นเทคนิคที่รวดเร็วอะไรเช่นนี้!” พนักงานเสิร์ฟตกใจ แต่เขาก็ยังคงยิ้มอย่างเย็นชา "แต่ของสั่วๆ แบบนี้กินได้จริงเหรอ?"
อย่างไรก็ตาม ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งนาที กลิ่นหอมที่ทำให้ผู้คนคลั่งไคล้ก็ลอยออกมาจากเตาอย่างเงียบๆ และปลุกความอยากอาหารของทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นอย่างไร้เหตุผล
“หอมจัง! ทำไมถึงหอมได้ขนาดนี้นะ!”
“พระเจ้า ฉันไม่เคยได้กลิ่นแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต!”
ผู้คนที่เฝ้าดูต่างก็พากันน้ำลายสอเพราะกลิ่นหอมนี้!
“หรือว่าเด็กคนนี้จะเป็นมาสเตอร์เชฟ!?”
แม้แต่พนักงานเสริฟ์เอง แม้ว่าเขากับจ้าวซือจะไม่ค่อยลงรอยกันสักเท่าไร แต่ร่างกายของเขากลับตอบสนองอย่างตรงไปตรงมา
“น้องถิง เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?”
เถ้าแก่ของร้านปลาย่างได้กลิ่นหอมและอดไม่ได้ที่จะเดินออกมาจากด้านหลังร้าน
“คนส่งของเมื่อกี้นี่นา...”
“อะไรกัน!? นี่เขาเป็นคนที่ทำให้เกิดกลิ่นนี้สินะ!”
สีหน้าของเถ้าแก่เปลี่ยนไปอย่างมาก
“ครับ...” พนักงานเสิร์ฟพูดด้วยความกังวล
เถ้าแก่มองไปที่จ้าวซือที่อยู่ในครัวและสีหน้าของเขาเริ่มหม่นลงเรื่อยๆ
และในตอนนี้ปลาย่างของจ้าวซือก็ออกมาจากเตาอบแล้ว
"ว้าว! ปลาตัวนี้ดูน่าอร่อยเสียจริงๆ!"
“แม่งเอ้ย ถ้าฉันได้กินปลาตัวนี้นะแล้วใครเขาจะอยากมาที่ร้านปลาย่างนี้กันล่ะ?!”
“น้องชาย เปิดร้านปลาย่างเป็นของตัวเองเถอะ ผมจะตามไปอุดหนุนคุณอย่างแน่นอน!”
ปลาย่างในจานของจ้าวซือมีสีทอง น้ำเกรวี่นั้นใสบริสุทธิ์ ทั้งหนังปลาและเนื้อปลาก็ย่างได้อย่างลงตัว อาจกล่าวได้ว่าทั้งสีและกลิ่นหอมนั้นได้มาถึงระดับที่สมบูรณ์แบบแล้ว
ส่วนความโกลาหลที่อยู่ภายนอกนั้นจ้าวซือไม่ได้สนใจ และเขาก็บรรจุปลาย่างใส่กล่องต่อไป
เถ้าแก่ของร้านปลาย่างเปลี่ยนสีหน้าเป็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มและเดินเข้าไปทักทายจ้าวซือ
“น้องชาย อาชีพส่งอาหารดูเหมือนจะต่ำต้อยไปหน่อยนะ พรุ่งนี้มาเริ่มงานที่ร้านฉันได้เลย ฉันจะให้เงินเดือนนายสองหมื่น ไม่สิ ห้าหมื่น ฉันจะให้ทุกอย่างที่นายต้องการ!”
จ้าวซือมองดูเถ้าแก่ร้านขายปลาย่างและขมวดคิ้วเล็กน้อย
“นี่แกรู้รึเปล่าว่าคนที่กำลังคุยกับแกอยู่เป็นใคร?! เขาเป็นเถ้าแก่ของร้านเรานะ!”
เมื่อเห็นท่าทางที่ไม่ใส่ใจของจ้าวซือ พนักงานเสิร์ฟก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อตะคอกเขาในทันที
จ้าวซือไม่ได้โกรธ แต่กลับหัวเราะแทน
ดูเหมือนว่าไอคิวและอีคิวของพนักงานเสิร์ฟคนนี้จะต่ำมาก
“เพี๊ยะ!”
พนักงานเสิร์ฟโดนตบเข้าที่หน้าอย่างจังพร้อมกับเสียงของเถ้าแก่ร้านที่ตะโกนเสียงสั่นว่า:
“แกพูดเหลวไหลบ้าอะไรเนี่ย!? หลบไปให้พ้น! แล้วพรุ่งนี้แกไม่ต้องมาทำงานแล้ว!”
พนักงานเสิร์ฟใช้มือกุมรอยฝ่ามือสีแดงเถือกบนใบหน้าของเขา สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและคับข้องใจ แต่เขาก็ไม่กล้าพูดอะไร
“น้องชาย ไอ้นี่มันสติไม่ดี อย่าโกรธไปเลยนะ... พวกเราไปหาที่คุยกันเงียบๆ เถอะ...”
หลังจากที่กระหนาบพนักงานเสริ์ฟแล้ว เถ้าแก่ก็ยิ้มและโค้งคำนับให้จ้าวซือทันที
"ผมเป็นแค่พนักงานส่งของ ผมทำอาหารไม่เป็นจริงๆ ครับ แล้วลูกค้าของผมก็กำลังรอผมอยู่..."
จ้าวซือกล่าวอย่างขอไปทีและรีบปลีกตัวออกไปจากฝูงชน
เถ้าแก่ของร้านขายปลาย่างรีบไล่ตามเขาไป แต่เขากลับพบว่าจ้าวซือที่ดูเผินๆ เหมือนจะอยู่ห่างจากเขาเพียงไม่กี่ก้าว เขาได้กระโดดขึ้นสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าและเร่งเครื่องออกไปแล้ว
ขณะที่เขามองดูด้านหลังของจ้าวซือที่กำลังจากไป เถ้าแก่ของร้านปลาย่างที่กำลังตกตะลึงก็กล่าวว่า “ถ้าเขาไม่รู้วิธีทำอาหาร พ่อครัวทุกคนที่ตั้งร้านอยู่บนถนนสายนี้ก็คงต้องผูกคอตายกันไปหมดแล้วล่ะ!”
ผู้คนที่อยู่รอบข้างต่างพากันตกตะลึง ความตกตะลึงในใจของพวกเขาไม่อาจที่จะสงบได้นาน
พนักงานส่งอาหารจะมีฝีมือในการทำอาหารได้อย่างไร?
เขาจากไปง่ายๆ แบบนี้ เป็นไปได้ไหมว่าเขาอาจจะมีงานอื่นที่ได้เงินเดือนหลายหมื่นและดีกว่างานส่งอาหาร?
ในเวลานี้ จ้าวซือ คนที่เป็นที่ถกเถียงกันในตอนนี้ กำลังขี่รถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าและเร่งเครื่องไปตามถนนเพื่อไปส่งของ!
เมื่อนึกถึงคำพูดของเถ้าแก่ร้านปลาย่าง จ้าวซือก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและยิ้มออกมา
เงินเดือนเดือนละหลายหมื่น ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาก็คงจะไม่กล้าที่จะปฏิเสธ
แต่ในตอนนี้ ด้วยฝีมือการทำอาหารของหวงหลงที่เขาได้รับมาจากระบบอนันตภพ เขาจึงสามารถยอมรับเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย
เงินเดือนเพียงไม่กี่หมื่นต่อเดือน แน่นอนว่ามันต้องดีกว่าการส่งอาหารอยู่แล้ว! อ่อ ข้อกำหนดเบื้องต้นก็คือการจัดส่งออเดอร์ไปยังอนันตภพ!
"แล้วใครกันนะในโลกนี้ที่เป็นคนโชคดีมากที่จะได้กินปลาย่างที่ฉันทำเอง"
ไม่นานนักหลังจากนั้นจ้าวซือก็มาถึงหน้าประตูบ้านหลังนั้นแล้วเพื่อส่งอาหาร
“ฮันไป่เสวี่ย บ้านเลขที่ B13 เขตวิลล่า...ที่นี่น่ะสิ เธอคงจะเป็นคนรวยสินะ? แต่ที่แห่งนี้อยู่ห่างไกลพอสมควรเลยนะ…”
เมื่อมองไปที่คฤหาสน์อันเงียบสงบที่ตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจง คงเป็นเรื่องโกหกถ้าจะบอกว่าจ้าวซือไม่ได้อิจฉาเลยแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตามในฐานะพนักงานส่งของแห่งอนันตภพ คงต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าที่เขาจะมีคฤหาสน์แบบนี้ได้สักหลัง
ขณะที่เขาคิดจ้าวซือที่กำลังจะกดกริ่งประตู แต่จู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงผิดปกติบางอย่างที่ดังมาจากด้านใน
ด้วยเคล็ดวิชาลมปราณภูติอุดรในร่างกายของเขาและเสริมด้วยความแข็งแกร่งของร่างกายจากยูนิฟอร์มทำให้การได้ยินของจ้าวซือนั้นเหนือกว่าคนทั่วไปมาก
“หมอฮัน ถ้าคุณอยากจะโทษใครซักคน ให้โทษตัวเองที่ช่วยชีวิตคนที่คุณไม่ควรจะช่วยเอาไว้จะดีกว่า มากับพวกเราเดี๋ยวนี้!”
“ฉันโทรแจ้งตำรวจแล้ว ทางที่ดีอย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลย!”
จ้าวซือได้ยินเสียงของการเผชิญหน้ากันระหว่างทั้งสองฝ่าย
เสียงลมหายใจที่ค่อนข้างสับสนวุ่นวาย แต่เสียงของผู้หญิงที่สงบและไพเราะโดยรวมแล้วน่าจะเป็นลูกค้าของเขา ฮันไป่เสวี่ย!