บทที่ 13 บทเรียนการแข่งรถของสาวน้อย
บทที่ 13 บทเรียนการแข่งรถของสาวน้อย
“นี่มัน…”
จ้าวซือเองก็ไม่คาดคิดว่าเยว่หยูเฉิงจะมาปรากฎตัวที่นี่และยังทำให้ซุนเหม่ยฉีเสียหน้าอย่างไม่ลังเลใจด้วย สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกพอใจอย่างเงียบๆ
เย่วหยูเฉิงถามจ้าวเมิ่งว่า “น้องสาว ฉันขอดูสร้อยเส้นนี้จะได้ไหม?”
“สร้อยคอเส้นนี้เป็นของขวัญวันเกิดที่ผมมอบให้กับน้องสาวนะ” จ้าวซือตอบแทนจ้าวเมิ่งที่กำลังตะลึงงันอยู่
เยว่หยูเฉิงเองก็ตกใจและยิ้มขื่นๆ “ฉันรู้ดีว่าคุณจะทำอะไรกับมัน”
เมื่อทราบความคิดของอีกฝ่าย จ้าวซือก็ยักไหล่ “ให้มันอยู่กับน้องสาวของผมน่ะดีที่สุดแล้ว แต่ผมยังมีอีกเส้นที่คล้ายๆ กันนะ ถ้าคนสนใจ...”
ขณะที่จ่าวซือกล่าวเสียงเรียบ แต่คนที่อยู่รอบข้างกลับรู้สึกหายใจไม่ออกอีกครั้ง
นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน? ยังมีสร้อยแบบนี้อีกเส้นงั้นเหรอ!
“ได้สิ! งั้นเราเปลี่ยนสถานที่กันเถอะ น้องสาว มากับพวกเราด้วยสิ”
เยว่หยูเฉิงจับมือจ้าวเมิ่งอย่างมีความสุข ราวกับว่าคนที่อยู่ด้านหลังเป็นน้องสาวแท้ๆ ของเธอจริงๆ
ด้วยเหตุนี้ จ้าวซือและทั้งสองคนจึงได้ออกจากห้องไปภายใต้สายตาที่ตกตะลึงของทุกคน
“ไม่แปลกใจเลยที่เธอจะเอาแต่ใจ เธอบอกว่ามีบางอย่างที่ต้องทำและรีบออกไปกลางคัน ปรากฎว่าเธอนัดคนอื่นไว้แล้ว ไปตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองคนกับเยว่หยูเฉิงมาให้ฉัน”
ที่มุมหนึ่งที่อยู่ด้านหลังของคนทั้งสาม เจ้านายหนุ่มในชุดสูทและรองเท้าหนังพูดกับบอดี้การ์ดชุดดำที่อยู่ข้างๆ เขา
“ครับ นายน้อยโฮ”
ภายในห้องจัดเลี้ยงวันเกิดที่หรูหราของโรงแรมระดับ 5 ดาวอีกแห่ง จ้าวซือและอีกสองคนกำลังคุยกันอย่างมีความสุข
“พี่ชาย ฉันไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่าเยว่หยูเฉิงจะมาร่วมงานวันเกิดของฉันจริงๆ! พี่ไปรู้จักเธอได้ยังไงกันคะ?” จ้าวเมิ่งยกแก้วน้ำผลไม้สีส้มขึ้นดื่มอย่างตื่นเต้น หน้าเธอแดงก่ำราวกับเมาสุรา
ก่อนที่จ้าวซือจะทันได้ตอบ เยว่หยูเฉิงก็รีบพูดว่า "พี่ชายของเธอเชิญฉันมาที่นี่เป็นกรณีพิเศษ"
“ว้าว พี่ชาย พี่สุดยอดไปเลย! ฉันรักพี่ค่ะ!” จ้าวเมิ่งรีบวิ่งเข้าไปกอดจ้าวซือและหอมแก้มเขาซึ่งนั่นทำให้เขาหน้าแดง
เยว่หยูเฉิงแซว “คุณยังจะมัวอายอยู่อีก พวกคุณไม่ใช่พี่น้องกันแท้ๆ ใช่ไหม?”
"คุณรู้ได้ยังไง!" ใบหน้าของจ้าวซือเต็มไปด้วยความกลัวราวกับว่าเขาถูกจับได้
เยว่หยูเฉิงหัวเราะ “ก็เพราะฉันเองก็มีพี่ชาย ถ้าเป็นพี่ชายของฉัน เขาคงไล่ฉันไปไกลๆ ตั้งนานแล้ว”
พวกเขาใช้โอกาสในตอนที่จ้าวเมิ่งไปเข้าห้องน้ำ จ้าวซือจึงได้รู้ว่าเยว่หยูเฉิงได้รับเชิญให้มานัดบอด ซึ่งอีกฝ่ายหนึ่งเป็นนายน้อยของบริษัทรถที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เธอไปพบเขาที่โรงแรมนั้น เธอทานอาหารกับเขาไปได้เพียงแค่ครึ่งทางก็ขอตัวออกมา
ในที่สุดจ้าวซือก็สัญญาว่าจะมอบสร้อยคอที่มีคุณภาพใกล้เคียงกับสร้อยคอของจ้าวเมิ่งให้กับเยว่หยูเฉิง
หลังจากที่งานเลี้ยงวันเกิดจบลง ทั้งสองคนก็กล่าวคำอำลา จ้าวซือพาจ้าวเมิ่งกลับบ้านพร้อมกันแต่เธอยังดื้อไม่ยอมกลับ
“นี่ ฉันดื่มมากไปแล้วนะพี่ ขอฉันไปห้องน้ำก่อน!” จ้าวเมิ่งรีบวิ่งไปห้องน้ำ ส่วนจ้าวซือยังคงนั่งบนรถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า
จ้าวซือยิ้มและส่ายหัว เขาจอดรถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าไว้ที่ด้านข้าง แล้วหันกลับมา “คุณคงจะเหนื่อยแล้วล่ะมั้งอุตส่าห์ตามพวกเรามาตั้งนาน ทำไมไม่ออกมาคุยกันดีๆ ล่ะ?”
แต่ทว่า คนที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดกลับเริ่มวิ่งหนี
"วิ่งหนีงั้นเหรอ? นี่คิดว่าจะวิ่งเร็วกว่าฉันได้งั้นเหรอ?" จ้าวซืออมยิ้มที่มุมปากและวิ่งไปขวางทางเขาเอาไว้
อีกฝ่ายหนึ่งเป็นชายร่างกำยำในชุดสูทสีดำ ดูเหมือนจะเป็นบอดี้การ์ดของพวกเศรษฐี
บอดี้การ์ดในชุดดำตกใจเมื่อเห็นความเร็วของจ้าวซือ “เป็นไปไม่ได้ที่คนธรรมดาจะตามผมได้ทัน คุณเป็นใคร?”
“ก็แค่พนักงานส่งของธรรมดา ถ้ามีออเดอร์เยอะหน่อย ก็ต้องวิ่งเร็วเป็นธรรมดาล่ะนะ แล้วคุณล่ะ เป็นใคร?” จ้าวซือก้าวไปข้างหน้า
เพียงแค่บอดี้การ์ดชุดดำยกกำปั้นขึ้นเท่านั้น ซึ่งมันเป็นท่ามวยมาตรฐาน ฝีเท้าของเขาเบาในตอนที่เขากระโดด เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนมีฝีมือในศิลปะการต่อสู้
ในเวลาไม่ถึงครึ่งนาที จ้าวซือก็นั่งทับอยู่บนร่างของบอดี้การ์ดที่มีรอยฟกช้ำจนเป็นสีม่วง เขามองดูบัตรประจำตัวและถอยห่างจากจากคู่ต่อสู้ของเขา “อดีตนักมวยอาชีพ คุณเป็นแชมป์มากี่ครั้งแล้ว หืมมม... ใช่แล้ว ตอนนี้คุณทำงานเป็นบอดี้การ์ดให้กับฟอกซ์เฟอร์อินเตอร์เนชั่นแนล เยว่หยูเฉิง เยว่หยูเฉิงงั้นเหรอ? คุณทำให้ผมลำบากนะ”
ขณะที่พูด จ้าวซือก็โยนเอกสารลงบนพื้น เขาสนใจแต่เรื่องของตัวเขาเองและเดินไปที่ประตู “บอกนายน้อยของคุณว่าเยว่หยูเฉิงกับผมเป็นแค่ลูกค้าธรรมดา อย่ามาตามสืบเรื่องของผมและอย่ามาสร้างปัญหาให้ผม ไม่งั้นล่ะก็... ผมจะทุบเขาซะ!”
“พี่ชาย ทำไมมาช้าจัง” จ้าวเมิ่งรู้สึกสบายใจเมื่อเห็นจ้าวซือกลับมา
จ้าวซือเพียงแค่ยิ้มแล้วเดินเข้าไปในห้อง เขานำชุดเกราะอ่อนที่เขานำออกมาจากการชำระเงินไปมอบให้กับจ้าวเมิ่ง “นี่เป็นของขวัญวันเกิดอีกชิ้นหนึ่งด้วยนะ แค่สวมมันไว้ด้านนอกของชุดชั้นใน”
“ดี ดีจังเลย…” จ้าวเมิ่งตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัดอยู่ชั่วครู่และเธอก็ต้องหน้าแดงก่ำ เพราะเธอไม่คิดว่าจ้าวซือจะให้เสื้อผ้าส่วนตัวแก่เธอ!
จ้าวซือที่หันไปมองรอบๆ ยังดูไม่วางใจ เขาจึงได้มอบชุดเกราะอ่อนให้กับจ้าวเมิ่งเอาไว้เพื่อความปลอดภัยของเธอ
“มันยังไม่พอหรอกนะ...” จ้าวซือไม่ได้กลัวว่านายน้อยของฟอกซ์เฟอร์อินเตอร์เนชั่นแนลจะมาสร้างความเดือดร้อนให้แก่เขา แต่เขาไม่อยากจะให้จ้าวเมิ่งต้องมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย
โชคดีที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันต่อมา
เย็นวันนั้นจ้าวซือได้ขี่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าของเขาเพื่อไปส่งอาหารตามออเดอร์ เขาชำระหนี้สินทั้งหมดของเขาและได้กลายเป็นเศรษฐีอย่างลับๆ เขาอยู่ในอารมณ์ที่สบายๆ
ฟิ้ว!
จู่ๆก็มีเสียงดังขึ้น รถจักรยานยนต์คันหนึ่งโฉบผ่านจ้าวซือไป
“นี่ มันอันตรายมากนะรู้ไหม?” จ้าวซือก่นด่า เขาเห็นหญิงสาววัยรุ่นชุดสีเหลืองอยู่ข้างหน้าเขา เธอแลบลิ้นและชูนิ้วกลางให้เขา
“เดี๋ยวก่อน...” ในฐานะที่เขาเป็นผู้ชาย จ้าวซือไม่อาจที่จะอดทนต่อการยั่วยุเช่นนี้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออีกฝ่ายเป็นเด็กผู้หญิงเสียด้วย!
ใส่ให้เต็มกำลังแล้วปล่อยให้พระเจ้าคลั่งไปเลย!
จ้าวซือคำรามเหมือนสัตว์ป่าและบิดคันเร่ง
ซูม!
รถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าของจ้าวซือเปรียบเสมือนจรวดที่พุ่งออกไปและเพิ่มความเร็วเป็นสองเท่าในทันที
"เชี่*ย! นี่มันรถอะไรเนี่ย!" เด็กสาวตกใจที่เห็นว่าจ้าวซือตามทัน
จ้าวซือยิ้มใส่ "รถส่งของไงล่ะ"
“เชื่อก็บ้าแล้ว ไอ้บ้า! อย่าคิดว่าฉันจะแพ้!” เด็กสาวสูดจมูก ด้วยใบหน้าที่ไม่คิดที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ เธอบิดคันเร่งไปจนสุด
เมื่อจ้าวซือเห็นดังนั้น เขาไม่ก็อยากที่จะพ่ายแพ้เช่นกัน เขาบิดคันเร่งแรงขึ้นไป และความเร็วก็เพิ่มขึ้นอีกครั้ง
"อ๊า!" เด็กสาวคำรามอย่างโกรธจัด และความเร็วของรถก็เพิ่มขึ้นไปถึงขีดจำกัด
จ้าวซือตกใจเพราะความเร็วขนาดนี้มันไม่ใช่แค่อันตรายธรรมดา แต่อันตรายถึงชีวิตเลยทีเดียว
“เธอมันบ้าไปแล้ว! ระวังข้างหน้า!” ในขณะนั้นรถบรรทุกขนาดใหญ่ได้พุ่งออกมาจากมุมถนน จ้าวซือเตือนด้วยความกังวลใจ
ใบหน้าของเด็กสาวกลายเป็นซีดเผือดในทันทีเพราะเธอรู้ว่าความเร็วขนาดนี้ไม่สามารถที่จะหยุดรถได้ทัน!
มันจบแล้ว ฉันยังเด็กอยู่เลย ฉันยังไม่อยากตาย!
เด็กสาวหลับตาแน่น เมื่อนึกถึงภาพที่เธอถูกรถบรรทุกชนจนเลือดสาด น้ำตาของเธอก็ไหลออกมา
ซูม!
มีเงาดำแวบอยู่ข้างตัวเธอราวกับสายฟ้าและดึงเธอลงจากรถมอเตอร์ไซค์
เมื่อเธอกลับมาได้สติอีกครั้ง เด็กสาวก็อยู่ในอ้อมแขนของจ้าวซือแล้ว เธอรู้สึกได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจทั้งของเธอและของจ้าวซือที่เกือบจะตรงกัน ใบหน้าของเด็กสาววัยรุ่นก็เปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีแดงก่ำ
“เธอก็กลัวตายเหมือนกันนี่นา กล้ามาแข่งรถแบบนี้ รู้ผลที่จะตามมาไหม?”
จ้าวซือวางเด็กสาวลงบนพื้นและชี้ไปที่มอเตอร์ไซค์ที่ถูกอัดจนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในระยะไกล
เด็กสาวน้ำตาไหลออกทางหางตาด้วยความกลัว เธอพูดด้วยความคับข้องใจว่า "ฉัน ฉันไม่เชื่อหรอกว่าฉันจะแพ้แม้กระทั่งคนส่งอาหาร..."