ตอนที่แล้วCD บทที่ 20 เพื่อนร่วมงานแสนอับโชค
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปCD บทที่ 22 เป็นพ่อให้หนูที

CD บทที่ 21 สาเหตุที่มือหายไป


จ้าวหยู่ตัดสินใจว่าเขาจะสู้กับคูปิงและทีม B จนถึงที่สุด เขานั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของตัวเองโดยไม่ไปไหนและกำลังแอบฟังข้อมูลที่ทีม B พูดคุยกันจนเขาลืมแม้กระทั่งลุกเข้าห้องน้ำ

เป็นอย่างที่เขาคิดไว้ไม่มีผิด คูปิงและทีม B กำลังจดจ่อกับหลักฐานที่ได้มาล่าสุดที่จางจิงเฟิงและเหลียงฮวนบอกกับเขาก่อนหน้านี้และวุ่นอยู่กับการตามหาแหล่งที่มาของฟิล์มติดกระจกรถประเภทนั้น

เนื่องจากฟิล์มที่ถูกนำมาใช้ไม่ได้ค่อยจะมีคนนำข้ามาขายสักเท่าไหร่นัก ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง พวกเขาก็พบแหล่งที่สามารถซื้อสินค้าตัวนี้ พวกเขาเริ่มตรวจสอบข้อมูลการซื้อขายอย่างรวดเร็ว

ทางด้านคูปิงเองก็เตรียมระดมเจ้าหน้าที่เพื่อเคลื่อนไหวแต่ผลลัพธ์ที่ได้จากการตรวจสอบไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่

หลังจากการตรวจสอบ ปรากฏออกมาว่า ผู้ซื้อคือกลุ่มคณะแสดงมายากลที่จัดซื้อไว้เพื่อใช้เป็นส่วนหนึ่งในการแสดงก็เท่านั้น

ตามที่ผู้จัดจำหน่ายบอกมา ฟิล์มประเภทนี้ไม่ได้แพงมากแต่คนส่วนใหญ่มักจะไม่เลือกใช้งานกันและทางคณะโชว์ที่ซื้อไปก็ไม่ได้เก็บรักษามันเป็นพิเศษอะไรมากนัก พวกเขามักจะโยนเข้าห้องเก็บของอย่างสะเปะสะปะ ไม่ว่าเป็นคนงาน นักแสดงหรือแม้แต่ตัวคนดูเอง ไม่ว่าใคร ๆ ก็สามารถหยิบพวกมันออกไปได้ทุกเมื่อ

เนื่องจากความวุ่นเหยิงหลักฐานชิ้นนี้ หากพวกเขาเลือกที่จะเดินตามหาหลักฐานจากชิ้นนี้ต่อไป คงจะดูเป็นเรื่องที่ยากเกินรับมือไหวแน่ จากการตรวจสอบดูแล้ว หลักฐานชิ้นนี้ไม่มีน้ำหนักมากพอให้ค้นหาได้ต่อไป พวกเขาจึงย้อนกลับไปนับหนึ่งอีกครั้ง

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ไม่ใช่แค่เพียงตัวคูปิงและทีม B เท่านั้นที่สิ้นหวัง แม้กระทั่งตัวจ้าวหยู่ที่กำลังดักฟังข้อมูลอยู่ก็รู้สึกสิ้นหวังไม่ต่างกัน

เหมือนกับว่าพวกเขาประเมินความสามารถของตัวคนร้ายต่ำไป การก่อเหตุของคน ๆ นี้วางแผนได้อย่างแยบยลไร้ที่ติและไม่เปิดช่องว่างใด ๆ ให้ตามหาตัวได้เลย นับว่าเป็นอาชญากรสุดอัจฉริยะที่แท้จริง!

แม้ว่าการติดตามหลักฐานจากฟิล์มติดรถจะไร้ประโยชน์ก็ตาม แต่คูปิงก็ยังไม่ยอมแพ้ เธอได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สองคนตรวจสอบเรื่องนี้ต่อไป ส่วนทีมงานที่เหลือกลับมาประจำการที่สถานีเหมือนเดิม

ตอนนี้คูปิงรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก ถ้าหากเธอไม่สามารถไขคดีมือที่หายไปนี้ได้ มีโอกาสสูงทีเดียวที่จุดจบของเธอจะเดินตามรอยหัวหน้าทีมคนเก่าที่ถูกบังคับให้ลาออกจากงาน

คูปิงพยายามรวบพละกำลังทั้งหมดของเธอที่มีออกมาใช้ เธอหาหลักฐานขึ้นมาตรวจสอบอย่างละเอียดแต่ก็ยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายหรือหาคำอธิบายดี ๆ มาอธิบายรายละเอียดของเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ได้เลย

เมื่อเทียบกับสถิติการทำงานของเธอแล้ว นับว่าเป็นเรื่องที่สร้างมลทินในประวัติเธอได้ดีทีเดียว

ในไม่ช้าก็เกือบจะเป็นเวลารุ่งเช้าเข้าอีกวัน แผนกสืบสวนทีม B ยังคงทำงานกันอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยต่อไป แต่การพูดคุยของพวกเขาค่อย ๆ เริ่มหายไปทีละน้อย

จ้าวหยู่เป็นคนเดียวในทีม A ที่ยังคงอยู่ที่สถานีตำรวจ เขายังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะเพื่อดักฟังแต่ก็เริ่มไม่ได้ยินเสียงอะไรจากพวกเขาแล้ว ดูเหมือนว่าลูกทีมของคูปิงเองก็มาถึงขีดจำกัดทางร่างกายแล้วเหมือนกัน

“โธ่เว้ย!” จ้าวหยู่หันกลับมามองที่ไวท์บอร์ดตัวเองอีกครั้ง ตรงกลางมีตัวเลข 4.26 แสดงอยู่ ความหมายของมันคือ วันที่ 26 เมษายน

เมื่อปีที่แล้วคดีแรกเกิดขึ้นเมื่อ วันที่ 22 เมษายน คดีที่สองเกิดขึ้นหลังจาก 4 วันให้หลังในวันที่ 26 เมษายน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนกับเมื่อปีก่อนไม่มีผิด ดังนั้นฝ่ายสืบสวนทุกคนเกรงว่า

คนร้ายจะลงมือแบบครั้งก่อนอีกซึ่งก็คือวันที่ 26 ที่กำลังจะมาถึงนี้

ถ้ามีคดีที่สี่เกิดขึ้นมาจริงแล้วล่ะก็ ผลกระทบที่ตามมาคงจะเป็นเรื่องร้ายแรงที่หนักหนาสาหัสเอาการ สื่อต่าง ๆ คงจะมุ่งประโคมข่าวให้วุ่น ทั้งทางเจ้าหน้าที่และตำรวจทุก ๆ คนต่างก็ต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนัก ตอนนี้ที่สถานีตำรวจถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมนอย่างเห็นได้ชัด

ตอนนี้ใกล้จะเช้าของวันที่ 25 เข้าแล้ว ถ้าคนร้ายกำลังเตรียมการก่อเหตุขึ้นอีกครั้ง คงไม่มีเวลาเหลือมากพอสำหรับตำรวจให้คิดและไตร่ตรองมากอีกแล้ว

“คนร้ายมันเป็นคือใครกันแน่?” จ้าวหยู่เกาศีรษะของเขาและยังคงคิดถึงคดีที่เกิดขึ้นนี้ไม่หยุด

นอกจากความคิดเห็นของคูปิงแล้ว จ้าวหยู่ก็มีความคิดเห็นของเขาเองเช่นกัน

เขามีความรู้สึกถึงความไม่สมบูรณ์แบบในตัวคดีนี้อยู่ เหตุผลคดีมือที่หายไปนี้ใช้เวลาในการสืบสวนที่ค่อนข้างนานและยังไม่สามารถปิดคดีลงได้ อาจไม่ใช่เพราะคนร้ายทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ จนเกินกว่าจะค้นหาตัวได้ แต่อาจเป็นเพราะความคิดของคูปิงเองมันผิดมาตั้งแต่ต้นเลยต่างหาก

ยกตัวอย่างเช่น ข้อเท็จจริงที่ทางตัวคูปิงเองและทีม B ไม่พูดถึงเลยและรีบด่วนสรุปว่าคนร้ายต้องเป็นผู้ชายไปซะแล้ว สาเหตุมาจากในคดีแรก คนร้ายได้ทำการเคลื่อนย้ายร่างเหยื่อ จากช่วงที่ผู้คนกำลังชุลมุนวุ่นวายออกมาและพาไปยังห้องเก็บอุปกรณ์ไฟฟ้าทางใต้ดินได้และเรื่องที่คนร้ายตัดข้อมือของเหยื่อได้ในคราวเดียวอีก

การจะทำเช่นนี้ได้ต้องมาจากคนที่มีพละกำลังเป็นอย่างมาก เรื่องทั้งสองอย่างนี้ยากที่จะจัดการด้วยพละกำลังของผู้หญิงคนเดียวได้

ถ้าเกิดคนร้ายไม่ได้เป็นผู้ชายขึ้นมา? เรื่องนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป?

การใช้ฟิล์มปิดบังกระจกรถเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่าคนร้ายไม่ต้องการให้เห็นแม้แต่เงา แต่ทำไมคนร้ายถึงได้ระมัดระวังตัวถึงขั้นนี้? แค่เงาก็ไม่ยอมให้เห็น?

หรือจะมีความเป็นไปได้ว่า แค่ได้เห็นเงา ก็สามารถระบุตัวคนร้ายได้?

ถ้าเป็นอย่างนั้น มันอาจจะเปิดเผยความจริงที่ว่าคนร้ายไม่ใช่ผู้ชาย แต่อาจเป็นผู้หญิง…!?

นอกจากประเด็นในเรื่องนี้ที่จ้าวหยู่มีความรู้สึกที่ขัดแย้งกับคูปิง อยู่อีกเรื่องซึ่งก็คือ แรงจูงใจของตัวคนร้าย จ้าวหยู่รู้สึกไม่ชอบมาพากลกับเรื่องนี้

ถึงตอนนี้คนร้ายได้ก่อเหตุตัดมือหญิงสาวไปแล้วสามคน แต่ทำไมคนร้ายต้องตัดมือในสถานที่ที่เกิดเหตุด้วย?

คูปิงและคนในทีมของเธอคิดเสมอว่าคนร้ายก็แค่สุ่มเลือกเหยื่อที่รวย ๆ เท่านั้น พวกเขามั่นใจว่าทั้งตัวคนร้ายและตัวเหยื่อ เองไม่มีความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกันแต่อย่างใด เหตุผลของพวกเขามาจากที่เหยื่อ ทั้งสามต่างไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ไม่แม้แต่จะเป็นเพื่อนร่วมงานหรือเพื่อนร่วมโรงเรียนเก่าด้วยซ้ำ

เขาเป็นกังวลว่าถึงแม้คูปิงจะทำการบ้านศึกษามาอย่างดี แต่ถ้ามีเหตุผลบางอย่างที่เชื่อมโยงเหยื่อทั้งสามคนนี้เข้าด้วยกันได้ขึ้นมาล่ะ? หากมีเหยื่อคนหนึ่งหรือสองคนปิดบังข้อมูลความสัมพันธ์บางอย่างที่เล็กน้อยจนทำให้สรุปคดีคลาดเคลื่อนกันล่ะ? จะเกิดอะไรขึ้น?

เนื่องจากไม่สามารถสรุปได้ว่าคนร้ายกับเหยื่อมีความสัมพันธ์กันอย่างไร? คูปิงจึงสรุปข้อมูลว่าคดีมือที่หายไปนี้เป็นคดีที่เกิดจากอาชญากรโรคจิตเท่านั้น เธอคิดว่าคนร้ายต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการบาดเจ็บทางจิตใจ อย่างเช่นถูกภรรยาตัวเองใช้เงินอย่างสิ้นเปลืองจนเกินเหตุ เลยใช้การก่อเหตุแบบนี้เพื่อเป็นการแก้แค้น

แต่จ้าวหยู่ไม่คิดอย่างนั้น

ถึงแม้ว่าตัวเขาเองจะไม่เคยเป็นตำรวจมาก่อน แต่เขาก็คิดว่าความสามารถในการตัดสินแก้ไขปัญหาบางอย่างเขาเองก็มีไม่น้อยกว่าตำรวจสืบสวนคนไหน ๆ เช่นกัน

เหยื่อทั้งสามคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ทั้งรูปร่าง เสื้อผ้า ทรงผม และหน้าที่การงาน ล้วนต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง มีความคล้ายคลึงเพียงสองอย่างเท่านั้น คือเหยื่อทั้งสามคนล้วนมีอายุและสถานะทางการเงินที่ใกล้เคียงกัน

จ้าวหยู่รู้สึกว่าถ้าคนร้ายมีความผิดปกติทางจิตจริงแล้วล่ะก็ เขาน่าจะเลือกเหยื่อที่มีลักษณะที่ใกล้เคียงกันมากกว่านี้หน่อยหรือการที่คนร้ายเลือกเหยื่อเป็นผู้หญิงมีอายุที่ฐานะรวยนั้นคือลักษณะที่ใกล้เคืองกับภรรยาของคนร้าย?

แต่ตามรายงานระบุว่า แม้เหยื่อทั้งสามคนจะมาจากครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวยก็จริงแต่พวกเธอก็ไม่ได้ใช้เงินมากมายไปอย่างสิ้นเปลืองเลย

ดังนั้นจ้าวหยู่จึงมีข้อกังขาเต็มไปหมดเกี่ยวกับการคาดการณ์ของคูปิงและลูกทีมของเธอ

“ถ้าคนร้ายไม่ได้มีอาการผิดปกติทางจิต แล้วคน ๆ นั้นจะก่อเหตุอย่างนี้ทำไมกัน?” เขาคิด

เนื่องจากชีวิตเก่าของจ้าวหยู่เองก็ผ่านประสบการณ์สุดพิเศษ ๆ ที่ชวนให้เห็นการแก้แค้นมานักต่อนัก ด้วยเหตุผลบางประการ เขารู้สึกว่าคดีมือที่หายไป มีความคล้ายคลึงกับการแก้แค้นบางอย่าง การที่คนร้ายเลือกจะตัดมือหญิงทั้งสามคนไม่ใช่แค่เพราะเป็นความสนใจหรือปัญหาทางจิตของตัวเองเท่านั้น แต่ดูเหมือนเขากำลังแก้แค้นอยู่ต่างหาก!

และเหตุผลที่ทำให้จ้าวหยู่คิดเช่นนั้นไม่ใช่มาจากคาดเดาเพียงอย่างเดียว แต่เพราะมีเหตุผลที่น้ำหนักมารองรับมันด้วย!

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด