ตอนที่แล้วCD บทที่ 8 ด้านได้อายอด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปCD บทที่ 10 การเดิมพันด้วยความโมโห

CD บทที่ 9 คดีมือที่หายไป


ขณะนี้เวลาตี 5 ครึ่ง ดวงอาทิตย์กำลังจะโผล่ขึ้นขอบฟ้าแต่พื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองยังคงถูกปกคลุมอยู่ในเงามืด

ณ ร้านไก่ทอดชื่อดังตรงถนนจิวเฮอที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง มีข้างในมีนักเรียนมัธยมต้นสองคนกำลังทบทวนตำราขณะที่กำลังเคี้ยวแซนวิชไก่ทอดกันอย่างเอร็ดอร่อยอยู่

*กริ๊ง*

ทันใดนั้นเอง ประตูหน้าร้านก็ถูกเปิดขึ้น มีคนหนึ่งกำลังเดินโซซัดโซเซเข้ามาในร้าน คนที่เพิ่มเข้ามาเป็นผู้หญิงสวมใส่เสื้อโค้ทแบรนด์แนมแต่เสื้อของเธอคนนั้นถูกย้อมเต็มไปด้วยเลือด!

ผมเผ้าของเธอยุ่งเหยิง ใบหน้าของเธอแสดงออกถึงความอ่อนล้าออกมาอย่างเห็นได้ชัด

เธอล้มตัวลงไปบนพทันทีที่ประตูร้านเปิดออก เธอพยายามอย่างยากลำบากที่จะเปล่งเสียงออกมา เธอพูดไปยังเด็กนักเรียนทั้งสองตรงข้างประตูด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง

“ชะช่วยด้วย…”

เมื่อเด็กนักเรียนทั้งสองเงยหน้าขึ้น พวกนักเรียนแทบจะกรีดร้องออกมาทันทีที่เห็นสภาพของผู้หญิงตรงหน้า เธอถึงกับทำกล่องนมถั่วเหลืองที่ถือไว้หลุดมือ เนื่องมาจากผู้หญิงคนนี้ เธอไม่มีมือขวา มีเพียงบาดแผลที่ถูกผ้าพันแผลไว้ตรงข้อมมือและผ้าพันแผลมันเต็มไปด้วยเลือด!!!

...

เวลา 1ทุ่ม จ้าวหยู่กำลังนอนหลับอย่างสบายใจบนเตียงขนาดใหญ่ในบ้านหลังใหม่ ถึงแม้จะมีค่าเช่าสูงถึง 2,000 หยวนต่อเดือน แต่ เขาก็เอาเงินจากลูกสาวเจ้าของบ้านมาจ่ายแล้วเรียบร้อย เขาไม่ได้สัมผัสความสบายแบบนี้มานานแค่ไหนกันแล้วนะ?

“ฮิฮิฮิ….”

จ้าวหยู่หัวเราะออกมาเบา ๆ อย่างช่วยไม่ได้กับเงิน 5,000 หยวนที่เขาได้รับมาจากเสี่ยวเฉินเมื่อตอนเย็น

หลังจากที่เขาจ่ายค่าเช่าบ้านหลังนี้ล่วงหน้าสองเดือน ไป 4,000 หยวน เขายังมีเงินคงเหลือสำรองอีก 1,000 หยวน

เจียงต้าเฟิงไม่ได้ใส่ใจอะไรกับจ้าวหยู่มากนัก ตราบเท่าที่จ้าวหยู่สามารถจ่ายค่าเช่าให้กับเขาได้ เขาก็ไม่ได้คิดที่จะมีปัญหาอะไรด้วย ทั้งสองตกลงเซ็นสัญญาทำการเช่าบ้านกันและในที่สุดจ้าวหยู่ก็มีที่พักใหม่ที่น่าพึงพอใจเสียที

จ้าวหยู่จัดได้ว่าเป็นคนที่เจ้าเล่ห์อย่างมาก ถ้าเขาตัดสินใจรับเงิน10,000 หยวนก่อนหน้านี้มาจากเสี่ยวเฉิน เขาก็จะได้เงินก้อนนั้นเพียงแค่ก้อนเดียว แต่ถ้าเขาร่วมมือกับเสี่ยวเฉินในการทำธุรกิจ เขาก็จะได้รับเงินครึ่งหนึ่งจากเสี่ยวเฉินในทุก ๆ เดือน

เห็นได้ชัดว่าทางเลือกที่สองดูเป็นประโยชน์ต่อตัวเขาเองมากกว่า แน่นอนว่าเขารู้ดีว่าการให้เด็กน้อยคนนั้นทำโจรกรรมบัญชีเกมมันขัดต่อกฎหมาย แล้วยิ่งเขาเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยยิ่งแล้วใหญ่ หากถูกจับได้เข้าล่ะก็...

แต่จ้าวหยู่ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีคุณธรรมอะไรขนาดนั้นเสียหน่อย อย่าลืมไปสิว่าเขาก็คือหัวหน้าอันธพาลมาก่อน เขายังคงมีนิสัยตามเดิมก่อนที่เขาจะได้มาอยู่ที่นี่และสิ่งที่เขาทำกับเสี่ยวเฉินมันถือเป็นเรื่องเล็กน้อยมากถ้าเทียบกับสิ่งที่เขาเคยทำไว้ก่อนหน้านี้

เมื่อคิดได้แบบนี้จ้าวหยู่ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาทันที ก่อนจะคิดได้ว่าเงินที่เหลืออีก 1,000 หยวนนั้น เอาไปซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ดีกว่า

ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาในหัวของเขาอีกครั้ง

การผจญภัยในวันนี้เสร็จสิ้น อัตราความสำเร็จอยู่ที่ 79%

ขอแสดงความยินดีด้วย คุณได้รับเครื่องมือหนึ่งรายการ โปรดทำการยอมรับ!

 

‘อีกแล้ว? คราวนี้จะเป็นรางวัลแบบไหนกัน?’ จ้าวหยู่อดใจรอได้ไม่กี่วินาที เขารีบตรวจสอบไปยังความคิดภายในใจของเขาทันที

แล้วก็พบกับลูกบอลกลมสีดานั้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ดูพิเศษกว่าหน่อย เมื่อเขาจิ้มไปที่ลูกบอลนั้น เสียงปริศนานั้นก็เริ่มดังขึ้นอีกครั้ง

อุปกรณ์ติดตามล่องหน หลังเปิดการใช้งานอุปกรณ์นี้ สะกดรอยตามได้โดนที่เป้าหมายจะไม่รู้ตัว สามารถใช้งานได้นานถึง 48

ชั่วโมง

 

‘อุปกรณ์ติดตามล่องหนอย่างงั้นหรือ?’ จ้าวหยู่ครุ่นคิด

“มันอาจเป็นเพียงอะไรสักอย่างที่ไว้ใช้สะกดรอยคนแบบที่สามารถระบุเป้าหมายแล้วก็รู้ถึงตำแหน่งของคนเหล่านั้นได้ทันทีหรือเปล่านะ?”

จ้าวหยู่รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยกับของรางวัลที่เขาได้รับ เขาคาดหวังที่จะได้รับอะไรที่ดีกว่านี้ เช่น การมองผ่านกำแพงหรือการคัดลอกสิ่งของหรือจะเป็นเข็มยาสลบล่องหนแต่รางวัลที่เขาได้มาตอนนี้เป็นแค่เครื่องดักฟังกับเครื่องสะกดรอยเท่านั้น มันไม่เห็นจะน่าสนุกตรงไหนเลย

จ้าวหยู่เริ่มคิดไปมาอีกครั้ง คราวนี้อัตราความสำเร็จของเขาเพิ่มขึ้นมาเป็น 79% ยิ่งอัตราเพิ่มมากขึ้น ของรางวัลที่เขาจะได้ก็จะยิ่งดีขึ้นหรือเปล่า? แล้วเขาควรทำอะไรให้อัตราความสำเร็จเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าเดิม? หรือเขาควรที่จะลองรันระบบนั้นใหม่อีกครั้งเพื่อสังเกตการทำงานของมันอย่างละเอียดถี่ถ้วนดีหรือไม่?

ดังนั้น เขาจึงหยิบบุหรี่ขึ้นจุดแล้วพยายามสูดหายใจเข้าลึก ๆ แต่คราวนี้เขาไม่มีอาการสำลักควันออกมาแต่อย่างใด แม้จะพยายามต่ออีกสองสามรอบ แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

‘หา? เกิดอะไรขึ้น? ทำไมมันไม่มีเสียงอะไรดังออกมาเลย?’

เขาพยายามสูดกลิ่นควันเข้าไปเต็มปอดแต่ก็ดูเหมือนระบบปาฏิหาริย์ก็จะไม่ทำงาน ไม่มีเสียงอะไรดังขึ้นมาในหัวเลย

“อืม…” หลังจากผ่านสักพัก จ้าวหยู่ก็สงบสติอารมณ์และเริ่มวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ต่าง ๆ เมื่อนึกย้อนไปถึงสองครั้งที่เขาสามารถเปิดระบบและจบการผจญภัย เขาก็นึกขึ้นได้ว่า

“จะเป็นไปได้ไหมที่ระบบนี้สามารถทำงานเพียงวันละครั้งเท่านั้น”

ถ้าวันนี้ระบบถูกเปิดใช้งานไปแล้ว ดังนั้นเขาต้องรอเปิดใช้งานมันใหม่อีกครั้งในวันรุ่งขึ้น?

ขณะที่จ้าวหยู่กำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับระบบปาฏิหาริย์ อยู่ ๆ ก็มีสาย

เรียกเข้าโทรมาพอดี บนหน้าจอปรากฏชื่อหลี่เบ่ยหนี

“ฮัลโหล? เจ้าหน้าที่จ้าว คุณอยู่ที่ไหนกันคะ!? คนทั้งหน่วยสืบสวนกำลังรอคุณกันอยู่นะ” เสียงของหลี่เบ่ยหนีกล่าวอย่างร้อนรน

“ว่าไงนะ ไปไหน?” จ้าวหยู่ตอบกลับอย่างเฉื่อยชา

“โอ้ ไม่นะ” หลี่เบ่ยหนีส่งเสียงออกมาอย่างตกใจ “นี่คุณไม่ได้รับข้อความคดีที่เกิดขึ้นเหรอคะ? ตอนนี้เกิดคดีมือที่หายไปขึ้น ทุกคนในแผนกมารวมตัวกันหมดแล้วเพื่อประชุมคดีแล้ว เจ้าหน้าที่จ้าวรีบมาที่นี่ด้วย….”

จ้าวหยู่รีบกดตัดสายไปทันที เขาพึ่งสังเกตเห็นข้อความแจ้งเตือนบนหน้าจอ

‘เนื่องจากมีคดีด่วน ขอให้ทุกคนรีบมาประชุมเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ที่สถานีภายในเวลา 1 ทุ่มตรง’

เขารีบมองไปยังนาฬิกาเพื่อดูาเวลา ตอนนี้เกือบจะเป็นเวลาทุ่มครึ่งแล้ว

“เวรแล้วไง!”

เมื่อคืนจ้าวหยู่ไม่สามารถนอนหลับได้เพราะเสียงกรนของเพื่อนร่วมห้อง พอมีโอกาสได้พักสายตาบ้าง มันก็ดันมีคดีใหม่เกิดขึ้นมาอีก

ตอนแรกเขาขี้เกียจเกินกว่าที่จะสนใจคดีแต่พอนึกถึงชื่อ ‘คดีมือที่หายไป’ เขาก็ออกอาการสนใจขึ้นมาเล็กน้อย

หลังจากคิดไตร่ตรองไปมา จ้าวหยู่ตัดสินลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะเดินทางไปยังสถานีตำรวจ

เมื่อเขาไปถึง บรรยากาศภายในห้องนั้นเหมือนกับเมื่อวานไม่มีผิด ทุกคนมีสีหน้าที่เคร่งเครียดและเป็นกังวล พวกเขากำลังยืนล้อมรอบโต๊ะสีขาวอยู่ตัวหนึ่ง ตอนนี้ทุกคนกำลังให้ความสนใจกับคดีที่คูปิงกำลังอธิบาย หัวหน้าจินเองก็อยู่ที่นี้ด้วย

เมื่อเขาเห็นว่าจ้าวหยู่มาสาย สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมกว่าเดิมหลายเท่าตัว

เมื่อเห็นดังนั้น รองหัวหน้าหลิวก็หันหน้ามาเยาะเย้ยจ้าวหยู่ทันที เขารอที่เขาจะแก้แค้นและซ้ำเติมความผิดพลาดของจ้าวหยู่อยู่แล้ว แต่รอยยิ้มของเขาก็ต้องหายไปในทันที เมื่อเห็นว่าหลี่เบ่ยหนีกำลังเอาแก้วกาแฟมาให้จ้าวหยู่

“ถ้าเราไม่รีบจับกุมตัวคนร้ายให้เร็วที่สุดได้ล่ะก็” หัวหน้าทีมคูปิงชี้ไปบนกระดาน “คนร้ายก็อาจจะก่อเหตุคดีนี้ซ้ำแล้วโศกนาฏกรรมนั้นก็อาจจะเกิดขึ้นอีก!”

จ้าวหยู่เพิ่งได้มีโอกาสนั่งลงแต่คูปิงก็อธิบายเกี่ยวกับคดีเสร็จเสียแล้ว เธอปล่อยให้หัวหน้าจินขึ้นมาพูดอะไรบางอย่าง

หัวหน้าจินกล่าวชมถึงความสามารถอันยอดเยี่ยมที่สามารถปิดคดีข่มขืนปืนช็อตไฟฟ้าก่อนหน้านี้ได้อย่างรวดเร็ว แล้วตามด้วยชี้ให้เห็นถึงปัญหาต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้กับคดีนี้ การกล่าวสุนทรพจน์จบลงไปอย่างรวดเร็วพร้อมปลุกขวัญกำลังใจให้ทุกคนรีบไปตามจับกุมตัวคนร้ายในคดีนี้ให้ได้

จ้าวหยู่นั่งฟังการอธิบายคดีอย่างตั้งใจ ปัญหาเพียงหนึ่งเดียวที่เขาไม่เข้าใจก็คืองานที่ถูกแจกจ่ายให้ทำ เขาได้รับมอบหมายหน้าที่ในการไปสอบปากคำจากเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายแต่เขาไม่รู้ต้องทำอะไรบ้าง

หลังจากการประชุมผ่านไป จ้าวหยู่กำลังไปขอคำอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีที่หลี่เบ่ยหนีแต่ระหว่างทางเขากลับถูกปิดกั้นด้วยใครบ้างคนและคน ๆ นั้นก็คือหลิวชางฮู

“ฮิฮิ…” หลิวชางฮูยิ้มให้จ้าวหยู่ราวกับเขาเป็นเด็กน้อยหน้าโง่คนหนึ่ง “เป็นไงล่ะ จ้าวหยู่ทำไมถึงมาสายล่ะหรือว่าแอบหนีไปตามหาหลักฐานเพียงคนเดียวอีกแล้วหรือ เจออะไรเข้าไหมล่ะคุณตำรวจคนเก่ง? หรือว่าคุณสามารถปิดจบคดีนี้ได้เพียงในคืนเดียวแบบคดีที่แล้วงั้นเหรอ?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด