ตอนที่แล้วบทที่ 640 การปรับปรุงระบบ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 642 ตกลง(ตอนฟรี)

บทที่ 641 เหมาะสม!(ตอนฟรี)


กำลังโหลดไฟล์

บทที่ 640 เหมาะสม!

หลังจากส่งมอบเรื่องการปรับปรุงระบบของโรงงานยาให้กับฮั่นจง จี้เฟิงได้ให้คำแนะนำโดยทั่วไปเพียงไม่กี่ข้อ จากนั้นให้ฮั่นจงจัดการที่เหลือทั้งหมด

อันที่จริงตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา เขาได้อุทิศตนให้กับการก่อสร้างโรงงานผลิตยาและบริษัทเครือข่าย  จี้เฟิงได้เห็นอะไรมากมาย ได้เห็นความสามารถของฮั่นจงในการจัดการต่างๆ ได้รู้ว่ามีข้อบกพร่องในระบบของโรงงาน และมีบางคนใช้ประโยชน์จากช่องโหว่นี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่จี้เฟิงคาดไว้แล้ว

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น มันก็ไม่ได้หมายความว่าความสามารถของฮั่นจงมีปัญหา เพราะเมื่อระบบถูกกำหนดขึ้นในตอนนั้น จี้เฟิงและฮั่นจงได้หยิบกฎระเบียบและแนวทางปฏิบัติบางอย่างมาจากฮั่นกรุ๊ป รวมถึงรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้บริหารระดับสูงหลายคนที่เพิ่งเข้ามาทำงานที่โรงงานผลิตยาเถิงเฟย ดังนั้นจากทั้งหมดทั้งมวลนี้ ชุดของกฎระเบียบและข้อบังคับได้รับการกำหนดขึ้นอย่างคร่าวๆเพื่อใช้กับโรงงานผลิตยาเถิงเฟย

ส่วนเรื่องที่ว่ากฎและข้อบังคับเหล่านี้จะมีประสิทธิภาพเพียงใด ในเวลานั้นจี้เฟิงและฮั่นจงก็ไม่รู้คำตอบเช่นกัน

ถ้าหากบริษัทต้องการดำเนินการอย่างราบรื่นและพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จะต้องมีชุดของกฎเกณฑ์ที่เหมาะสมกับบริษัทและมีประสิทธิภาพ แต่โรงงานผลิตยาเพิ่งเริ่มต้นขึ้น แถมระบบที่พวกเขาพัฒนาขึ้นก็ไม่เคยได้รับการทดสอบและอยู่ในขั้นทดลองใช้เท่านั้น การเกิดปัญหาจึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลอย่างยิ่งที่จะนำปัญหาของหวังจื้อเฉียนมาชี้วัดความสามารถในการบริหารจัดการของฮั่นจง

ผู้บริหารจัดการที่ยอดเยี่ยมและประสบความสำเร็จ ไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องมีความรอบรู้ทุกเรื่องหรือเชี่ยวชาญในทุกสิ่ง แต่เขาเพียงแค่ต้องใส่ความสามารถที่เหมาะสมในตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับเขา เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด สร้างมูลค่าในระดับที่ดีที่สุด นั่นแหละคือผู้บริหารจัดการที่ยอดเยี่ยม!

ส่วนชุดของกฎระเบียบและข้อบังคับที่มีประสิทธิภาพ เป็นเพียงเครื่องมือเสริมสำหรับบริหารจัดการพนักงานให้มีความกระตือรือร้นมากขึ้นหรือทำให้พนักงานไม่กล้าเกียจคร้าน และแน่นอนเพื่อให้พวกเขาจำไว้เสมอว่าบริษัทไม่ใช่สนามเด็กเล่น!

คุณภาพของระบบนั้นสำคัญมาก แต่สิ่งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับความสามารถของฮั่นจง

กฎและข้อบังคับที่ครบถ้วนสมบูรณ์จะต้องได้รับการสรุปหลังจากการทดลองใช้หลายๆครั้ง

จี้เฟิงและฮั่นจงเข้าใจเรื่องนี้โดยธรรมชาติ ดังนั้นทั้งสองจึงไม่ได้พูดอะไรมากเกี่ยวกับปัญหานี้ แต่มุ่งเน้นความพยายามของพวกเขาในการกำหนดกฎระเบียบข้อบังคับที่ดีขึ้น ส่วนเรื่องที่ว่ามันจะเกิดข้อผิดพลาดขึ้นอีกหรือไม่ จี้เฟิงไม่กังวลเลย เพราะอย่างที่อาสามของเขาว่าไว้ เกิดมาเป็นคนจะไม่ทำผิดพลาดได้อย่างไร?

จี้เฟิงและฮั่นจงกำลังนั่งอยู่ในห้องประชุมขนาดเล็ก เพื่อหารือกันว่าบริษัทวางแผนใด ควรได้รับการว่าจ้างให้จัดทำแผนพัฒนาที่เหมาะสมสำหรับโรงงานผลิตยาเถิงเฟย ส่วนจี้เสี่ยวหยูกำลังเล่นคอมพิวเตอร์ในสำนักงานของฮั่นจง ที่ด้านนอกมีเสียงก่อสร้างดังแว่วมาเป็นครั้งคราว

“จี้เฟิง ฉันเคยได้ยินเกี่ยวกับบริษัทวางแผนบางแห่งในเจียงโจว แต่ต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งหรือสองเดือนกว่าพวกเขาจะมาช่วยวางแผน!” ฮั่นจงกล่าวอย่างลังเล “ยิ่งไปกว่านั้น มันยากที่จะบอกได้ว่าระบบที่พวกเขาสร้างขึ้นมันจะสามารถปรับเข้ากับการพัฒนาของโรงงานผลิตยาของเราได้หรือเปล่า!”

จี้เฟิงพยักหน้าและกล่าวว่า “มันก็ใช่... แต่เราสองคนไม่เชี่ยวชาญด้านการวางแผน และอย่างที่สอง พวกเราไม่เข้าใจขั้นตอนการพัฒนาโดยการพึ่งพากฎและข้อบังคับ มันไม่เหมาะสมกับโรงงานของเราเลย... นายเองก็เห็นแล้ว จากเหตุการณ์ของหวังจื้อเฉียน มันเป็นผลมาจากการทดลองใช้กฎและข้อบังคับที่ยุ่งเหยิงของเราสองคน!”

ฮั่นจงส่ายหัวและยิ้มอย่างขมขื่น “มันจะไม่ยุ่งเหยิงได้ยังไง ในเมื่อเราต้องงมทิศทางในที่มืดแบบนี้!”

“ฉันก็หมายความอย่างเดียวกับนายนั่นแหละ!”

จี้เฟิงกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “อันที่จริง ฉันคิดว่าแผนการที่สร้างขึ้นโดยบริษัทวางแผนเหล่านั้น สร้างขึ้นมาเพื่อบริษัทอื่นๆ หรือไม่ก็สร้างมาแบบกลางๆ สามารถปรับใช้ได้ แต่ก็หลังจากที่ได้ผลสรุปออกมาเหมือนเราอยู่ดี ดังนั้นฉันเลยคิดว่ามันไม่น่าเชื่อถือหน่อยๆ! มันจะไม่ดีกว่าเหรอถ้าเราจะวางแผนกันเองเลย!”

“จะทำเองเลยเหรอ?!” ฮั่นจงตกใจ

“ทำเองไปเลย!” จี้เฟิงตบโต๊ะแล้วพูดว่า “อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่แค่เราสองคนที่จะคิดและตัดสินใจ แต่จะให้พนักงานทุกคนในโรงงานมีส่วนร่วมและวางแผนร่วมกัน!”

“จี้เฟิง! นายกำลังคิดอะไรอยู่ หรือช่วงนี้โหมงานหนักมากเกินไปจนสมองรวน?” ฮั่นจงขมวดคิ้วถาม “ถ้าพนักงานมีส่วนร่วม กฎและข้อบังคับที่พวกเขากำหนด มันจะไม่เอื้อประโยชน์ต่อพวกเขาอย่างเต็มที่เลยหรอกเหรอ? ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น เอาแค่เรื่องเวลาเข้างาน ฉันกลัวว่าพวกเขาจะกำหนดให้เข้างานสิบโมงแล้วเลิกงานบ่ายสามน่ะสิ แบบนี้ก็โอเคเหรอ?!”

จี้เฟิงยิ้ม “นายอย่าเพิ่งด่วนสรุปและทำหน้าเครียดแบบนั้นสิ ฟังฉันก่อน!”

เขาหยุดอยู่ครู่หนึ่งและพูดต่อไปว่า “จริงๆแล้วความคิดของฉันมันธรรมดามาก ในเมื่อกฎเกณฑ์ที่เราจะกำหนดขึ้น ก็มุ่งเป้าไปที่พนักงานทุกคนอยู่แล้ว เราก็แค่ให้พวกเขาทุกคนมีส่วนร่วม เช่น ให้เสนอมาว่าอยากให้บริษัทมีมาตรการด้านแรงจูงใจยังไง แน่นอนว่าจะต้องมีมาตรการลงโทษที่สอดคล้องกันด้วย หากคุณทำหน้าที่ของคุณได้สำเร็จ คุณอาจจะได้รางวัลหนึ่งพันหยวน เพราะนี่คือสิ่งที่คุณเสนอ แต่ถ้าคุณทำหน้าที่ของคุณไม่สำเร็จ บริษัทก็จะปรับคุณหนึ่งพันหยวนเช่นกัน!”

“อืม เริ่มน่าสนใจขึ้นมาบ้างแล้ว!” ฮั่นจงพยักหน้าเห็นด้วย ด้วยดวงตาที่เป็นประกาย “พวกเขายังสามารถเสนอให้เข้ามาทำงานสิบโมงเช้า ไม่ต้องพูดถึงว่าจะต้องทำครบแปดชั่วโมงต่อวัน ขอแค่พวกเขาได้ทำงาน จะทำหนึ่งหรือสองชั่วโมงตราบใดที่พวกเขาสามารถทำงานให้เสร็จสมบูรณ์ได้ตามที่กำหนด ทุกอย่างก็ไม่มีปัญหา ไม่อย่างนั้นจะมีการลงโทษที่สอดคล้องกัน!”

“ในความเป็นจริง การลงโทษเป็นเพียงวิธีการ ไม่ใช่เป้าหมายสูงสุดของเรา!” จี้เฟิงส่ายหัวเล็กน้อย “เป้าหมายสูงสุดของเราคือการพัฒนาโรงงานยาอย่างรวดเร็ว อันที่จริงเราไม่ต้องไปกังวลกับสิ่งที่พนักงานต้องการจนมากเกินไป เราทำมันอย่างง่ายๆ เพียงแค่ต้องบอกพวกเขาว่า ในขณะที่พวกเขาต้องการยื่นเสนอคำขอใดๆ พวกเขาก็จะต้องเสนอการลงโทษด้วย! และแน่นอนว่าพวกเขาจะต้องคิดพิจารณามันอย่างจริงจัง เว้นเสียแต่ว่าพวกเขาจะไม่ต้องการทำงานที่นี่ในระยะยาว!”

“นี่มัน... เป็นแนวคิดที่ค่อนข้างแปลกใหม่!” ฮั่นจงครุ่นคิด “อย่างไรก็ตาม หากอาศัยแค่ให้พนักงานเสนอความต้องการและบทลงโทษ ในที่สุดระบบของเราจะต้องเบี่ยงเบนไปอย่างแน่นอน แม้ว่ามันอาจจะช่วยให้พัฒนาโรงงานยาได้ในช่วงแรก แต่ในระยะยาว แนวคิดนี้อาจจะไม่สมเหตุสมผล!”

จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อยเขาหยุดคิดครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “ก่อนอื่นก็แจ้งให้พนักงานทราบว่าพวกเขาสามารถมีส่วนร่วมในการสร้างแรงจูงใจและบทลงโทษ แต่เราจะยอมรับความคิดที่สมเหตุสมผลเท่านั้น และในเวลาเดียวกัน เราสามารถขอให้ผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริงช่วยพิจารณาและตัดสินใจ!”

“ผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริง?” ฮั่นจงอดหัวเราะไม่ได้ “ตอนนี้เรามีผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริงบ้างมั้ย?”

“มีแน่นอน!”

จี้เฟิงหัวเราะและกล่าวว่า “อาจารย์เก่าหลายคนในแผนการจัดการของสหพันธ์มหาวิทยาลัยเจียงโจว พวกเขามีความรอบรู้และมีความสามารถอย่างมาก โดยทั่วไปแล้ว บรรดาอาจารย์ในมหาวิทยาลัยนั้นจะแตกต่างจากผู้เชี่ยวชาญในสังคมอื่นๆอย่างมาก!”

อันที่จริง ในยุคนี้มีผู้เชี่ยวชาญอยู่ทุกหนทุกแห่ง แต่มีครูบาอาจารย์หลายคนที่ผ่านมาหลายยุค และในเมื่อไม่มีผู้เชี่ยวชาญคนไหนที่เราสามารถไว้วางใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ไม่ว่ายุคไหน จะมีกลุ่มคนบางกลุ่มที่ชื่นชอบการเรียนรู้อยู่เสมอ และคนเหล่านี้ก็อยู่ในสถาบันวิจัยหรือสถาบันการศึกษา!

แม้ว่าสถาบันการศึกษาในสมัยนี้จะไม่ใช่แหล่งรวมองค์ความรู้อย่างแท้จริงเหมือนแต่ก่อนแล้ว และเหล่านักศึกษา ก็ไม่ใช่ผู้ที่จะสืบทอดความรู้อย่างตรงไปตรงมาอีกต่อไป แต่ผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการที่แท้จริงก็ยังคงมีอยู่!

และในฐานะที่เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ สหพันธ์มหาวิทยาลัยเจียงโจวจะต้องมีผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริงอยู่ แม้ว่าจะมีไม่มาก แต่ก็ยังมีอยู่อย่างแน่นอน! ในหมู่พวกเขา ภาควิชาการจัดการเป็นวิชาเอกที่ค่อนข้างดีในสหพันธ์มหาวิทยาลัย นอกจากนี้ยังมีนักวิชาการหลายคนที่มีความสามารถที่แท้จริงและเรียนรู้ในทางปฏิบัติ

ฮั่นจงไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง และในที่สุดก็พยักหน้าและพูดว่า “ดี! ลองทำตามความคิดของนายก่อน ฉันหวังว่ามันจะได้ผลลัพธ์ที่ดี!”

จี้เฟิงยิ้ม “แม้ว่าเราจะล้มเหลว แต่มันก็ใช่ว่าเราจะไม่สามารถลุกขึ้นได้ ตราบใดที่เราเรียนรู้และแก้ไข แถมเรายังมีเวลาพอที่จะพัฒนาตัวเอง! แต่ถ้ามันไม่ได้ผลจริงๆ เราก็ค่อยจ้างผู้บริหารและนักวางแผนมืออาชีพ แต่ตราบใดที่เราสามารถทำมันได้ด้วยตัวเอง มันก็เป็นเรื่องดี!”

“เราจะดำเนินการก่อสร้างอาคารโรงงานผลิตยาเถิงเฟยและทำการก่อสร้างโครงสร้างบริษัทในเวลาเดียวกัน ฉันหวังว่าโครงสร้างของบริษัทจะแล้วเสร็จก่อนการสร้างโรงงาน!” ฮั่นจงอดไม่ได้ที่จะเกาหัวและพูดว่า “เราต้องเริ่มฝึกอบรมผู้บริหารระดับสูงที่น่าเชื่อถือและฝ่ายที่รับผิดชอบในการประสานงานความร่วมมือกับกลุ่มบริษัทเทียนเหยา...”

จี้เฟิงยิ้มอย่างรู้สึกผิดและกล่าวว่า “ฮั่นจง ฉันต้องขอโทษนายจริงๆที่ทำให้นายยุ่งอยู่กับหลายสิ่งหลายอย่าง....”

ก่อนที่เขาจะพูดจบ เขาก็ถูกฮั่นจงขัดจังหวะ

“ฉันแค่ล้อเล่น จริงๆแล้วฉันคิดเอาไว้ว่าหลังจากที่ฉันอายุ 30 ปี ฉันจะมีโอกาสได้ควบคุมบริษัทที่มีทรัพย์สินเกิน 100 หยวน ด้วยตัวเอง แม้ว่าตอนนี้ฉันจะยุ่งมาก แต่ฉันก็โอเค อย่างน้อยฉันก็ยังพอมีเวลาไปเรียน...” ในประโยคหลังเสียงฮั่นจงเกือบจะเป็นกระซิบ แต่จี้เฟิงก็ยิ้มอย่างรู้ทัน

ในตอนนี้เมื่อสรุปแผนการโดยรวมได้แล้ว งานที่เหลือก็ยังคงเป็นหน้าที่ของฮั่นจง ส่วนจี้เฟิงได้รับจากโทรศัพท์จากเซียงหยงซาน ดังนั้นในเวลานี้เขาจึงขับรถกลับไปกับจี้เสี่ยวหยู

จี้เฟิงแวะส่งจี้เสี่ยวหยูกลับบ้านก่อน และให้เซียวหยูซวนและถงเล่ยคอยเล่นกับเธอ จากนั้นเขาก็ไปที่เขตทหารตะวันออกเฉียงใต้ในเจียงโจวอีกครั้ง

และในห้องโถงของเกสต์เฮาส์ จี้เฟิงได้เห็นเซียงหยงซานในเครื่องแบบทหาร ถัดจากเซียงหยงซานคือเซียงยี่โหรวในชุดลายพรางและแน่นอน ข้างๆเธอมีพี่รองจี้ช่าวเหลยยืนอยู่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

สิ่งที่ทำให้จี้เฟิงรู้สึกประหลาดใจก็คือความสัมพันธ์ระหว่างเซียงยี่โหรวและพี่รองจี้ช่าวเหลยดูเหมือนจะใกล้ชิดกันมากขึ้น ซึ่งเห็นได้ชัดจากการแสดงออกบนใบหน้าและท่าทางที่ใกล้ชิดกันของพวกเขา

“พี่รองก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ?” จี้เฟิงถามด้วยรอยยิ้ม

“ฮ่าๆๆ!” จี้ช่าวเหลยหัวเราะ “ฉันอยู่ที่นี่มันแปลกตรงไหน?”

เขาขยิบตาและใช้แขนโอบไหล่ของเซียงยี่โหรวก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม “น้องสาม เห็นมั้ย พี่รองของนายก้าวไปอีกขั้นแล้ว!”

จี้เฟิงตกตะลึงในทันที “พี่ประลองฝีมือกันแล้วเหรอ?”

เมื่อเห็นจี้ช่าวเหลยพยักหน้า จี้เฟิงก็อดยิ้มอย่างขมขื่นไม่ได้ “พี่รอง พี่ใจร้อนเกินไปหรือเปล่า จริงๆแล้วด้วยทักษะปัจจุบันของพี่....”

เขามองไปที่เซียงยี่โหรวในชุดลายพราง จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวเล็กน้อย แม้ว่าจี้เฟิงจะไม่เคยต่อสู้กับเซียงยี่โหรวมาก่อน แต่เขาได้เห็นการเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่วของเธอมาแล้ว เธอได้ทิ้งความประทับใจอย่างลึกซึ้งให้กับจี้เฟิง

ตามการคาดเดาของจี้เฟิง ฝีมือของพี่รองจี้ช่าวเหลย ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเซียงยี่โหรวอย่างแน่นอน!

“น้องสาม นายจะไม่ประเมินฝีมือพี่รองของนายต่ำเกินไปหน่อยเหรอ?” จี้ช่าวเหลยถามด้วยรอยยิ้ม

จี้เฟิงยกคิ้วขึ้น “พี่ชนะ?!”

“ต้องขอบคุณนายล่ะนะ!” จี้ช่าวเหลยยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ชนะแบบฉิวเฉียดสุดๆเลยล่ะ!”

“พอๆ อย่าขี้อวดนักเลย!” เซียงยี่โหรวกลอกตาใส่เขา

จี้เฟิงหัวเราะอย่างโง่งม เขาเชื่อว่าเซียงยี่โหรวจะต้องจงใจอ่อนข้อให้พี่รองจี้ช่าวเหลยชนะอย่างแน่นอน เพราะด้วยฝีมือในตอนนี้ของจี้ช่าวเหลย ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเซียงยี่โหรวอย่างแน่นอน!

ไม่เลวเลย คู่รักคู่นี้เหมาะสมดีจริงๆ! จี้เฟิงยิ้มอยู่ในใจ

…จบบทที่ 641~❤️

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด