ตอนที่แล้วผมได้รับพลังแห่งลิชมาพิชิตสาวงาม ตอนที่ 12
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปผมได้รับพลังแห่งลิชมาพิชิตสาวงาม ตอนที่ 14

ผมได้รับพลังแห่งลิชมาพิชิตสาวงาม ตอนที่ 13


ผมได้รับพลังแห่งลิชมาพิชิตสาวงาม ตอนที่ 13

ผู้อาวุโสหลิวนิ่งอึ้งไปหลังจากได้เห็นการตอบสนองนี้ ใบหน้าของเขาเริ่มแสดงให้เห็นถึงความโกรธ ขณะเดียวกันชายวัยกลางคนเพียงยิ้มน้อยๆขณะมองดูเซี่ยเยี่ยนอย่างสนใจ

"นี่ไอ้หนู คุณปู่หลิวท่านถามแกอยู่นะ!" เหวินอี้ผิงพูดตำหนิ แต่แม้แต่เขาก็ยังต้องยอมรับนับถือ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเคยเจอกับนักต้มตุ๋นที่จิตใจแข็งแกร่งขนาดนี้

"ผู้อาวุโสเรียกผมว่านักต้มตุ๋น แต่ไหนล่ะหลักฐาน?" เซี่ยเยี่ยนจิบชาอีกสองคำก่อนจะวางถ้วยลงอย่างใจเย็น

"หลักฐาน?" ผู้อาวุโสหลิวโยนสร้อยหินเรเควี่ยมเส้นหนึ่งลงบนโต๊ะ "หินก้อนนี้อย่างมากก็ราคาห้าสิบหยวน แบบนี้เธอยังกล้าขายห้าพันอีกเรอะ? ถ้าไม่ใช่นักต้มตุ๋นแล้วจะเป็นอะไรไปได้?"

"เหอะๆ" เซี่ยเยี่ยนหัวเราะก่อนจะชี้ไปยังเครื่องประดับหยกที่อยู่ในมือชายชรา "บอกได้ไหมครับว่าของที่อยู่ในมือคุณราคาเท่าไหร่?"

"ให้ฉันบอกนายเองไอ้หนู" เหวินอี้ผิงรีบคว้าโอกาสพูด "นี่เป็นหยกชั้นจักรพรรดิที่คุณปู่หลิวได้มาจากการพนันหยกครั้งล่าสุด ท่านได้ขอให้ช่างแกะสลักที่เก่งที่สุดในเมืองซู อาจารย์หูอี้เหอแกะสลักเป็นพยัคฆ์หยก และมูลค่าของมันอย่างน้อยก้ร้อยล้านหยวน!"

'ร้อยล้าน?' ในใจเซี่ยเยี่ยนเหงื่อแตกพลั่ก เขารู้ว่านี่เป็นของล้ำค่าชิ้นหนึ่ง แต่คิดไม่ถึงว่ามันจะแพงบรรลัย เขารักษาความสงบบนสีหน้าเอาไว้ก่อนจะพูดกับชายชรา "ถ้างั้นผมขอถามอีกข้อ ผู้อาวุโสหลิว คุณคิดว่าทักษะการแกะสลักของอาจารย์หูอี้เหอมีมูลค่าเท่าไร?"

"ตัวหยกมีมูลค่าห้าสิบล้าน อาจารย์หูได้เพิ่มมูลค่าให้กับมันอย่างน้อยก็ห้าสิบล้านโดยการแกะสลักงานชิ้นนี้ขึ้นมา" เหวินอี้ผิงพูดแทรกอีกครั้ง ขณะที่พูดก็ยังมองหลิวเสวี่ยเอ๋อร์ไปด้วย หวังว่าการแสดงออกนี้จะทำให้เธอประทับใจ

"งั้นก็ดีเลย" เซี่ยเยี่ยนดีดนิ้ว "การแกะสลักของอาจารย์หูมีมูลค่าห้าสิบล้าน ขณะที่ของผมมีค่าแค่ห้าพัน ผมเองก็คิดว่ามันยังน้อยไปด้วยซ้ำ"

"แกคิดว่าแกจะเทียบกับอาจารย์หูได้เหรอ?" เหวินอี้ผิงยิ้มเยาะ

"เหอะๆ" เซี่ยเยี่ยนไม่สนใจเขาและหันไปมองชายชราและหลิวเสวี่ยเอ๋อร์ "วันนี้เหมือนผมมาที่นี่ให้โดนดูถูกเปล่าๆ ถ้าเป็นแบบนี้...."

เขาหยิบเงินหนึ่งหมื่นหยวนออกมาวางบนโต๊ะก่อนจะหันไปพูดกับหลิวเสวี่ยเอ๋อร์ "เอาเงินคุณคืนไปเถอะ ผมคงต้องขอให้คุณคืนสร้อยของผมมาด้วย ข้อตกลงเป็นอันยกเลิก"

"นี่...." หลิวเสวี่ยเอ๋อร์ลังเล เธอไม่ได้ใส่ใจเงินหมื่นหยวนนี่แม้แต่น้อย และปัญหาก็ไม่ใช่เรื่องเงิน เธอคิดไม่ถึงว่าปู่ของเธอจะเรียกเซี่ยเยี่ยนว่านักต้มตุ๋น และคิดไม่ถึงว่าเหวินอี้ผิงจะคอยใส่ไฟอยู่ข้างๆไม่หยุดแบบนี้ นี่ทำให้เธอรู้สึกอับอายอย่างมาก

"เสวี่ยเอ๋อร์ คืนของเขาไป" ชายชราสั่งการเสียงแข็ง เขาเองก็คิดไม่ถึงว่าเซี่ยเยี่ยนจะตอบสนองเช่นนี้ ไม่มีใครพูดกับเขาแบบนี้มานานแล้ว

"ปู่....." หลิวเสวี่ยเอ๋อร์รู้สึกไม่ดี เธอรู้สึกว่าปู่ของเธอทำเกินไปหน่อย

"คืนเขาไป!" ชายชราหันมาจ้องเธอ

"เซี่ยเยี่ยน ขอโทษด้วย" หลิวเสวี่ยเอ๋อร์หันมามองเขาและพบร่องรอยดูถูกบนใบหน้าของเขา เธอไม่กล้าสบตาเขาก่อนจะวางสร้อยเรเควี่ยมอีกเส้นลงบนโต๊ะ

เซี่ยเยี่ยนคว้าสร้อยทั้งสองเส้นก่อนจะลุกขึ้น "เอาล่ะ ถ้างั้นผมขอตัวก่อน"

"ไอ้หนู คิดว่าถูกจับได้แล้วจะหนีไปได้ง่ายๆงั้นเหรอ?" เหวินอี้ผิงตะโกนเสียงดัง

"อ้อ แล้วคุณจะทำไมงั้นเหรอ?" เซี่ยเยี่ยนหยุดเดินก่อนจะถามอย่างเย็นชา

"ฉันจะเรียกตำรวจมาลากตัวแก!"

"พอแล้ว อี้ผิง พวกเราไม่ได้เสียเปรียบอะไร ปล่อยเขาไปเถอะ" ชายชราโบกมือ

"ฮึ่ม โชคดีไปนะ อย่าให้ฉันเจอแกอีกล่ะไอ้หนู" เมื่อชายชราพูดแบบนี้แล้ว เหวินอี้ผิงก็ได้แต่รามือ

"ผมขอแนะนำอะไรสักอย่างนะผู้อาวุโสหลิว" เซี่ยเยี่ยนหัวเราะเบาๆ จากนั้นจึงชี้ไปยังมุมห้องทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ "ทางที่ดีคุณอย่าไปยุ่งที่มุมนั้นอีกจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นคงไม่จบแค่ฝันร้าย ผมพูดจบแล้ว ส่วนคุณจะเชื่อหรือไม่นั้นก็แล้วแต่....อ้อใช่! ถ้าคุณต้องการซื้อสร้อยของผมอีก ครั้งหน้าราคาของมันย่อมไม่เหมือนในวันนี้แน่!"

พูดจบก็เดินออกจากวิลล่าหลังนี้ไปไม่เหลียวหลังกลับมาอีก

"วัยรุ่นสมัยนี้ยิ่งมายิ่งทำตัวไร้เหตุผลจริงๆ" ชายชราส่ายหน้าพลางถอนหายใจ เขาไม่ได้คิดเอาคำพูดของเซี่ยเยี่ยนมาใส่ใจ

"ผู้อาวุโสหลิว ผมเองก็คงต้องขอตัวกลับก่อน" ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่เงียบๆมาจนกระทั่งถึงตอนนี้ได้ลุกขึ้นเอ่ยลาชายชรา

"เสี่ยวฟาง ให้เธอเห็นเรื่องน่าอายซะแล้ว"

"ผู้อาวุโสพูดเกินไปแล้ว ผู้อาวุโสหลิว ดูจากท่าทางของชายหนุ่ม เรื่องนี้อาจจะไม่เรียบง่ายดังที่เห็น" ชายวัยกลางคนพูดด้วยรอยยิ้ม

"เขาก็แค่พวกนักต้มตุ๋นนั่นแหละ" ชายชราไม่ใส่ใจ ชายวัยกลางคนเองก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เขาเหลือบมองมุมห้องทางทิศตะวันตกเฉียงใต้คราหนึ่งก่อนจะจากไป

หลังจากออกจากเขตวิลล่าแล้ว เซี่ยเยี่ยนก็พบว่าแถวนี้ไม่มีป้ายรถเมล์อยู่เลย แม้แต่รถแท็กซี่สักคันก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงา ชายหนุ่มนิ่งอึ้งอย่างไร้คำพูด ป้ายรถเมล์ที่ใกล้ที่สุดอยู่ห่างจากตำแหน่งปัจจุบันของเขาอย่างน้อยก็สิบกว่ากิโลเมตร และกว่าจะเดินไปถึงที่นั่นจริงๆก็คงจะขาลากไปแล้ว

เซี่ยเยี่ยนน้ำตาซึม วันนี้มันวันอะไรกัน? โดนด่าว่าต้มตุ๋น ตอนนี้ยังต้องมาเดินเป็นสิบๆโลอีกเหรอ? วันนี้เขาช่างโชคร้ายจริงๆ คราวหน้าเขาคงต้องเช็คดวงก่อนออกจากห้องแล้วซะมั้ง!

เซี่ยเยี่ยนเริ่มออกเดินอย่างช่วยไม่ได้ โชคดีที่ตอนนี้เริ่มค่ำแล้ว ดวงอาทิตย์ตกดินไปแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาคงถูกเปลี่ยนเป็นซากมัมมี่

หลังจากเดินไปได้ไม่กี่ร้อยเมตร เขาก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของรถดังมาจากทางด้านหลัง เขาเดินหลบไปที่ขอบถนนโดยไม่หันไปมอง เขามั่นใจว่าพวกคนรวยคงไม่คิดจะรับคนแปลกหน้าติดรถไปด้วยหรอก

"ปี๊น! ปี๊น!" หลังได้ยินเสียงแตร เซี่ยเยี่ยนก็หันกลับไปมองและพบรถซีดานสีดำกำลังแล่นมาทางเขาอย่างช้าๆ หน้าเบาะหลังถูกเลื่อนลงช้าๆ และเขาก็มองเห็นชายวัยกลางคนท่าทางมีสง่าราศีที่ได้พบที่วิลล่าของตระกูลหลิว

"หนุ่มน้อย ให้ฉันไปส่งไหม?" ชายวัยกลางคนถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม