ตอนที่แล้วSTBI : ตอนที่ 45 ต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปSTBI : ตอนที่ 47 สร้อยผลึกจี้เต๋า

STBI : ตอนที่ 46 ร่างยักษ์ที่ทะลุผ่านชั้นเมฆ


โลกใบเล็ก ๆ ณ ใจกลางของเกาะ

พื้นที่ขนาดเล็กล้วนปกคลุมไปด้วยแมกม่าร้อน ภูเขาไฟที่ตั้งอยู่ตรงกลางได้ปะทุแมกม่าออกมาอย่างต่อเนื่อง จนทำให้พื้นที่ภายในเกาะเริ่มพังลง

ภายใต้ขุมนรกนี้ เหล่าผู้เข้าร่วมทดสอบทั้งหมดต่างยืนอยู่บนหินหนืดสีแดง และ หอบหายใจอย่างดุเดือด ร่างกายที่แตกสลายของพวกเขา ล้วนไม่สามารถปกปิดความประหลาดใจในส่วนลึกของดวงตาของพวกเขาได้

พวกเขาคือผู้ชนะคนสุดท้าย!

พวกเขาคือเหล่าอัจฉริยะไร้ทัดเทียมที่โดดเด่นท่ามกลางผู้คนนับร้อยล้าน!

พวกเขาคือศิษย์ใหม่ของนิกายศักดิ์สิทธิ์จี้เต๋า

ไป๋ตงหลิน เองก็มีความสุข เขาเป็น หนึ่งในไม่กี่คนในหลายร้อยคนที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ

เขานำป้ายหยกออกมาจากแหวนมิติ ทันใดนั้น ป้ายหยกของทุกคนก็เรืองแสงเล็กน้อย และ กลายเป็นลูกบอลสีขาวหายไปจากพื้นที่

เมืองหลักไท่ซาง ลานจัตุรัสสำหรับการประเมิน

แสงสีขาววาบได้ปรากฏขึ้น และ ผู้ชนะทั้ง 100 คน ก็ปรากฏตัวขึ้นที่ใจกลางลานจัตุรัสขนาดใหญ่ โหยวเต้าอี้ และ ผู้ประเมิน และ ตรวจสอบ หลายคน ได้ยืนอยู่บนอัฒจันทร์ ราวกับว่าพวกเขาไม่ได้ย้ายไปจากที่เดิมจนถึงวันนี้

โหยวเต้าอี้ ได้เหลือบมองฝูงชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับคนที่ไม่ได้รับบาดเจ็บเลย 2-3 คน

ไป๋ตงหลิน ซูฉี ซวนเย่…

ไป๋ตงหลิน รู้สึกว่าเขาถูกกวาดสายตามองผ่านโดยเจ้าเมือง เขารู้สึกหวาดระแวงเล็กน้อย เพราะเขากลัวว่าความลับภายในร่างกายของเขาจะถูกค้นพบ

จากนั้น โหยวเต้าอี้ ก็โบกมือขนาดใหญ่ กลิ่นอายพลังแบบเดียวกัน ก็ปรากฏขึ้น จนทำให้บาดแผลทั่วร่างของทุกคนเริ่มหายดี มือและเท้าที่ขาด ได้งอกกลับมาใหม่ กระทั่ง สมองที่หายไปส่วนนึง ก็ยังฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว

“ดูเหมือนว่า คราวนี้จะมีเด็กที่น่าสนใจ 2-3 คน ยินดีสำหรับพวกเจ้าที่ผ่านการประเมินในขั้นสุดท้าย”

“การทดสอบในปัจจุบันสิ้นสุดลงแล้ว ผู้ที่ผ่านการทดสอบทั้ง 100 คนแรก ในเมืองหลักไท่ซาง และ ผู้มีพรสวรรค์พลังกายพิเศษ 52 คน รวมทั้งหมด 152 คน จะได้กลายเป็นศิษย์ของนิกายศักดิ์สิทธิ์จี้เต๋าอย่างเป็นทางการ”

เมื่อทุกคนได้ยินว่าการทดสอบสิ้นสุดลงแล้ว หลายคนก็ร้องตะโกนออกมาอย่างดีใจ

โหยวเต้าอี้ รอให้ทุกคนสงบแล้วกล่าวพูดต่อ :

“นิกายศักดิ์สิทธิ์จี้เต๋า เป็นนิกายที่แข็งแกร่งและขึ้นชื่อด้านความปลอดภัย ตั้งแต่สมัยโบราณมา แม้แต่เมืองใหญ่ ๆ ก็ไม่ได้มีข่ายอาคมเคลื่อนย้าย ที่ตรงไปยัง นิกายศักดิ์สิทธิ์โดยตรง ดังนั้น ชายชราคนนี้จะส่งพวกเจ้าไปที่ นิกายศักดิ์สิทธิ์ เป็นการส่วนตัว!”

ทุกคนไม่ได้แปลกใจที่ เจ้าเมืองอ้างตัวว่าเป็นชายชรา เหล่านักพรตเต๋าอาวุโสเหล่านี้ ล้วนไม่สามารถมองแค่เพียงแค่รูปร่างหน้าตาของพวกเขาได้ เพราะถึงอย่างไร ก็ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าสัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านี้แท้จริงแล้วมีชีวิตอยู่มากี่ร้อยกี่พันปี

หลังจากที่ เจ้าเมืองไท่ซาง พูดจบ พระราชวังทองสัมฤทธิ์ ก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา แม้ว่าคนอื่น ๆ จะไม่รู้ว่าสิ่งนี้คืออาวุธวิเศษชนิดใด แต่เมื่อแสงสว่างส่องวาบขึ้น ทุกคนก็ถูกดูดเข้าไปในพระราชวังโดยไม่มีการต่อต้าน

เขาพยักหน้าให้กับเหล่าผู้ประเมินด้านหลังของเขา จากนั้น โหยวเต้าอี้ ก็ก้าวไปข้างหน้า และ เข้าไปในพระราชวังทองสัมฤทธิ์

“น้อมส่งท่านเต่าอี้!”

เหล่าผู้ประเมินทั้งร้อยกว่าคน ได้กล่าวแสดงความเคารพ

จากนั้น พระราชวังทองสัมฤทธิ์ก็สั่นไปมาเล็กน้อย จนฉีกกระชากพื้นที่พร้อมกับหายตัวไปในทันที

ภายในพระราชวังทองสัมฤทธิ์ ไป๋ตงหลิน และ คนอื่น ๆ ได้นั่งไขว่ห้างอยู่ในห้องโถง ทุกคนต่างจ้องมองไปที่คนทั้ง 52 คนที่มีร่างกายพิเศษ

คนเหล่านี้ที่มีร่างกายพิเศษล้วนมีขนาดใหญ่และเล็กต่างกัน ยกเว้นเด็กทารกจำนวนมากที่กำลังนอนหลับ คนเหล่านี้ทั้งหมด ก็มองไปที่ ไป๋ตงหลิน และ คนอื่น ๆ ด้วยความชื่นชม

แม้ว่าพวกเขาจะมีลักษณะต่างกัน แต่พวกเขาก็รู้ว่าการประเมินเข้าร่วมนิกายศักดิ์สิทธิ์จี้เต๋านั้นยากเย็นเพียงใด ดังนั้น ผู้ชนะทั้ง 100 คนนี้ จึงเป็นอัจฉริยะท่ามกลางคนนับล้านคน

หากพวกเขาไม่มีร่างกายที่พิเศษ บางทีพวกเขาอาจจะไม่สามารถเปรียบเทียบคนเหล่านี้ได้

พรสวรรค์ได้กำหนดขีดจำกัดล่างของความสำเร็จ มีเพียงคุณภาพและวิถีการฝึกฝนเท่านั้นที่จะทำให้ได้รับขีดจำกัดสูงสุด ดังนั้น ในบรรดาทั้ง 100 คนเหล่านี้ พวกเขามีความแข็งแกร่งกว่าพวกตนเองอย่างไม่ต้องสงสัย

ดังนั้น จึงไม่มีใครกล้าดูถูกใคร แต่ละคนล้วนเป็นอัจฉริยะในเส้นทางการบ่มเพาะพลัง และ ผู้ที่หัวเราะในตอนท้ายได้ ก็คือผู้ที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง

ในเวลานี้ ร่างของ โหยวเต้าอี้ ได้ปรากฏขึ้น เขาเหมือนกับคนอื่น ๆ โดยนั่งไขว่ห้างบนพื้นอย่างเป็นธรรมชาติ

ในเวลานี้ ทุกคนต่างจับจ้องสายตาไปที่อีกฝ่ายและรีบทำความเคารพ

“นั่งลงเถอะ ไม่จำเป็นจะต้องสุภาพ ยังมีเวลาอีกพอสมควรกว่าจะถึงนิกายศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นชายชราคนนี้มีบางอย่างจะบอกพวกเจ้า”

ยกเว้นเหล่าทารกที่กำลังหลับ คนอื่น ๆ ได้นั่งลงอย่างเชื่อฟัง

“ทุกคนที่นี่ ล้วนออกมาจากเมืองไท่ซางของข้า พวกเจ้าทั้งหมดล้วนมาจากแหล่งเดียวกัน ดังนั้นหวังว่าหลังจากเข้าไปที่ นิกายศักดิ์สิทธิ์จี้เต๋า พวกเจ้าจะให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน”

“นิกายศักดิ์สิทธิ์จี้เต๋า มีขนาดใหญ่เป็นอย่างมาก มีอัจฉริยะไร้ทัดเทียมนับไม่ถ้วน แม้ว่า นิกายศักดิ์สิทธิ์ จะมีภูมิหลังที่แข็งแกร่งและทรัพยากรบ่มเพาะพลังมากมาย แต่สิ่งของล้ำค่าบางอย่าง พวกเจ้าก็ยังต้องต่อสู้เพื่อให้ได้รับมันมา!”

“มีเพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะได้ครอบครองทุกสิ่ง และ ผู้อ่อนแอ ก็ย่อมตกเป็นเบี้ยของผู้แข็งแกร่ง ดังนั้น ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะไม่ละความพยายาม และ กลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งในตอนท้ายที่สุด”

“แน่นอนว่าการเข้าสู่นิกายศักดิ์สิทธิ์จะทำให้พวกเจ้าได้รับความสะดวกสบายเป็นอย่างมาก เพียงแต่พวกเจ้าเคยคิดบ้างรึไม่ว่าเหตุใด นิกายศักดิ์สิทธิ์จะต้องจัดการคัดเลือกเหล่าศิษย์ใหม่ทุก ๆ 20 ปี ต่อเนื่องกันมาเป็นเวลาหลายแสนปีเช่นนี้ แล้ว เหตุใด คนในนิกายถึงยังไม่เต็มสักที?”

“โลกนี้ไม่ได้มีอะไรที่มั่นคงและยืนยาวเสมอไป ในความสะดวกสบายเหล่านั้นก็มีวิกฤติมากมายรออยู่ ถ้าเจ้าต้องการที่จะยืนหยัดต่อไป ก็มีแต่จะต้องแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น!”

“จงจำไว้ ยิ่งมีความสามารถมาก ความรับผิดชอบที่ตามมาก็จะยิ่งมากขึ้น!”

ไป๋ตงหลิน ได้ฟังด้วยใบหน้าที่จริงจัง เขารู้สึกว่าสิ่งที่ โหยวเต้าอี้ พูด ได้เผยความจริงของโลกใบนี้แล้ว

สิ่งนี้ทำให้เขานึกถึงการเผชิญหน้าในแม่น้ำนู หลุมดำ ที่ดูเหมือนจะเชื่อมต่อกับต่างโลก และ มีสัตว์ประหลาดที่สามารถฆ่าเขาได้นับพันครั้งเพียงแค่การจ้องมองเพียงครั้งเดียว

และ จากช่วงเวลาที่เขาสัมผัสกับโลกแห่งการบ่มเพาะพลัง เขารู้สึกว่าบรรยากาศของโลกแห่งการบ่มเพาะพลังแตกต่างไปจากที่เขาคิดเอาไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นิกายที่เป็น ‘ดวงตา’ ของนิกายต่าง ๆ ที่แผ่ขยายไปทั่วทุกพื้นที่ในโลก

สิ่งนี้ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงการเป็นทหารอย่างเป็นทางการ

หลักคำสอนของกองทัพคืออะไร?

เข้าร่วมสงคราม ป้องกันการรุกราน และ ปกป้องบ้านเกิด

“พวกเรามาถึงนิกายศักดิ์สิทธิ์จี้เต๋าแล้ว!”

น้ำเสียงของ โหยวเต้าอี้ ได้ขัดจังหวะความคิดของเขา จนทำให้เขาสั่นศีรษะและละทิ้งความคิดเหล่านี้ไป สิ่งเหล่านั้นอยู่ไกลเกินจากเขามากเกินไป และ ตอนนี้ สิ่งแรกที่เขาควรทำหลังจากเข้าสู่นิกายศักดิ์สิทธิ์ ก็คือการฝึกฝนเพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้น

โหยวเต้าอี้ ได้โบกมือขนาดใหญ่ ทันใดนั้น พระราชวังทองสัมฤทธิ์ก็กลายเป็นสีใส ฉากตรงหน้าของพวกเขา ได้ปรากฏ นิกายจี้เต๋าขนาดใหญ่ในทันที

ไป๋ตงหลิน รู้สึกตะลึงงัน เขามองเห็น ร่างขนาดใหญ่ทั้งสามจากระยะไกล พวกเขากำลังนั่งไขว่ห้างอยู่บนพื้น

แม้ว่าพวกเขากำลังจะนั่งไขว่ห้างอยู่ แต่ท่อนบนของพวกเขากลับทะลุผ่านชั้นเมฆ แม้แต่พวกเขาที่นั่งอยู่บนพระราชวังทองสัมฤทธิ์ ก็ยังมองไม่เห็นส่วนบนของร่างขนาดใหญ่นี้ได้จนหมดเลย

ท้องฟ้าของโลกนี้สูงมาก และ ชั้นเมฆ ก็สูงมากเช่นเดียวกัน โดยปกติแล้ว มันจะมีความสูงหลายหมื่นฟุต

ไป๋ตงหลิน ได้ประเมินในใจ ร่างยักษ์ทั้งสามคนี้สมควรมีความสูงถึง 100,000 ฟุต

ร่างยักษ์ที่มีความสูงเกือบ 100,000 ฟุต!

ไป๋ตงหลิน ที่นั่งอยู่ในพระราชวังทองสัมฤทธิ์ เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่ดุร้ายพุ่งเข้าใส่ใบหน้าของเขา

คนเหล่านี้ล้วนบ่มเพาะพลังกาย? นี่คือเบื้องหลัง หรือผู้ที่มีอิทธิพลของ นิกายศักดิ์สิทธิ์จี้เต๋า?

หลังจากมองไปที่ เหล่าเด็กน้อยที่กำลังตกตะลึง โหยวเต้าอี้ ก็ยิ้มเล็กน้อย จากนั้นเขาก็อธิบายออกมา :

“ทั้งสามคนเป็นบรรพบุรุษของนิกายศักดิ์สิทธิ์จี้เต๋าที่มีชีวิตอยู่ตั้งแต่สมัยโบราณ พวกเขาทุกคนล้วนเป็นผู้ปลูกฝังพลังเหนือธรรมชาติ ที่เกี่ยวข้องกับ สวรรค์และปฐพี หลังจากที่วิญญาณถูกทำลาย พวกเขาก็บริจาคร่างกายให้กับ นิกายศักดิ์สิทธิ์จี้เต๋า จนพวกเขาได้กลายเป็นหุ่นเชิดสงคราม และ คอยปกป้องนิกายศักดิ์สิทธิ์จี้เต๋าจากการรุกรานต่าง ๆ!”

ทุกคนได้แสดงความเคารพ เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด ดูเหมือนว่าบรรพบุรุษเหล่านี้ก็ต้องการให้ซากศพของพวกเขา ปกป้องนิกาย หลังจากที่ตายไป

ในเวลาเดียวกัน หลายคนก็รู้สึกทึ่งในใจ บรรพบุรุษเหล่านี้มีความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดา หลังจากตายไป พวกเขาก็ยังต้องการที่จะปกป้องบางสิ่งที่พวกเขารัก

รอบ ๆ ยักษ์ทั้งสามนี้มียอดเขาจำนวนนับไม่ถ้วน ซึ่งยอดเขาหลายแห่งได้ทะลุผ่านชั้นเมฆโดยตรง และ ดูเหมือนจะเป็นสถานที่ที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าร่างของ ยักษ์เหล่านี้

ในพื้นที่เหล่านั้น มีอาคารที่หนาแน่น ปรากฏนับไม่ถ้วน และยังมีอีกหลายพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็น พื้นที่สี่เหลี่ยม รูปปั้นหินขนาดใหญ่ ป่าไร้สิ้นสุด ทุ่งหญ้า ฟาร์มเลี้ยงสัตว์…

นิกายศักดิ์สิทธิ์จี้เต๋า นั้นใหญ่เกินไป และ ด้วยพระราชวังทองสัมฤทธิ์ที่ลอยอยู่บนฟ้า ทำให้ ไป๋ตงหลิน และ คนอื่น ๆ สามารถมองดูได้เพียงแค่ปลายภูเขาน้ำแข็งเพียงเท่านั้น

ยังมีพื้นที่จำกัดจำนวนมากที่ปกคลุมไปด้วยชั้นหมอกที่ทำให้ไม่สามารถมองผ่านได้

นิกายศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ตั้งอยู่บนดินแดนรกร้างมาอย่างยาวนานหลายปี ไม่รู้ว่ามีกี่ตำนานที่ปรากฏขึ้น มีกี่ชีวิตที่ต้องมอดดับแล้วเกิดใหม่ แต่ทว่า ปีกอันกล้าแกร่งของพวกเขา กลับไม่เคยถูกถอดถอนออกไปเลยแม้แต่น้อย

โดยไม่ต้องรอให้ ไป๋ตงหลิน และ คนอื่น ๆ เฝ้าดูอย่างระวัง พระราชวังทองสัมฤทธิ์ ได้ค่อย ๆ ร่อนลงในเวลานี้

หลังจากที่พระราชวังทองสัมฤทธิ์ร่อนลง มันก็กลายเป็นแสงสว่างวาบ และ ทุกคนก็ปรากฏตัวขึ้นที่ลานจัตุรัส

พวกเขาได้มาถึงนิกายศักดิ์สิทธิ์จี้เต๋าแล้ว!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด